xs
xsm
sm
md
lg

แฉ"อำนวย"ล่าชื่อ ตร.พวกแม้ว ศาลรู้ทันไม่รับคดีฟ้อง9ป.ป.ช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“อำนวย นิ่มมะโน”ยังไม่หยุดขัดขวางป.ป.ช.สอบ 7 ตุลาเลือด ล่าสุด ส่งหนังสือถึงนายกสมาคมตำรวจพวก "แม้ว" ล่ารายชื่อตำรวจยื่นถอดถอน ป.ป.ช.พ้นตำแหน่ง อ้าง คปค.แต่งตั้งมิชอบ ขณะที่นายกสมาคมตำรวจ เพื่อน"สล้าง"อดีตเคลื่อนไหวให้ตำรวจเลือกทักษิณ ด้านคดีฟ้อง ป.ป.ช.ศาลไม่รับฟ้อง อ้างคดีไม่ครบองค์ประกอบความผิด ด้านป.ป.ช.ยกเลิกอนุกรรมการไต่สวน 7 ตุลาฯ ใช้กรรมการชุดใหญ่ คุมเอง

วานนี้ (13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ตำรวจใช้อาวุธและแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเดินทางไปปิดล้อมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 เพื่อไม่ให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แถลงนโยบาย จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านพ้นไป คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่มีนายสุรสีห์ โกศลนาวิน เป็นประธาน ได้สรุปผลการสอบสวน และส่งสำนวนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการสั่งการสลายการชุมนุมดังกล่าว โดยมีทั้งนักการเมือง และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องหลายนายเข้าข่ายมีความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติและ/หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 295, 297, 288, 289, 83 อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ฯลฯ

ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตรฯ ก็เตรียมดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ หากป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวน และชี้มูลความผิดกับนักการเมืองและนายตำรวจทั้งหมดแล้ว จะส่งผลให้นายตำรวจทั้งหมดต้องถูกให้ออกจากราชการ จึงทำให้มีนายตำรวจบางนาย พยายามหาช่องทางให้พ้นผิดจากกรณีดังกล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้พล.ต.ต.อำนวย ได้ทำหนังสือไม่ระบุวันที่ เดือนม.ค.52 ถึงนายกสมาคมตำรวจ (พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์) เรื่องขอให้กรรมการ ป.ป.ช.พ้นจากตำแหน่ง

โดยเนื้อหาของหนังสือระบุว่า เนื่องด้วยในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ปรากฎข้อเท็จจริงว่าคณะกรรมการป.ป.ช.ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามประกาศคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค) มีคุณสมบัติและสถานภาพไม่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการปฎิบัติหน้าที่ขาดความเที่ยงธรรม มีการกระทำอันเป็นการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และการกระทำที่เป็นการเสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งอย่างร้ายแรง อันเข้าข่ายที่จักได้มีการดำเนินการเพื่อมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง ตามนัยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 248 ดังนี้

1.ประกาศ คปค.ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 ก.ย.49 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการป.ป.ช. มิได้กำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ช.ได้รับยกเว้นขั้นตอนการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด แม้จะได้มีประกาศ คปค. ฉบับที่ 31 ลงวันที่ 30 ก.ย.49 ให้ถือว่าคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 19 ได้รับการสรรหาและแต่งตั้งโดยชอบตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ก็หามีผลให้การออกประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการป.ป.ช. ที่มิชอบด้วยกฎหมายไปแล้ว เป็นการแต่งตั้งชอบด้วยกฎหมาย และมีผลย้อนหลังแต่ประการใดไม่ ซึ่งได้มีการทักท้วงจากหลายฝ่ายแล้ว โดยปรากฎตามสื่อมวลชน แต่คณะกรรมการป.ป.ช. ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด อันเป็นการจูงใจฝ่าฝืนกฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง โดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่

2. การได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น เมื่อคณะกรรมการป.ป.ช. ยังมิได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง จึงย่อมไม่มีสิทธิได้รับผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ จากการปฏิบัติหน้าที่

**กล่าวหา ป.ป.ช.เลือกปฎิบัติ

3.การเลือกปฏิบัติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยเร่งรีบพิจารณาในบางเรื่องโดยเฉพาะในเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น การชุมนุมและเกิดการปะทะกันของผู้ชุมนุม 2 ฝ่าย ที่จ.อุดรธานี โดยชี้มูลกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ชี้มูลกรณี พงส.สภ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา เสนอขอหมายจับนายสุนัย มโนมัยอุดม ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การชี้มูลดำเนินการทางวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณห้างเซ็นทรัลเวิลด์ หรือดำเนินการเพื่อชี้มูลกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีการชุมนุมบริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ทั้ง ๆ ที่มีเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการและคั่งค้างการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่หลายเรื่อง เช่น กรณีกล่าวหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ และการก่อสร้างบ้านพักมูลค่า 40 ล้านบาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับไม่เร่งรีบดำเนินการ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะดำเนินการพิจารณาเรื่องใด ควรเป็นไปตามลำดับก่อนหลังของเรื่องที่ได้รับไว้ เพราะย่อมถือว่าทุกเรื่องมีความสำคัญเท่าเทียมกันในอันที่จะตรวจสอบ

4.การออกแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนในลักษณะเป็นการชี้นำแสดงความเห็น ในเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิด ทั้ง ๆ ที่ยังมิได้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงตามกฎหมายและระเบียบก่อนดังเช่นกรณีการออกมาชี้มูลความผิดกรณีการชุมนุมบริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ได้ออกแถลงข่าวก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง พร้อมแสดงความเห็นในทำนองชี้มูลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา

5.คุณสมบัติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ โดยต้องไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งหาผลกำไร หรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ได้รับจ้างเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยศรีปทุม จึงย่อมเป็นผลให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.

ข้าพเจ้ากับพวกจึงขอใช้สิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภา (ผ่าน สมาคมตำรวจ) เพื่อนำเสนอเรื่องต่อวุฒิสภา พิจารณามีมติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. และ กรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่งตามนัย มาตรา 248 แห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และได้ลงลายมือชื่อพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วยแล้ว

**พบ"วิสุทธิ์"เคยเคลื่อนไหวเพื่อทักษิณ

พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ นายกสมาคมตำรวจ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ (รองอ.ตร.) เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 14 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ภายหลังเกษียณอายุราชการ เข้าไปมีบทบาทในฐานะ นายกสมาคมตำรวจ โดยออกมารณรงค์ให้ตำรวจทั่วประเทศ ด้วยการทำหนังสือถึง ผู้กำกับทุกโรงพักทั่วประเทศให้เลือกพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อสมัยที่ 2 ในวันเลือกตั้งที่ 2 เม.ย.49 อย่างเปิดเผย เพื่อสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

นอกจากนี้ เมื่อครั้งพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.กิตติวัฒน์ ในฐานะนายกสมาคมตำรวจ ได้ชักชวนอดีตบิ๊กตำรวจ ทั้งอดีตอ.ตร. และอดีตรอง อ.ตร.หลายนาย ออกมาคัดค้าน การปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ขณะนั้นมีกระแสข่าวว่า จะถูกโอนย้ายให้ไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมด้วย

ต่อมา เมื่อเหตุการณ์ สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของตำรวจเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ที่หน้ารัฐสภา จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้น พล.ต.อ.วิสุทธิ์ ในฐานะนายกสมาคมตำรวจ ได้ออกแถลงการณ์ระบุใจความว่าสมาคมตำรวจขอแสดงความเสียใจต่อเหตุเผชิญหน้ากันทั้ง 2 ฝ่าย จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แม้จะไม่สนับสนุนความรุนแรง แต่ขอสนับสนุนการรักษากฎหมายของบ้านเมือง ซึ่งแสดงถึงความเป็นนิติรัฐ ส่วนมาตราการและขั้นตอนของตำรวจในการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อเปิดทางให้กับคณะรัฐบาลและสมาชิกรัฐสภาเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุบานปลาย และรุนแรงยิ่งขึ้นที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ในช่วงเย็นและค่ำของวันเดียวกันนั้น เป็นมาตราการที่เหมาะสมแก่สถานการณ์ดังกล่าว

**"อำนวย"แห้วศาลไม่รับคดีฟ้อง ป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่าเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งไม่รับฟ้อง คดีที่พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. มอบอำนาจ ให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช , นายกล้านรงค์ จันทิก , นายใจเด็ด พรไชยา , นายประสาท พงษ์ศิวาภัย , นายภักดี โพธิศิริ , นายเมธี ครองแก้ว , นายวิชา มหาคุณ , นายวิชัย วิวิตเสวี และน.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ซึ่งเป็น ป.ป.ช. เป็นจำเลย ที่ 1- 9 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่ป.ป.ช. แต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีสั่งให้ตำรวจสลายการชุมนุมพื้นที่หน้าบริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ไม่ชอบ ไม่ยุติการไต่สวน ทั้งที่ศาลอาญาได้รับฟ้อง คดีที่นายสิทธิพร โพธิโสดา ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) , พล.ต.อ.พัชรวาท ผบ.ตร. , พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุชาติ ผบช.น. และพล.ต.ต.อำนวย เป็นจำเลยที่ 1-5 ต่อศาลอาญาคดีหมายเลขดำที่ อ.4142 /2551 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแล้วซึ่งประเด็นเดียวกับข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช. ไต่สวน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 86 บัญญัติ ห้ามไม่ให้ ป.ป.ช.รับคำกล่าวหาที่เกี่ยวกับเรื่องที่ศาลรับฟ้องในประเด็นเดียวกัน

คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น. อย่างไรก็ดี เมื่อศาลนำคำฟ้องมาตรวจพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีไม่ครบองค์ประกอบความผิด จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องและงดการไต่สวนมูลฟ้องดังกล่าว ขณะที่นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความโจทก์ กล่าวว่า เตรียมจะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป

**ป.ป.ช.ใช้กก.ชุดใหญ่คุมไต่สวนเอง

นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผย ภายหลังประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในคดีเหตุสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. และมีมติให้ยกเลิกคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยให้คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ทั้งคณะเข้ามาทำหน้าที่แทน โดยมีตนเป็นประธาน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาเกี่ยวข้องและมีนายตำรวจระดับสูงหลายคนที่อาจเข้ามามีส่วนในเหตุการณ์ดังกล่าว อีกทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน

"การให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่เข้ามาทำหน้าที่ ถือว่าจะได้มีอำนาจเต็มในการเรียกบุคคลเข้ามาให้ข้อมูล คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน และในวันพรุ่งนี้ (14ม.ค.) เวลา 09.30 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าให้ข้อมูลกับป.ป.ช.ด้วย" นายวิชากล่าว

อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.จะใช้สำนวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่สรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว มาเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบด้วย

ส่วนกรณีที่พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยื่นฟ้องป.ป.ช.ว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากศาลรับคำร้องไว้แล้ว นายวิชา กล่าวว่าทราบมาว่าศาลได้ยกคำร้องเรื่องดังกล่าวไปแล้วป.ป.ช.จึงมีอำนาจเต็มในการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่านายตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องอ้างว่า ได้รับคำสั่งจากฝ่ายการเมืองให้ปฏิบัติหน้าที่ จะเอาผิดกับนายตำรวจด้วยหรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ป.ป.ช.ต้องดูขอบเขตการปฏิบัติงานเป็นหลัก ซึ่งหากเกี่ยวข้องกับใคร บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า การที่ถูกโทรศัพท์ข่มขู่ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องใช้ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เข้ามาทำหน้าที่ไต่สวนเรื่องดังกล่าวใช่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่าถือเป็นความหวังดีของกรรมการหลายคนที่เป็นห่วง จึงต้องเสนอให้มีการใช้ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ดูสำนวน และส่วนของอดีตนายกรัฐมนตรี ป.ป.ช.จะยังไม่เชิญมาให้ข้อมูล แต่เปิดโอกาสให้เข้ามาชี้แจงเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น