เอเอฟพี – เจ้าชายแฮร์รี รัชทายาทลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ วัย 24 ชันษา ตรัสขอโทษกรณีมีพระดำรัสในเชิงเหยียดผิว หลังจากหนังสือพิมพ์ฉบับวันอาทิตย์(11)ของแดนผู้ดี รายงานว่าพระองค์ทรงเรียกเพื่อนนักเรียนนายร้อยคนหนึ่งว่า “ปากี” และทรงเรียกอีกคนว่า “แขกโพกหัว” ในระหว่างที่ทรงถ่ายวิดีโอส่วนพระองค์เมื่อสองปีก่อน
หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ล ได้นำภาพจากวิดีโอดังกล่าวเข้าไปโพสต์ในเว็บไซต์ของตน โดยบอกว่าเป็นวิดีโอที่เจ้าชายแฮร์รีทรงถ่ายทำเมื่อปี 2006 เมื่อครั้งที่ยังทรงเป็นนักเรียนนายร้อย
วิดีโอเริ่มต้นด้วยภาพขณะที่เจ้าชายแฮร์รีทรงอยู่กับหมวดทหารที่สนามบินระหว่างรอออกเดินทางไปฝึกภาคสนามที่ไซปรัส พระองค์ทรงถ่ายวิดีโอไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เพื่อนนักเรียนนายร้อยบางคนยังนั่งหลับโงกอยู่ จากนั้นทรงจับภาพไปที่นักเรียนนายร้อยเชื้อสายเอเชียคนหนึ่งแล้วตรัสว่า “มีใครอยู่แถวนี้บ้างมั้ย? อ้า ... มีเจ้าปากีน้อยอยู่นี่ไง อาเหม็ด”
ท้งนี้ “ปากี” เป็นคำเรียกชาวอินเดียหรือปากีสถานซึ่งมีนัยไปในทางเหยียดผิว
ราชวงศ์อังกฤษได้ออกแถลงการณ์ขออภัยเรื่องนี้ทันที แต่ก็ยืนยันว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวคำดังกล่าวออกไปโดยไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายใดๆ
“เจ้าชายแฮร์รีทรงเข้าพระทัยดีว่าคำพูดดังกล่าวเป็นคำพูดที่รุนแรงบาดหูเพียงใด และทรงเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งหากคำพูดของพระองค์ทำให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวขึ้น” โฆษกของสำนักพระราชวังกล่าว “อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน และเจ้าชายก็ทรงใช้คำดังกล่าวไปโดยไม่ได้ทรงมีเจตนามุ่งร้าย และนั่นก็เป็นชื่อเล่นของสมาชิกผู้ซึ่งเป็นที่นิยมรักใคร่ของเพื่อนๆ ในหน่วยทหารที่ทรงประจำอยู่ ดังนั้นพระองค์จึงไม่ได้ทรงกระทำสิ่งที่เป็นการดูถูกดูหมิ่นพระสหายแต่อย่างใด”
ในรายงานยังระบุด้วยว่า เจ้าชายแฮร์รีได้ใช้คำว่า “แขกโพกหัว” (raghead) ด้วย ซึ่งคำพูดดังกล่าวนี้เป็นคำที่ใช้เหยียดชาวอาหรับ
โดยคราวนี้ พระองค์กำลังทรงถ่ายวิดีโอเช่นกัน แต่เมื่อทรงจับภาพไปยังนักเรียนนายร้อยอีกคนหนึ่งซึ่งมีตาข่ายปลอมอยู่บนศีรษะ นักเรียนนายร้อยคนดังกล่าวก็จ้องมองที่เลนส์กล้อง เจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวว่า “นี่นายแดน ... ให้ตายเหอะ นายเหมือนพวกแขกโพกหัวเลย”
โฆษกของสำนักพระราชวังบอกว่า “เจ้าชายแฮร์รีทรงใช้คำว่า ‘แขกโพกหัว’ ในความหมายถึงพวกตอลิบานและพวกก่อความไม่สงบชาวอิรัก”
ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว เจ้าชายแฮร์รีทรงเข้าประจำการในหน่วยทหาร ที่มีการสู้รบกับกองกำลังตอลิบานในอัฟกานิสถาน แต่ต่อมาทรงถูกเรียกตัวกลับอังกฤษก่อนกำหนดเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่มีข่าวแพร่ทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับการออกประจำการของพระองค์
ทางด้านคณะกรรมาธิการด้านความเท่าเทียมและสิทธิมนุษยชนของอังกฤษระบุว่าคำพูดในเชิงเหยียดผิวของเจ้าชายแฮร์รีนั้น “ดูจะเป็นข้อกล่าวหาที่ทำให้เกิดความกังวลใจ” ดังนั้นคณะกรรมาธิการฯ จะสอบถามไปยังกระทรวงกลาโหมเพื่อขอตรวจสอบหลักฐานและขอรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการจัดการกับกรณีดังกล่าว
ส่วนโฆษกหญิงของกระทรวงกลาโหมก็ได้ออกมากล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือหน่วยรบต่างก็จะไม่อดทนกับพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม”แต่เราไม่เคยได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้จากบุคคลใด (หมายถึงนักเรียนนายร้อยที่ชื่อ “อาเหม็ด) เลย”
เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นพระโอรสองค์เล็กของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานาผู้ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว พระองค์ทรงเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าจากโรคเอดส์และเด็กยากจนอยู่บ่อยครั้ง ทว่าก็ทรงตกเป็นข่าวอื้อฉาวเรื่อยมาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีทรงสูบกัญชาเมื่อยังวัยรุ่น กรณีชกต่อยกับช่างภาพปาปาราสซีที่หน้าไนต์คลับแห่งหนึ่ง หรือกรณีที่ทรงสวมเครื่องหมายสวัสดิกะของนาซีในงานแฟนซีปาร์ตี้งานหนึ่งเมื่อปี 2005 จนทำให้พระองค์ต้องออกมากล่าวคำขอโทษทางสื่อมวลชน ทว่าในระยะหลังได้ทรงพยายามปรับปรุงภาพลักษณ์ส่วนพระองค์ให้ดีขึ้น หลังจากที่ทรงได้ชื่อว่าเป็น “เจ้าชายเพลย์บอย”
หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ล ได้นำภาพจากวิดีโอดังกล่าวเข้าไปโพสต์ในเว็บไซต์ของตน โดยบอกว่าเป็นวิดีโอที่เจ้าชายแฮร์รีทรงถ่ายทำเมื่อปี 2006 เมื่อครั้งที่ยังทรงเป็นนักเรียนนายร้อย
วิดีโอเริ่มต้นด้วยภาพขณะที่เจ้าชายแฮร์รีทรงอยู่กับหมวดทหารที่สนามบินระหว่างรอออกเดินทางไปฝึกภาคสนามที่ไซปรัส พระองค์ทรงถ่ายวิดีโอไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เพื่อนนักเรียนนายร้อยบางคนยังนั่งหลับโงกอยู่ จากนั้นทรงจับภาพไปที่นักเรียนนายร้อยเชื้อสายเอเชียคนหนึ่งแล้วตรัสว่า “มีใครอยู่แถวนี้บ้างมั้ย? อ้า ... มีเจ้าปากีน้อยอยู่นี่ไง อาเหม็ด”
ท้งนี้ “ปากี” เป็นคำเรียกชาวอินเดียหรือปากีสถานซึ่งมีนัยไปในทางเหยียดผิว
ราชวงศ์อังกฤษได้ออกแถลงการณ์ขออภัยเรื่องนี้ทันที แต่ก็ยืนยันว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวคำดังกล่าวออกไปโดยไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายใดๆ
“เจ้าชายแฮร์รีทรงเข้าพระทัยดีว่าคำพูดดังกล่าวเป็นคำพูดที่รุนแรงบาดหูเพียงใด และทรงเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งหากคำพูดของพระองค์ทำให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวขึ้น” โฆษกของสำนักพระราชวังกล่าว “อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน และเจ้าชายก็ทรงใช้คำดังกล่าวไปโดยไม่ได้ทรงมีเจตนามุ่งร้าย และนั่นก็เป็นชื่อเล่นของสมาชิกผู้ซึ่งเป็นที่นิยมรักใคร่ของเพื่อนๆ ในหน่วยทหารที่ทรงประจำอยู่ ดังนั้นพระองค์จึงไม่ได้ทรงกระทำสิ่งที่เป็นการดูถูกดูหมิ่นพระสหายแต่อย่างใด”
ในรายงานยังระบุด้วยว่า เจ้าชายแฮร์รีได้ใช้คำว่า “แขกโพกหัว” (raghead) ด้วย ซึ่งคำพูดดังกล่าวนี้เป็นคำที่ใช้เหยียดชาวอาหรับ
โดยคราวนี้ พระองค์กำลังทรงถ่ายวิดีโอเช่นกัน แต่เมื่อทรงจับภาพไปยังนักเรียนนายร้อยอีกคนหนึ่งซึ่งมีตาข่ายปลอมอยู่บนศีรษะ นักเรียนนายร้อยคนดังกล่าวก็จ้องมองที่เลนส์กล้อง เจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวว่า “นี่นายแดน ... ให้ตายเหอะ นายเหมือนพวกแขกโพกหัวเลย”
โฆษกของสำนักพระราชวังบอกว่า “เจ้าชายแฮร์รีทรงใช้คำว่า ‘แขกโพกหัว’ ในความหมายถึงพวกตอลิบานและพวกก่อความไม่สงบชาวอิรัก”
ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว เจ้าชายแฮร์รีทรงเข้าประจำการในหน่วยทหาร ที่มีการสู้รบกับกองกำลังตอลิบานในอัฟกานิสถาน แต่ต่อมาทรงถูกเรียกตัวกลับอังกฤษก่อนกำหนดเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่มีข่าวแพร่ทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับการออกประจำการของพระองค์
ทางด้านคณะกรรมาธิการด้านความเท่าเทียมและสิทธิมนุษยชนของอังกฤษระบุว่าคำพูดในเชิงเหยียดผิวของเจ้าชายแฮร์รีนั้น “ดูจะเป็นข้อกล่าวหาที่ทำให้เกิดความกังวลใจ” ดังนั้นคณะกรรมาธิการฯ จะสอบถามไปยังกระทรวงกลาโหมเพื่อขอตรวจสอบหลักฐานและขอรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการจัดการกับกรณีดังกล่าว
ส่วนโฆษกหญิงของกระทรวงกลาโหมก็ได้ออกมากล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือหน่วยรบต่างก็จะไม่อดทนกับพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม”แต่เราไม่เคยได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้จากบุคคลใด (หมายถึงนักเรียนนายร้อยที่ชื่อ “อาเหม็ด) เลย”
เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นพระโอรสองค์เล็กของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานาผู้ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว พระองค์ทรงเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าจากโรคเอดส์และเด็กยากจนอยู่บ่อยครั้ง ทว่าก็ทรงตกเป็นข่าวอื้อฉาวเรื่อยมาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีทรงสูบกัญชาเมื่อยังวัยรุ่น กรณีชกต่อยกับช่างภาพปาปาราสซีที่หน้าไนต์คลับแห่งหนึ่ง หรือกรณีที่ทรงสวมเครื่องหมายสวัสดิกะของนาซีในงานแฟนซีปาร์ตี้งานหนึ่งเมื่อปี 2005 จนทำให้พระองค์ต้องออกมากล่าวคำขอโทษทางสื่อมวลชน ทว่าในระยะหลังได้ทรงพยายามปรับปรุงภาพลักษณ์ส่วนพระองค์ให้ดีขึ้น หลังจากที่ทรงได้ชื่อว่าเป็น “เจ้าชายเพลย์บอย”