“สมชาย” ไม่สนสังคม สั่งปลด “พัชรวาท” ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้ง “ปทีป” รักษาการแทน มีผลวันนี้เป็นต้นไป อ้างไม่ปราบพันธมิตรฯ ขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสำนักนายรัฐมนตรี ที่ 305/2551 ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)มาปฎิบัติงานสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนของสังกัดเดิมไปก่อนและให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เจรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวระบุว่า “คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ความว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และมาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนจากสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสิรฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 ลงชื่อ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี”
มีรายงานว่า สำหรับเหตุผลการสั่งโยกย้าย ผบ.ตร.ในครั้งนี้ เหตุผลหลักน่าจะมาจากกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่สนองนโยบายรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ขั้นเด็ดขาด ปล่อยให้มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว สนามบินดอนเมือง ขณะเดียวกันการแต่งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว.วาระประจำปี ที่ผ่านมา นายตำรวจหลายนายซึ่งเป็นเด็กเส้นสายนักการเมืองพรรคพลังประชาชน ไม่ได้รับการแต่งตั้ง โดยเฉพาะสาย “เจ๊แดง” ซึ่งสาเหตุทั้งสองข้อที่กล่าวมาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกสั่งให้ช่วยราชการ ทั้งที่ยังเหลืออายุราชการเกือบ 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลัง ผบ.ตร.ถูกสั่งให้ไปช่วยราชการว่า ทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.อ.ปทีป ไม่อยู่ภายในสำนักงาน ผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน ซึ่งได้รับแจ้งว่าทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.อ.ปทีป ไปราชการข้างนอก
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นน้องชายสายเลือดเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเกือบทั้งคณะ เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2492 เป็นคนบางกะปิ กรุงเทพฯ เรียนเตรียมทหารรุ่น 9 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 25 บรรจุที่กองกำกับการสนับสุนนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (กก.สอ.ตชด.) โยกเป็นรองสารวัตรที่กองทะเบียน แล้วย้ายมาดูงานกำลังพลที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ก่อนขึ้นเป็นผู้กำกับการและรองผู้บังคับการที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง เป็นผู้บังคับการกองพลาธิการ เป็นผู้ช่วย ผบช.ก. เป็นรอง ผบช.ภ.3 แล้วเลื่อนยศเป็น พล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำ ตร.ก่อนเป็น ผบช.สันติบาล เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ทำหน้าที่ที่ปรึกษา บก.สส.และขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.ในปี พ.ศ.2548 ดูแลงานด้านบริหาร ก่อนสลับมาคุมงานด้านป้องกันปราบปรามเมื่อตุลาคม 2549 ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ารักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 29 ก.พ.2551 แทนพล.ตงอ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวช
ในส่วนของ พล.ต.อ.ปทีปนั้น จบนักเรียนนายตำรวจรุ่น 25 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ โดยจะเกษียณอายุราชการปี 2553 เริ่มต้นชีวิตราชการใน บช.ตชด. เป็นรองสารวัตรประจำแผนกทะเบียนพล สำนักเลขานุการตำรวจ และย้ายมาทำงานด้านกำลังพล ก่อนเป็นนายเวรผู้บังคับการ กองบังคับการอำนวยการ บช.ภ.1 และขึ้นสารวัตรมาทำงานด้านปราบปราม เป็นสารวัตรฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.อ.เมือง ปทุมธานี จากนั้นโยกมาทำงานในกองกำลังพลจนเป็นผกก.ฝ่ายวิเคราะห์และกำหนดตำแหน่ง กองกำลังพล ตามด้วย รอง ผบก.กองสวัสดิการ ก่อนติดยศ พล.ต.ต.เป็น ผบก.อก.สนง.วิทยาการตำรวจ แล้วโยกเป็น ผบก.กองงบประมาณ ดูแลดานการเงินและบริหารจัดการงบฯ
ต่อมา ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผบช.ที่สำนักงานแผนงานและงบประมาณ เป็นรองผบช.สำนักงานกำลังพล เป็นรองผบช.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และขึ้นเป็น ผบช.สำนักงานแผนงานและงบประมาณ ติดยศ พล.ต.ท. ปี พ.ศ.2545 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.แล้วขึ้นเป็นที่ปรึกษาสบ.10 ติดยศ พล.ต.อ.ในปี 2548 ก่อนเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะมาเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในครั้งนี้
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสำนักนายรัฐมนตรี ที่ 305/2551 ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)มาปฎิบัติงานสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนของสังกัดเดิมไปก่อนและให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เจรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวระบุว่า “คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ความว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และมาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนจากสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสิรฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 ลงชื่อ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี”
มีรายงานว่า สำหรับเหตุผลการสั่งโยกย้าย ผบ.ตร.ในครั้งนี้ เหตุผลหลักน่าจะมาจากกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่สนองนโยบายรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ขั้นเด็ดขาด ปล่อยให้มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว สนามบินดอนเมือง ขณะเดียวกันการแต่งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว.วาระประจำปี ที่ผ่านมา นายตำรวจหลายนายซึ่งเป็นเด็กเส้นสายนักการเมืองพรรคพลังประชาชน ไม่ได้รับการแต่งตั้ง โดยเฉพาะสาย “เจ๊แดง” ซึ่งสาเหตุทั้งสองข้อที่กล่าวมาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกสั่งให้ช่วยราชการ ทั้งที่ยังเหลืออายุราชการเกือบ 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลัง ผบ.ตร.ถูกสั่งให้ไปช่วยราชการว่า ทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.อ.ปทีป ไม่อยู่ภายในสำนักงาน ผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน ซึ่งได้รับแจ้งว่าทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.อ.ปทีป ไปราชการข้างนอก
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นน้องชายสายเลือดเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเกือบทั้งคณะ เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2492 เป็นคนบางกะปิ กรุงเทพฯ เรียนเตรียมทหารรุ่น 9 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 25 บรรจุที่กองกำกับการสนับสุนนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (กก.สอ.ตชด.) โยกเป็นรองสารวัตรที่กองทะเบียน แล้วย้ายมาดูงานกำลังพลที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ก่อนขึ้นเป็นผู้กำกับการและรองผู้บังคับการที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง เป็นผู้บังคับการกองพลาธิการ เป็นผู้ช่วย ผบช.ก. เป็นรอง ผบช.ภ.3 แล้วเลื่อนยศเป็น พล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำ ตร.ก่อนเป็น ผบช.สันติบาล เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ทำหน้าที่ที่ปรึกษา บก.สส.และขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.ในปี พ.ศ.2548 ดูแลงานด้านบริหาร ก่อนสลับมาคุมงานด้านป้องกันปราบปรามเมื่อตุลาคม 2549 ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ารักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 29 ก.พ.2551 แทนพล.ตงอ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวช
ในส่วนของ พล.ต.อ.ปทีปนั้น จบนักเรียนนายตำรวจรุ่น 25 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ โดยจะเกษียณอายุราชการปี 2553 เริ่มต้นชีวิตราชการใน บช.ตชด. เป็นรองสารวัตรประจำแผนกทะเบียนพล สำนักเลขานุการตำรวจ และย้ายมาทำงานด้านกำลังพล ก่อนเป็นนายเวรผู้บังคับการ กองบังคับการอำนวยการ บช.ภ.1 และขึ้นสารวัตรมาทำงานด้านปราบปราม เป็นสารวัตรฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.อ.เมือง ปทุมธานี จากนั้นโยกมาทำงานในกองกำลังพลจนเป็นผกก.ฝ่ายวิเคราะห์และกำหนดตำแหน่ง กองกำลังพล ตามด้วย รอง ผบก.กองสวัสดิการ ก่อนติดยศ พล.ต.ต.เป็น ผบก.อก.สนง.วิทยาการตำรวจ แล้วโยกเป็น ผบก.กองงบประมาณ ดูแลดานการเงินและบริหารจัดการงบฯ
ต่อมา ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผบช.ที่สำนักงานแผนงานและงบประมาณ เป็นรองผบช.สำนักงานกำลังพล เป็นรองผบช.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และขึ้นเป็น ผบช.สำนักงานแผนงานและงบประมาณ ติดยศ พล.ต.ท. ปี พ.ศ.2545 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.แล้วขึ้นเป็นที่ปรึกษาสบ.10 ติดยศ พล.ต.อ.ในปี 2548 ก่อนเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะมาเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในครั้งนี้