กกต.เตรียมออกระเบียบจัดการเสื้อแดงป่วนเลือกตั้ง หวังคุ้มครองประชาชนผู้ไปใช้สิทธิ์ “สุเมธ” โยนให้เป็นหน้าที่ของรัฐดูแล แต่ถ้าทำผิดกม.เลือกตั้งก็พร้อมจัดการ “ประพันธ์” คาด 3 ทุ่มรู้ผลเลือกตั้งซ่อม ขณะที่เสื้อแดงปทุมฯ ขึ้นรถผู้สมัคร ส.ส.ปาไข่ใส่ขบวนรถหาเสียงของ “บัญญัติ” ด้าน “อภิสิทธิ์” รับความขัดแย้งทางการเมืองแก้ยาก ต้องใช้เวลา เชื่อความยุติธรรมคือหัวใจสมานฉันฑ์ ญาติ “ยายเนียม” เลื่อนเผาศพมาเป็นวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค.เพื่อรองรับเวลาที่ “อภิสิทธิ์” จะไปร่วมงาน ส.ส.เพื่อไทยอุบลฯ ท้านายกฯไปงานศพมีคนรอรับเพียบแน่
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ขณะนี้กกต. มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการจัดการเลือกตั้งวันที่ 11 ม.ค. โดยในวันที่ 10 ม.ค.จะมีการจ่ายอุปกรณ์การเลือกตั้งให้แก่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ทั้งการเลือกตั้ง ส.ส.และผู้ว่าฯกทม. คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว และขณะนี้ก็เหลือผู้สมัคร ส.ส.จำนวนเพียง 81 คนเท่านั้น คาดว่าผลการนับคะแนนเลือกตั้งส.ส.จะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลา 21.00 น. ซึ่งทางสำนักงานด้านกิจการบริหาร การเลือกตั้งได้กำชับให้ กกต.จังหวัดรายงานผลเข้ามาเป็นระยะ ส่วนการนับคะแนนผู้ว่าฯกทม.โดยจะเป็นการนับคะแนนรวมที่สำนักงานเขต คาดว่าเวลา 22.00 น.จะรู้ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่หน้าหน่วยเลือกตั้งนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังคิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น แม้การชุมนุมก็เป็นการ ใช้สิทธ ตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อแสดงความคิดเห็น แต่การจะทำอะไรที่หน่วยเลือกตั้งอันเป็นเหตุให้ขัดขวางผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนั้นตามกฎหมายมีโทษ ทางอาญา อย่างไรก็ตามก็ได้มีเตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีแผนพิทักษ์เลือกตั้ง และ กกต.ก็มีแผนเตรียมไว้เหมือนกัน หากเกิดเหตุก็พร้อมจะดำเนินการ
"ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคนไทยมีวิจารณญาณ จึงไม่น่าจะมีเหตุการณ์ในลักษณะที่กังวลกัน และการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งส.ส.กระจายทั่วประเทศ และเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ด้วย ดังนั้นภาพดังกล่าวที่จะออกตามสื่อต่างๆ ก็คิดว่า อยากให้การเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค.เป็นไปโดยความเรียบร้อยโดยประชาชนออกมา ใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วยความสงบเรียบร้อย ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ ซึ่งอยาก ขอให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มาก เพื่อประชาธิปไตยของเราเดินหน้าไปและปรากฎเป็นภาพให้สังคมโลกได้เห็น"
ส่วนกรณีการประเมินผลของ สนช.ว่าเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ทางพรรคร่วมรัฐบาลจะได้ที่นั่งมากกว่าฝ่ายค้านนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ห้ามเรื่องการทำ โพล เพียงแต่จะต้องไม่นำมาเปิดเผยในช่วง 7 วันก่อนปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 15.00 น.ของวันที่ 11 ม.ค. ดังนั้นไม่ว่าหน่วยงานใดจะจัดทำผลสำรวจก็ขอให้อย่าเปิดเผย จนถึงช่วงเวลาดังกล่าว เพราะจะทำให้ผิดพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และส.ว. มาตรา 150 ซึ่งจะมีโทษอาญาจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 6,000 บาท ส่วนจะเป็นการชี้นำหรือไม่นั้น ก็ต้องดูที่เจตนา
เสื้อแดงป่วนเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม ในการเลือกตั้งวันที่ 11 ม.ค. ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานถึงความผิดปกติ โดยหน่วยข่าวที่คอยดูแลก็รายงานมาทุกวันว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี ทั้ง 22 จังหวัด การเลือกตั้งจึงไม่น่าจะมีปัญหา
ส่วนการขัดขวางการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส. และสร้างความวุ่นวาย ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องควบคุม เพราะเป็นเรื่องความสงบไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. เพราะ กกต.มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมหรือจนกว่าจะมีการร้องเรียน เข้ามา กกต.จึงจะสามารถเข้าไปดำเนินการได้ ทั้งนี้ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงข่มขู่ให้เลือก หรือไม่เลือกผู้สมัคร ส.ส.คนใด ก็อาจจะเข้าข่าย ความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.พ.ศ. 2550 มาตรา53(5) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท -2 แสนบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี
อย่างไรก็ตามแม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ แต่กกต.คงเข้าไป ป้องปรามหรือดำเนินการอะไรในขณะนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่มีการร้องเรียนว่าฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรม
"กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ถ้ายังไม่ได้รับรายงานว่าที่ไหน ได้เปรียบเสียเปรียบกัน หรือเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง กกต.คงเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองมากกว่า คงไม่เกี่ยวกับ กกต.”
ส่วนที่การเลือกตั้งครั้งนี้รัฐบาลได้ส่งผู้สมัครลงแข่งขันจึงเกรงมีการใช้อำนาจรัฐเข้าแทรกแซงนั้นนายสุเมธ เห็นว่า รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่วางตัวเป็น กลางอยู่แล้ว มิฉะนั้นก็จะมีโทษ แต่ตนเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา รัฐบาลน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
กกต.เตรียมออกมาตรการฟันเสื้อแดง
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า กกต. ก็เป็นห่วงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และได้มีการหารือกัน เบื้องต้นอยู่ในระหว่างความคิดว่าจะมีการออกมาตรการหรือระเบียบ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่จะทำให้ไม่กระทบต่อการใช้สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชน เพราะขณะนี้ มีเพียงกฎหมาย เลือกตั้ง ที่ในกรณีดังกล่าวอาจไม่สามารถไปบังคับบุคคลภายนอกได้
"เรื่องการไปก่อกวนในระหว่างการหาเสียง หรือไปชุมนุมที่บริเวณหน้าหน่วย เลือกตั้ง ถ้าพบว่าเป็นคนของผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงจะสามารถดำเนินการได้ แต่ก็ต้องมีการร้องเรียนเข้ามา อย่างไรก็ตามขณะนี้มีการแจ้งเหตุทุจริตมาแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยพฤติกรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่า เข้าข่ายการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่"
ผู้สมัคร ส.ส.นำเสื้อแดงปาไข่"บัญญัติ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มคนเสื้อแดงยังคงเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนกับคณะของผู้หาเสียงเลือกตั้งไม่หยุด ล่าสุด วานนี้ (9 ม.ค.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรคและคณะ เดินทางไปช่วยนายอภินันท์ ช่วยบำรุง ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในเขตพื้นที่ อ.เมืองปทุมธานี อ.สามโคก และ อ.คลองหลวงหาเสียง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายบัญญัติและคณะเดินทางมาถึงหน้าศาลากลาง จังหวัดปทุมธานี มีรถขยายเสียงขนาดใหญ่ของผู้สมัครคู่แข่ง คือนางชนากานต์ ยืนยง พรรคประชาราช พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดงตามประกบ และใช้ไข่ไก่ขว้างเข้าใส่รถ แต่ขบวนรถหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามขับหลบหนี เพื่อเลี่ยงไปหาเสียงต่อที่ อ.สามโคก และ อ.คลองหลวง จึงไม่มีเหตุรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น
"ชวน"เจอเสื้อแดงลพบุรีป่วนอีก
ด้านขณะของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่วัดโคกหม้อ หมู่ที่ 9 ตำบลโพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี มีกลุ่มคนเสื้อแดง เดินทางไปรวมตัวกันหน้าวัดโคกหม้อ ประมาณ 60-70 คน นำโดยนายชาติชาย เมืองเขียว ชูป้ายและตีนตบ ขับไล่นายชวนและต่อต้านรัฐบาล ของพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเตรียมการเพื่อทำการอารักขานายชวนอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย
โดยขณะนายชวน เดินทางออกจากวัดโคกหม้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.สมหมาย ประสิทธิ์ รอง ผบก.จ.ลพบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อยนาย ยืนเป็นแผงกั้น ไม่ให้คนเสื้อแดงก่อเหตุ ทำให้คนเสื้อแดงไม่พอใจและใช้ตีนตบเสียงดัง จากนั้นขบวนรถของนายชวน ก็ออกจากวัด มุ่งหน้าไปที่ศาลาประชาคม เทศบาลเมืองลพบุรี เพื่อเป็นประธานงานมงคลสมรสของ น.ส.ดวงกมล ธาราภูมิ หลานสาวของ น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 กับนายประเทศ หลิ่นอำนวยชัย ที่ศาลาประชาคม อำเภอเมืองลพบุรี ต่อไป
ความยุติธรรมหัวใจสมานฉันฑ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายเรื่อง เศรษฐกิจกับการเมืองไทย ที่สถาบันพัฒนาตุลาการศาลยุติธรรมตอนหนึ่งถึงความขัดแย้งในสังคมว่า เราไม่สามารถที่จะทำให้ความขัดแย้งทั้งหลายหมดไป ความคิดเห็นที่แตกต่าง ในทางการเมืองยังจะมีต่อไป และเชื่อคงมีต่อไปอีกระยะ แต่หลักสำคัญคือ ตนจะพยายามขีดวงจำกัดในเรื่องความขัดแย้ง ความแตกต่างทางการเมืองนั่นคือ การเมืองต้องอยู่ในกรอบมีขอบเขต ต้องไม่ลากเอาองค์กรสถาบันอื่นๆเ ข้าไปอยู่ในวังวนความขัดแย้งทางการเมืองด้วย เราต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่เหนือความขัดแย้งทุกประการ นี่คือภารกิจสำคัญซึ่งรัฐบาลได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปแล้ว เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
สำหรับในส่วนของระบบข้าราชการและกระบวนการยุติธรรมต้องไม่มีสภาพการ เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น ในวงราชการมีหน้าที่ สนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการบริหารแต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นที่พึ่งหลักของประชาชน ที่บางคนบอกว่า เป็นที่พึ่งสุดท้ายจะต้องมีความยอมรับความเชื่อถือในเรื่องความเป็นกลาง ฉะนั้นตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ
"ผมยังเชื่อว่าความยุติธรรมคือหัวใจของการนำความสมานฉันท์ ความปรองดอง กลับคืนมา ฉะนั้นที่ผมประกาศไป 3 ส่วนของความยุติธรรม คือ ความยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับความคิดเห็นทางการเมือง เราจะหลีกเลี่ยง ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เรื่องการใช้สื่ออะไรต่างๆ ก็จะให้ความเป็นธรรมที่สุด และกระบวนการปฏิรูปทางการเมืองเพื่อต้องการนำความคิดเห็นต่างๆ เข้ามาพัฒนาประชาธิปไตยของเราจะต้องเดินหน้า ขณะนี้อยู่ในช่วงการปรึกษาหารือหลายๆฝ่าย เพื่อให้ได้ตัวบุคคลเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย”
ตร.ต้องจัดการเด็ดขาดพวกปาไข่-ปาหิน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ถัดมาคือเรื่องความยุติธรรมคดีความต่างๆ ขอย้ำว่า จุดยืนรัฐบาลคือ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งและละเว้น ต้องทำอย่างนี้ไม่งั้นไม่สามารถสร้างความยุติธรรมขึ้นได้ ความผิดหรือเหตุการณ์ ต่างๆ ที่เกิดความวุ่นวายตลอดทั้งปี มันมีบริบทหรือมูลเหตุทางการเมืองอยู่ด้วย ฉะนั้น การพิจารณาเรื่องเหล่านี้จะมีความละเอียดอ่อนของมัน ตนดได้คุยกับฝ่ายความมั่นคง และทางตำรวจโดยพูดชัดเจนว่า ต้องแยกลักษณะความผิดออกมา เช่น หากมีการมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลขณะนี้มีปัญหาเรื่องสถานที่อะไรต่างๆ ซึ่งอาจมีการขึ้นเวทีปราศรัยด่าทอหมิ่นประมาทคนในรัฐบาล ตนบอกว่า ตรงนี้ต้องใช้หลักความพยายามอดกลั้น แต่กรณีที่ขว้างใส่ก้อนหินทำร้ายร่างกายคนอันนี้จะอ้างการเมืองไม่ได้ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นถือเป็นความผิด
"กรณีอย่างนี้ต้องดำเนินโดยเร็วเด็ดขาด และถ้ามีกรณีในอดีตจากอีกฝ่าย ก็ต้องดำเนินการโดยอำนาจเด็ดขาด ตนพูดชัดเจนเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่า เราจำเป็นต้องรักษาให้การบังคับใช้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ และอะไรที่เห็นชัดว่าเป็นความผิด ไม่มีเหตุผลเช่นการทำร้ายร่างการทำลายทรัพย์สิน ต้องเดินหน้า ส่วนคดีอื่นๆที่มีความละเอียดอ่อนก็ขอให้ดำเนินการเต็มที่ สิ่งที่รัฐบาลตั้งใจจะช่วยคือ ไม่ก้าวก่ายการทำงานของกระบวนการยุติธรรม"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องสุดท้ายคือ ความยุติธรรมในการทำงานให้กับคนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนใส่เสื้อสีอะไร ถือว่ารัฐบาลมีหน้าที่ทำงานให้ทุกคน ตรงนี้คือ ความพยายามสร้างเสถียรภาพในทางการเมือง และการทำให้บ้านเมือง สงบสุขเข้าสู่ภาวะปกติเท่าที่จะทำได้
บี้นายอำเภอแก้ความขัดแย้ง
นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวได้สั่งการไปที่อำเภอ โดยผ่านทางจังหวัดว่า ให้นำนโยบาย 9 ข้อ ของ รมว.มหาดไทย และนโยบายของรัฐบาล มาบรรจุไว้ในแผนพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นการนำนโยบายไปแก้ยังต้นตอของปัญหา เพราะปัญหาความขัดแย้งเริ่มต้นที่ชุมชน และหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังกำชับไปยังนายอำเภอให้ลงพื้นที่ให้ข้อมูลและชี้แจงกับประชาชนให้มากที่สุด หากมีปัญหานายอำเภอจะต้องหาทางแก้ปัญหานั้นพร้อมกันไปด้วย
"เรามีความคาดหวังมากว่านายอำเภอจะต้องดูแลได้ทุกหมูบ้าน เพราะนายอำเภอมีมือไม้อยู่แล้วเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถือว่ามีโครงข่ายกำกับอยู่แล้ว ซึ่งจะทำงานร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อนำปัญหามาบรรจุ ในแผนพัฒนาชุมชน ส่วนการประเมินผลนั้นได้มีการบันทึกทุกๆ สามเดือนว่าแต่ละพื้นที่มีการดำเนินการ อย่างไรบ้าง ถ้าพื้นที่ไหนมีการประท้วงขัดแย้งซ้ำซาก จะดูเจตนาของนายอำเภอว่าตั้งใจจริงหรือใล่ใจในการแก้ปัญหาหรือไม่"
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกรมปกครองไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เกรงหรือไม่ว่า อาจจะถูกย้าย นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการโยกย้ายเป็นนโยบายระดับผู้บังคับบัญชา ซึ่งการย้ายแต่ละครั้งก็ต้องมีเหตุผลในการย้าย ซึ่งตนคิดว่าการย้ายจะต้องไปในตำแหน่งที่ดีกว่า แต่ทั้งนี้ ตนก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ และดูแลอย่างใกล้ชิด
เลื่อนเผาศพ"ยายเนียม"รอนายกฯ ร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงงานศพ นางเนียม พันธ์มณี วัย 84 ปี แม่เฒ่าแห่ง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ที่เสียชีวิตลง ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมือง เนื่องจากหลังมีข่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ทำให้มีฝ่ายตรงข้ามได้เตรียมตั้งรับและเข้าไปก่อกวนตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดนายเทียม เกษมวัน ผอ.โรงเรียนบ้านหนองดูน บ้านโนนค้อ และบ้านหัวลิง ซึ่งเป็นหลานชายของ นางเนียม พันธุ์มณี เปิดเผยว่า หลังจากที่ญาติและทางผู้ใหญ่หลายฝ่ายได้หารือกันแล้ว ได้ข้อสรุปว่า วันฌาปนกิจศพยายเนียม ขอเลื่อนจากวันจันทร์ที่ 12 ม.ค. มาเป็นวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค.52 เวลา 16.00 น. ที่วัดบ้านโนนค้อ ซึ่งทราบว่านายกรัฐมนตรี ยืนยันจะมาร่วมงานฌาปนกิจด้วย
ส่วนกรณีการขอพระราชทานเพลิงศพ นั้นนายเทียม ระบุว่า ทางญาติอยากให้จัดงานที่เรียบง่ายมากกว่า จึงให้งดขอพระราชทานเพลิงศพยายเนียม และให้จัดงานตามปกติ อย่างไรก็ตามตั้งแต่การจัดงานศพของยายเนียม ที่บ้านเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ปรากฏว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดง เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ หรืองานศพแต่อย่างใด ซึ่งคิดว่าคงไม่มีการมาเคลื่อนไหว เพราะเป็นเรื่องของงานศพ อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในบริเวณงานและในพื้นที่คอยดูแลอยู่แล้ว
" หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่โรงพยาบาล ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมกันก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิตคนๆ หนึ่ง ที่ได้มอบแหวนให้กับคนที่ตนเองชอบอันเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ และศรัทธาต่อคนๆ หนึ่งเท่านั้น จึงอยากฝากไปยังกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคลื่อนไหวต่อเรื่องนี้ว่า ทางญาติยายเนียม ทุกคนต้องขอวิงวอนว่าเราต่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน อยากให้รักและสามัคคีกัน ไม่อยากให้เอาเรื่องการเมืองมาทำลายกันเอง หรือการบิดเบือนข่าว ควรมีความเห็นใจกันมากกว่าจะมาต่อต้านหรือทำให้เกิดความเสียหาย"
นายเทียม ยังขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ช่วยงานศพของยายเนียมอย่างเต็มที่ทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัย และผู้ที่มาเคารพศพ ซึ่งก็มีผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ได้เดินทางมาแล้วเป็นจำนวนมาก
แจ้งความ"วิฑุรย์"กล่าวหาเป็นเท็จ
วันเดียวกัน ด้านคนเสื้อแดง กลุ่มชักธงรบ จ.อุบลราชธานี ประมาณ 150 คน นำโดยนายธีรภัทร วัชรพล หรือ "ดีเจต้อย" และนายประยุทธ มูลสาร หรือ "ดีเจหนุ่มนิรนาม" ทางสถานีวิทยุชุมชนนครอุบลราชธานี ซึ่งเป็นสถานีวิทยุของ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้มารวมตัวที่หน้า สภ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังชุดปราบจลาจลจำนวน 1 หมวด มาตั้งแถวรอที่บริเวณหน้าทางขึ้น
โดยกลุ่มคนเสื้อแดงแจ้งว่า ต้องการมาแจ้งความดำเนินคดีกับนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่กล่าวหาว่า คนเสื้อแดงบุกรุกเข้าไปในห้องไอซียูที่นางเนียม พันธ์มณี นอนรักษาตัว และการปิดล้อมโรงพยาบาลเมื่อค่ำวันที่ 7 ม.ค.ทำให้แพทย์พยาบาลไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งไม่เป็นเรื่องจริง ทำให้พวกตนได้รับความเสียหายที่ถูกนายวิฑูรย์กล่าวหา จึงต้องการมาแจ้งความดังกล่าว โดยส่งตัวแทน 5 คนเข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.วิระพันธ์ นาคสุข สว.เวร สภ.เมืองอุบลราชธานี
ตร.ยันเสื้อแดงอุบลฯไม่ป่วน"มาร์ค"
พ.ต.อ.ไอศูรย์ สิงหนาท รอง ผบก. จ.อุบลราชธานี ได้ประสานทำความเข้าใจกับแกนนำกลุ่มชักธงรบและได้ข้อสรุปว่าต่อไปการเคลื่อนไหวกลุ่มชักธงรบ จะไม่ขัดขวางหรือปิดกั้นเส้นทางการจราจร รวมทั้งไม่ใช้สิ่งปฏิกูลหรือไข่ขว้างปาใส่คน ที่ตนเองไม่ชอบ สำหรับการรักษาความปลอดภัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาร่วมงานศพนางเนียม ที่ อ.ม่วงสามสิบ ได้มีการเตรียมกำลังปราบจลาจลไว้จำนวน 1 กองร้อย
"แต่คาดว่าวันดังกล่าวกลุ่มชักธงรบจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน การเดินทางมาเคารพศพของนายอภิสิทธิ์ เพราะแกนนำได้รับปากกับเจ้าหน้าที่และกล่าวผ่านสื่อมวลชนไว้แล้ว ส่วนเรื่องคดีความของแกนนำกลุ่มชักธงรบ ปัจจุบันยังไม่มีใครมาร้องทุกข์กล่าวหา แต่ถ้าทำผิดกฎหมายก็พร้อมจะดำเนินคดีผู้ทำผิดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนสีไหนก็ตาม" พ.ต.อ.ไอศูรย์กล่าว
วอนอย่าป่วนงานศพ"ยายเนียม"
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย (มท2) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเคารพศพนางเนียม พันธุ์มณี ที่จ.อุบลราชธานี อาจจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมประท้วงว่า นางเนียมถือเป็นผู้ใหญ่และเป็นที่เคารพนับถือของจังหวัด รวมถึงตัวของนายกรัฐมนตรี ดังนั้น กลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมก็ต้องดูว่า สถานการณ์ในพื้นที่นั้น ซึ่งมีแต่ความเศร้า ก็ขออย่าไปทำอะไรที่มันแตกแยก
ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลจะทำให้ภาพติดลบ หรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะที่ผ่านมาก็มีเสื้อแดงที่เห็นต่างกัน ซึ่งแกนนำเสื้อแดงเองก็มีจุดยืนว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง ใช้วิธีสงบสันติ สิ่งต่างๆ ที่กลุ่มเสื้อแดงทำ แกนนำเสื้อแดงต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้เหตุการณ์สงบสงบ เช่น การเจรจาพูดคุย ก็เชื่อว่าทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง
พท.ท้า"มาร์ค"ไปอุบลฯ คนรับเยอะแน่
นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินไปเคารพศพนางเนียม พันธุ์มณี จ. อุบลราชธานีว่า หากนายอเภิสิทธิ์ไปจริงคงมีประชาชนทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง มารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก ที่สนามบิน จ.อุบลฯ นายกฯ ไม่ต้องห่วงเพราะ มีคนรักเยอะ
นายชูวิทย์ กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องดูแล และได้ขอร้องกับตำรวจเช่นกันว่า อย่าทำความรุนแรงกับประชาชน ทั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มประชาชนที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ไม่ได้เกรงกลัวหรือกังววลเรื่องความปลอดภัย เพราะเขาเชื่อว่านายกฯ เป็นต้นเหตุให้นางเนียม ต้องมาเสียชีวิตเร็วกว่าอายุขัย
"ผมขอถามหน่อยเถอะว่า นายกฯจะมารักยายเนียมมากกว่าคนอุบลฯได้ยังไง คนอุบลฯเขาคงโมโหที่นายกฯมาเยี่ยมคนอีสานแล้วได้แหวนทองเหลืองกลับไปวงเดียวก็เอามาพูดใหญ่โต ว่าคนอุบลฯรัก เอายายเนียมมาพูด เพื่อสร้างภาพให้กับตัวเอง จนในที่สุดการยกยายเนียมมาพูดบ่อยๆ เข้าคนก็มาหา มาเฝ้าแกมากขึ้น จนแกต้องป่วย เและเสียชีวิตเร็วกว่ากำหนด จริงๆยายเนียมต้องอยู่ได้อีก 5 ปี”
"คราวนี้อาจจะหนักกว่าป่าไข่ ปาอุจจาระ จึงขอเตือนนายฯว่า อย่ามาเสียดีกว่า ถ้ามาก็ให้รีบขึ้นเครื่องบินไปที่ อ. ม่วงสามสิบเลย ไม่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์"
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่กลุ่มเสื้อแดงจะออกมาเคลื่อนไหวเพราะจะทำให้ความแตกแยกเพิ่มมากขึ้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนเขาทำกันเอง จะไปห้ามเขาก็คงไม่ได้
ส่วนนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กำชับว่าให้ข้าราชการแต่ละจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลเรื่องการเคลื่อนไหวของกล่มเสื้อแดง หากไม่ปฏิบัติตามอาจ มีความผิด นายชูวิทย์ กล่าวว่า ทำไมเพิ่งมาดูแลกำชับตอนนี้ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ทำไมไม่ทำอะไรเลย ยิ่งทำแบบน้จะทำให้คนอีสานเกลียดพรรค ประชาธิปัตย์มากขึ้น เป็นการเลือกปฏิบัติมากกกว่า จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่แสดงออก ทั้งนี้ยังเป็นการกดดันการทำงานของข้าราชการ ตำนวจอีกด้วย
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ขณะนี้กกต. มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการจัดการเลือกตั้งวันที่ 11 ม.ค. โดยในวันที่ 10 ม.ค.จะมีการจ่ายอุปกรณ์การเลือกตั้งให้แก่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ทั้งการเลือกตั้ง ส.ส.และผู้ว่าฯกทม. คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว และขณะนี้ก็เหลือผู้สมัคร ส.ส.จำนวนเพียง 81 คนเท่านั้น คาดว่าผลการนับคะแนนเลือกตั้งส.ส.จะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลา 21.00 น. ซึ่งทางสำนักงานด้านกิจการบริหาร การเลือกตั้งได้กำชับให้ กกต.จังหวัดรายงานผลเข้ามาเป็นระยะ ส่วนการนับคะแนนผู้ว่าฯกทม.โดยจะเป็นการนับคะแนนรวมที่สำนักงานเขต คาดว่าเวลา 22.00 น.จะรู้ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่หน้าหน่วยเลือกตั้งนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังคิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น แม้การชุมนุมก็เป็นการ ใช้สิทธ ตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อแสดงความคิดเห็น แต่การจะทำอะไรที่หน่วยเลือกตั้งอันเป็นเหตุให้ขัดขวางผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนั้นตามกฎหมายมีโทษ ทางอาญา อย่างไรก็ตามก็ได้มีเตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีแผนพิทักษ์เลือกตั้ง และ กกต.ก็มีแผนเตรียมไว้เหมือนกัน หากเกิดเหตุก็พร้อมจะดำเนินการ
"ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคนไทยมีวิจารณญาณ จึงไม่น่าจะมีเหตุการณ์ในลักษณะที่กังวลกัน และการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งส.ส.กระจายทั่วประเทศ และเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ด้วย ดังนั้นภาพดังกล่าวที่จะออกตามสื่อต่างๆ ก็คิดว่า อยากให้การเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค.เป็นไปโดยความเรียบร้อยโดยประชาชนออกมา ใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วยความสงบเรียบร้อย ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ ซึ่งอยาก ขอให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มาก เพื่อประชาธิปไตยของเราเดินหน้าไปและปรากฎเป็นภาพให้สังคมโลกได้เห็น"
ส่วนกรณีการประเมินผลของ สนช.ว่าเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ทางพรรคร่วมรัฐบาลจะได้ที่นั่งมากกว่าฝ่ายค้านนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ห้ามเรื่องการทำ โพล เพียงแต่จะต้องไม่นำมาเปิดเผยในช่วง 7 วันก่อนปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 15.00 น.ของวันที่ 11 ม.ค. ดังนั้นไม่ว่าหน่วยงานใดจะจัดทำผลสำรวจก็ขอให้อย่าเปิดเผย จนถึงช่วงเวลาดังกล่าว เพราะจะทำให้ผิดพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และส.ว. มาตรา 150 ซึ่งจะมีโทษอาญาจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 6,000 บาท ส่วนจะเป็นการชี้นำหรือไม่นั้น ก็ต้องดูที่เจตนา
เสื้อแดงป่วนเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม ในการเลือกตั้งวันที่ 11 ม.ค. ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานถึงความผิดปกติ โดยหน่วยข่าวที่คอยดูแลก็รายงานมาทุกวันว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี ทั้ง 22 จังหวัด การเลือกตั้งจึงไม่น่าจะมีปัญหา
ส่วนการขัดขวางการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส. และสร้างความวุ่นวาย ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องควบคุม เพราะเป็นเรื่องความสงบไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. เพราะ กกต.มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมหรือจนกว่าจะมีการร้องเรียน เข้ามา กกต.จึงจะสามารถเข้าไปดำเนินการได้ ทั้งนี้ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงข่มขู่ให้เลือก หรือไม่เลือกผู้สมัคร ส.ส.คนใด ก็อาจจะเข้าข่าย ความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.พ.ศ. 2550 มาตรา53(5) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท -2 แสนบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี
อย่างไรก็ตามแม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ แต่กกต.คงเข้าไป ป้องปรามหรือดำเนินการอะไรในขณะนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่มีการร้องเรียนว่าฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรม
"กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ถ้ายังไม่ได้รับรายงานว่าที่ไหน ได้เปรียบเสียเปรียบกัน หรือเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง กกต.คงเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองมากกว่า คงไม่เกี่ยวกับ กกต.”
ส่วนที่การเลือกตั้งครั้งนี้รัฐบาลได้ส่งผู้สมัครลงแข่งขันจึงเกรงมีการใช้อำนาจรัฐเข้าแทรกแซงนั้นนายสุเมธ เห็นว่า รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่วางตัวเป็น กลางอยู่แล้ว มิฉะนั้นก็จะมีโทษ แต่ตนเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา รัฐบาลน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
กกต.เตรียมออกมาตรการฟันเสื้อแดง
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า กกต. ก็เป็นห่วงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และได้มีการหารือกัน เบื้องต้นอยู่ในระหว่างความคิดว่าจะมีการออกมาตรการหรือระเบียบ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่จะทำให้ไม่กระทบต่อการใช้สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชน เพราะขณะนี้ มีเพียงกฎหมาย เลือกตั้ง ที่ในกรณีดังกล่าวอาจไม่สามารถไปบังคับบุคคลภายนอกได้
"เรื่องการไปก่อกวนในระหว่างการหาเสียง หรือไปชุมนุมที่บริเวณหน้าหน่วย เลือกตั้ง ถ้าพบว่าเป็นคนของผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงจะสามารถดำเนินการได้ แต่ก็ต้องมีการร้องเรียนเข้ามา อย่างไรก็ตามขณะนี้มีการแจ้งเหตุทุจริตมาแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยพฤติกรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่า เข้าข่ายการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่"
ผู้สมัคร ส.ส.นำเสื้อแดงปาไข่"บัญญัติ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มคนเสื้อแดงยังคงเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนกับคณะของผู้หาเสียงเลือกตั้งไม่หยุด ล่าสุด วานนี้ (9 ม.ค.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรคและคณะ เดินทางไปช่วยนายอภินันท์ ช่วยบำรุง ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในเขตพื้นที่ อ.เมืองปทุมธานี อ.สามโคก และ อ.คลองหลวงหาเสียง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายบัญญัติและคณะเดินทางมาถึงหน้าศาลากลาง จังหวัดปทุมธานี มีรถขยายเสียงขนาดใหญ่ของผู้สมัครคู่แข่ง คือนางชนากานต์ ยืนยง พรรคประชาราช พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดงตามประกบ และใช้ไข่ไก่ขว้างเข้าใส่รถ แต่ขบวนรถหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามขับหลบหนี เพื่อเลี่ยงไปหาเสียงต่อที่ อ.สามโคก และ อ.คลองหลวง จึงไม่มีเหตุรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น
"ชวน"เจอเสื้อแดงลพบุรีป่วนอีก
ด้านขณะของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่วัดโคกหม้อ หมู่ที่ 9 ตำบลโพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี มีกลุ่มคนเสื้อแดง เดินทางไปรวมตัวกันหน้าวัดโคกหม้อ ประมาณ 60-70 คน นำโดยนายชาติชาย เมืองเขียว ชูป้ายและตีนตบ ขับไล่นายชวนและต่อต้านรัฐบาล ของพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเตรียมการเพื่อทำการอารักขานายชวนอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย
โดยขณะนายชวน เดินทางออกจากวัดโคกหม้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.สมหมาย ประสิทธิ์ รอง ผบก.จ.ลพบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อยนาย ยืนเป็นแผงกั้น ไม่ให้คนเสื้อแดงก่อเหตุ ทำให้คนเสื้อแดงไม่พอใจและใช้ตีนตบเสียงดัง จากนั้นขบวนรถของนายชวน ก็ออกจากวัด มุ่งหน้าไปที่ศาลาประชาคม เทศบาลเมืองลพบุรี เพื่อเป็นประธานงานมงคลสมรสของ น.ส.ดวงกมล ธาราภูมิ หลานสาวของ น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 กับนายประเทศ หลิ่นอำนวยชัย ที่ศาลาประชาคม อำเภอเมืองลพบุรี ต่อไป
ความยุติธรรมหัวใจสมานฉันฑ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายเรื่อง เศรษฐกิจกับการเมืองไทย ที่สถาบันพัฒนาตุลาการศาลยุติธรรมตอนหนึ่งถึงความขัดแย้งในสังคมว่า เราไม่สามารถที่จะทำให้ความขัดแย้งทั้งหลายหมดไป ความคิดเห็นที่แตกต่าง ในทางการเมืองยังจะมีต่อไป และเชื่อคงมีต่อไปอีกระยะ แต่หลักสำคัญคือ ตนจะพยายามขีดวงจำกัดในเรื่องความขัดแย้ง ความแตกต่างทางการเมืองนั่นคือ การเมืองต้องอยู่ในกรอบมีขอบเขต ต้องไม่ลากเอาองค์กรสถาบันอื่นๆเ ข้าไปอยู่ในวังวนความขัดแย้งทางการเมืองด้วย เราต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่เหนือความขัดแย้งทุกประการ นี่คือภารกิจสำคัญซึ่งรัฐบาลได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปแล้ว เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
สำหรับในส่วนของระบบข้าราชการและกระบวนการยุติธรรมต้องไม่มีสภาพการ เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น ในวงราชการมีหน้าที่ สนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการบริหารแต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นที่พึ่งหลักของประชาชน ที่บางคนบอกว่า เป็นที่พึ่งสุดท้ายจะต้องมีความยอมรับความเชื่อถือในเรื่องความเป็นกลาง ฉะนั้นตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ
"ผมยังเชื่อว่าความยุติธรรมคือหัวใจของการนำความสมานฉันท์ ความปรองดอง กลับคืนมา ฉะนั้นที่ผมประกาศไป 3 ส่วนของความยุติธรรม คือ ความยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับความคิดเห็นทางการเมือง เราจะหลีกเลี่ยง ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เรื่องการใช้สื่ออะไรต่างๆ ก็จะให้ความเป็นธรรมที่สุด และกระบวนการปฏิรูปทางการเมืองเพื่อต้องการนำความคิดเห็นต่างๆ เข้ามาพัฒนาประชาธิปไตยของเราจะต้องเดินหน้า ขณะนี้อยู่ในช่วงการปรึกษาหารือหลายๆฝ่าย เพื่อให้ได้ตัวบุคคลเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย”
ตร.ต้องจัดการเด็ดขาดพวกปาไข่-ปาหิน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ถัดมาคือเรื่องความยุติธรรมคดีความต่างๆ ขอย้ำว่า จุดยืนรัฐบาลคือ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งและละเว้น ต้องทำอย่างนี้ไม่งั้นไม่สามารถสร้างความยุติธรรมขึ้นได้ ความผิดหรือเหตุการณ์ ต่างๆ ที่เกิดความวุ่นวายตลอดทั้งปี มันมีบริบทหรือมูลเหตุทางการเมืองอยู่ด้วย ฉะนั้น การพิจารณาเรื่องเหล่านี้จะมีความละเอียดอ่อนของมัน ตนดได้คุยกับฝ่ายความมั่นคง และทางตำรวจโดยพูดชัดเจนว่า ต้องแยกลักษณะความผิดออกมา เช่น หากมีการมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลขณะนี้มีปัญหาเรื่องสถานที่อะไรต่างๆ ซึ่งอาจมีการขึ้นเวทีปราศรัยด่าทอหมิ่นประมาทคนในรัฐบาล ตนบอกว่า ตรงนี้ต้องใช้หลักความพยายามอดกลั้น แต่กรณีที่ขว้างใส่ก้อนหินทำร้ายร่างกายคนอันนี้จะอ้างการเมืองไม่ได้ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นถือเป็นความผิด
"กรณีอย่างนี้ต้องดำเนินโดยเร็วเด็ดขาด และถ้ามีกรณีในอดีตจากอีกฝ่าย ก็ต้องดำเนินการโดยอำนาจเด็ดขาด ตนพูดชัดเจนเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่า เราจำเป็นต้องรักษาให้การบังคับใช้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ และอะไรที่เห็นชัดว่าเป็นความผิด ไม่มีเหตุผลเช่นการทำร้ายร่างการทำลายทรัพย์สิน ต้องเดินหน้า ส่วนคดีอื่นๆที่มีความละเอียดอ่อนก็ขอให้ดำเนินการเต็มที่ สิ่งที่รัฐบาลตั้งใจจะช่วยคือ ไม่ก้าวก่ายการทำงานของกระบวนการยุติธรรม"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องสุดท้ายคือ ความยุติธรรมในการทำงานให้กับคนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนใส่เสื้อสีอะไร ถือว่ารัฐบาลมีหน้าที่ทำงานให้ทุกคน ตรงนี้คือ ความพยายามสร้างเสถียรภาพในทางการเมือง และการทำให้บ้านเมือง สงบสุขเข้าสู่ภาวะปกติเท่าที่จะทำได้
บี้นายอำเภอแก้ความขัดแย้ง
นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวได้สั่งการไปที่อำเภอ โดยผ่านทางจังหวัดว่า ให้นำนโยบาย 9 ข้อ ของ รมว.มหาดไทย และนโยบายของรัฐบาล มาบรรจุไว้ในแผนพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นการนำนโยบายไปแก้ยังต้นตอของปัญหา เพราะปัญหาความขัดแย้งเริ่มต้นที่ชุมชน และหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังกำชับไปยังนายอำเภอให้ลงพื้นที่ให้ข้อมูลและชี้แจงกับประชาชนให้มากที่สุด หากมีปัญหานายอำเภอจะต้องหาทางแก้ปัญหานั้นพร้อมกันไปด้วย
"เรามีความคาดหวังมากว่านายอำเภอจะต้องดูแลได้ทุกหมูบ้าน เพราะนายอำเภอมีมือไม้อยู่แล้วเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถือว่ามีโครงข่ายกำกับอยู่แล้ว ซึ่งจะทำงานร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อนำปัญหามาบรรจุ ในแผนพัฒนาชุมชน ส่วนการประเมินผลนั้นได้มีการบันทึกทุกๆ สามเดือนว่าแต่ละพื้นที่มีการดำเนินการ อย่างไรบ้าง ถ้าพื้นที่ไหนมีการประท้วงขัดแย้งซ้ำซาก จะดูเจตนาของนายอำเภอว่าตั้งใจจริงหรือใล่ใจในการแก้ปัญหาหรือไม่"
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกรมปกครองไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เกรงหรือไม่ว่า อาจจะถูกย้าย นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการโยกย้ายเป็นนโยบายระดับผู้บังคับบัญชา ซึ่งการย้ายแต่ละครั้งก็ต้องมีเหตุผลในการย้าย ซึ่งตนคิดว่าการย้ายจะต้องไปในตำแหน่งที่ดีกว่า แต่ทั้งนี้ ตนก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ และดูแลอย่างใกล้ชิด
เลื่อนเผาศพ"ยายเนียม"รอนายกฯ ร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงงานศพ นางเนียม พันธ์มณี วัย 84 ปี แม่เฒ่าแห่ง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ที่เสียชีวิตลง ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมือง เนื่องจากหลังมีข่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ทำให้มีฝ่ายตรงข้ามได้เตรียมตั้งรับและเข้าไปก่อกวนตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดนายเทียม เกษมวัน ผอ.โรงเรียนบ้านหนองดูน บ้านโนนค้อ และบ้านหัวลิง ซึ่งเป็นหลานชายของ นางเนียม พันธุ์มณี เปิดเผยว่า หลังจากที่ญาติและทางผู้ใหญ่หลายฝ่ายได้หารือกันแล้ว ได้ข้อสรุปว่า วันฌาปนกิจศพยายเนียม ขอเลื่อนจากวันจันทร์ที่ 12 ม.ค. มาเป็นวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค.52 เวลา 16.00 น. ที่วัดบ้านโนนค้อ ซึ่งทราบว่านายกรัฐมนตรี ยืนยันจะมาร่วมงานฌาปนกิจด้วย
ส่วนกรณีการขอพระราชทานเพลิงศพ นั้นนายเทียม ระบุว่า ทางญาติอยากให้จัดงานที่เรียบง่ายมากกว่า จึงให้งดขอพระราชทานเพลิงศพยายเนียม และให้จัดงานตามปกติ อย่างไรก็ตามตั้งแต่การจัดงานศพของยายเนียม ที่บ้านเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ปรากฏว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดง เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ หรืองานศพแต่อย่างใด ซึ่งคิดว่าคงไม่มีการมาเคลื่อนไหว เพราะเป็นเรื่องของงานศพ อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในบริเวณงานและในพื้นที่คอยดูแลอยู่แล้ว
" หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่โรงพยาบาล ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมกันก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิตคนๆ หนึ่ง ที่ได้มอบแหวนให้กับคนที่ตนเองชอบอันเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ และศรัทธาต่อคนๆ หนึ่งเท่านั้น จึงอยากฝากไปยังกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคลื่อนไหวต่อเรื่องนี้ว่า ทางญาติยายเนียม ทุกคนต้องขอวิงวอนว่าเราต่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน อยากให้รักและสามัคคีกัน ไม่อยากให้เอาเรื่องการเมืองมาทำลายกันเอง หรือการบิดเบือนข่าว ควรมีความเห็นใจกันมากกว่าจะมาต่อต้านหรือทำให้เกิดความเสียหาย"
นายเทียม ยังขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ช่วยงานศพของยายเนียมอย่างเต็มที่ทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัย และผู้ที่มาเคารพศพ ซึ่งก็มีผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ได้เดินทางมาแล้วเป็นจำนวนมาก
แจ้งความ"วิฑุรย์"กล่าวหาเป็นเท็จ
วันเดียวกัน ด้านคนเสื้อแดง กลุ่มชักธงรบ จ.อุบลราชธานี ประมาณ 150 คน นำโดยนายธีรภัทร วัชรพล หรือ "ดีเจต้อย" และนายประยุทธ มูลสาร หรือ "ดีเจหนุ่มนิรนาม" ทางสถานีวิทยุชุมชนนครอุบลราชธานี ซึ่งเป็นสถานีวิทยุของ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้มารวมตัวที่หน้า สภ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังชุดปราบจลาจลจำนวน 1 หมวด มาตั้งแถวรอที่บริเวณหน้าทางขึ้น
โดยกลุ่มคนเสื้อแดงแจ้งว่า ต้องการมาแจ้งความดำเนินคดีกับนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่กล่าวหาว่า คนเสื้อแดงบุกรุกเข้าไปในห้องไอซียูที่นางเนียม พันธ์มณี นอนรักษาตัว และการปิดล้อมโรงพยาบาลเมื่อค่ำวันที่ 7 ม.ค.ทำให้แพทย์พยาบาลไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งไม่เป็นเรื่องจริง ทำให้พวกตนได้รับความเสียหายที่ถูกนายวิฑูรย์กล่าวหา จึงต้องการมาแจ้งความดังกล่าว โดยส่งตัวแทน 5 คนเข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.วิระพันธ์ นาคสุข สว.เวร สภ.เมืองอุบลราชธานี
ตร.ยันเสื้อแดงอุบลฯไม่ป่วน"มาร์ค"
พ.ต.อ.ไอศูรย์ สิงหนาท รอง ผบก. จ.อุบลราชธานี ได้ประสานทำความเข้าใจกับแกนนำกลุ่มชักธงรบและได้ข้อสรุปว่าต่อไปการเคลื่อนไหวกลุ่มชักธงรบ จะไม่ขัดขวางหรือปิดกั้นเส้นทางการจราจร รวมทั้งไม่ใช้สิ่งปฏิกูลหรือไข่ขว้างปาใส่คน ที่ตนเองไม่ชอบ สำหรับการรักษาความปลอดภัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาร่วมงานศพนางเนียม ที่ อ.ม่วงสามสิบ ได้มีการเตรียมกำลังปราบจลาจลไว้จำนวน 1 กองร้อย
"แต่คาดว่าวันดังกล่าวกลุ่มชักธงรบจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน การเดินทางมาเคารพศพของนายอภิสิทธิ์ เพราะแกนนำได้รับปากกับเจ้าหน้าที่และกล่าวผ่านสื่อมวลชนไว้แล้ว ส่วนเรื่องคดีความของแกนนำกลุ่มชักธงรบ ปัจจุบันยังไม่มีใครมาร้องทุกข์กล่าวหา แต่ถ้าทำผิดกฎหมายก็พร้อมจะดำเนินคดีผู้ทำผิดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนสีไหนก็ตาม" พ.ต.อ.ไอศูรย์กล่าว
วอนอย่าป่วนงานศพ"ยายเนียม"
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย (มท2) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเคารพศพนางเนียม พันธุ์มณี ที่จ.อุบลราชธานี อาจจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมประท้วงว่า นางเนียมถือเป็นผู้ใหญ่และเป็นที่เคารพนับถือของจังหวัด รวมถึงตัวของนายกรัฐมนตรี ดังนั้น กลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมก็ต้องดูว่า สถานการณ์ในพื้นที่นั้น ซึ่งมีแต่ความเศร้า ก็ขออย่าไปทำอะไรที่มันแตกแยก
ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลจะทำให้ภาพติดลบ หรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะที่ผ่านมาก็มีเสื้อแดงที่เห็นต่างกัน ซึ่งแกนนำเสื้อแดงเองก็มีจุดยืนว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง ใช้วิธีสงบสันติ สิ่งต่างๆ ที่กลุ่มเสื้อแดงทำ แกนนำเสื้อแดงต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้เหตุการณ์สงบสงบ เช่น การเจรจาพูดคุย ก็เชื่อว่าทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง
พท.ท้า"มาร์ค"ไปอุบลฯ คนรับเยอะแน่
นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินไปเคารพศพนางเนียม พันธุ์มณี จ. อุบลราชธานีว่า หากนายอเภิสิทธิ์ไปจริงคงมีประชาชนทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง มารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก ที่สนามบิน จ.อุบลฯ นายกฯ ไม่ต้องห่วงเพราะ มีคนรักเยอะ
นายชูวิทย์ กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องดูแล และได้ขอร้องกับตำรวจเช่นกันว่า อย่าทำความรุนแรงกับประชาชน ทั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มประชาชนที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ไม่ได้เกรงกลัวหรือกังววลเรื่องความปลอดภัย เพราะเขาเชื่อว่านายกฯ เป็นต้นเหตุให้นางเนียม ต้องมาเสียชีวิตเร็วกว่าอายุขัย
"ผมขอถามหน่อยเถอะว่า นายกฯจะมารักยายเนียมมากกว่าคนอุบลฯได้ยังไง คนอุบลฯเขาคงโมโหที่นายกฯมาเยี่ยมคนอีสานแล้วได้แหวนทองเหลืองกลับไปวงเดียวก็เอามาพูดใหญ่โต ว่าคนอุบลฯรัก เอายายเนียมมาพูด เพื่อสร้างภาพให้กับตัวเอง จนในที่สุดการยกยายเนียมมาพูดบ่อยๆ เข้าคนก็มาหา มาเฝ้าแกมากขึ้น จนแกต้องป่วย เและเสียชีวิตเร็วกว่ากำหนด จริงๆยายเนียมต้องอยู่ได้อีก 5 ปี”
"คราวนี้อาจจะหนักกว่าป่าไข่ ปาอุจจาระ จึงขอเตือนนายฯว่า อย่ามาเสียดีกว่า ถ้ามาก็ให้รีบขึ้นเครื่องบินไปที่ อ. ม่วงสามสิบเลย ไม่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์"
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่กลุ่มเสื้อแดงจะออกมาเคลื่อนไหวเพราะจะทำให้ความแตกแยกเพิ่มมากขึ้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนเขาทำกันเอง จะไปห้ามเขาก็คงไม่ได้
ส่วนนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กำชับว่าให้ข้าราชการแต่ละจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลเรื่องการเคลื่อนไหวของกล่มเสื้อแดง หากไม่ปฏิบัติตามอาจ มีความผิด นายชูวิทย์ กล่าวว่า ทำไมเพิ่งมาดูแลกำชับตอนนี้ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ทำไมไม่ทำอะไรเลย ยิ่งทำแบบน้จะทำให้คนอีสานเกลียดพรรค ประชาธิปัตย์มากขึ้น เป็นการเลือกปฏิบัติมากกกว่า จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่แสดงออก ทั้งนี้ยังเป็นการกดดันการทำงานของข้าราชการ ตำนวจอีกด้วย