ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เอกชนเหนือพร้อมหนุน-เปิดโอกาส “มาร์ค” ทำงานพิสูจน์ความสามารถเต็มที่ แนะเร่งสร้างความสามัคคีในชาติหวั่นกระแสภูมิภาคนิยม ฟื้นฟูเศรษฐกิจ-สร้างความมั่นใจกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว พร้อมเสนอเร่งจัดประชุมอาเซียนซัมมิตที่เชียงใหม่ สอดรับไฮซีซัน ด้านพิจิตรเตือนอย่าซ้ำรอย “รัฐบาลทรราช” ใช้กฎหมายไม่เสมอภาค-รังแกประชาชน/ข้าราชการประจำ
นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ว่าเป็นการเดินมาตามครรลองของประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง พร้อมสนับสนุนและเปิดโอกาสให้ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งแก้ปัญหาของประเทศไทยที่กำลังประสบอยู่ในหลายๆ ด้าน
โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งสร้างความมั่นใจและภาพลักษณ์ให้ชาวต่างประเทศกลับเข้ามาประเทศไทย รวมทั้งการสร้างความสามัคคีของประชาชนในประเทศชาติไม่มีการแบ่งแยกเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การแบ่งแยกเป็นภูมิภาคนิยมในอนาคต
“นอกจากเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ต้องร่วมมือกับฝ่ายค้านด้วยในการแก้ไขปัญหาการเมือง ซึ่งหากทำได้นอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ชาวต่างชาติแล้วยังนำมาซึ่งความมั่นใจของคนไทยเองลดความขัดแย้งอันนำไปสู่ภูมิภาคนิยม” นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการประชุมอาเซียนซัมมิทที่เดิมทีกำหนดจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ก่อนเลื่อนไปเดือนมีนาคมนั้น อยากเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่เลื่อนการประชุมให้เร็วขึ้นเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 โดยจัดที่จังหวัดเชียงใหม่เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงดังกล่าวยังอยู่ในช่วงไฮซีซั่น เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้จังหวัดเชียงใหม่ด้วย
ด้าน นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการพัฒนาสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ และประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของขั้วการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศ จึงอยากให้มีรัฐบาลเร่งสร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้มั่นคงเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อภาคส่วนอื่นๆ อีก
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจซึ่งมีความเปราะบางอันเป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองเป็นสำคัญ และความเปราะบางดังกล่าวไม่ได้มีแค่ปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศเท่านั้นแต่ในปัจจุบันหมายถึงปัจจัยจากภายนอกประเทศที่กำลังจะส่งผลกระทบอีกด้วย
นอกจากนี้ ต้องแก้ไขปัญหาความแตกแยก ต้องมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วในการเข้าไปรับทราบและแก้ไขปัญหาโดยทันที ไม่ปล่อยปะละเลยให้ความแตกแยกขยายตัวออกไปเป็นวงกว้างโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับเสียงข้างน้อยและผู้ที่มีความเห็นแตกต่างเพื่อลดระดับความรุนแรงของความแตกแยกลง
นายเจริญชัย แย้มแขไข ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย กล่าวว่า การได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นความเหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว เพราะจะได้มีโอกาสให้ขั้วการเมืองอีกฝ่ายได้พิสูจน์ฝีมือในการบริหารประเทศ และเมื่อดูจากเสียงในสภาผู้แทนราษฎรที่โหวตเลือกพบว่ามีความห่างจากว่าที่ฝ่ายค้านไปมากพอสมควรจึงเชื่อว่าจะมีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสามารถบริหารประเทศได้นาน แต่ก็ช่วยลดความรุนแรงของสถานการณ์ที่ตีบตันทางการเมืองลงไปได้อีกระดับหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยดูกันต่อไปว่าจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเป็นสำคัญ
สำหรับการลดปัญหาความขัดแย้งภายในสังคมนั้น ตนเห็นว่าข้อเสนอที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับ 4 ข้อเป็นสิ่งที่เหมาะสมและเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องกระทำควบคู่ไปกับการบริหารประเทศในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะในข้อที่ 4 ที่ระบุว่าให้มีการให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย ฯลฯ โดยไม่เห็นแก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือมีความเสมอภาคกันทั้งหมด
“ด้านเศรษฐกิจ อยากฝากรัฐบาลใหม่ให้มีทีมเศรษฐกิจที่ดูแลปัญหาทุกอย่างได้จริงๆ โดยมองให้ออกระหว่างเศรษฐกิจโลกที่กำลังมาถึงประเทศไทยว่าไทยเรายังมีภาคธุรกิจที่มีกำลังอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับการสนใจจากรัฐบาลเลย รัฐมนตรีแต่ละคนก็ไม่ชำนาญและบางคนยังไม่รู้จักเลยว่าเป็นใคร ดังนั้นรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องรู้งานและรู้จริง” นายเจริญชัยกล่าว
ขณะที่ นายวิเศษ วชิราศรีศิริกุล ประธานหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า อยากให้รัฐบาลใหม่ลดความขัดแย้งทางการเมืองลงให้ได้ เพื่อการขับเคื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอาจจะเป็นเรื่องยาก เหตุมีพรรคร่วมรัฐบาลร่วมบริหารด้วย อาจทำไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ขอเอาใจช่วย และขอให้โอกาสรัฐบาลนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ทำงานเพื่อบ้านเมือง
ทั้งนี้ ปัญหาของรัฐบาลชุดที่แล้วเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ใช้กฎหมายกับพวกอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกับรัฐบาล ต่อไปนี้นายอภิสิทธิ์ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเสมอภาค ตามระบอบประชาธิปไตย
นายชาติชาย เจียมศีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า เชื่อว่าประเทศชาติจะเข้าสู่ความสงบสุขหลังต้องบอบช้ำมานาน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องทำใจให้หนักแน่น หนทางข้างหน้ามีปัญหามากมาย รับฟังปัญหาของประชาชนและท้องถิ่น รวมทั้งต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนานาประเทศ พื้นเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวเป็นการเร่งด่วนด้วย
“อยากขอร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ซึ่งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี อย่าได้รังแกข้าราชการประจำที่จะต้องทำงานตามนโยบาย ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม นอกจากนี้ยังได้ฝากถึงทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง และกลุ่มเสื้อแดง หยุดทะเลาะกันเพื่อให้ประเทศชาติสงบสุขเสียที” นายชาติชาย กล่าว
นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ว่าเป็นการเดินมาตามครรลองของประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง พร้อมสนับสนุนและเปิดโอกาสให้ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งแก้ปัญหาของประเทศไทยที่กำลังประสบอยู่ในหลายๆ ด้าน
โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งสร้างความมั่นใจและภาพลักษณ์ให้ชาวต่างประเทศกลับเข้ามาประเทศไทย รวมทั้งการสร้างความสามัคคีของประชาชนในประเทศชาติไม่มีการแบ่งแยกเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การแบ่งแยกเป็นภูมิภาคนิยมในอนาคต
“นอกจากเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ต้องร่วมมือกับฝ่ายค้านด้วยในการแก้ไขปัญหาการเมือง ซึ่งหากทำได้นอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ชาวต่างชาติแล้วยังนำมาซึ่งความมั่นใจของคนไทยเองลดความขัดแย้งอันนำไปสู่ภูมิภาคนิยม” นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการประชุมอาเซียนซัมมิทที่เดิมทีกำหนดจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ก่อนเลื่อนไปเดือนมีนาคมนั้น อยากเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่เลื่อนการประชุมให้เร็วขึ้นเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 โดยจัดที่จังหวัดเชียงใหม่เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงดังกล่าวยังอยู่ในช่วงไฮซีซั่น เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้จังหวัดเชียงใหม่ด้วย
ด้าน นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการพัฒนาสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ และประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของขั้วการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศ จึงอยากให้มีรัฐบาลเร่งสร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้มั่นคงเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อภาคส่วนอื่นๆ อีก
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจซึ่งมีความเปราะบางอันเป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองเป็นสำคัญ และความเปราะบางดังกล่าวไม่ได้มีแค่ปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศเท่านั้นแต่ในปัจจุบันหมายถึงปัจจัยจากภายนอกประเทศที่กำลังจะส่งผลกระทบอีกด้วย
นอกจากนี้ ต้องแก้ไขปัญหาความแตกแยก ต้องมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วในการเข้าไปรับทราบและแก้ไขปัญหาโดยทันที ไม่ปล่อยปะละเลยให้ความแตกแยกขยายตัวออกไปเป็นวงกว้างโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับเสียงข้างน้อยและผู้ที่มีความเห็นแตกต่างเพื่อลดระดับความรุนแรงของความแตกแยกลง
นายเจริญชัย แย้มแขไข ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย กล่าวว่า การได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นความเหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว เพราะจะได้มีโอกาสให้ขั้วการเมืองอีกฝ่ายได้พิสูจน์ฝีมือในการบริหารประเทศ และเมื่อดูจากเสียงในสภาผู้แทนราษฎรที่โหวตเลือกพบว่ามีความห่างจากว่าที่ฝ่ายค้านไปมากพอสมควรจึงเชื่อว่าจะมีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสามารถบริหารประเทศได้นาน แต่ก็ช่วยลดความรุนแรงของสถานการณ์ที่ตีบตันทางการเมืองลงไปได้อีกระดับหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยดูกันต่อไปว่าจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเป็นสำคัญ
สำหรับการลดปัญหาความขัดแย้งภายในสังคมนั้น ตนเห็นว่าข้อเสนอที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับ 4 ข้อเป็นสิ่งที่เหมาะสมและเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องกระทำควบคู่ไปกับการบริหารประเทศในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะในข้อที่ 4 ที่ระบุว่าให้มีการให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย ฯลฯ โดยไม่เห็นแก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือมีความเสมอภาคกันทั้งหมด
“ด้านเศรษฐกิจ อยากฝากรัฐบาลใหม่ให้มีทีมเศรษฐกิจที่ดูแลปัญหาทุกอย่างได้จริงๆ โดยมองให้ออกระหว่างเศรษฐกิจโลกที่กำลังมาถึงประเทศไทยว่าไทยเรายังมีภาคธุรกิจที่มีกำลังอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับการสนใจจากรัฐบาลเลย รัฐมนตรีแต่ละคนก็ไม่ชำนาญและบางคนยังไม่รู้จักเลยว่าเป็นใคร ดังนั้นรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องรู้งานและรู้จริง” นายเจริญชัยกล่าว
ขณะที่ นายวิเศษ วชิราศรีศิริกุล ประธานหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า อยากให้รัฐบาลใหม่ลดความขัดแย้งทางการเมืองลงให้ได้ เพื่อการขับเคื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอาจจะเป็นเรื่องยาก เหตุมีพรรคร่วมรัฐบาลร่วมบริหารด้วย อาจทำไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ขอเอาใจช่วย และขอให้โอกาสรัฐบาลนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ทำงานเพื่อบ้านเมือง
ทั้งนี้ ปัญหาของรัฐบาลชุดที่แล้วเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ใช้กฎหมายกับพวกอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกับรัฐบาล ต่อไปนี้นายอภิสิทธิ์ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเสมอภาค ตามระบอบประชาธิปไตย
นายชาติชาย เจียมศีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า เชื่อว่าประเทศชาติจะเข้าสู่ความสงบสุขหลังต้องบอบช้ำมานาน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องทำใจให้หนักแน่น หนทางข้างหน้ามีปัญหามากมาย รับฟังปัญหาของประชาชนและท้องถิ่น รวมทั้งต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนานาประเทศ พื้นเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวเป็นการเร่งด่วนด้วย
“อยากขอร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ซึ่งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี อย่าได้รังแกข้าราชการประจำที่จะต้องทำงานตามนโยบาย ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม นอกจากนี้ยังได้ฝากถึงทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง และกลุ่มเสื้อแดง หยุดทะเลาะกันเพื่อให้ประเทศชาติสงบสุขเสียที” นายชาติชาย กล่าว
