“จงรัก” เตือนคนปาไข่อาจเข้าข่ายความผิดทำร้ายร่างกาย มีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ ยกเหตุการณ์ “อุทัย พิมพ์ใจชน” ถูกปาอุจจาระใส่หน้า ถือว่าอุจจาระเป็นอาวุธ คนปาศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับหกพันโทษรอลงอาญา ย้ำไม่อยากเห็นใครทำผิดลักษณะคล้ายคลึงกันต้องโทษทางอาญา แต่ไม่ห้ามชุมนุมบนพื้นฐานกฎหมาย
วันนี้ (10 ม.ค.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีการปาไข่ของกลุ่ม นปช. ว่า ได้เตือนผู้กระทำผิดไว้แล้วว่าอาจจะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีทั้งโทษจำคุก และโทษปรับ ซึ่งเป็นการเตือนด้วยความหวังดี โดยก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องลักษณะนี้ขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นกรณีที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และถูกนายธนิต สุวรรณเมนะ ขวางอุจจาระใส่หน้า พร้อมกระโกนด่าทอด้วยถ่อยคำหยาบคาย แม้ว่านายอุทัยไม่ติดใจเอาความแต่ถือเป็นความผิดอาญา และในที่สุดศาลพิพากษาจำคุกนายธนิต เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 6,000 บาท และโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่าอุจจาระเป็นอาวุธอย่างหนึ่งตามกฎหมายเช่นเดียวกับกรณีการปาไข่ อย่างไรก็ตามตนไม่อยากเห็นใครถูกจำคุกในลักษณะดังกล่าว ส่วนตัวไม่ได้ห้ามการชุมนุมเพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญแต่ต้องชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ไม่ละเมิดต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง หากทำการละเมิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อไปว่า การดำเนินคดีกลุ่มเสื้อเหลืองที่บุกรุกทำเนียบรัฐบาล สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ละเลยคดี ซึ่งได้สอบพยานบุคคลไปแล้วกว่า 200 ปากคดีมีความคืบหน้า 70 เปอร์เซนต์ โดยจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเหตุการณ์ปาไข่ใส่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงในพื้นที่จังหวัดลำปาง ว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่สอบหาข้อเท็จจริงถ้าพบใครทำผิด หรือจะเป็นบุคคลในกลุ่มใดก็ตามจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าติดตามการหาเสียงของสส.ในแต่ละพื้นที่ไม่ให้หาเสียงละเมิดกฎหมาย และจะเพิ่มตำรวจดูแลและตระเวนตามคณะที่หาเสียงทุกคณะเพื่อที่จะดูแลเรื่องความปลอดภัย อาจมีกลุ่มบุคคล สร้างความวุ่นวายกับคนหาเสียง
วันนี้ (10 ม.ค.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีการปาไข่ของกลุ่ม นปช. ว่า ได้เตือนผู้กระทำผิดไว้แล้วว่าอาจจะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีทั้งโทษจำคุก และโทษปรับ ซึ่งเป็นการเตือนด้วยความหวังดี โดยก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องลักษณะนี้ขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นกรณีที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และถูกนายธนิต สุวรรณเมนะ ขวางอุจจาระใส่หน้า พร้อมกระโกนด่าทอด้วยถ่อยคำหยาบคาย แม้ว่านายอุทัยไม่ติดใจเอาความแต่ถือเป็นความผิดอาญา และในที่สุดศาลพิพากษาจำคุกนายธนิต เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 6,000 บาท และโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่าอุจจาระเป็นอาวุธอย่างหนึ่งตามกฎหมายเช่นเดียวกับกรณีการปาไข่ อย่างไรก็ตามตนไม่อยากเห็นใครถูกจำคุกในลักษณะดังกล่าว ส่วนตัวไม่ได้ห้ามการชุมนุมเพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญแต่ต้องชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ไม่ละเมิดต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง หากทำการละเมิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อไปว่า การดำเนินคดีกลุ่มเสื้อเหลืองที่บุกรุกทำเนียบรัฐบาล สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ละเลยคดี ซึ่งได้สอบพยานบุคคลไปแล้วกว่า 200 ปากคดีมีความคืบหน้า 70 เปอร์เซนต์ โดยจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเหตุการณ์ปาไข่ใส่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงในพื้นที่จังหวัดลำปาง ว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่สอบหาข้อเท็จจริงถ้าพบใครทำผิด หรือจะเป็นบุคคลในกลุ่มใดก็ตามจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าติดตามการหาเสียงของสส.ในแต่ละพื้นที่ไม่ให้หาเสียงละเมิดกฎหมาย และจะเพิ่มตำรวจดูแลและตระเวนตามคณะที่หาเสียงทุกคณะเพื่อที่จะดูแลเรื่องความปลอดภัย อาจมีกลุ่มบุคคล สร้างความวุ่นวายกับคนหาเสียง
