xs
xsm
sm
md
lg

เรืองไกรลากกกต.ร่วมรับผิด สดศรียันไม่มีการเมืองแทรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ กกต. มีมติเสียงข้างมากให้ส่งเรื่องนายเรืองไกร ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึงที่มาว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากกรณีดังกล่าวได้มีคนร้องเรียนเข้ามา โดยให้ตรวจสอบองค์กรที่เสนอชื่อนายเรืองไกร เข้ามาสรรหา ส.ว. เป็นนิติบุคคลอาคารชุด ว่า อยากถามว่าองค์กรนิติบุคคลที่ส่งตนเข้ามาเป็น ส.ว.สรรหา ไม่ใช่นิติบุคคลตรงไหน หรือ กกต.ตีเป็นอย่างอื่นหรือไม่ อยากถาม กกต. และเจ้าหน้าที่ กกต.ว่าตอนที่ตนไปสมัคร ก็เห็นรับรองว่าคุณสมบัติของตนผ่านทุกอย่าง ไม่เห็นมีใครคัดค้านเลย
อย่างไรก็ตาม ตนไม่หนักใจหากศาลวินิจฉัยว่า ตนมาโดยมิชอบ เพราะเป็นส.ว.ก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ เพราะไม่ได้รู้สึกต่ำต้อย
"เมื่อกระบวนการสรรหามาจากคณะกรรมการ กกต. แล้วสุดท้ายก็มาวินิจฉัยเองว่า ที่มาของผมมาโดยมิชอบ เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องดูว่า กกต.พิจารณาว่า ผมมาโดยมิชอบก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็นอนพักอยู่ที่บ้านได้ เพราะไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่อยากถามกลับไปว่า กกต.มีส่วนผิดด้วยหรือไม่ เพราะก่อนสรรหา ได้ตรวจคุณสมบัติของผมว่าผ่าน แต่มาตอนนี้กลับมาวินิจฉัยเองว่ามาโดยมิชอบ" นายเรืองไกรกล่าว
นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตนมาโดยมิชอบ กกต.จะผิดด้วยหรือไม่ในฐานะที่ เป็นกระบวนการหนึ่งที่สรรหาตนเข้ามา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระบวนการที่พยายามจะกลั่นแกล้งหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าจะมีกระบวนการกลั่นแกล้ง แต่เป็นการวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ กกต.ต่างหาก หรือคณะกรรมการ กกต. ทำหน้าที่สรรหามิชอบหรือไม่ และอยากถามกลับไปว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาของกกต.หรือไม่
"ถ้าผมไปกระทำหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญร้ายแรง เช่น รับของขวัญปีใหม่จำนวนเกิน 3,000 บาท ถ้าเป็นเช่นนี้ค่อยวินิจฉัยผมได้ อย่างไรก็ตาม ผมเกรงว่าคดีนี้อาจเหมือนกับคดีหวยบนดิน ที่ต้องซวยทั้งครม.ซึ่งเป็นผู้อนุมัติ" นายเรืองไกรกล่าว

**"สดศรี"ยันไม่มีการเมืองแทรก
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คนไปเข้าใจว่า กกต.วินิจฉัยหลังจากที่นายเรืองไกร จะฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์ ความจริงแล้วทางกกต.ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ไปตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.51 ก่อนที่นายเรืองไกร จะไปฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเรื่องนี้มีผู้ร้องเรียนมาว่า นิติบุคคลที่เสนอชื่อนายเรืองไกร เป็นนิติบุคคลโดยชอบ ไม่แสวงหาผลกำไรจริงหรือไม่ ซึ่ง กกต.ก็เห็นว่านิติบุคคลอาคารชุดของ “เซนจูรีปาร์ค” น่าจะเป็นนิติบุคคลที่ไม่ได้ทำเพื่อการกุศล หรือไม่ได้มีการแสวงหาผลกำไร จึงไม่เข้าข่ายเป็นองค์กรที่จะส่งผู้สมัคร ส.ว.สรรหาได้ ไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะเรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนเข้ามาเกือบปีแล้ว และกกต.ต้องวินิจฉัยให้เสร็จภายใน1 ปี โดยในวันที่ 23 ม.ค. นี้ก็จะครบ1 ปี ในการเลือกส.ว.สรรหา
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ออกมาช่วงนี้เป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า อาจจะเป็นเพราะว่า ทุกอย่างเข้ามาในเวลาใกล้เคียงกัน จึงทยอยเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกันภายใน 1 ปี ซึ่งเรื่องการสอบสวนของนายเรืองไกร กกต.สอบสวนมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว และเสร็จเมื่อเดือนพ.ย. มันประจวบเหมาะกันพอดี ไม่มีเรื่องทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยนายเรืองไกร มีสิทธิ์ที่จะไปต่อสู้ในชั้นศาลได้
ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวเรื่องเดียวกันว่า กกต.มีมติเรื่องนี้ไปแล้วว่า องค์กรที่ส่งรายชื่อนายเรืองไกร มานั้น เป็นนิติบุคคลที่ทำเพื่อดูแลอาคารชุดเท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่อสาธารณะ จึงไม่มีสิทธิ์เสนอชื่อ ซึ่งกกต.ก็ได้มีการหารือมาแล้วส่วนหนึ่ง
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า กกต. มีมติในวันนี้ ในกรณีดังกล่าวให้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 240 ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 134 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. โดยให้สำนักวินิจฉัยคดี ดำเนินการยกร่างคำวินิจฉัยโดยเร็ว

**อ้างคำจำกัดความไม่ชัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในชั้นของการสรรหา คณะกรรมการสรรหาได้เคยตรวจสอบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า ตนในฐานะที่เป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหาขณะนั้น ขอชี้แจงว่าในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหา ได้เคยมีการคุยกันว่าสมควรจะกำหนดคำจำกัดความความเป็นองค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อหรือไม่ แต่เมื่อกรรมการสรรหาพิจารณาตามกฎหมายแล้ว เห็นว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดคำจำกัดความเป็นมาขององค์กรภาคต่างๆไว้ว่าจะต้องเป็นอย่างไร และหาก กรรมการสรรหากำหนดเองก็จะเป็นการจำกัดสิทธิได้ จึงไม่ได้จำกัดความ และเปิดให้มีการขึ้นทะเบียน ซึ่งหากองค์กรในภาคใดไม่เห็นด้วย ก็สามารถยื่นคำร้องคัดค้านองค์กรนั้นๆได้
ขณะเดียวกันในส่วนของ กกต. ก็ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคุณสมบัติแต่ก็ดูภาพรวม ไม่ได้ตัดสิทธิองค์กรใดก่อนที่จะส่งให้กรรมการสรรหาพิจารณา เพราะเห็นว่ากฎหมายก็ไม่ได้เขียนว่าให้ กกต. เห็นชอบก่อน และเขียนเพียงแต่ให้ กกต. พิจารณาเห็นชอบใน 30วัน ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นเพียงความเห็นของ กกต. เท่านั้น ยังไม่สิ้นสุด เพราะต้องส่งให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา
กำลังโหลดความคิดเห็น