“สดศรี” แย้มผู้สมัคร ส.ส.ชทพ.ส่อวืดถูกตัดสิทธิลงสมัคร ส.ส. 12 ราย เหตุสมัครเข้าพรรคไม่ครบ 90 วัน ขณะที่ ปชป.ก็โดน 2 ควม.เจอด้วย 3 ต้องรอลุ้นศาลฎีกาฯ วินิจฉัยวันนี้ เผยหากถูกตัดสิทธิรัฐบาลส่อเสีย 10 เก้าอี้ให้ฝ่ายค้าน ขณะที่แกนนำ ชทพ. ยันผู้สมัคร 13 คนคุณสมบัติครบ ระบุปัญหาเกิดจากระเบียบ กกต.กับ กม.พรรคการเมืองทำสับสน เพราะกำหนดไม่เหมือนกัน
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 22 จังหวัด 26 เขต พบว่ามีปัญหา 17 ราย เป็นพรรคชาติไทยพัฒนา 12 ราย พรรคความหวังใหม่ 3 ราย ประชาธิปัตย์ 2 ราย โดยในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา 12 ราย ในใบสมัคร ระบุว่าสมัครวันที่ 8-9 ต.ค.2551 ซึ่งตามระเบียบหรือข้อบังคับของนายทะเบียนพรรคการเมือง ข้อ 6 ระบุว่าเมื่อสมัครเป็นสมาชิก พรรคการเมืองแล้ว จะต้องส่งหลักฐานดังกล่าวมาให้ กกต.ทราบในวันศุกร์ของสัปดาห์ ที่สมัคร คือจะต้องส่งมาให้ กกต.ในวันที่ 10 ต.ค. แต่ปรากฏว่าทางพรรคชาติไทยพัฒนาได้ส่งสำเนาใบสมัครและหลักฐานการเพิ่มลดของสมาชิกพรรคการเมืองมาให้ กกต.กลาง เมื่อวันที่ 12 ธ..ค.2551 ซึ่งเมื่อ ผอ.กต.เขตได้สอบถามมายังกกต.กลาง ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในวันที่ 8-9 ต.ค. เนื่องจากทางพรรคไม่ได้ทำตามระเบียบหรือข้อบังคับพรรคการเมือง ซึ่งทาง ผอ.กต.เขต ที่รับสมัครไว้ต้องใช้ดุลยพินิจเอง
โดยปรากฏว่า ผอ.กต.เขตจ.อุทัยธานีไม่รับสมัครผู้สมัครของสมาชิก พรรคชาติไทยพัฒนา 1 ราย ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการยื่นร้องไปยังศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และได้ศาลนัดพิจารณาในวันที่ 7 ม.ค.ส่วนอีก 11 ราย ผอ.กต.เขตรับไปแล้ว ปัญหาคือ ถ้าศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนก็อาจจะมีผลต่อผู้สมัครรายอื่นต่อไป และกกต.กลางก็จะส่งคำวินิจฉัยของศาลฎีกาไปยังจังหวัดที่มีปัญหา
สำหรับกรณีผู้สมัครพรรคความหวังใหม่จากการตรวจสอบพบว่า เป็นสมาชิก ซ้ำซ้อนกัน แต่กกต.จังหวัดได้รับสมัครไปแล้ว ก็ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของ ผอ.กกต.เขต แต่ถ้าภายหลังมีปัญหาร้องเรียน หรือผู้สมัครได้รับเลือกเป็น ส.ส.ก็จะเข้าข่ายขัดต่อ รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กกต.ก็จะต้องเพิกถอนสิทธิ์และต้องแจ้งให้ประธานสภาผฯ ทราบเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนเหตุใด กกต.จึงไม่ชี้ขาดเลยว่าขาดคุณสมบัตินั้น นางสดศรี กล่าวว่า กกต.กลาง มีอำนาจพิจารณาได้เพียงว่ามีชื่ออยู่ในพรรคการเมืองนั้นหรือไม่ จะแจ้งแค่ฐานข้อมูลเพียงเท่านี้ สำหรับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ได้แจ้งไปยังผอ.กต.เขตแล้วว่าไม่ปรากฏในฐานข้อมูลว่าเป็นสมาชิกพรรค
หากพบผิดหัวหน้าพรรคโดนด้วย
ต่อข้อถามว่าถ้าภายหลังมีปัญหาทางพรรคจะต้องรับผิดชอบอย่างไร นางสดศรี กล่าวว่า ถ้าผู้ใดรู้ว่าตัวว่าไม่มีสิทธิที่จะสมัคร แต่ไปสมัคร ตามกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.จะต้องมีโทษจำคุก 1 -10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท นอกจากนี้ยังต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ซึ่งมากกว่ากรณีอื่นมากโดยหัวหน้าพรรคการเมืองทางศาลเคยวินิจฉัยว่าเป็นผู้สนับสนุนซึ่งเป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพรรคชาติไทยพัฒนาถูกตัดสิทธิทางการเมืองก็จะทำให้ เสถียรภาพของรัฐบาลมีปัญหาด้วย นางสดศรี กล่าวว่า ถ้าศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนก็จะส่งผลไปถึงผู้สมัครรายอื่นๆ ที่มีทั้งหมด 6 จังหวัด ทำให้เหลือผู้สมัครพรรคอื่นๆ แต่ถ้าผู้สมัครเหลือเพียงรายเดียวก็จะต้องทำคะแนน ให้ได้ถึง 20 เ% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ดังนั้นตรงนี้ก็จะกระทบต่อฐานเสียงของรัฐบาลเหมือนกัน เราต้องยอมรับว่าพรรคชาติไทยพัฒนาเพิ่งตั้งเมื่อเดือน พ.ค. และก็ไม่รู้ว่ามีการรับสมัครสมาชิกย้อนหลังหรือไม่ ส่วน ผอ.กต.เขต ก็ต้องถือว่า ท่านได้ใช้ดุลยพินิจโดยชอบเว้นแต่ว่าจะมีการพิสูจน์ได้ว่ามีการเข้าข้างพรรคการเมือง ก็ต้องไปว่ากันตามกฎหมายต่อไป
ชทพ.ลุ้นศาลฎีกาฯวินิจฉัยวันนี้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่าการที่ ผอ.กต.เขตจ.อุทัยธานี ไม่ประกาศให้นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา เนื่องจาก ไม่มีหลักฐานการสังกัดพรรคการเมือง 90 วันตามที่กฎหมายกำหนด ว่า นายอดุลย์ได้ไปร้องศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งในวันนี้ ( 7 ม.ค.) ศาลจะพิจารณากรณีดังกล่าว ทั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาได้ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ทั้งสิ้น 13 คน ซึ่ง ผอ.กต.เขต ไม่ประกาศเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง 1 คนดังกล่าว นอกจากนี้กกต. ตรวจไม่พบฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาอีก 11 คน ซึ่งปัญหาในขณะนี้พบว่าข้อมูลของทางพรรคการเมืองกับทาง กกต.นั้นไม่ตรงกัน
"ต้องรอศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาวินิจฉัยในวันที่ 7 ม.ค.ว่าจะออกมาในทิศทางใด หากศาลมีคำวินิจฉัยเห็นว่า สังกัดครบ 90 วัน ผอ.กต.เขต ก็ต้องประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัครมีสิทธิลงรับเลือกตั้ง หากศาลพิจารณาตัดสิทธิ ก็ต้องเป็นอำนาจของ ผอ.กต. เขตที่เหลือที่ได้ประกาศรายชื่อให้เป็นผู้สมัครไปแล้ว ก็ต้องไปร้องเรียนต่อศาลฎีกาฯเพื่อให้ทำการเพิกถอนสิทธิ์การเป็นผู้สมัคร เชื่อว่าศาลคงคงใช้เวลาไม่นานในการพิจารณา"
กม.พรรคกับระเบียบ กกต.ทำสับสน
นายสุทธิพล รับว่า เรื่องนี้มีความสับสนเนื่องจาก ตาม พ.ร.บ.ประกอบพรรคการเมืองว่าด้วยการสังกัดพรรคการเมืองมาตรา 19 วรรค 4 หัวหน้าพรรคการเมืองต้องแจ้งการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามที่นายทะเบียนกำหนดทุกวันที่ 7 ของทุก 3 เดือน ส่วนประกาศของนายทะเบียนพรรคการเมือง ข้อ 6 ระบุว่า เมื่อมีการสมัครเข้าสังกัดพรรคการเมืองหัวหน้าพรรคต้องส่งสำเนาใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคให้นายทะเบียนพรรคการเมืองในวันศุกร์ทุกสัปดาห์ที่มีการสมัครเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้ดำเนินการ เรื่องนี้จึงเป็นดุลพินิจของ ศาลฎีกาที่จะพิจารณา เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน
รายงานข่าวจากด้านกิจการพรรคการเมืองเปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวนั้นมีข้อเท็จจริงว่าพรรคชาติไทยพัฒนานั้น ไม่ได้ทำตามประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองข้อหก โดยอ้างว่าได้ทำตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 19 แล้ว ซึ่งตามเจตนารมณ์ ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ต้องการให้รายงานความเปลี่ยนแปลงของพรรคการเมืองทุกสามเดือน แต่ประกาศของนายทะเบียนพรรคการเมืองมีเจตนารมณ์เพื่อให้สมาชิกพรรคมีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด เพื่อรองรับกรณีที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และไม่ทราบว่า สมัครในวันที่เท่าไหร่กันแน่ โดยให้ทางพรรคส่งใบสมัครมาให้ฝ่ายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ ทุกวันศุกร์หลังจากที่รับสมัครสมาชิก
"ที่ผ่านมา ทุกพรรคก็ปฏิบัติตามข้อบังคับของนายทะเบียนพรรคการเมือง มีแต่เพียงพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น ที่ไม่ปฏิบัติตาม ทั้งนี้การยื่นครั้งนี้ ก็เป็นการยื่นครั้งแรกของพรรคชาติไทยพัฒนา โดยอ้างว่าเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลง สมาชิกพรรคครั้งแรก โดยบอกว่า มีการสมัครสมาชิกของผู้สมัคร ส.ส. ในครั้งนี้ในวันที่ 8 , 9 และ 11 ต.ค. ซึ่งหากปฏิบัติตามประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ผู้ที่สมัครวันที่ 8 และ 9 ต.ค. ต้องแจ้งให้ กกต. ทราบตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.แล้ว แต่พรรคกลับมายื่นในวันที่ 12 ธ.ค. ทั้งๆที่ตามรอบกำหนดการยื่นเปลี่ยนแปลงตาม กฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 19 กำหนดไว้ในวันที่ 7 ม.ค. 2552 โดยที่กระทำเช่นนี้ เพราจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. แม้ว่าก่อนกกต. เคยทำหนังสือ ทวงถามกรณีนี้มาแล้วถึงสองครั้งว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกก็ให้แจ้งตามประกาศของ กกต. แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากพรรคชาติไทยพัฒนาแต่อย่างใด"
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า จึงไม่แปลกที่ครั้งนี้จะมีผู้สงสัยว่าเป็นการทำหลักฐานเท็จขึ้นมาหรือไม่ เนื่องจากวันที่อ้างว่ามีการสมัครพรรคชาติไทยยังไม่ถูกยุบจึงยังไม่มีเหตุผลที่จะย้ายมาพรรคชาติไทยพัฒนา และหากจะให้ กกต. มายืนยันว่ามีการสมัครในวันดังกล่าวตามที่พรรคชาติไทยพัฒนากล่าวอ้าง ก็คงยืนยันให้ไม่ได้ เพราะ ไม่มีหลักฐานว่าสมัครในวันดังกล่าวจริง
หาก ชทพ.ผิด 10 ที่นั่งเป็นของฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหากศาลฎีกามีมติเพิกถอนสิทธิการสมัครของ นายอดุลย์ จริง ผอ.เขตที่มีผู้สมัครที่มีกรณีคล้ายกันก็ต้องไปร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้เพิกถอนสิทธิ การสมัครโดยไม่ต้องรอให้ผู้สมัครอื่นไปร้องแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากในกรณีเดียวกันนี้ หากผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีปัญหาถูกเพิกถอนสิทธิการสมัครจริงก็จะทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลง รวมถึงอาจทำให้คะแนนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไปเพราะมี 6 เขตเลือกตั้ง รวม 10 ที่นั่ง ที่ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลอื่นส่งผู้สมัครลงแข่งขันประกอบด้วย 1. จ.ศรีสะเกษ เขต 1 มี ส.ส. 1 คน 2. จ. ลพบุรี เขต 1 มี ส.ส. 1 คน 3.จ.สุพรรณบุรี เขต 1 มี ส.ส. 3 คน 4. จ.สุพรรณบุรี เขต 2 มี ส.ส. 2 คน 5. จ. อ่างทอง เขต 1 มี ส.ส. 1 คน และ 6 จ.อุทัยธานี เขต 1 มี ส.ส.1 คน
ชทพ.มั่นใจผู้สมัครคุณสมบัติครบ
ด้านนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่กกต.ออกมาระบุว่าผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนามีปัญหาเรื่อง คุณสมบัติถึง 11 คนว่า ผู้สมัครของทุกคนสังกัดพรรคเกิน 90 วัน ทั้ง 13 คน โดยก่อนส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมนั้นเราได้หารือกันและพิจารณาว่าใครมีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครได้ และพบว่านายชุมพล ศิลปอาชา และนางปาริชาติ ศิลปอาชา สังกัดพรรคไม่ครบ 90 วันจึงไม่สามารถลงสมัครได้ แต่ก็ตัดผู้สมัครในพื้นที่นครปฐม สิงห์บุรี และปทุมธานี เพราะมีคุณสมบัติไม่ครบ ทั้งนี้เราได้ส่งเอกสารในการสังกัดพรรคไปยังกกต.แล้ว การจะให้ส่งเอกสารการสมัครไปยัง กกต..ทุกสัปดาห์นั้นคงเป็นไปได้ยาก แต่เราก็ส่งข้อมูลไปทุกๆ 3 เดือน
"ผู้สมัครของพรรคทั้ง 13 คน ไม่มีขาดคุณสมบัติ เพราะทุกคนได้เตรียมการไว้ ล่วงหน้าและสังกัดพรรคเกิน 90 วันแล้ว อยากให้กกต.ให้ความเป็นธรรม อย่าคิดกลั่นแกล้งกัน เรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคพิจารณาอย่างรอบคอบและไม่มีใคร สร้างเอกสารเท็จขึ้นมาเพื่อสมัครในนามของพรรค เพราะอย่างนั้นเราก็ให้สมัครไม่ได้ แต่ก็มีเพียงกรณีเดียวที่ จ.อุทัยธานี ที่จะต้องรอให้ศาลฎีกาเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องคุณสมบัติว่าเป็นอย่างไร โดยศาลจะต้องชี้ 3วันก่อนวันเลือกตั้ง นั่นก็คือศาลฎีกาต้องชี้ในวันที่ 7 ม.ค.นี้"
"อดุลย์"ยันทำตาม กม.พรรคการเมือง
ด้านนายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัครส.ส.อุทัยธานี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวยืนยันว่าตนเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาครบ 90 วัน ส่วนการที่ นางสดศรี ออกมาระบุว่า ตามระเบียบของนายทะเบียนพรรคการเมือง พรรคการเมือง จะต้องส่งเอกสารหลักฐานมาที่นายทะเบียนภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สมัคร ขณะที่ทางพรรคชาติไทยพัฒนาส่งหลักฐานมายัง กกต.ในวันที่ 12 ธ.ค.2551 ซึ่งถือเป็น การส่งเกินกำหนดไปกว่าหนึ่งเดือนนั้น เป็นเพราะระเบียบของ กกต.ต้องส่งไปทุกวันศุกร์ แต่ตามกฎหมายพรรคการเมืองต้องส่งรายชื่อผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรค เป็นไตรมาส ซึ่งพรรคก็ยึดหลักนี้มาตลอดทำกันมาเป็นประเพณีปฏิบัติ
ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดพลาดในเรื่องของกระบวนการ แล้วการที่กกต.อ้างว่า ตรวจสอบข้อมูลจากฐานอิเล็กโทนิกส์นั้น แล้วเหตุใดกกต.ไม่ตรวจสอบเรื่องนี้จาก ทางพรรคโดยตรง แต่อยู่ๆ ถึงมาตัดสิทธิ์ตนทันที โดยไม่มีการตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็อยู่ที่ศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งตนก็ได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปยังศาลแล้วและหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาก็ได้เซ็นรับรองว่าตนสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาก่อน 90 วันแน่นอน
ส่วนที่ที่กกต.ออกมาระบุว่ามีผู้สมัครส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาที่จะถูกตัดสิทธิ์อีกหลายคน นายอดุลย์กล่าวว่า ทุกคนที่จะโดนก็มาจากเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น ดังนั้นเรื่องนี้จึงอยู่ที่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร
นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ ผู้สมัครส.ส.เขต 1 สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ทางกกต.จังหวัดสุพรรณบุรีได้รับรองผู้สมัครส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้ง 5 คนแล้วว่ามีคุณสมบัติครบ ดังนั้นการที่ กกต.ออกมาระบุว่ามีผู้สมัครส.ส. ของพรรคชาติไทยพัฒนาถึง 11 คนขาดคุณสมบัตินั้นก็ไม่ทราบว่ากกต. ไปเอาข้อมูลมาจากไหน ซึ่งข้อมูลที่กกต.ได้อาจจะเป็นข้อมูลที่ผิดก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากกกต.เห็นว่าคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาขาดคุณสมบัติ ทางพรรคก็พร้อมที่จะชี้แจงตามข้อเท็จจริง แต่อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่าไม่น่ามีปัญหา
ขณะที่นายภคิน ปริศนานันทกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2551 ที่ผ่านมา ทางกกต.ได้ส่งหนังสือยืนยันการเป็นผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมมาให้ตนแล้ว โดยไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติใดๆ ส่วนผู้สมัครอื่นที่ขาดคุณสมบัติภายในพรรคชาติไทยพัฒนานั้นตนไม่ทราบ เพราะไม่รู้จักใครเลย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ ยังกล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลว่า อย่าเพิ่งประเมินไปไกลขนาดนั้น รอให้ผลการ เลือกตั้งออกมาก่อน แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 22 จังหวัด 26 เขต พบว่ามีปัญหา 17 ราย เป็นพรรคชาติไทยพัฒนา 12 ราย พรรคความหวังใหม่ 3 ราย ประชาธิปัตย์ 2 ราย โดยในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา 12 ราย ในใบสมัคร ระบุว่าสมัครวันที่ 8-9 ต.ค.2551 ซึ่งตามระเบียบหรือข้อบังคับของนายทะเบียนพรรคการเมือง ข้อ 6 ระบุว่าเมื่อสมัครเป็นสมาชิก พรรคการเมืองแล้ว จะต้องส่งหลักฐานดังกล่าวมาให้ กกต.ทราบในวันศุกร์ของสัปดาห์ ที่สมัคร คือจะต้องส่งมาให้ กกต.ในวันที่ 10 ต.ค. แต่ปรากฏว่าทางพรรคชาติไทยพัฒนาได้ส่งสำเนาใบสมัครและหลักฐานการเพิ่มลดของสมาชิกพรรคการเมืองมาให้ กกต.กลาง เมื่อวันที่ 12 ธ..ค.2551 ซึ่งเมื่อ ผอ.กต.เขตได้สอบถามมายังกกต.กลาง ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในวันที่ 8-9 ต.ค. เนื่องจากทางพรรคไม่ได้ทำตามระเบียบหรือข้อบังคับพรรคการเมือง ซึ่งทาง ผอ.กต.เขต ที่รับสมัครไว้ต้องใช้ดุลยพินิจเอง
โดยปรากฏว่า ผอ.กต.เขตจ.อุทัยธานีไม่รับสมัครผู้สมัครของสมาชิก พรรคชาติไทยพัฒนา 1 ราย ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการยื่นร้องไปยังศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และได้ศาลนัดพิจารณาในวันที่ 7 ม.ค.ส่วนอีก 11 ราย ผอ.กต.เขตรับไปแล้ว ปัญหาคือ ถ้าศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนก็อาจจะมีผลต่อผู้สมัครรายอื่นต่อไป และกกต.กลางก็จะส่งคำวินิจฉัยของศาลฎีกาไปยังจังหวัดที่มีปัญหา
สำหรับกรณีผู้สมัครพรรคความหวังใหม่จากการตรวจสอบพบว่า เป็นสมาชิก ซ้ำซ้อนกัน แต่กกต.จังหวัดได้รับสมัครไปแล้ว ก็ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของ ผอ.กกต.เขต แต่ถ้าภายหลังมีปัญหาร้องเรียน หรือผู้สมัครได้รับเลือกเป็น ส.ส.ก็จะเข้าข่ายขัดต่อ รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กกต.ก็จะต้องเพิกถอนสิทธิ์และต้องแจ้งให้ประธานสภาผฯ ทราบเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนเหตุใด กกต.จึงไม่ชี้ขาดเลยว่าขาดคุณสมบัตินั้น นางสดศรี กล่าวว่า กกต.กลาง มีอำนาจพิจารณาได้เพียงว่ามีชื่ออยู่ในพรรคการเมืองนั้นหรือไม่ จะแจ้งแค่ฐานข้อมูลเพียงเท่านี้ สำหรับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ได้แจ้งไปยังผอ.กต.เขตแล้วว่าไม่ปรากฏในฐานข้อมูลว่าเป็นสมาชิกพรรค
หากพบผิดหัวหน้าพรรคโดนด้วย
ต่อข้อถามว่าถ้าภายหลังมีปัญหาทางพรรคจะต้องรับผิดชอบอย่างไร นางสดศรี กล่าวว่า ถ้าผู้ใดรู้ว่าตัวว่าไม่มีสิทธิที่จะสมัคร แต่ไปสมัคร ตามกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.จะต้องมีโทษจำคุก 1 -10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท นอกจากนี้ยังต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ซึ่งมากกว่ากรณีอื่นมากโดยหัวหน้าพรรคการเมืองทางศาลเคยวินิจฉัยว่าเป็นผู้สนับสนุนซึ่งเป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพรรคชาติไทยพัฒนาถูกตัดสิทธิทางการเมืองก็จะทำให้ เสถียรภาพของรัฐบาลมีปัญหาด้วย นางสดศรี กล่าวว่า ถ้าศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนก็จะส่งผลไปถึงผู้สมัครรายอื่นๆ ที่มีทั้งหมด 6 จังหวัด ทำให้เหลือผู้สมัครพรรคอื่นๆ แต่ถ้าผู้สมัครเหลือเพียงรายเดียวก็จะต้องทำคะแนน ให้ได้ถึง 20 เ% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ดังนั้นตรงนี้ก็จะกระทบต่อฐานเสียงของรัฐบาลเหมือนกัน เราต้องยอมรับว่าพรรคชาติไทยพัฒนาเพิ่งตั้งเมื่อเดือน พ.ค. และก็ไม่รู้ว่ามีการรับสมัครสมาชิกย้อนหลังหรือไม่ ส่วน ผอ.กต.เขต ก็ต้องถือว่า ท่านได้ใช้ดุลยพินิจโดยชอบเว้นแต่ว่าจะมีการพิสูจน์ได้ว่ามีการเข้าข้างพรรคการเมือง ก็ต้องไปว่ากันตามกฎหมายต่อไป
ชทพ.ลุ้นศาลฎีกาฯวินิจฉัยวันนี้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่าการที่ ผอ.กต.เขตจ.อุทัยธานี ไม่ประกาศให้นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา เนื่องจาก ไม่มีหลักฐานการสังกัดพรรคการเมือง 90 วันตามที่กฎหมายกำหนด ว่า นายอดุลย์ได้ไปร้องศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งในวันนี้ ( 7 ม.ค.) ศาลจะพิจารณากรณีดังกล่าว ทั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาได้ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ทั้งสิ้น 13 คน ซึ่ง ผอ.กต.เขต ไม่ประกาศเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง 1 คนดังกล่าว นอกจากนี้กกต. ตรวจไม่พบฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาอีก 11 คน ซึ่งปัญหาในขณะนี้พบว่าข้อมูลของทางพรรคการเมืองกับทาง กกต.นั้นไม่ตรงกัน
"ต้องรอศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาวินิจฉัยในวันที่ 7 ม.ค.ว่าจะออกมาในทิศทางใด หากศาลมีคำวินิจฉัยเห็นว่า สังกัดครบ 90 วัน ผอ.กต.เขต ก็ต้องประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัครมีสิทธิลงรับเลือกตั้ง หากศาลพิจารณาตัดสิทธิ ก็ต้องเป็นอำนาจของ ผอ.กต. เขตที่เหลือที่ได้ประกาศรายชื่อให้เป็นผู้สมัครไปแล้ว ก็ต้องไปร้องเรียนต่อศาลฎีกาฯเพื่อให้ทำการเพิกถอนสิทธิ์การเป็นผู้สมัคร เชื่อว่าศาลคงคงใช้เวลาไม่นานในการพิจารณา"
กม.พรรคกับระเบียบ กกต.ทำสับสน
นายสุทธิพล รับว่า เรื่องนี้มีความสับสนเนื่องจาก ตาม พ.ร.บ.ประกอบพรรคการเมืองว่าด้วยการสังกัดพรรคการเมืองมาตรา 19 วรรค 4 หัวหน้าพรรคการเมืองต้องแจ้งการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามที่นายทะเบียนกำหนดทุกวันที่ 7 ของทุก 3 เดือน ส่วนประกาศของนายทะเบียนพรรคการเมือง ข้อ 6 ระบุว่า เมื่อมีการสมัครเข้าสังกัดพรรคการเมืองหัวหน้าพรรคต้องส่งสำเนาใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคให้นายทะเบียนพรรคการเมืองในวันศุกร์ทุกสัปดาห์ที่มีการสมัครเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้ดำเนินการ เรื่องนี้จึงเป็นดุลพินิจของ ศาลฎีกาที่จะพิจารณา เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน
รายงานข่าวจากด้านกิจการพรรคการเมืองเปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวนั้นมีข้อเท็จจริงว่าพรรคชาติไทยพัฒนานั้น ไม่ได้ทำตามประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองข้อหก โดยอ้างว่าได้ทำตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 19 แล้ว ซึ่งตามเจตนารมณ์ ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ต้องการให้รายงานความเปลี่ยนแปลงของพรรคการเมืองทุกสามเดือน แต่ประกาศของนายทะเบียนพรรคการเมืองมีเจตนารมณ์เพื่อให้สมาชิกพรรคมีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด เพื่อรองรับกรณีที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และไม่ทราบว่า สมัครในวันที่เท่าไหร่กันแน่ โดยให้ทางพรรคส่งใบสมัครมาให้ฝ่ายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ ทุกวันศุกร์หลังจากที่รับสมัครสมาชิก
"ที่ผ่านมา ทุกพรรคก็ปฏิบัติตามข้อบังคับของนายทะเบียนพรรคการเมือง มีแต่เพียงพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น ที่ไม่ปฏิบัติตาม ทั้งนี้การยื่นครั้งนี้ ก็เป็นการยื่นครั้งแรกของพรรคชาติไทยพัฒนา โดยอ้างว่าเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลง สมาชิกพรรคครั้งแรก โดยบอกว่า มีการสมัครสมาชิกของผู้สมัคร ส.ส. ในครั้งนี้ในวันที่ 8 , 9 และ 11 ต.ค. ซึ่งหากปฏิบัติตามประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ผู้ที่สมัครวันที่ 8 และ 9 ต.ค. ต้องแจ้งให้ กกต. ทราบตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.แล้ว แต่พรรคกลับมายื่นในวันที่ 12 ธ.ค. ทั้งๆที่ตามรอบกำหนดการยื่นเปลี่ยนแปลงตาม กฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 19 กำหนดไว้ในวันที่ 7 ม.ค. 2552 โดยที่กระทำเช่นนี้ เพราจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. แม้ว่าก่อนกกต. เคยทำหนังสือ ทวงถามกรณีนี้มาแล้วถึงสองครั้งว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกก็ให้แจ้งตามประกาศของ กกต. แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากพรรคชาติไทยพัฒนาแต่อย่างใด"
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า จึงไม่แปลกที่ครั้งนี้จะมีผู้สงสัยว่าเป็นการทำหลักฐานเท็จขึ้นมาหรือไม่ เนื่องจากวันที่อ้างว่ามีการสมัครพรรคชาติไทยยังไม่ถูกยุบจึงยังไม่มีเหตุผลที่จะย้ายมาพรรคชาติไทยพัฒนา และหากจะให้ กกต. มายืนยันว่ามีการสมัครในวันดังกล่าวตามที่พรรคชาติไทยพัฒนากล่าวอ้าง ก็คงยืนยันให้ไม่ได้ เพราะ ไม่มีหลักฐานว่าสมัครในวันดังกล่าวจริง
หาก ชทพ.ผิด 10 ที่นั่งเป็นของฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหากศาลฎีกามีมติเพิกถอนสิทธิการสมัครของ นายอดุลย์ จริง ผอ.เขตที่มีผู้สมัครที่มีกรณีคล้ายกันก็ต้องไปร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้เพิกถอนสิทธิ การสมัครโดยไม่ต้องรอให้ผู้สมัครอื่นไปร้องแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากในกรณีเดียวกันนี้ หากผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีปัญหาถูกเพิกถอนสิทธิการสมัครจริงก็จะทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลง รวมถึงอาจทำให้คะแนนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไปเพราะมี 6 เขตเลือกตั้ง รวม 10 ที่นั่ง ที่ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลอื่นส่งผู้สมัครลงแข่งขันประกอบด้วย 1. จ.ศรีสะเกษ เขต 1 มี ส.ส. 1 คน 2. จ. ลพบุรี เขต 1 มี ส.ส. 1 คน 3.จ.สุพรรณบุรี เขต 1 มี ส.ส. 3 คน 4. จ.สุพรรณบุรี เขต 2 มี ส.ส. 2 คน 5. จ. อ่างทอง เขต 1 มี ส.ส. 1 คน และ 6 จ.อุทัยธานี เขต 1 มี ส.ส.1 คน
ชทพ.มั่นใจผู้สมัครคุณสมบัติครบ
ด้านนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่กกต.ออกมาระบุว่าผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนามีปัญหาเรื่อง คุณสมบัติถึง 11 คนว่า ผู้สมัครของทุกคนสังกัดพรรคเกิน 90 วัน ทั้ง 13 คน โดยก่อนส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมนั้นเราได้หารือกันและพิจารณาว่าใครมีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครได้ และพบว่านายชุมพล ศิลปอาชา และนางปาริชาติ ศิลปอาชา สังกัดพรรคไม่ครบ 90 วันจึงไม่สามารถลงสมัครได้ แต่ก็ตัดผู้สมัครในพื้นที่นครปฐม สิงห์บุรี และปทุมธานี เพราะมีคุณสมบัติไม่ครบ ทั้งนี้เราได้ส่งเอกสารในการสังกัดพรรคไปยังกกต.แล้ว การจะให้ส่งเอกสารการสมัครไปยัง กกต..ทุกสัปดาห์นั้นคงเป็นไปได้ยาก แต่เราก็ส่งข้อมูลไปทุกๆ 3 เดือน
"ผู้สมัครของพรรคทั้ง 13 คน ไม่มีขาดคุณสมบัติ เพราะทุกคนได้เตรียมการไว้ ล่วงหน้าและสังกัดพรรคเกิน 90 วันแล้ว อยากให้กกต.ให้ความเป็นธรรม อย่าคิดกลั่นแกล้งกัน เรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคพิจารณาอย่างรอบคอบและไม่มีใคร สร้างเอกสารเท็จขึ้นมาเพื่อสมัครในนามของพรรค เพราะอย่างนั้นเราก็ให้สมัครไม่ได้ แต่ก็มีเพียงกรณีเดียวที่ จ.อุทัยธานี ที่จะต้องรอให้ศาลฎีกาเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องคุณสมบัติว่าเป็นอย่างไร โดยศาลจะต้องชี้ 3วันก่อนวันเลือกตั้ง นั่นก็คือศาลฎีกาต้องชี้ในวันที่ 7 ม.ค.นี้"
"อดุลย์"ยันทำตาม กม.พรรคการเมือง
ด้านนายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัครส.ส.อุทัยธานี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวยืนยันว่าตนเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาครบ 90 วัน ส่วนการที่ นางสดศรี ออกมาระบุว่า ตามระเบียบของนายทะเบียนพรรคการเมือง พรรคการเมือง จะต้องส่งเอกสารหลักฐานมาที่นายทะเบียนภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สมัคร ขณะที่ทางพรรคชาติไทยพัฒนาส่งหลักฐานมายัง กกต.ในวันที่ 12 ธ.ค.2551 ซึ่งถือเป็น การส่งเกินกำหนดไปกว่าหนึ่งเดือนนั้น เป็นเพราะระเบียบของ กกต.ต้องส่งไปทุกวันศุกร์ แต่ตามกฎหมายพรรคการเมืองต้องส่งรายชื่อผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรค เป็นไตรมาส ซึ่งพรรคก็ยึดหลักนี้มาตลอดทำกันมาเป็นประเพณีปฏิบัติ
ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดพลาดในเรื่องของกระบวนการ แล้วการที่กกต.อ้างว่า ตรวจสอบข้อมูลจากฐานอิเล็กโทนิกส์นั้น แล้วเหตุใดกกต.ไม่ตรวจสอบเรื่องนี้จาก ทางพรรคโดยตรง แต่อยู่ๆ ถึงมาตัดสิทธิ์ตนทันที โดยไม่มีการตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็อยู่ที่ศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งตนก็ได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปยังศาลแล้วและหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาก็ได้เซ็นรับรองว่าตนสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาก่อน 90 วันแน่นอน
ส่วนที่ที่กกต.ออกมาระบุว่ามีผู้สมัครส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาที่จะถูกตัดสิทธิ์อีกหลายคน นายอดุลย์กล่าวว่า ทุกคนที่จะโดนก็มาจากเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น ดังนั้นเรื่องนี้จึงอยู่ที่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร
นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ ผู้สมัครส.ส.เขต 1 สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ทางกกต.จังหวัดสุพรรณบุรีได้รับรองผู้สมัครส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้ง 5 คนแล้วว่ามีคุณสมบัติครบ ดังนั้นการที่ กกต.ออกมาระบุว่ามีผู้สมัครส.ส. ของพรรคชาติไทยพัฒนาถึง 11 คนขาดคุณสมบัตินั้นก็ไม่ทราบว่ากกต. ไปเอาข้อมูลมาจากไหน ซึ่งข้อมูลที่กกต.ได้อาจจะเป็นข้อมูลที่ผิดก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากกกต.เห็นว่าคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาขาดคุณสมบัติ ทางพรรคก็พร้อมที่จะชี้แจงตามข้อเท็จจริง แต่อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่าไม่น่ามีปัญหา
ขณะที่นายภคิน ปริศนานันทกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2551 ที่ผ่านมา ทางกกต.ได้ส่งหนังสือยืนยันการเป็นผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมมาให้ตนแล้ว โดยไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติใดๆ ส่วนผู้สมัครอื่นที่ขาดคุณสมบัติภายในพรรคชาติไทยพัฒนานั้นตนไม่ทราบ เพราะไม่รู้จักใครเลย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ ยังกล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลว่า อย่าเพิ่งประเมินไปไกลขนาดนั้น รอให้ผลการ เลือกตั้งออกมาก่อน แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล
