xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ยันไม่พบ “เขยซีพี” บริจาคเงินทุนให้ ปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สดศรี สัตยธรรม กกต.
“สดศรี” ระบุไม่พบรายชื่อ “วีระชัย” บริจาคเงินให้กับพรรค ปชป. ยันจากตรวจสอบยอดเงินบริจาคตั้งแต่ต้นปี 51 มีจำนวน 170 ล้านบาท และไม่พบการบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี ด้าน “ประพันธ์” เตือนผู้ถูกเพิกถอนสิทธิขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงผู้สมัครซ่อมอาจถูกตรวจสอบ

วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่านายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บริจาคเงินจำนวน 80 ล้านบาท ให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ว่า จากการตรวจสอบของทางด้านกิจการพรรคการเมือง เกี่ยวกับยอดเงินบริจาค ให้กับพรรคการเมืองตั้งแต่เดือน ม.ค.51 ถึงวันที่ 14 ธ.ค.51 พบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีผู้บริจาคทั้งสิ้น 170,849,876.50 บาท เฉพาะเดือน พ.ย.ที่พรรคประชาธิปัตย์มีการจัดงานระดมทุน มียอดบริจาคทั้งสิ้น 120 ล้านบาทเศษ และจากากรตรวจสอบไม่พบว่านายวีระชัย หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องบริจาคเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 80 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

นางสดศรี กล่าวว่า นอกจากนี้ การบริจาคเงินให้กับพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล ไม่สามารถบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาทต่อ 1 ปีได้ เพราะกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 59 ระบุไว้ชัดเจน หากมีการบริจาคเกินจะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง ตามมาตรา 114 มีโทษจำคุก 3 ปี ทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาค โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค และมีโทษปรับ 3 เท่าของยอดเงินบริจาค

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายวีระชัยไม่บริจาค เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้อง นางสดศรี กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาไม่พบว่ามีบริษัทหรือนิติบุคคลบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท เพราะฉะนั้น มีการกล่าวหาว่าให้เงินเพื่อซื้อตำแหน่ง ผู้ที่กล่าวหาหากมีพยานหลักฐานก็สามารถมาร้องเรียนต่อ กกต.เพื่อให้ตรวจสอบ เพราะจากกระแสข่าว กกต.ไม่มีอำนาจที่จะไปดำเนินการตรวจสอบโดยที่ไม่มีการร้องเรียน ดังนั้น หากมีการร้องเรียนและนำพยานหลักฐานมา เชื่อว่า กกต.ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเรื่องนี้ ถือเป็นความผิดกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 94 (1) ซึ่งเป็นการกรกะทำล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ และการนำเงินไปซื้อตำแหน่งรัฐมนตรี อาจเป็นเหตุถึงการยุบพรรคการเมืองได้

เมื่อถามต่อว่า บริษัทที่บริจาคเงิน 10 ล้านบาท สามารถตรวจสอบเชื่อมโยงถึงบริษัทในเครือได้หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า กกต.สามารถตรวจสอบการบริจาคเงินของบริษัท อย่างละเอียดและลงลึกได้ โดยเฉพาะบริษัทในเครือ หากตรวจสอบเราจะตรวจสอบความเชื่อมโยง ความเกี่ยวพันธ์ ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกันโดยเฉพาะเรื่องของผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้นๆว่ามีความผูกพันธ์หรือเชื่อมโยงกันหรือไม่ เพราะหากพบว่ามีความเกี่ยวพันธ์กันก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กกต.จะส่งเรื่องหลักฐานทางบัญชีการบริจาคเงินไปให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งหากตรวจพบว่ามีการบริจาคแบบแอบแฝงกัน แต่ละบริษัทที่อยู่ในเครือเดียวกันมีความเชื่อมโยงต่อการบริจาคเกิน 10 ล้านต่อปี ก็อาจถูกมองว่าเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 114 อย่างชัดเจน ยืนยันว่าบริษัทที่ตั้งขึ้นมาถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องกันหากเชื่อมโยงกันก็สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ กกต.จะตรวจสอบด้วยว่ามีบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย หรือบริษัทนิติบุคคลที่ไม่จดทะเบียนในประเทศไทยบริจาคเงินให้พรรคการเมืองจะถือว่าเป็นความผิด

“การบริจาคเงินให้พรรคการเมืองต้องไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี บุคคล บริษัท หรือนิติบุคคลแต่ละบริษัทไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ที่พ่อ แม่ ลูก แยกไปตั้งบริษัทหากตรวจสอบพบว่ามีความเชื่อมโยงมีสายสัมพันธ์ก็สามารถตรวจสอบได้ และเข้าข่ายมีความผิด หากแยกกันบริจาคก็ต้องไม่เกิน 10 ล้านต่อปี เพราะถือเป็นการบริจาคซ้ำซ้อน” นางสดศรี กล่าว และว่า ทั้งนี้ หากมีการบริจาคเงิน พรรคการเมืองต้องทำบัญชีผู้บริจาคเงินแจ้งต่อกกต.ภายใน 7 วัน

นางสดศรี กล่าวถึงกรณีการส่งข้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอสของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็จะตรวจสอบว่าเป็นการหลีกเลี่ยงให้บริษัทสนับสนุนพรรคการเมืองหรือไม่

นางสดศรี กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ กกต.จะมีประชุมพิจารณากรณีที่มีบุคคลใน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเข้าไปเกี่ยวกับพันกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ซึ่ง กกต.จะดูข้อกฎหมายว่าบุคคลที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งใน 111 คนดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้องในการจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งหากมีมูลก็อาจจะมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพื่อความรอบคอบและให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการตรวจสอบเงินบริจาคพรรคของนางสดศรีนั้น ได้นำผลสรุปข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบการรับเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ มาโชว์ผู้สื่อข่าวด้วย โดยขอชี้แจงก่อนที่จะเข้าประชุม กกต.

ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงนอมินีที่เป็นญาติ หรือคนใกล้ชิดลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ใน 22 เขต ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม แต่หากผู้ถูกเพิกถอนสิทธิไปหาเสียงปราศรัย อาจเป็นประเด็นให้ต้องตรวจสอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น