ผู้จัดการรายวัน – "ไทยโพลีคอนส์ " หวังเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทแรกปี 52 เหตุมีความพร้อมรอภาวะตลาดเอื้อ คาดเทรดได้ ไตรมาส1หรืออย่างช้าไม่เกินไตรมาส 2 พร้อมปรับแผนรับงานราชการเพิ่มหลังภาวะเศรษฐกิจไม่ดี เอกชนชะลอลงทุน คาดรายได้โต 20% จากปี 51
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY)เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกหรือไตรมาส 2 ปี 52 เชื่อว่าภาวะตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้น จากการที่มีรัฐบาลใหม่ และจากที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการปรับตัวต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงถือเป็นจังหวะเหมาะสมที่บริษัทจะเข้าจดทะเบียน หลังจากแผนเดิมที่ผู้บริหารจะดันบริษัทเข้าจดทะเบียนเมื่อปลายปี 51 แต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลให้ชะลอมาถึงปีนี้
"บริษัทตั้งเป้าจะเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทแรกในปี 52 ขณะนี้บริษัทมีความพร้อม หลังจากที่ ก.ล.ต.ได้อนุมัติให้บริษัทสามารถเสนอขายหุ้นได้ เพียงรอแค่จังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะเสนอขายหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ "นายเชิดศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้การที่บริษัทเลื่อนการจดทะเบียนออกไปนั้นทำให้ แผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของการลงทุนด้านธุรกิจพลังงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า และการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานต้องเลื่อนไปเช่นกัน เพราะต้องการจะเข้าจดทะเบียนก่อนเพื่อให้บริษัทมีภาพลักษณ์ดี และได้รับความน่าเชื่อถือ และมีความโปร่งใสการดำเนินงานก่อนที่จะร่วมทุนกับพันธมิตร
สำหรับ การที่เศรษฐกิจปีหน้าชะลอตัวนั้น ทำให้ต้องปรับแผนการดำเนินงานหันมารับงานรับเหมาก่อสร้างภาคราชการมากขึ้น เช่น การก่อสร้างสถาบันศึกษา โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ฯลฯ ซึ่งบริษัทได้มีการเริ่มปรับตั้งแต่ช่วงกลางปี51 จากที่ภาคเอกชนจะชะลอในการลงทุนก่อสร้าง ถือเป็นการลดความเสี่ยงในการดำเนินงานของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากราชการ 60% อีก 40% สัดส่วนภาคเอกชน ซึ่งปีหน้าบริษัทมีแผนเข้าไปประมูลลงานราชการเพิ่มจากที่มีมูลค่างานในช่วง 3 ปีจากนี้มีงบประมาณ 3-4 พันล้านบาท ที่จะลงทุนซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) จำนวน 2.5 พันล้านบาท
นายเชิดศักดิ์กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 52 จะเพิ่มขึ้น 20% จากปี 51 ที่ดคาว่าจะเติบโต 60-70% จากปี 50 ที่มีรายได้ 1,350 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย จากงานที่จะมีการทยอยรับรู้ ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิปี 52 เชื่อว่าจะปรับตัวดีกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจาก ได้รับผลประโยชน์จากราคาวัสดุก่อสร้างที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีการปรับรู้ในปีนี้ และจากการที่บริษัทได้มีการรับงานก่อสร้างภาคราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้บริษัทได้รับการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลเฉพาะในส่วนงานที่มีการก่อสร้างในภาคใต้ในสัดส่วนที่สูง
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY)เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกหรือไตรมาส 2 ปี 52 เชื่อว่าภาวะตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้น จากการที่มีรัฐบาลใหม่ และจากที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการปรับตัวต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงถือเป็นจังหวะเหมาะสมที่บริษัทจะเข้าจดทะเบียน หลังจากแผนเดิมที่ผู้บริหารจะดันบริษัทเข้าจดทะเบียนเมื่อปลายปี 51 แต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลให้ชะลอมาถึงปีนี้
"บริษัทตั้งเป้าจะเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทแรกในปี 52 ขณะนี้บริษัทมีความพร้อม หลังจากที่ ก.ล.ต.ได้อนุมัติให้บริษัทสามารถเสนอขายหุ้นได้ เพียงรอแค่จังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะเสนอขายหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ "นายเชิดศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้การที่บริษัทเลื่อนการจดทะเบียนออกไปนั้นทำให้ แผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของการลงทุนด้านธุรกิจพลังงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า และการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานต้องเลื่อนไปเช่นกัน เพราะต้องการจะเข้าจดทะเบียนก่อนเพื่อให้บริษัทมีภาพลักษณ์ดี และได้รับความน่าเชื่อถือ และมีความโปร่งใสการดำเนินงานก่อนที่จะร่วมทุนกับพันธมิตร
สำหรับ การที่เศรษฐกิจปีหน้าชะลอตัวนั้น ทำให้ต้องปรับแผนการดำเนินงานหันมารับงานรับเหมาก่อสร้างภาคราชการมากขึ้น เช่น การก่อสร้างสถาบันศึกษา โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ฯลฯ ซึ่งบริษัทได้มีการเริ่มปรับตั้งแต่ช่วงกลางปี51 จากที่ภาคเอกชนจะชะลอในการลงทุนก่อสร้าง ถือเป็นการลดความเสี่ยงในการดำเนินงานของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากราชการ 60% อีก 40% สัดส่วนภาคเอกชน ซึ่งปีหน้าบริษัทมีแผนเข้าไปประมูลลงานราชการเพิ่มจากที่มีมูลค่างานในช่วง 3 ปีจากนี้มีงบประมาณ 3-4 พันล้านบาท ที่จะลงทุนซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) จำนวน 2.5 พันล้านบาท
นายเชิดศักดิ์กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 52 จะเพิ่มขึ้น 20% จากปี 51 ที่ดคาว่าจะเติบโต 60-70% จากปี 50 ที่มีรายได้ 1,350 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย จากงานที่จะมีการทยอยรับรู้ ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิปี 52 เชื่อว่าจะปรับตัวดีกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจาก ได้รับผลประโยชน์จากราคาวัสดุก่อสร้างที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีการปรับรู้ในปีนี้ และจากการที่บริษัทได้มีการรับงานก่อสร้างภาคราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้บริษัทได้รับการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลเฉพาะในส่วนงานที่มีการก่อสร้างในภาคใต้ในสัดส่วนที่สูง