xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คลุ้นฝ่าไข่แม้วเข้าสภา “เสื้อแดง”เถื่อนรุมยำ ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “อภิสิทธิ์” รับศึกหนักทั้งใน-นอกสภาวันแถลงนโยบาย นำพรรคร่วมรัฐบาลฝ่าวงล้อมม็อบเสื้อแดงเข้าสภาวันนี้ ตั้ง“สุเทพ”คุมสถานการณ์ ระดมตำรวจกว่า 3 พันนายรับมือ ปชป.สั่งลูกพรรคห้ามปีนรั้วหากถูกปิดล้อม "เพื่อไทย" ซ้อมอภิปรายนโยบายรัฐบาลกว่า 3 ชั่วโมง "เฉลิม" ลั่นจับผิดเลียนแบบแนวคิดประชานิยม ปรามาสไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจคนตกงาน เพราะไร้โครงการเมกะโปรเจ็กต์ ปธ.วิปฯเตรียมส่ง“เสธ.หนั่น”ชน “ป๋าเหนาะ” รมต.สายล่อฟ้าไม่หวั่นพร้อมชี้แจงข้อมูล เชื่อ ปชช.เข้าใจ “อำนวย” ทำขึงขังใส่ “นปช.” หากปิดล้อมรัฐสภา-ขัดขวางแถลงนโยบายของรัฐบาลจะถูกออกหมายจับดำเนินคดีข้อหา “กบฎ” ทันที พร้อมขู่แกนนำหากคุมฝูงชนไม่ได้ต้องรับผิดชอบ พร้อมแจกใบปลิวแจ้งเตือนให้ชุมนุมอย่างสงบ 4 หมื่นแผ่น “เสื้อแดง” เคลื่อนพลปิดหน้ารัฐสภา ถนนอู่ทองใน พร้อมโชว์พฤติกรรมเถื่อนรุมกระทืบชายวัย 40 บาดคิดว่าเป็นพันธมิตรฯ

วานนี้(28 ธ.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง หรือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดระดมพลที่สนามหลวงและประกาศชุมนุมต่อเนื่องจนกว่าจะมีการยุบสภาว่า เป็นสิทธิที่ทำได้ เป็นการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตนได้ย้ำไปว่าจะเดินหน้าทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาและหวังว่าจะเกิดความเข้าใจขึ้น

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ครม.จะไม่เดินข้ามกองเลือดเข้าไปแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันนี้ (29 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ยืนยัน” ผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆ แค่ไหนหลังตกเป็นเป้าหมายที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายกลางสภาโดยเฉพาะกรณีหนีทหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พร้อมจะชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา และไม่รู้สึกหนักใจ เพราะมีข้อเท็จจริง พร้อมชี้แจงอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประกาศกลางเวทีแถลงชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่าพันธมิตรฯ มีส่วนสำคัญในการทำให้ขึ้นสู่ตำแหน่งนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมคิดว่าการเมืองมันก็มีความเคลื่อนไหวในหลายๆ จุด ทั้งในและนอกสภา ก็เหมือนกับปรากฏการณ์อื่นๆ มันมีที่มาที่ไป แต่ประเด็นคือการเปลี่ยนแปลง ทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นไปตามครรลองของรัฐธรรมนูญ ผมขอยืนยันว่าผมมาอยู่ตรงนี้ผมทำงานให้ทุกคน ส่วนประชาชนที่เคลื่อนไหวต่อสู้ในเรื่องที่ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องที่ผมจะรักษาเจตนารมณ์ของการรักษาความถูกต้องนั้นไว้”

เมื่อถามอีกว่ามีนโยบายในปี 2552 อย่างไรหลังพันธมิตรฯและ นปช.ประกาศชุมนุมสัญจรไปต่างจังหวัด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างถ้าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้

ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เตรียมยื่นเรื่องให้ตรวจสอบที่มา ครม.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตรวจสอบสามารถทำได้ถือเป็นหน้าที่ของ ส.ส.และ ส.ว. แต่ไม่ทราบว่าเป็นประเด็นไหน อย่างไร แต่เรื่องนี้ต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบ ซึ่งรัฐบาลได้พูดชัดว่า 1 ใน 9 ข้อคือการยอมรับการตรวจสอบ

**ระดมขุนพลรับศึก-มอบ “สุเทพ”คุม
วันเดียวกัน ในเวลา 10.00 น.ได้มีการประชุม ส.ส.ของพรรค มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคฯเป็นประธานการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมและซักซ้อมการแถลงนโยบายรัฐบาล โดยมี ส.ส.และรัฐมนตรีประมาร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ไม่ว่าเป็นนายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน นายไกรศักดิ์ ชุณหวัณ ส.ส.สัดส่วน อย่างไรเป็นที่น่าสังเกตว่า ส.ส.พลาด 9 รัฐมนตรีไม่ได้ร่วมประชุมด้วยไม่ว่าจะเป็นนายจุติ ไกรกฤษ์ ส.ส.พิษณุโลก นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมได้มีการปรบมือต้อนรับรัฐมนตรีของพรรคพร้อมทั้งได้มีการแนะนำรัฐมนตรีโควตาคนนอก โดยเฉพาะนายวีระชัย เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบและทำความรู้จัก โดยนายวีรชัย กล่าวเพียงว่า ยินดีที่จะร่วมงานกับสมาชิกทุกคน และพร้อมที่จะทำหน้าที่

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการประเมินสถานการณ์การปิดล้อมรัฐสภาของกลุ่มแนวร่วม นปช. โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงเป็นผู้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมเป็นระยะ

**นัดเจอที่พรรค 7 โมงก่อนไปสภา
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเตรียมความพร้อมการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาวันนี้ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบายจัดตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีคนใด จะเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้ซักถามอย่างเต็มที่ และคณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ชี้แจง นอกจากนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้กำชับ ส.ส.ให้ระวังตัวหากกลุ่ม นปช.ปิดล้อมรัฐสภา

“นายสุเทพ บอกที่ประชุมว่ารัฐบาลได้ประสานตำรวจกว่า 3,600 นายไปดูแลความสงบเรียบร้อย ยืนยันจะไม่ใช้ความรุนแรงและไม่ใช้แก๊สน้ำตาและได้นัด ส.ส.ให้มาที่พรรคเวลา 07.00 น.เพื่อจะได้ไปประชุมพร้อมกันและหากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าไม่มีช่องทางให้ ส.ส.เข้าสภาก็จะไม่ดื้อดึง แต่จะประเมินสถานการณ์และประสานพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค รอจนกว่าจะเข้าได้แม้จะเป็นช่วงค่ำ” นพ.วรงค์ กล่าว

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดสถานที่สำรอง หรือแผนสำรองใดๆ สำหรับการประชุมรัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาล เบื้องต้นหาก ส.ส.ไม่สามารถเข้าไปในรัฐสภาก็จะให้กลับมาที่พรรค เพื่อประเมินสถานการณ์ และให้ ส.ส.รออยู่ที่พรรคจนกว่าจะได้ข้อสรุป แต่ถ้าสามารถเข้าไปในรัฐสภาได้แล้วถูกปิดล้อมไม่ให้ออกมา ก็ให้ ส.ส.อยู่ภายในรัฐสภาและจะมีการส่งข้าว ส่งน้ำ แต่จะไม่ปีนหนี และว่าหากผู้ชุมนุมเปิดทางให้ ส.ส.เดินเท้าเข้าไปประชุม ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ก็กล้าที่จะเข้าไป

นอกจากนี้ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติอนุมัติให้นายปณิธาน วัฒนายากร เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

**”กษิต-วีระชัย” ลั่นไม่กังวล
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการที่ฝ่ายค้านตั้งเป้าโจมตีในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลว่า ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างได โดยจะชี้แจงตามข้อเท็จจริง เพราะเป็นหน้าที่ ที่ต้องชี้แจงอยู่แล้ว โดยพรรคได้จัดทีมงาน 4-5 คน นำโดย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.และ ส.ส.ที่มีความชำนาญด้านการต่างประเทศมาช่วยประสานข้อมูล ส่วนที่ถูกตั้งให้เป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้านั้น ไม่รู้สึกอะไร เพราะได้อาสา เข้ามาทำงานก็จะทำงานให้ดีที่สุด

ด้านนายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่กังวลที่จะถูกฝ่ายค้านตั้งเป้าโจมในเรื่องจิรยะธรรมของนักการเมือง เพราะมั่นใจว่า ไม่ได้ขาดตกบกพร่องอะไร และพร้อมที่จะชี้แจงทุกประเด็น หากยังเป็นประเด็นเดิม ที่ได้ชี้แจงไปแล้วก็จะชี้แจงเป็นเวลาสั้น แต่หากมีการพูดเรื่องใหม่ก็พร้อมที่จะชี้แจง ตามความจริง อย่างไรก็ตามพรรคไม่ได้มีเตรียมส.ส.ไว้เป็นทีมงานคอยช่วยเหลือ เพราะอย่าลืมว่าตนเป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี 2544 แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการประชุมเสร็จสิ้นสมาชิกพรรคได้มีการรับประทานอาหารร่วมกัน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคได้นั่งโต๊ะรับประทาอาหารร่วมกันนายวีระชัย นายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ ว่าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เปรยว่า “ตอนนี้รู้สึกว่าน้ำหนักลด แต่ไม่รู้ว่าลดไปกี่กิโลกรัม เพราะไม่มีเวลาชั่ง รู้แต่เพียงว่าสวมกางเกงแล้วหลวม”

**ให้เวลาฝ่ายค้าน 8 ชม.วุฒิฯ 7 ชม.
นายชินวรณ์ บุญเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายในวันนี้ว่า จะใช้กรอบการอภิปราย 2 วัน คือ 29 และ 30 ธ.ค.ใช้เวลาอภิปราย 28 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นนายกรัฐมนตรี แถลงนโยบาย 2 ชั่วโมง หัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่จำกัดเวลา แต่ต้องรวมอยู่ในกรอบ 2 ชั่วโมง ที่เหลือ 24 ชั่วโมงจะเป็นของที่ประชุมร่วมรัฐสภา โดยวิปรัฐบาลจะให้เวลาฝ่ายค้านเป็นพิเศษ เพื่อให้คำชี้แนะและท้วงติงนโยบายของรัฐบาลเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ของวุฒิสภา 7 ชั่วโมง และของพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 ชั่วโมง

นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า ในวันนี้จะมีการประชุมร่วมระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายค้าน เพื่อตกลงทำความเข้าใจแนวทางการอภิปราย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างสูงสุด โดยมีการตกลงกันว่าหากนายกฯได้แถลงนโยบายเสร็จสิ้นจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายฯ 2 คน วุฒิสภา 2 คน และฝ่ายรัฐบาล 1 คน ซึ่งจะทำสลับกันไปจนครบตามชั่วโมง ถ้าทุกฝ่ายได้ปฏิบัติตามข้อบังคับของที่ประชุมสภาอย่างเคร่งครัดเชื่อว่า การประชุมสภาจะเป็นไปด้วยดี และเป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาในการควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย เพราะการแถลงนโยบายครั้งนี้เกิดจากความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นทางออกของประเทศ และรัฐบาลจะได้ใช้โอกาสนี้ในการแถลงนโยบายเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตของประเทศ

นายชินวรณ์ กล่าวว่า ในการประชุม ส.ส.ของพรรคได้มีการแจ้งให้นายกฯและรัฐมนตรีให้รับทราบความเคลื่อนไหวของบุคคลที่จะมาคัดค้านและประเด็นที่ฝ่ายค้านจะนำมาโจมตี โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านประกาศว่าจะเป็นเป้าในการโจมตี ทุกคนก็พร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงและไม่วิตกแต่อย่างใด แต่ขอให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามข้อบังคับของการประชุมอย่างเคร่งครัดและเชื่อว่ารัฐมนตรีที่ตกเป็นเป้าจะสามารถชี้แจงต่อสังคมและสาธารณะชนได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีประวัติการทำงานอย่างชัดเจนไม่เคยด่างพร้อย หรือขาดคุณสมบัติโดยเฉพาะในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมที่พรรคฝ่ายค้านตั้งป้อมที่จะอภิปรายฯ

ผู้สื่อข่าวว่าพรรคฝ่ายค้านเตรียมที่จะซักฟอกข้อมูลของรัฐมนตรีในเชิงลึกโดยไม่ได้สนใจในนโยบายที่รัฐบาลแถลง นายชินวรณ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการแถลงนโยบายตามมาตรา 176 ไม่มีการลงมติ แต่พรรคร่วมรัฐบาลได้ขอให้ทุกคนได้เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงและให้เตรียมความพร้อมในเรื่องของข้อมูลเพื่อนำมาชี้แจงกับประชาชน หากมีการพาดพิงหรือกล่าวความเท็จก็เป็นเรื่องของการดำเนินคดีหมิ่นประมาท แต่ก็ต้องรอฟังข้อมูลจากฝ่ายค้านว่าจะเอาอะไรมาเปิดเผย แต่มั่นใจว่ารัฐมนตรีทุกคนจะชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนได้ เพราะทุกคนเข้าใจและต้องการสื่อไปยังสาธารณะชนให้เข้าใจเพื่อต้องการทำงานหาทางออกให้กับประเทศ เพราะขณะนี้เกิดวิกฤตสังคม เศรษฐกิจ จนทำให้ไทยขาดความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นทั้งในอเมริกา และยุโรป จึงอยากให้ฝ่ายค้านทำตามกรอบพูดถึงแนวนโยบาย มากกว่าที่จะโจมตีโดยนำข้อมูลที่เป็นไปความจริงมาอภิรายในสภา ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์

**เตรียมส่ง “เสธ.หนั่น”ชน“ป๋าเหนาะ”
เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เตรียมน้ำข้อมูลมาแฉกลางสภา เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการจัดตั้งรัฐบาล นายชินวรณ์กล่าวว่าในพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดยหากนายเสนาะจะมาแฉข้อมูลจริง รัฐบาลก็ได้เตรียมพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ส.ส.สัดส่วน อดีตพรรคชาติไทยที่จะขึ้นมาให้ข้อมูลเช่นเดียวกัน เพราะพล.ต.สนั่นเห็นว่าพฤติกรรมของนายเสนาะเมื่อพลาดจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้วออกมาตีโพยตีพาย ส่วนจะมีการชี้แจงในประเด็นอะไรก็ต้องรอฟังการประชุม เพราะยังไม่รู้ข้อมูลที่นายเสนาะจะนำออกมาแฉ แต่เชื่อว่าพรรครัฐบาลจะตอบได้ทุกเรื่อง

ต่อข้อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าจะเข้าร่วมประชุมไม่ได้ เพราะมี กลุ่มนปช.มาปิดล้อมรัฐสภา นายชินวรณ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายได้เห็นต่อประโยชน์ของบ้านเมือง เพราะบอบช้ำมามากแล้ว จึงอยากให้ทุกคนได้ให้โอกาสรัฐบาลได้ชี้แจงนโยบายก่อน ดีไม่ดีอย่างไรค่อยติติงกันในสภา ซึ่งจะเห็นว่าหลังจากรัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน โพลสำนักต่างๆก็ออกมาระบุตรงกันว่าประชาชนมีความสุขมากขึ้น ดังนั้นจึงขอโอกาสให้รัฐบาลได้แถลงนโยบาย อย่าพึ่งมาตั้งป้อมเพราะยิ่งจะทำให้บ้านเมืองบอกช้ำกว่าเดิม

**”เฉลิม” ซัดปชป.ลอกประชานิยม
เวลา 10.00 น.วันเดียวกันที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการประชุมเตรียมความพร้อมการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน รวมทั้งเตรียมการอภิปราย นโยบายรัฐบาลในวันที่ 29-30 ธ.ค. โดยมีแกนนำพรรคเดินทางมาประชุมอย่าง พร้อมเพรียง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะหัวหน้าทีมอภิปราย นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้านและส.ส.อยุธยา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา ว่าที่รท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เป็นต้น

ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่ได้อ่านนโยบายรัฐบาลพบว่ามีการลอกเลียนแบบโครงการประชานิยมมาจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างชัดเจนถึง 99% ในส่วนของนโยบายเร่งด่วนไม่มีการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แถมยังนำเรื่องจัดตั้งองค์กรพิเศษแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มาเป็นวาระเร่งด่วนภายใน 1 ปี ซึ่งทำไม่ทันแน่นอน เพราะในการจัดตั้งองค์กรพิเศษนั้นจำเป็นต้องหาบุคลากร อาวุธยุทโธปกรณ์มาเพิ่มเติม ซึ่งทำให้เสียงบประมาณอีก ความจริงก็มีกฎหมาย กอ.รมน. ที่ให้นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.กอ.รมน.อยู่แล้ว ยังคิดในเรื่องที่ไร้ประโยชน์อีก

นอกจากนี้ ยังบอกว่าจะแก้ปัญหาแหล่งน้ำ พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ภายในเดือน ม.ค.52 แต่ขณะนี้จะสิ้นเดือนแล้ว มีเวลาแค่เดือนเดียวจะไปทำทันได้อย่างไร แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้อ่านนโยบายก่อนส่งรัฐสภาเลย ถ้าจะไปแก้ไขใหม่ก็ยังทัน ทั้งนี้ในการอภิปรายนโยบายครั้งนี้ ตนจะวิเคราะห์เอกสารที่รัฐบาลแถลงให้ฟังทีละหน้าจนครบ จะไม่ทำเหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ที่ให้อาจารย์มหาวิทยาลัยเขียนมา 4-5 แผ่นแล้วด่าอย่างเดียวในเรื่องที่เขาไม่ได้แถลง ซึ่งหลังการอภิปรายแล้วคงไม่ทำให้รัฐบาลถึงกับสั่นคลอน เพราะรัฐบาลโวหารดี

“จะอภิปรายให้เห็นว่าที่พรรครัฐบาลเคยด่า พ.ต.ท.ทักษิณ เอาไว้ว่าขายประเทศ จะเอาคูเวตมาซื้อแผ่นดินไทย วันนี้เตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะต่อไปข้าวไทยจะขายไม่ได้ เพราะรัฐบาลคูเวตไปเจรจากับประเทศลาวแล้วขอเช่าที่ 4 พันไร่ผลิตข้าว มีการเตรียมเซ็นเอ็มโอยูแล้ว และที่น่าอับอายที่สุดในนโยบายรัฐบาล คือ ไม่มีนโยบายเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ไม่มีเมกะโปรเจกต์ ไม่มีการสร้างงาน แล้วคนจะไปมีงานทำได้อย่างไร ไหนว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ผมไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์แบบนายกฯ ผมจบกฎหมาย แต่ก็เรียนมินิเอ็มบีเอจาก ม.เกษตรฯ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

**”เป็ดเหลิม”คุยฟุ้งไม่ทิ้งนิสัยเดิม
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า เท่าที่ดูนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ได้รู้ชัดว่าอาจจะเก่งตอนเรียน แต่เอาจริงไม่ใช่ เพราะตั้งแต่โปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีก็สะเปะสะปะไปหมด บอกว่าจะเอางบประมาณ 1 แสนล้านบาทที่พวกเราเคยทำไว้เป็นงบกลางปีไปกระตุ้นเศรษฐกิจ และเอางบจากธนาคารมาอีกแสนล้าน แล้วพลาดเผลอไปพูดใน 72 ชั่วโมงที่ผ่านมาว่าจะเอางบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อีก 1 แสนล้านมาแล้วก็มาแก้ตัวตอนสายเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ว่าไม่ได้เอาเงินมา แต่จะกระตุ้นให้ใช้เงินเร็ว ทั้งที่ความจริงเงินของ อปท. เป็นเงินที่รัฐต้องจัดสรรให้ตามรัฐธรรมนูญ และต้องมีการกำหนดงานว่าโครงการไหน มีการประกวดราคา ทำสัญญาว่าจ้างตามระเบียบเขาถึงจะจ่ายเงินให้ จะไปกระตุ้นให้ใช้เร็วหรือช้านั้นจะไปทำให้เขาติดคุกหรืออย่างไร ส่วนรัฐมนตรีก็ขยันกันจัง สั่งงานกันไฟแลบหมด ทั้งที่รัฐธรรมนูญมาตรา 176 บอกชัดว่า ครม.จะบริหารราชการได้ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน

การที่นายกรัฐมนตรีออกกฎ 9 ข้อนั้นก็ทำเหมือนไม่ให้เกียรติและไม่ไว้วางใจ ครม.โดยเฉพาะในข้อ 9 ที่ห้ามรัฐมนตรีทำตัวเหนือประชาชนโดยทั่วไปนั้นก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะความเชยของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แสดงว่าไม่ได้อ่านมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าประชาชนมีสิทธิเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวโจมตีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศด้วยว่า เป็นคนที่เลอะเทอะ ครั้งแรกบอกว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ต่อมาก็บอกให้สัมภาษณ์เรื่องอาหารดี ดนตรีไพเราะ เป็นนวัตกรมใหม่ยากต่อการลืมเลือน และตอนที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯก็อวดรู้ทำให้เป็นฉลาดบอกว่ารัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ยกประสาทพระวิหารให้กัมพูชา ทั้งที่ไม่จริง วันนี้เอียงไปเอียงมา พฤติกรรมคนเหล่านี้เวลาเป็นฝ่ายค้านทำตัวอย่างหนึ่ง เป็นรัฐบาลก็ทำอีกอย่าง

**”เป็ดเหลิม”ขู่”มาร์ค”อย่ามีอารมณ์
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีระบุอาจจะเลื่อนวันแถลงนโยบายออกไปหากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงรุนแรง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีอะไรรุนแรงที่มีคนมาประท้วงเป็นเพราะเรื่องการได้ตำแหน่งและตั้งรัฐบาลมาแบบไม่สง่างาม ตอนเลือกตั้งได้คะแนนนิดเดียว จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ตนก็จะเดินทางไปรัฐสภาแต่เช้าจะไม่ทำเหมือนนายอภิสิทธิ์ที่หนีไปตั้งหลักที่พรรคและยืนยันว่าจะไปอภิปรายแน่นอน

“ขอให้นายอภิสิทธิ์ เตรียมตอบให้ดี อย่ามีอารมณ์ ขออย่าได้ประท้วง ผมจะไม่มีการอภิปรายนอกกรอบ และจะไม่เริ่มอภิปรายทันทีหลังจากนายอภิสิทธิ์พูดจบ แต่จะรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่ง ส.ส.เพื่อไทยได้มอบเวลาให้ตนอภิปรายได้เต็มที่ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านจึงไม่มีปัญหาเรื่องเวลา ส่วนที่มี ส.ส.เพื่อไทยบางคนขอใช้เอกสิทธิ์ไม่เข้าร่วมอภิปรายในครั้งนี้ ก็เป็นสิทธิ์ ส่วนเรื่องที่พรรคเพื่อไทยจะหยิบยกเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลมาอภิปรายโจมตีนั้น ก็เชื่อว่าหมากกระดานนี้ พรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงไม่ได้แน่ เหตุผลก็รู้ๆ กันอยู่” หัวหน้าทีมอภิปรายพรรคเพื่อไทยซักซ้อมก่อนวันจริง

**อ้างพิลึกถอด“3เกลอ”แทรกแซงสื่อ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะแบ่งกลุ่มอภิปรายตามนโยบายรัฐบาล โดยการอภิปรายจะเน้นเรื่องจริงมีข้อมูลพยานหลักฐาน จะไม่ใช้โวหารเอาน้ำลายทำร้ายผู้อื่น แต่จะท้วงติงด้วยข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่องการแทรกแซงสื่อของนายสาทิต วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถอดรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และรัฐมนตรีหน้าลูกรังที่สั่งย้ายข้าราชการก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 75-76 และกรณีที่ดิน ส.ป.ก.ที่มีการสร้างหลักฐานเท็จและชี้แจงข้อมูลที่เป็นเท็จ

“กรณี ส.ป.ก.4-01 ท่านเนวิน เอากระจงไปปล่อย กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่ฝ่ายเราจะไม่ทำอย่างนั้นจะอภิปรายด้วยท่าทีที่เป็นสุภาพบุรุษ เน้นหลักฐานเป็นสำคัญ ขอเรียกร้อง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ผบ.ทบ.อย่า 2 มาตรฐาน ควรนำทหารให้อยู่ในที่ตั้ง เพราะทหารมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือสนับสนุนประชาชน อย่านำทหารมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทหารไม่ได้เป็นใหญ่ อย่ามาทำพฤติกรรมที่เป็นการข่มขู่เสื้อแดงทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำกับเสื้อเหลือง” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แบบเดียวกับวันที่ 7 ต.ค.ที่พวกตนกระโดดหนีข้ามกำแพง เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงก็จะสนองให้นายอภิสิทธิ์ จะเป็นรัฐบาลกระโดดกำแพงรุ่นสอง นอกจากนี้ ในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ระวังพฤติกรรมจะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เพราะก่อนหน้าที่ตนได้ไปยื่นหลักฐานแจ้งความกับนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้จัดรายการให้พี่น้องประชาชนจากทั่วประเทศโหวตว่า ครม. นายอภิสิทธิ์ จะใช้ฉายาว่าอะไร ปรากฏว่าประชาชนร้อยละ 80 ที่ส่งข้อความมา เห็นว่ารัฐบาลควรใช้ชื่อว่า “รัฐบาลไอ้ห้อยไอ้โหน”

**11ชม.ไม่พอเตรียมขออีก 3 วัน
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ระยะเวลา 11 ชั่วโมง ที่รัฐบาลจัดสรรให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่เพียงพอ เพราะระยะเวลาสองวันต้องทอนเวลาให้กับ ส.ว.8 ชั่วโมง คณะรัฐมนตรี 4 ชั่วโมง รัฐบาล 5 ชั่วโมง ซึ่ง 11 ชั่วโมง ที่ให้ฝ่ายค้านนั้นไม่พอเพราะพรรคเรามีบุคลากรเป็นจำวนมาก และลงชื่อยื่นความประสงค์ เพื่อขออภิปรายกว่า 80 คน เมื่อแบ่งเวลาแล้วสมาชิกจะได้อภิปรายไม่ถึง 10 นาที ซึ่งระยะเวลาเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอต่อการแนะรัฐบาล ไม่ได้สาระอะไรแม้แต่น้อย และประชาชนที่รับฟังก็จะไม่ได้ประโยชน์

พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า ผู้ชุมนุมเสื้อแดงเชื่อว่าชุมนุมอย่างสงบไม่กระทำพฤติกรรมเหมือนเสื้อเหลืองแต่ที่แปลกไปคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดทำอะไร แต่พอคนเสื้อแดงจะมาฟังการแถลงนโยบาย ตำรวจกลับขยันขันแข็ง ซ้อมเตรียมการับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะซ้อมเตรียมการนำนายอภิสิทธิ์ออกจากรัฐสภา หากปิดล้อม ขอเรียกร้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ดูแลผู้ชุมนุมเสื้อแดงเหมือนกับดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ และอย่านำตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองวางตัวให้เป็นตำรวจที่คอยปกปักรักษาประชาชน

ส่วนทหารต้องมีวินัย อย่ากระสันเลียนายสนับสนุนรัฐบาล และขอให้ตำรวจที่กำลังกระทำพฤติกรรม ที่เป็นการกีดกันหรือสกัดประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาร่วมฟังกันแถลงนโยบาย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางได้อย่างปลอดภัย ไม่มีการตั้งด่านตรวจบัตรประชาชน เพราะประชาชนต้องการทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อถามว่าจะมีการต่อรองระยะเวลาอภิปรายให้เป็น 3 วันหรือไม่ พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า ก่อนการอภิปรายในวันนี้ฝ่ายค้านจะหารือเพื่อต่อรองขอขยายเวลาอภิปราย เพื่อตรวจสอบนโยบาย ออกไปอีก 3 วัน เพราะเมื่อครั้งที่พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลยังเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายถึงสามวัน 13 ชั่วโมง อภิปรายคนละ 20 นาที

**พท.ขอดูสถานการณ์ก่อนมีท่าที
เวลา 15.00 น.นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน และ ส.ส.อยุธยา แถลงข่าวภายหลังจากประชุมวางกรอบเตรียมการซักฟอกนโยบายรัฐบาลว่า ที่ประชุมมีมติเบื้องต้นจะรอดูท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากทราบว่าขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกประชุม ส.ส.ในวันนี้ (29 ธ.ค.) เวลา 07.00 น.ที่พรรคเพื่อประเมินสถานการณ์ในช่วงเช้าก่อนการประชุม กรณีผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงมาปิดล้อมที่รัฐสภา

โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นฝ่ายค้านจะขอรอดูสถานการณ์เพื่อหารือในช่วง 08.00 น.ที่พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง แต่หากพรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่เข้าแถลงนโยบายพรรคก็เตรียมที่จะจัดเวทีที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 29 ธ.ค.ทันที เพื่อปราศรัยความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้หัวข้อว่า ”การปล้นประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดในโลก” โดยจะให้ทีมอภิปรายนำเนื้อหาที่ได้เตรียมไว้อภิปรายนโยบายรัฐบาลนำมาพูดบนเวทีปราศรัยให้ประชาชนรับทราบ

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า หากมีการประชุมแถลงนโยบาย พรรคได้เตรียมทีมอภิปรายโดยจะใช้แกนนำหลัก 10 คนคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.ชัยนาท นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ ส.ส.สัดส่วน และตน เป็นผู้อภิปรายซักฟอกนโยบายรัฐในด้านต่างๆ โดยจะเน้นที่จริยธรรมการเมือง และความชอบธรรมทางด้านกฎหมายและการบริหารบ้านเมืองที่สำคัญในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะเห็นว่าในเรื่องนี้ไม่ได้ระบุเรื่องมาตราการในการปราบปรามยาเสพติดที่ถือเป็นนโยบายของทุกรัฐบาล ซึ่งเป็นที่น่าผิดสังเกต ส่วนส.ส.จำนวน 80 คน ที่เข้าร่วมอภิปรายก็ได้มีการแบ่งลำดับและเวลาในการพูดตามความเหมาะสม

**แจ้งความ“กษิต”-ซัดตร.ขู่เสื้อแดง
บ่ายวันเดียวกันนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายและกองโฆษกพรรคไปแจ้งความนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา135 (2) ระบุถึงการกระทำความเสียหายร้ายแรง ถือเป็นความผิดฐานก่อการร้าย ที่สถานีภูธรราชาเทวะ และขอฝากไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับนายกษิต อย่างตรงไปตรงมาตามที่เคยให้สัญญากับประชาชน รวมทั้งกรณีของรัฐมนตรีคนอื่น เช่น นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ

ส่วนกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจกใบปลิวจำนวน 4 หมื่นแผ่น ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่าการชุมนุมขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐถือเป็นข้อหากบฎนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นการประกาศในรูปแบบของการข่มขู่ประชาชน แสดงว่าตำรวจบางคนกำลังเปลี่ยนสีอย่างเร็วมาก บางส่วนก็กำลังเอี้ยวตัวปรับเข้าอีกฝ่าย

ดังนั้น ขอยืนยันว่าการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธถือเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนทำได้ เพราะขณะนี้ถือว่าประชาชนทั่วทุกภาคกำลังมาทวงสิทธิ์และอำนาจประชาธิปไตยคืนจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ปล้นทรัพย์ รับของโจร จนได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นการชุมนุมของประชาชนในวันแถลงนโยบายสามารถที่จะทำได้ เพราะต้องการเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์คืนสิทธิ์ให้กับเขาโดยการยุบสภา สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน แต่เป็นวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนที่รู้สึกว่าโดนโกงมาเรียกร้องทวงทรัพย์ที่โดนปล้นมา และคนที่มามาด้วยใจ

**”นวย”ลั่นปิดสภาเจอข้อหากบฏ
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จะสกัดกั้นการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) โดยยึดหลักมาตรฐานเดียวกับการดูแลพันธมิตรฯ หากมีการปิดล้อมรัฐสภาและขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาลวันนี้ (29 ธ.ค.) จะเข้าข่ายกระทำผิดข้อหากบฏ ตำรวจจะดำเนินคดีและออกหมายจับทันที ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะบันทึกภาพตลอดการชุมนุม พร้อมแจกแผ่นปลิวแจ้งเตือนผู้ชุมนุมให้ชุมนุมโดยสงบตามวิถีทางประชาธิปไตย 4 หมื่นแผ่น

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า หากสถานการณ์เสี่ยงต่อความรุนแรง ผู้นำการชุมนุมต้องสั่งสลายการชุมนุมทันที รวมทั้งจะมีมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เปิดให้ผู้ชุมนุมเข้าทางฝั่งลานพระบรมรูปทรงม้าเพียงด้านเดียว ซึ่งจะมีการติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย 24 กองร้อย พร้อมย้ำว่าเจ้าหน้าที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าจะมีการเคลื่อนขบวนของกลุ่ม นปช.จากท้องสนามหลวงมายังหน้ารัฐสภาในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ โดยไม่มีเหตุรุนแรง เพราะไม่มีรายงานของกลุ่มต่อต้านเข้าปะทะ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจรบริเวณดังกล่าวด้วย

**”เสื้อแดง”ปิดถนนแยกอูทองใน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ว่า การ์ด นปช.ได้มีการปิดถนนบริเวณแยกอู่ทองในแล้วตั้งแต่ช่วงบ่าย และห้ามรถสัญจรผ่านไปมาอย่างเด็ดขาดท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของตำรวจด้านในสภาอย่างแน่นหนา

ขณะเดียวกันตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำป้ายประกาศความสูง 4 เมตรมาติดตั้งบริเวณจุดชุมนุม 10 แผ่นโดยไว้หน้าอาคารรัฐสภา 4 แผ่น หัวมุมถนนอู่ทองใน 2 แผ่น และสนามหลวง 4 แผ่น เตือนให้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย และต้องยุติการชุมนุมทันทีเมื่อมีคำสั่งจากตำรวจกรณีเกิดความวุ่นวายใดๆ ขึ้น

ส่วนการชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง มีการเปิดเวทีอย่างเป็นทางการตั้งแต่เวลา 16.30 น.โดยแกนนำไดมีการปราศรัยเปิดประเด็นการบริจาคเงินของบริษัท ทีพีไอ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค โดยเบื้องต้นกำหนดชุมนุม 3 วัน คือวันที่ 28-30 ธ.ค.แต่หากรัฐบาลยังไม่ยุบสภา จะนัดชุมนุมใหญ่อีกหลังเทศกาลปีใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเสื้อแดงได้ทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีนายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเข้าร่วมพิธีด้วย สำหรับการชุมนุมใหญ่ในวันนี้ใช้ชื่อว่า ความจริงวันนี้ความจริงประเทศ ไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งแกนนำนั้นเตรียมนำหลักฐานเรื่องการหนีการเกณฑ์ทหารมาเปิดเผย เพื่อทวงถามเรื่องจริยธรรมทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์

**รุมทำร้ายชายวัย40ปีคิดว่า พธม.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการชุมนุมที่บริเวณท้องสนามหลวงในเวลาประมาณ 17.00 น.แกนนำหลัก เช่นนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ขึ้นเวทีทักทายกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาร่วมชุมนุมจำนวนมาก

โดยนายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารไทยรักไทย ขึ้นเวทีปราศรัยเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา และคืนอำนาจให้กับประชาชน จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งขอให้พรรคร่วมรัฐบาลที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ถอนตัว และกลับเข้ามาอยู่กับพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เชื่อว่านโยบายที่จะออกมาเป็นนโยบายที่ถอดแบบออกมาจากรัฐบาลชุดก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการชุมนุมปราศรัยได้มีชายอายุประมาณ 40 ปี ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกพันธมิตรฯเข้ามาสร้างความปั่นป่วน จึงถูกกลุ่มผู้ชุมนุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ศีรษะแตก การ์ดของกลุ่ม นปช.ได้นำตัวมาหลังเวที เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เนื่องจากเกรงว่าจะถูกกลุ่มผู้ชุมนุมรุมประชาทัณฑ์

สำหรับด้านหน้ารัฐสภา ในเวลา 18.00 น. การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง มีการตั้งเวทีปราศรัย โดยผู้ชุมนุมได้ผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัย โจมตีรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเฉพาะการตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบโดยมีคนสวมเสื้อสีแดงทยอยเดินทางมาสมทบอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่าสังเกตว่า นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ได้มาปรากฏตัวที่เวที แต่ไม่ได้ปราศรัย และเดินทางกลับออกไปทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยขณะที่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพเข้าไปทำข่าวการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่รัฐสภา โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ต่อว่าช่างภาพขณะบันทึกภาพเหตุการณ์ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังยกรถสุขาเคลื่อนที่ออกจากถนนอู่ทองใน ฝั่งสวนสัตว์ดุสิต แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมเข้าไปแย่งกุญแจรถเจ้าหน้าที่โยนทิ้งเข้าไปในพงหญ้า กลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพจึงเข้าไปสังเกตการณ์อยู่ด้านในรัฐสภาระหว่างนั้นได้มีการยิงหนังสติกเข้าใส่ แต่โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ
กำลังโหลดความคิดเห็น