รอยเตอร์ – นายกรัฐมนตรีทาโร อาโสะแห่งญี่ปุ่น พยายามอย่างสุดฤทธิ์เมื่อวานนี้(24)เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยพุ่งทะยาน โดยประกาศร่างงบประมาณแผ่นดินสำหรับในปีหน้า ซึ่งมีมูลค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ท่ามกลางความหวาดหวั่นว่าญี่ปุ่นกำลังถลำลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันยาวนาน
อย่างไรก็ตาม ร่างงบประมาณนี้ซึ่งจะใช้ในช่วงระหว่าง เมษายน 2009 – มีนาคม 2010 จะสามารถผ่านรัฐสภาออกมาได้หรือไม่ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนนัก เพราะว่าคะแนนนิยมของอาโสะในหมู่ประชาชนนั้นกำลังหดหายอย่างฮวบฮาบ ซึ่งส่งผลให้เขาไม่สามารถควบคุมพรรคลิเบอรัล เดโมแครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของเขา อันเป็นแกนนำคณะรัฐบาลผสมได้อย่างมั่นคงอีกต่อไป ขณะเดียวกับที่นักวิเคราะห์พากันกล่าวว่าแอลดีพีกำลังมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียอำนาจในสภาล่างไปในการเลือกตั้งที่น่าจะมีขึ้นในเดือนกันยายนปีหน้า
ร่างงบประมาณที่ประกาศเมื่อวานนี้ เมื่อรวมกับร่างงบประมาณเพิ่มเติมอีก 2 ฉบับที่ได้ประกาศใช้สำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน (เมษายน 2008-มีนาคม 2009) ก็หมายความว่าบรรดาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของอาโสะ มีมูลค่าถึง 12 ล้านล้านเยน ซึ่งมากกว่า 2% ของผลผลิตมวลรวมประชาชาติ(จีดีพี)ของญี่ปุ่น
เหล่ารัฐมนตรีชี้ว่าเงินอัดฉีดเศรษฐกิจนี้มีขนาดเท่า ๆกับที่รัฐบาลประเทศใหญ่ ๆอนุมัติกันไปก่อนหน้านี้ โดยความผันผวนรุนแรงของเศรษฐกิจโลกได้ทำให้ประเทศต่าง ๆเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนบรรดาผู้กำหนดนโยบายต้องเข็นมาตรการทางการคลังออกมาเป็นจำนวนรวมกันหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว เพื่อการช่วยชีวิตภาคธุรกิจและการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ตลอดจนใช้มาตรการทางการเงิน ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ในระดับใกล้ 0% ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ในภาวะที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีจะลดต่ำลงสืบเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ทางการโตเกียวจึงกำลังหวังพึ่งพาสิ่งที่เรียกกันว่า “ขุมทรัพย์ที่มองไม่เห็น” ที่อยู่ในคลังของตัวเอง ซึ่งได้แก่พวกเงินสำรองที่เก็บไว้ในบัญชีพิเศษ นอกจากนี้ก็ยังมีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อระดมเม็ดเงินจากเอกชนอย่างหนักหน่วง
“แม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงคลื่นยักษ์สึนามิของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้ แต่ก็ยังสามารถที่จะหาทางออกจากปัญหาได้” อาโสะกล่าวในขณะที่แสดงแผนภาพของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งวาดเป็นรูปจรวดสามท่อน
“ตอนนี้เศรษฐกิจโลกนั้นเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรงที่ร้อยปีจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง เราจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษเพื่อรับมือกับสถานการณ์อันพิเศษยิ่งนี้” เขากล่าว
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายก็ยังสงสัยว่าอาโสะจะมีบารมีทางการเมืองพอที่จะผลักดันให้กฏหมายงบประมาณใหม่ รวมทั้งกฏหมายอื่น ๆผ่านรัฐสภาที่แบ่งแยกเป็นสองฝ่ายอย่างรุนแรงได้หรือไม่ โดยที่ก่อนหน้าอาโสะก็ออกมาบอกว่าไม่อยากจะยุบสภาเพราะจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจให้มีปัญหามากขึ้น
แอลดีพีและพรรคร่วมรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นครองเสียงข้างมากในสภาล่าง ขณะที่พวกฝ่ายค้านมีเสียงเกินกึ่งในสภาสูง เวลานี้ฝ่ายรัฐบาลยังมีเสียงข้างมากในสภาล่างในระดับมากพอที่จะคว่ำมติคัดค้านของสภาสูงได้ แต่ถ้าหากมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแปรพักตร์ไปอยู่กับฝ่ายค้าน ความได้เปรียบเช่นนี้ก็อาจจะหมดไป และสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่จะไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย
ตัวอย่างเช่นเมื่อวานนี้เอง ตอนที่ฝ่ายค้านยื่นร่างกฎหมายให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ปรากฏว่า อดีตรัฐมนตรีผู้หนึ่งที่เป็นสมาชิกพรรครัฐบาล ได้ร่วมออกเสียงเห็นชอบกับฝ่ายค้าน
สำหรับร่างงบประมาณประจำปีนี้ที่รัฐบาลเสนอออกมาคราวนี้ มีมูลค่า 88.5 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปีนี้ 6.6% ในอีกด้านหนึ่ง คาดหมายกันว่ารายได้จากภาษีของรัฐจะลดลงราว 14% ไปอยู่ที่ 46.1 ล้านเยน จาก 53.6 ล้านล้านเยนของปีงบประมาณ 2008/2009 จากการที่เศรษฐกิจย่ำแย่ลงและรายได้ของบริษัทต่าง ๆก็ดิ่งลงด้วย
อาโสะวางแผนจะเอาเงินสำรองต่างๆ ที่รัฐบาลมีอยู่นอกบัญชีงบประมาณมาใช้ เพื่อมิให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณมากขึ้นไปอีก ตลอดจนช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องออกตราสารหนี้เพื่อระดมทุน
อย่างไรก็ตาม ร่างงบประมาณนี้ซึ่งจะใช้ในช่วงระหว่าง เมษายน 2009 – มีนาคม 2010 จะสามารถผ่านรัฐสภาออกมาได้หรือไม่ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนนัก เพราะว่าคะแนนนิยมของอาโสะในหมู่ประชาชนนั้นกำลังหดหายอย่างฮวบฮาบ ซึ่งส่งผลให้เขาไม่สามารถควบคุมพรรคลิเบอรัล เดโมแครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของเขา อันเป็นแกนนำคณะรัฐบาลผสมได้อย่างมั่นคงอีกต่อไป ขณะเดียวกับที่นักวิเคราะห์พากันกล่าวว่าแอลดีพีกำลังมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียอำนาจในสภาล่างไปในการเลือกตั้งที่น่าจะมีขึ้นในเดือนกันยายนปีหน้า
ร่างงบประมาณที่ประกาศเมื่อวานนี้ เมื่อรวมกับร่างงบประมาณเพิ่มเติมอีก 2 ฉบับที่ได้ประกาศใช้สำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน (เมษายน 2008-มีนาคม 2009) ก็หมายความว่าบรรดาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของอาโสะ มีมูลค่าถึง 12 ล้านล้านเยน ซึ่งมากกว่า 2% ของผลผลิตมวลรวมประชาชาติ(จีดีพี)ของญี่ปุ่น
เหล่ารัฐมนตรีชี้ว่าเงินอัดฉีดเศรษฐกิจนี้มีขนาดเท่า ๆกับที่รัฐบาลประเทศใหญ่ ๆอนุมัติกันไปก่อนหน้านี้ โดยความผันผวนรุนแรงของเศรษฐกิจโลกได้ทำให้ประเทศต่าง ๆเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนบรรดาผู้กำหนดนโยบายต้องเข็นมาตรการทางการคลังออกมาเป็นจำนวนรวมกันหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว เพื่อการช่วยชีวิตภาคธุรกิจและการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ตลอดจนใช้มาตรการทางการเงิน ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ในระดับใกล้ 0% ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ในภาวะที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีจะลดต่ำลงสืบเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ทางการโตเกียวจึงกำลังหวังพึ่งพาสิ่งที่เรียกกันว่า “ขุมทรัพย์ที่มองไม่เห็น” ที่อยู่ในคลังของตัวเอง ซึ่งได้แก่พวกเงินสำรองที่เก็บไว้ในบัญชีพิเศษ นอกจากนี้ก็ยังมีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อระดมเม็ดเงินจากเอกชนอย่างหนักหน่วง
“แม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงคลื่นยักษ์สึนามิของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้ แต่ก็ยังสามารถที่จะหาทางออกจากปัญหาได้” อาโสะกล่าวในขณะที่แสดงแผนภาพของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งวาดเป็นรูปจรวดสามท่อน
“ตอนนี้เศรษฐกิจโลกนั้นเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรงที่ร้อยปีจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง เราจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษเพื่อรับมือกับสถานการณ์อันพิเศษยิ่งนี้” เขากล่าว
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายก็ยังสงสัยว่าอาโสะจะมีบารมีทางการเมืองพอที่จะผลักดันให้กฏหมายงบประมาณใหม่ รวมทั้งกฏหมายอื่น ๆผ่านรัฐสภาที่แบ่งแยกเป็นสองฝ่ายอย่างรุนแรงได้หรือไม่ โดยที่ก่อนหน้าอาโสะก็ออกมาบอกว่าไม่อยากจะยุบสภาเพราะจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจให้มีปัญหามากขึ้น
แอลดีพีและพรรคร่วมรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นครองเสียงข้างมากในสภาล่าง ขณะที่พวกฝ่ายค้านมีเสียงเกินกึ่งในสภาสูง เวลานี้ฝ่ายรัฐบาลยังมีเสียงข้างมากในสภาล่างในระดับมากพอที่จะคว่ำมติคัดค้านของสภาสูงได้ แต่ถ้าหากมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแปรพักตร์ไปอยู่กับฝ่ายค้าน ความได้เปรียบเช่นนี้ก็อาจจะหมดไป และสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่จะไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย
ตัวอย่างเช่นเมื่อวานนี้เอง ตอนที่ฝ่ายค้านยื่นร่างกฎหมายให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ปรากฏว่า อดีตรัฐมนตรีผู้หนึ่งที่เป็นสมาชิกพรรครัฐบาล ได้ร่วมออกเสียงเห็นชอบกับฝ่ายค้าน
สำหรับร่างงบประมาณประจำปีนี้ที่รัฐบาลเสนอออกมาคราวนี้ มีมูลค่า 88.5 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปีนี้ 6.6% ในอีกด้านหนึ่ง คาดหมายกันว่ารายได้จากภาษีของรัฐจะลดลงราว 14% ไปอยู่ที่ 46.1 ล้านเยน จาก 53.6 ล้านล้านเยนของปีงบประมาณ 2008/2009 จากการที่เศรษฐกิจย่ำแย่ลงและรายได้ของบริษัทต่าง ๆก็ดิ่งลงด้วย
อาโสะวางแผนจะเอาเงินสำรองต่างๆ ที่รัฐบาลมีอยู่นอกบัญชีงบประมาณมาใช้ เพื่อมิให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณมากขึ้นไปอีก ตลอดจนช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องออกตราสารหนี้เพื่อระดมทุน