เบอร์แทรม เคมิคอล ตั้งเป้ายอดขายโต 20% ยังมีเซียงเพียวอิ๊วเป็นตัวหลัก ปี 2522 แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด เผยปัจจัยลบมากมายปีนี้ไม่ระแคะระคาย โชว์รายได้ 400 ล้านบาทเติบโต 20% ประกาศดัน เพพเพอร์มินท์ฟิลด์ เป็นตัวชูโรงปีหน้า รองจากเซียงเพียวอิ๊ว ตั้งทีมลุยเองไม่จ้างแมสมาร์เก็ตติ้งแล้ว
นางสุวรรณา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เบอร์แทรม เคมิคอล (1982) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว กล่าวว่า แผนการตลาดในปี 2552 บริษัทฯจะพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่ารวมทั้งการขยายตลาดจากฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าในปี 2522 เป็นปีที่ควรต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในปีนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองไทยจะมีปัจจัยลบหลายอย่างกระทบต่อธุรกิจในภาพรวม แต่ผลิตภัณฑ์ยาดม ยาหม่องไม่ใช่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย รวมทั้งบริษัทฯทำตลาดและบริหารงานอย่างระมัดระวัง ควบคุมต้นทุน บริหารความเสี่ยง เพื่อให้บริษัทฯเติบโตได้ จึงไม่ได้รับผลกระทบเท่าที่ควรจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่สงบและเศรษฐกิจที่ผ่านมา
ทั้งนี้ยอดขายในปี 2551 บริษัทฯทำได้รวมประมาณ 400 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 20% โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายมาจาก ตลาดในประเทศและต่างประเทศเท่ากัน 50%-50% เนื่องจากการทำตลาดต่อเนื่อง การจัดกิจกรรมการเปิดตัวสินค้าใหม่ยาดมสมุนไพรกานพลูช่วงต้นปี รวมทั้งการขยายตลาดต่างประเทศในตลาดใหม่ๆเช่น อเมริกา ฟิลิปปินส์ และโคลัมเบีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูงและมีมูลค่าตลาดสูงด้วย
ขณะที่ปีหน้า คงไม่ได้ขยายประเทศใหม่ๆมากนัก แต่จะเน้นขยายตลาดเพื่อครองส่วนแบ่งในประเทศต่างๆที่ได้บุกเบิกตลาดไปแล้วให้มีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันทำตลาดในต่างประเทศมากกว่า 10 ประเทศเช่น กัมพูชา ลาว ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย แคนาดา อังกฤษ เยอรมัน เป็นต้น
ส่วนในปี 2552 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 20% เช่นเดียวกัน โดยจะให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้น ตั้งเป้ารายได้สัดส่วนในประเทศ 60% ต่างประเทศ 40% โดยใช้งบการตลาดรวม 60 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีนี้ ทั้งนี้แผนในประเทศจะมีการออกสินค้าใหม่ ออกหนังโฆษณา ชุดล่าสุดคือ "Big Daddy" ของเซียงเพียวอิ๊ว และต้นปีหน้าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์เพพเพอร์มินท์ฟิลด์ อีกทั้งจะมีการขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้นด้วย
การดำเนินงานในปี 2522 จะขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และเดินหน้ากิจกรรมการตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ต่อเนื่อง เหมือนปี 2551 เช่นโครงการทำดีไม่มีมึน ที่ร่วมกับสภากาชาดไทยกระตุ้นให้คนไทยร่วมบริจาคโลหิต เป็นต้น
นางสุวรรณา กล่าวว่า แบรนด์เพพเพอร์ฟิลด์ จะเป็นตัวหลักตัวหนึ่งรองจากเซียงเพียวอิ๊วที่บริษัทฯจะเน้นทำตลาดมากขึ้นในปีหน้า ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 15% เซียงเพียวอิ๊ว 80% ที่เหลือเป็นอื่นๆ ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าในปีหน้าจะทำให้เพพเพอร์มินท์ฟิลด์มีส่วนแบ่ง 50% จากรายได้รวมให้ได้ ล่าสุด ได้แยกทีมงานทำตลาดและขาย สำหรับเพพเพอร์มินท์ฟิลด์โดยตรง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้บริษัทแมสมาร์เก็ตติ้งเป็นดิสทริบิวเตอร์ให้ รวมทั้งจะมีหนังโฆษณาชุดใหม่ด้วย
สำหรับการเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ "Big Daddy" นั้น ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ มีเนื้อหาเพื่อให้กำลังใจคนไทยไม่ให้ท้อถอยและพร้อมลุกขึ้นต่อสู้กับสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึงถือเป็นกลยุทธ์การตลาดหนึ่งที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านสื่อโฆษณา
นางสุวรรณา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เบอร์แทรม เคมิคอล (1982) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว กล่าวว่า แผนการตลาดในปี 2552 บริษัทฯจะพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่ารวมทั้งการขยายตลาดจากฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าในปี 2522 เป็นปีที่ควรต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในปีนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองไทยจะมีปัจจัยลบหลายอย่างกระทบต่อธุรกิจในภาพรวม แต่ผลิตภัณฑ์ยาดม ยาหม่องไม่ใช่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย รวมทั้งบริษัทฯทำตลาดและบริหารงานอย่างระมัดระวัง ควบคุมต้นทุน บริหารความเสี่ยง เพื่อให้บริษัทฯเติบโตได้ จึงไม่ได้รับผลกระทบเท่าที่ควรจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่สงบและเศรษฐกิจที่ผ่านมา
ทั้งนี้ยอดขายในปี 2551 บริษัทฯทำได้รวมประมาณ 400 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 20% โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายมาจาก ตลาดในประเทศและต่างประเทศเท่ากัน 50%-50% เนื่องจากการทำตลาดต่อเนื่อง การจัดกิจกรรมการเปิดตัวสินค้าใหม่ยาดมสมุนไพรกานพลูช่วงต้นปี รวมทั้งการขยายตลาดต่างประเทศในตลาดใหม่ๆเช่น อเมริกา ฟิลิปปินส์ และโคลัมเบีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูงและมีมูลค่าตลาดสูงด้วย
ขณะที่ปีหน้า คงไม่ได้ขยายประเทศใหม่ๆมากนัก แต่จะเน้นขยายตลาดเพื่อครองส่วนแบ่งในประเทศต่างๆที่ได้บุกเบิกตลาดไปแล้วให้มีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันทำตลาดในต่างประเทศมากกว่า 10 ประเทศเช่น กัมพูชา ลาว ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย แคนาดา อังกฤษ เยอรมัน เป็นต้น
ส่วนในปี 2552 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 20% เช่นเดียวกัน โดยจะให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้น ตั้งเป้ารายได้สัดส่วนในประเทศ 60% ต่างประเทศ 40% โดยใช้งบการตลาดรวม 60 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีนี้ ทั้งนี้แผนในประเทศจะมีการออกสินค้าใหม่ ออกหนังโฆษณา ชุดล่าสุดคือ "Big Daddy" ของเซียงเพียวอิ๊ว และต้นปีหน้าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์เพพเพอร์มินท์ฟิลด์ อีกทั้งจะมีการขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้นด้วย
การดำเนินงานในปี 2522 จะขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และเดินหน้ากิจกรรมการตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ต่อเนื่อง เหมือนปี 2551 เช่นโครงการทำดีไม่มีมึน ที่ร่วมกับสภากาชาดไทยกระตุ้นให้คนไทยร่วมบริจาคโลหิต เป็นต้น
นางสุวรรณา กล่าวว่า แบรนด์เพพเพอร์ฟิลด์ จะเป็นตัวหลักตัวหนึ่งรองจากเซียงเพียวอิ๊วที่บริษัทฯจะเน้นทำตลาดมากขึ้นในปีหน้า ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 15% เซียงเพียวอิ๊ว 80% ที่เหลือเป็นอื่นๆ ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าในปีหน้าจะทำให้เพพเพอร์มินท์ฟิลด์มีส่วนแบ่ง 50% จากรายได้รวมให้ได้ ล่าสุด ได้แยกทีมงานทำตลาดและขาย สำหรับเพพเพอร์มินท์ฟิลด์โดยตรง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้บริษัทแมสมาร์เก็ตติ้งเป็นดิสทริบิวเตอร์ให้ รวมทั้งจะมีหนังโฆษณาชุดใหม่ด้วย
สำหรับการเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ "Big Daddy" นั้น ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ มีเนื้อหาเพื่อให้กำลังใจคนไทยไม่ให้ท้อถอยและพร้อมลุกขึ้นต่อสู้กับสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึงถือเป็นกลยุทธ์การตลาดหนึ่งที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านสื่อโฆษณา