นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทยกล่าวถึงวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ในขณะนี้ โดยระบุว่า ผู้ส่งออกของไทยจะต้องจับตาสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดและเร่งปรับตัวเอง เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดสำคัญของไทย ดังนั้น วิกฤตทางการเงินของสหรัฐฯ จะกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มสินค้าที่ไทยเข้าร่วมกับพันธมิตรกับผู้ส่งออกในกลุ่มเอเชียด้วยกัน จึงอยากเตือนผู้ส่งออกของไทยจะต้องปรับตัวเร่งหาตลาดใหม่ๆ เพื่อชดเชยตลาดหลัก และยังคิดว่าวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ในที่สุดเชื่อว่ารัฐบาลกลางของสหรัฐฯ จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยยังไม่รู้ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง แต่คิดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าเนื่องจากสหรัฐฯ จะมีการระดมทุนและใช้เงินทุนสูงเพื่อนำเงินเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้อยู่ในสภาพคล่องที่ดีขึ้นได้
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกไทย กล่าวว่า ปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯ นี้ โดยภาพรวมยังมองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไปในตลาดสหรัฐฯ มากนัก ซึ่งแต่ละปีไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไปจลาดสหรัฐปีละประมาณ 3-3.5 แสนตัน หากปัญหาสหรัฐลดปริมาณนำเข้าข้าวไทยเพียงร้อยละ 10 ก็ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังคิดว่ากลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ คงไม่ได้รับผลกระทบเท่าที่ควร เนื่องจากแม้ว่าสหรัฐฯ จะมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน แต่ความต้องการสินค้าไปบริโภคยังมีอยู่ต่อเนื่อง แต่กลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากสุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะสินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ดังนั้น ผู้ส่งออกของไทยในกลุ่มต่างๆ จะต้องเร่งปรับตัวหาตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายฐานการส่งออกไปตลาดใหม่แทนตลาดหลัก เช่น ตลาดสหรัฐฯ ที่มีปัญหาทางด้านภาคการเงินอยู่ในขณะนี้
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกไทย กล่าวว่า ปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯ นี้ โดยภาพรวมยังมองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไปในตลาดสหรัฐฯ มากนัก ซึ่งแต่ละปีไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไปจลาดสหรัฐปีละประมาณ 3-3.5 แสนตัน หากปัญหาสหรัฐลดปริมาณนำเข้าข้าวไทยเพียงร้อยละ 10 ก็ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังคิดว่ากลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ คงไม่ได้รับผลกระทบเท่าที่ควร เนื่องจากแม้ว่าสหรัฐฯ จะมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน แต่ความต้องการสินค้าไปบริโภคยังมีอยู่ต่อเนื่อง แต่กลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากสุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะสินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ดังนั้น ผู้ส่งออกของไทยในกลุ่มต่างๆ จะต้องเร่งปรับตัวหาตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายฐานการส่งออกไปตลาดใหม่แทนตลาดหลัก เช่น ตลาดสหรัฐฯ ที่มีปัญหาทางด้านภาคการเงินอยู่ในขณะนี้