xs
xsm
sm
md
lg

ประชานิยมมาร์คเกทับแม้ว กองทุนศก.พอเพียง2เท่าSML

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน- เปิดร่างนโยบายรัฐบาล เน้นกู้วิกฤตเศรษฐกิจ-ฟื้นความสามัคคี ปลูกฝังค่านิยม "คนไทยต้องไม่โกง" สกัดปัญหาคอร์รัปชั่นฯ สานต่อ น้ำ ไฟ รถเมล์ รถไฟฟรี เล็งตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง 2.1 หมื่นล้าน เกทับ 2 เท่า SML อัดฉีดสร้างงานให้รากหญ้า พร้อมตั้งแพคเก็จงบกลางแสนล้าน หว่านทุกกลุ่ม ชงตั้งงบกลาง 1.7 หมื่นล้าน พยุงว่างงาน 5 แสนตำแหน่ง อัดเพิ่มอีก 3 หมื่นล้านเรียนฟรี 15 ปี แจก อสม. เบี้ยคนชรา "เพื่อนเนวิน"ดันต่อรถเมล์ 4 พันคัน

วานนี้ (23 ธ.ค.) มีการชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของรัฐบาล มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระสำคัญคือ การนำร่างนโยบายบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล มาขอให้ ครม.มีมติเห็นชอบ รวมถึงตั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ก่อนนำส่งให้รัฐสภา และจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ธ.ค.นี้
หลังการประชุม นายอภิสิทธิ์ แถลงว่าที่ประชุมได้รับทราบเรื่องสำคัญคือ การสรุปภาวะของประเทศ สภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ความมั่นคง ทรัพยากร ซึ่งทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้นำเสนอและก็ได้อนุมัตินโยบายที่จะได้มีการแถลงต่อรัฐสภา โดยจะจัดพิพม์และส่งให้ทางสภา ในวันนี้ (24ธ.ค.) เพื่อขอให้ประธานรัฐสภาเปิดประชุมร่วม 2 สภา ให้รัฐบาลสามารถแถลงนโยบายได้ในวันที่ 29 ธ.ค. นี้
ส่วนนโยบายหลักๆ จะแบ่งออกเป็นนโยบายเร่งด่วน นโยบายตามวาระของรัฐบาล นโยบายเร่งด่วนนั้นจะมุ่งเน้นภารกิจการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความสมานฉันท์ การฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว การพัฒนาประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากเป็นการประชุม ครม.เป็นครั้งแรก จึงได้ให้แนวทางการทำงานร่วมกันในฐานะครม. รวม 9 ข้อ เพื่อให้รัฐมนตรีทุกคนยึดถือ ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด (อ่านรายละเอียด หน้า 3 )
นอกจากนี้ยังได้นัดประชุม ครม.เป็นกรณีพิเศษ ในคืนวันที่ 30 ธ.ค. หลังเสร็จการประชุมสภา เพื่อให้ความเห็นชอบ ข้อตกลงอาเซียนต่างๆ รวมทั้งการหารือเกี่ยวกับมาตรการในเทศกาลปีใหม่ และคลายข้อจำกัดที่มีมติครม.อยู่ เรื่องการแทรกแซงราคาพืชผล

**รับพิจารณาสานต่อใช้น้ำ-ไฟฟรี
สำหรับนโยบายของรัฐบาลนั้นจะมีประมาณ 20 หัวข้อ อาทิ การสร้างความปรองดอง การปฎิรูปการเมืองเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะมีการพิจารณาเรื่องสานต่อมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจ 6 เดือน 6 มาตรการของรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย เพราะการลดค่าครองชีพของประชาชน ก็ถือว่าอยู่ในนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่อง ค่าน้ำ เรื่องไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ แต่ขอดูรายละเอียดว่าต้องมีการแก้ไขอย่างไรบ้าง

**ไฟเขียวอภิปรายนโยบายถึง31ธ.ค.
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอภิปรายนโยบายว่า รัฐบาลก็พร้อมที่จะชี้แจง และรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ จากที่ประชุมรัฐสภา และหากฝ่ายค้านต้องการอภิปรายถึงวันที่ 31 ธ.ค. ทางรัฐบาลก็ไม่ขัดข้อง แต่เท่าที่ที่คุยกับส.ส.ฝ่ายค้านหลายคน ทราบว่า ไม่ต้องการให้มีการอภิปรายนโยบายถึงวันดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับนโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดก่อนนั้น หากสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน รัฐบาลก็พร้อมที่สานต่อ อาทิ นโยบายกองทุนเอ็สเอ็มแอล โดยรัฐบาลนี้จะเป็นเปลี่ยนใหม่ เป็นกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง

**ปกป้อง เทิดทูนสถาบันฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างนโยบายของรัฐบาล ที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ มีทั้งสิ้น 36 หน้า โดยแบ่งเป็น นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลตั้งเป้าจะดำเนินในปีแรกคือ การปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้มีความมั่นคงในการเป็นศูนย์รวมจิตใจและความรักสามัคคีของคนในชาติ การสร้างความเชื่อมั่น และ กระตุ้นเศรษฐกิจภาครวม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ภาคประชาชน และเอกชนในการลงทุน และการบริโภค เช่น เสริมสร้างความสมานฉันท์ และความสามัคคีของคนในชาติให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ลดปัญหาความขัดแย้งในทุกกรณี รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายให้เท่าเทียมกัน และให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นโยบายในการแก้ปัญหาความยากจน เช่นส่งเสริมการปลูกป่า สร้างความเข้มแข็งของกองทุนหมู่บ้าน และแหล่งเงินทุนอื่นๆในระดับชุมชน เพื่อให้มีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ รวมถึงปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน เพื่อนำไปสู่การลดหนี้หรือยืดเวลาชำระหนี้ หรือลดอัตราดอกเบี้ยหรือลดชำระดอกเบี้ย

**ปลูกฝัง"คนไทยต้องไม่โกง"
นอกจากนี้ในส่วนของนโยบายกฎหมายและการยุติธรรมจะมีการแก้ไขกฎหมายที่เปิดช่องให้มีการทุจริตหรือทำให้มีการประโยชน์ทับซ้อน และออกกฎหมายใหม่ๆเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ขยายและยกเลิกอายุความในคดีบางประเภทและคดีทุจริต ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังสนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมากขึ้นและปลูกฝังค่านิยม”คนไทยต้องไม่โกง” ขณะเดียวกันให้พัฒนากระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น และพัฒนาตำรวจให้เป็นมืออาชีพที่มีเกียรติศักดิ์ศรี และกระจายอำนาจทั้งในส่วนที่ไม่ใช่ภารกิจลัก และกระจายอำนาจไปยังส่วนภูมิภาค
ส่วนนโยบายด้านสื่อจะปรับปรุงกลไกของภาครัฐให้ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะและสร้างความสมานฉันท์ในชาติ และจะจัดให้มีกฎหมายคุ้งครองผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ เพื่อให้มีเสรีปราศจากการแทรกแซง และมีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อด้วย

**รับมือปัญหาเลิกจ้างแรงงาน
นอกจากนี้จะมีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมและค่าบริการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยมากขึ้น ส่วนการรักษาและเพิ่มรายได้ของประชาชนที่รัฐบาลจะต้องรับมือกับปัญหาวิกฤติการเลิกจ้างแรงงานในปีหน้า โดยจะร่วมมือกับภาคเอกชนหามาตรการชะลอการเลิกจ้าง และป้องกันการขยายตัวของการเลิกจ้างของภาคอุตสาหกรรม โดยใช้มาตรการจูงใจ เพื่อลดภาระของเอกชน ส่วนนักศึกษาจบใหม่ และแรงงานที่ว่างงานจากภาคอุตสาหกรรมจะมีการจัดโครงการฝึกอบรมแรงงานที่ว่างงานกว่า 5 แสนคน ในระยะเวลา 1 ปี และมีมาตรการดูแลผู้ถูกเลิกจ้างให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายรวมถึงสวัสดิการต่างๆ เช่น การเพิ่มวงเงินให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง อีกทั้งขยายเพดานให้ผู้สูงอายุสามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนผู้สูงอายุรายละ 3 หมื่นบาท รวมถึงมีการจัดตั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อให้เกษตรมีส่วนร่วมในการเสนอนโยบายและวางแผนพัฒนาเกษตรกรอย่างเป็นระบบ

สำหรับนโยบายเศรษฐกิจจะมีการแบ่งเป็นการบริหารเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะการทำให้ระบบสถาบันทางประเทศมีประสิทธิภาพและความมั่นคงด้วยการติดตามเคลื่อนไหวธุรกรรมทางการเงิน เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างรวดเร็ว โดยขอความร่วมมือทางการเงินในกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียน และร่วมมือแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาค
นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงแนวทางการจัดงบประมาณของประเทศให้สอดคล้องกับกำลังเงิน และเร่งออกกฎหมายของการเงินการคลัง เพื่อใช้กำกับและเป็นกรอบแนวทางปฏิบัติ และมีการปรับปรุงโครงสร้างและการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส

**ลดค่าครองชีพ-เรียนฟรี15ปี
สำหรับนโยบายลดภาระค่าครองชีพของประชาชนจะจัดให้มีการศึกษาฟรี 15 ปี โดยมีการแจกชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนฟรี ให้ทันปีการศึกษาปี 2552 และสนับสนุนค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เรียกเก็บจากผู้ปกครอง มีมาตรการลดค่าครองชีพในการเดินทาง ก๊าชหุงต้ม และบริการด้านสาธารณูปโภคให้สอดคล้องต่อเศรษฐกิจ ใช้กองทุนน้ำมันในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเร่งรัดและติดตามและแก้ไขปัญหาลดขั้นตอนของการปฏิบัติ และกำหนดมาตรการและโครงการต่างๆเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยด่วน
ส่วนนโยบายด้านความมั่นคง รัฐบาลตั้งเป้าจะดำเนินการในระยะเวลา 3 ปีโดยการจะปกป้องเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้มีการล่วงละเมิดพระบรมเดชานุภาพอย่างจริงจัง ส่วนการพัฒนาศักยภาพในการป้องกันประเทศจะมีการเตรียมความพร้อมของกองทัพ และจัดให้มีแผนการสำรองอาวุธ และพลังงานเพื่อความมั่นคง และสนับสนุนให้มีการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เอง และให้ความสำคัญแก่การสำรวจและปักปันเขตแดนต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างถูกต้องตามข้อตกลงและสนธิสัญญา เพื่อไม่ให้มีปัญหากระทบต่อชายแดน

** เกทับ2 เท่าSML อัดฉีดรากหญ้า
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากข้อจำกัดด้านระยะเวลาในการจัดสรรงบกลางปีแสนล้านบาท ที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน กว่าจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ ดังนั้นทางรัฐบาลจะใช้นโยบายกึ่งการคลัง (Quasi-Fiscal Policy) มากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเร่งนำเงินคืนสู่มือประชาชนโดยเร็วที่สุดแทน โดยจะออกมติครม. ให้นำเงินมาใช้ในโครงการเร่งด่วน ด้วยการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน 2.1 หมื่น ล้านบาท เพื่อจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเป็น 2 เท่า มากกว่าโครงการเอสเอ็มแอลที่ผ่านมา ลงไปใน 7 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ โดยใช้หลักเกณฑ์ตามเหมือนเดิม
ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณกึ่งการคลังที่จะนำมาใช้ แม้ว่าจะสามารถลดข้อจำกัดด้านการจัดสรรงบประมาณได้ แต่ทางรัฐบาลจะทำเท่าที่จำเป็นที่สุด แม้ว่านโยบายนี้รัฐบาลเก่าสมัย พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยทำไว้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในสถานการณ์ช่วงนั้น เพราะรัฐบาลช่วงนั้นต้องการเพิ่มกำลังซื้อเพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนเท่านั้น
"แม้ว่าการใช้นโยบายนี้อาจจะสุ่มเสี่ยง แต่สิ่งที่จำเป็นในยามนี้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้รอช้าไม่ได้ เพราะปัญหายิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกวัน แต่ทางรัฐบาลจะทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น" รองนายกฯ กล่าว

**อัด1.7 หมื่นล้านพยุงว่างงาน
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะทบทวนงบกลาง แสนล้านบาท และจะนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้แก้ไขปัญหาการว่างงาน งบประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปฝึกอาชีพกับแรงงานเก่าและใหม่จำนวน 5 แสนคน เป็นเวลา 1 เดือน เช่น การทำงานกับวิสาหกิจชุมชน การประกอบอาชีพส่วนตัว หรือ โครงการคืนครูให้โรงเรียน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะมีแรงงานตกงานประมาณ 8 แสนคนถึง 1.2 ล้านคน
"แหล่งเงินกู้สำหรับผู้ฝึกอาชีพ จะมาจากหลายส่วน เช่น โครงการ ธกส.สานฝัน ที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับแรงงาน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ"
ทั้งนี้ งบกลางปีแสนล้านบาท จะนำมาใช้กับนโยบาย 99 วันทำได้จริงของรัฐบาล โดยจะมีการตั้งงบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท มาใช้กับโครงการเรียนฟรี 15 ปี , ซื้อตำราเรียนฟรี , จัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน และเครื่องแบบนักเรียน 2 ชุดฟรี พร้อมกับจ่ายค่าซ่อมแซมอาคารสถานที่แก่โรงเรียนให้กับผู้ปกครองอีกด้วย ซึ่งเงินส่วนนี้ คือ ค่าแป๊ะเจี๊ย ของผู้ปกครองที่จะต้องจ่าย แต่รัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ และจะมีการเพิ่มเงินให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มาขึ้นทะเบียนกับภาครัฐ จะได้รับเดือนละ 500 บาท

**เชื่อแก้ปัญหาภาคใต้ได้ผล
นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการจะจัดตั้งสำนักงานบริหารกิจการชายแดนภาคใต้ ว่า คงไม่ต้องปรึกษากับฝ่ายความมั่นคง เมื่อมีองค์กรใหม่จะตั้งขึ้นตามกฎหมายใหม่ที่จะเสนอ ก็คงดูว่าในทางปฏิบัติจะปรับได้อย่างไร
ทั้งนี้ จะเน้นถึงเรื่องการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของข้าราชการ ทหาร พลเรือน ตำรวจ และทุกภาค รวมทั้งผู้นำศาสนา ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ฝ่ายปกครองท้องที่ นักวิชาการ และประชาชนทั่วไปที่เกี่ยวข้อง ก็จะเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนจะมีใครเป็นประธานขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เชื่อว่าจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นแน่นอน เพราะว่าเป็นองค์กรที่มีเอกภาพ และมีกฎหมายรองรับชัดเจน คนที่จะปฏิบัติหน้าที่ก็มีอำนาจชัดเจนตามกฎหมาย คาดว่าจะดำเนินการได้เร็วที่สุด เพราะว่าร่างกฎหมายได้ร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็คือการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.

**"เพื่อนเนวิน"ดันต่อรถเมล์4พันคัน
นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม กล่าวถึงโครงการเช่ารถเมล์4 พันคัน ที่อดีตรัฐมนตรีในกลุ่ม เคยผลักดันแต่พรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบมาตลอดว่า หากโครงการนี้มีประโยชน์ก็น่าจะปรับปรุง เพราะทำไปแล้วประชาชนได้ประโยชน์ก็ควรกระทำ เมื่อถามว่าโครงการนี้จะให้คนอื่นๆดำเนินการแทนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมากลุ่มเพื่อนเนวิน ผลักดันมาตลอด นายประจักษ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวว่าใครกระทำ มันเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็ควรดำเนินการต่อ
ขณะที่นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวถึงแนวโน้มในการที่จะสานต่อโครงการรถเมล์ 4 พันคัน ว่า เอาไว้วันแถลงนโยบายก่อนแล้วค่อยพูด เรื่องไหนดี ก็ทำต่อ เรื่องไหนไม่ดีก็แก้ไข

**ตั้งทีมไทยแลนด์ดันยอดส่งออก
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม จะมีการประชุมครม.ด้านเศรษฐกิจทุกวันจันทร์ โดยจะมีรูปแบบของนโยบายทีมไทยแลนด์ ทั้งนี้ได้หารือกับรมว.ต่างประเทศ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทเป็นที่ปรึกษาตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะฉุกเฉิน
ขณะที่นโยบายในการขันเคลื่อนภาคการส่งออก จำเป็นจะต้องมีการตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อเข้าเจาะตลาด และนำกลยุทธ์มาใช้ในการเข้าหาตลาดใหม่ โดยคาดว่าจะมีกลไกในการจัดตั้งหน่วยงานใหม่หลายหน่วยงาน
ทั้งนี้เชื่อว่า ภายในไตรมาสแรก เป้าหมายการส่งออกปี 52 จะมากกว่า 5% แม้ยอดการส่งออกเดือนพ.ย.จะลดลงก็ตาม เนื่องจากสถาบันการเงินและผู้นำเข้าก็มีปัญหาเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยในการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร นอกจากนโยบายการเข้าแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการอื่นๆ มาจัดการกับปัจจัยภายในประเทศด้วย เช่น มาตรการการสร้างตลาดนอกประเทศ ในประเทศให้มากขึ้น เป็นต้น

**ท่องเที่ยวเร่งฟื้นฟู-เยียวยาเอกชน
นายชุมพล ศิลปะอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าจะเร่งรัดมาตรการฟื้นฟูและเยียวยาให้กับภาคเอกชนและนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการท่องเที่ยว และเชื่อว่ามาตรการที่ออกจะไม่ช้ากว่าไตรมาสแรก ซึ่งจะมีการตัดสินใจอย่างรูปธรรม เพราะมีข้อเสนอทั้งจากภาคเอกชนและภาครัฐอยู่แล้ว
นอกจากนั้นการเพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยวจำเป็นที่จะต้องมีแผนระยะยาว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและเป็นเรื่องที่ต้องพร้อมที่จะตัดสินใจได้ทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น