“จุรินทร์” เข้า ศธ.วันแรก ประกาศเข้มเรื่องแปะเจี๊ยะ หวังให้เด็กเรียนฟรีจริง ทั้งเร่งประสานภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรม หอการค้าช่วยบัณฑิตตกงาน พร้อมนัดผู้บริหารประชุมทุกจันทร์และประชุมข้าราชการ ศธ.เดือนละครั้ง
วันนี้ (24 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.29 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการเป็นวันแรก โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการ มารอให้การต้อนรับจำนวนมาก พร้อมมอบดอกไม้ จากนั้นเดินทางไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์ประจำกระทรวง
นายจุรินทร์ กล่าวภายหลังพบผู้บริหาร ศธ.ว่ายังไม่ขอพูดนโยบายของกระทรวง เพราะวันนี้ยังไม่ถือว่าเป็นการทำงานอย่างเป็นทางการ รอหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสียก่อน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้จัดทำนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาเสร็จแล้ว และวันนี้ นายชัย ชิดชอบ ประธานพิจารณา เพื่อรอแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสะดวกกับทุกฝ่าย 29 ธันวาคมนี้ สำหรับเรื่องหลัก ๆ ของ ศธ.ที่เน้นอยู่ 2 เรื่องที่ต้องดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรม เรื่องแรก เรียนฟรี 15 ปี เริ่มตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ถ้าจะทำให้ฟรีจริง ต้องดูว่าฟรีเรื่องใดบ้าง เช่น ฟรีค่าอุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน ตำราเรียน เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ เพราะรัฐบาลเข้ามาบริหารงานในช่วงที่มีการใช้งบประมาณไปแล้ว พร้อมกันนี้ต้องดูงบกลางปีที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ 1 แสนล้านด้วย เรื่องที่ 2 ปฏิรูปการศึกษารอบ 2
ทั้งนี้ จะเข้มงวดเรื่องการรับแป๊ะเจี๊ยะของโรงเรียน จะดูว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไรเพื่อไม่ให้ผู้ปกครองเดือดร้อน สำหรับเงินอุดหนุนขณะนี้รัฐบาลมีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ชัดเจน ส่วนปัญหาบัณฑิตย์ตกงาน จริงๆ ปัญหานี้เรื้อรังมานานแล้ว เมื่อมาดำรงตำแหน่ง รมว.ศธ. มีแนวคิดจะแก้ปัญหานี้ให้เป็นรูปธรรม คงต้องยอมรับว่าการแก้ปัญหานี้คงไม่เห็นผลภายใน 3 เดือน 6 เดือน ต้องใช้ระยะเวลา แต่ตนจะเริ่มนับ 1 เพื่อให้การแก้ไขเห็นผลชัดเจน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า แนวทางการแก้ปัญหาบัณฑิตตกงาน ในเบื้องต้นจะร่วมมือกับภาคเอกชน สภาอุตสาหรรม หอการค้า สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกันกำหนดทิศทางการเรียนการสอนทุกระดับชั้น อย่างไรก็ตาม ต้องหารือเรื่องการจัดทำหลักสูตรด้วย เพื่อให้สามารถผลิตบัณฑิตย์ได้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานมากยิ่งขึ้น เรียนจบแล้วมีงานทำ
จากนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนคงไม่ไปปรับเปลี่ยนการทำงานมากมาย แต่ขอความร่วมมือจากผู้บริหาร ข้าราชการ 1.อยากให้มีการประชุมผู้บริหารระดับสูงสัปดาห์ละครั้ง หากเป็นไปได้ ขอเป็นช่วงบ่ายวันจันทร์ 2.ส่วนการประชุมกระทรวง ขอให้มีการประชุมทุกเดือน ขอเป็นช่วงเช้า ของวันศุกร์สุดท้ายของเดือน เหตุผลที่เลือกวันจันทร์และวันศุกร์ เนื่องจากรัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะติดดภารกิจภาคบังคับวันอังคาร ประชุมคณะรัฐมนตรี และวันพุธ ประชุมสภา แต่เดือนมกราคม ขอประชุม 2 ครั้ง คือช่วต้นเดือนและปลายเดือน เพราะเพิ่งเริ่มต้นทำงานร่วมกัน
3.อยากฝากให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการประชุมสภาเป็นพิเศษ ขอให้เตรียมข้อมูลให้พร้อม ส่วนการทำงานร่วมกันในศธ.ขอความกรุณาทำงานด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล 4.เน้นเรื่องการทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ในระบบการศึกษา 5.ตนกับรมช อีก 2 ท่าน เข้ามาในฐานะผู้กำกับนโยบาย จึงจะให้ความสำคัญกับนโยบายเป็นหลัก ดังนั้นจึงอยากให้ศธ.ดึงนโยบายมาแปรไปสู่การปฏิบัติ ภายใต้การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ 6.รัฐมนตรีมีหน้าที่แก้ปัญหา ยินดีช่วยแก้ปัญหาให้ อะไรที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน
ด้าน นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการภายใน 1 ปี คงต้องคำนวนงบประมาณเป็นหลัก ถึงจะรู้ว่าจะจัดการเรื่องใดได้บ้าง แต่จะผลักดันนโยบายเรียนฟรี ให้ฟรีจริงอย่างมีคุณภาพ
“ผมเป็น ส.ส.ตาก รู้ปัญหาการขาดการศึกษาของเด็กชายขอบ คิดว่าจะเข้าไปดูแลปัญหานี้อย่างจริงจัง ส่วนเรื่องการพัฒนาครูเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่จะต้องเร่งทำ จะเข้าไปดูเรื่องหนี้สินครู ค่าตอบแทนที่ครูควรจะได้รับ เพื่อให้เป็นครูมืออาชีพ ไม่ใช่มีอาชีพครู”
นางสาวนริศรา กล่าวว่า เคยเป็นอาจารย์พิเศษอยู่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นเวลา 5 ปี ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นข้าราชการแต่ก็เข้าใจการทำงานของข้าราชการ พร้อมทั้งสังเกตเห็นว่าเด็กปัจจุบันศึกษาเล่าเรียนควบคู่กับเทคโนโลยี ตนเห็นว่าเด็กมีความเก่งอยู่แล้ว แต่การเก่งด้านเทคโนโลยีของเด็กแต่ละคน ไม่เท่ากัน เพราะเด็กอยู่ในเมืองและชนบท จะได้เรียนรู้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแตกต่างกัน เด็กชนบทย่อมเสียเปรียบเด็กในเมือง ดังนั้น ตนจะใช้ความสามารถด้านเทคโนโลยีมาช่วยดูแลเกี่ยวกับการเรียนการสอน ทั้งในระบบและระบบทางไกล ซึ่งปัจจุบันระบบทางไกลเป็นระบบวันเวย์ ตนจะปรับให้เป็นบบทูเวย์ ให้มีการสื่อสาร 2 ทางทั้งต้นทางและปลายทาง อย่างไรก็ตาม ต้องขอรับนโยบายจาก รมว.ศธ. และรับมอบหมายงานก่อน จากนั้นจะนำนโยบายมาแปลงเป็นแผนดำเนินงานต่อไป
นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รายงาน รมว.ศธ. และ รมช. กล่าวว่า ประเด็นที่ ศธ.จะขอการสนับสนุนการปฎิบัติงานจาก รมว.ศธ.ดังนี้ 1.ขอให้ยกระดับวิชาชีพครูทั้งระบบ เพื่อสร้างศรัทธาสู่วิชาชีพครูและเน้นความเชื่อมโยงกันระหว่างการผลิตครู การควบคุมการประกอบวิชาชีพครู การส่งเสริมและสนับสนุนตลอดจนเรื่องการบริหารงานบุคคล 2.การส่งเสริมปัจจัยเกี่ยวกับการศึกษาด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศก์เพื่อการเรียนรู้ การพัฒนาแหล่งเรียนรู้และห้องสมุด 3.การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค หรือ Education Hub การพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัย ยกระดับศักยภาพทางวิชาการของสถาบันการศึกษา
4.การยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษาสู่ความทันสมัย ได้แก่ การพัฒนาเครื่องมือ อุปกรณ์ห้องปฏิบัติการ การนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาการศึกษาอาชีวแนวใหม่ และพัฒนาศูนย์อาชีวศึกษาชุมชนเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น 5.การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย การพัฒนาครู หลักสูตรและสื่อการเรียนการสอน และสุดท้ายขอให้ช่วยพัฒนาสถานศึกษา เช่น ซ่อม สร้างอาคารเรียนที่ชำรุดทรุดโทรม การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน การพัฒนาคุณภาพครู และพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการในสถานศึกษา
