xs
xsm
sm
md
lg

สิ่งที่อภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรลืม

เผยแพร่:   โดย: ปฏิวัติ ธนากรรัฐ

ปฏิวัติ ธนากรรัฐ
รองอัยการจังหวัดชุมพร


ท้องฟ้าหลังพายุฝนย่อมสดใสเป็นธรรมดาของธรรมชาติ
ธรรมชาติของการเมืองไทยก็เฉกเช่นเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ผ่านพ้นไปแล้ว ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพในทางการเมืองก็เริ่มส่องแสงเจิดจ้าให้บังเกิดขึ้นในแผ่นดิน

ในที่สุด....นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทยสมใจปรารถนาของผู้คนในแผ่นดินจำนวนหลายสิบล้านคนที่เฝ้าติดตามทางการเมือง และเอาใจช่วยนัก การเมืองหนุ่มอนาคตไกลคนนี้ตลอดมา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นแบบอย่างของผู้นำคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นที่ชื่นชมและเป็นที่ประทับใจของประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้คนเหล่านี้มีความฝันและมีความหวังที่อยากเห็นบุคคลที่ตนเองชื่นชมและประทับใจคนนี้ได้มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศสักครั้งหนึ่งในชีวิตของความเป็นนักการเมืองของเขา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาวีวะ เป็นบุคคลที่ถูกบ่มเพาะมาเพื่อให้เป็นนักการเมืองและเป็นผู้นำใน ทางการเมืองโดยเฉพาะ ภาพลักษณ์ของนักการเมืองหนุ่มคนนี้จึงดูดีมากทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ซึ่งรับรองได้เลยว่าบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศของนักการเมืองหนุ่มคนนี้ ไม่ทำให้คนไทยผิดหวังอย่างแน่นอน

บัดนี้...ความฝันของคนไทยที่มีความรักและมีความชื่นชมศรัทธาในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชา
ชีวะ ได้กลายมาเป็นความจริงแล้ว แม้ว่าภาพที่แสดงการสวมกอดกันระหว่างนายอภสิทธิ์กับนายเนวินจะเป็นภาพที่บาดตาบาดใจสำหรับผู้คนที่เป็นแฟนคลับของนายอภิสิทธิ์ไปบ้างก็ตาม แต่ทุกคนก็พยายามทำใจให้ยอมรับกับภาพอันบาดตาบาดใจนั้นได้ เพราะเข้าใจกันดีว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีทางเลือกมากมายนักในสถานการณ์เช่นนี้

การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศ ไทยได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว

แต่การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสามารถรักษาบัลลังก์แห่งอำนาจของการเป็นนายกรัฐมนตรีเอาไว้ได้นานแค่ไหนนั้น นับเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งกว่า

แต่จากบทเรียนทางการเมืองเท่าที่ผ่านมา น่าจะเชื่อมั่นได้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสามารถรักษาอำนาจรัฐไว้ได้อย่างยาวนานพอสมควรบนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ดังนั้น...นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ จะต้อง ไม่ลืมในสิ่งที่ต้องปฏิบัติในสามประการ ดังต่อไปนี้

ประการที่ 1 คนยากคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
คนยากคนจนที่ถือเป็นชนชั้นรากหญ้าซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศคือจุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยาวนาน ตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่สามารถเข้าไปถึงจิตใจของคนรากหญ้าได้ คนรากหญ้าโดยเฉพาะคนในภาคอีสานมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองของคนชั้นสูงและคนชั้นกลาง และเป็นพรรคของคนภาคใต้ คนรากหญ้าจึงไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนรากหญ้า (โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ) มีความรักและความศรัทธาในตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นอย่างสูง นั่นเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความสำคัญกับคนรากหญ้า นโยบายประชานิยมหลายเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณมันช่างโดนใจคนรากหญ้าเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้ระบอบทักษิณสามารถหยั่งรากฝังลึกเข้าไปอยู่ในจิตใจของคนรากหญ้าได้อย่างมั่นคงและยาวนาน จนยากที่พรรคการเมืองอื่นๆ จะสามารถแทรกซึมเข้าไปแทนที่ในจิตใจของพวกเขาเหล่านั้นได้โดยง่ายดาย

ดังนั้น เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการเป็นรัฐบาล ในขณะที่สถานการณ์ของคนรากหญ้ายังคงมีความภักดีต่อระบอบทักษิณไม่เสื่อมคลาย นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งต้องเร่งลบจุดอ่อน
ของตนเองให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว โดยต้องเร่งหันมาสนใจปัญหาของคนยากคนจนซึ่งเป็นคนส่วน ใหญ่ของประเทศอย่างจริงจังและจริงใจ นโยบายประชานิยมที่เป็นประโยชน์ต่อคนรากหญ้าก็ยัง คงมีความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งนำมาใช้ เพราะนโยบายประชานิยมถึงจะถูกวิพากษ์วิจารณ์

อย่างไรก็ตาม แต่นโยบายประชานิยมก็ยังดีเสียกว่านโยบายที่ประชาไม่นิยมอย่างแน่นอน ขอเพียงแต่ว่ารัฐบาลต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งนี้เพื่อ ดึงจิตใจของคนรากหญ้าออกมาจากระบอบทักษิณให้ได้ และทำให้คนรากหญ้าได้เกิดความรู้สึกเสียใหม่ว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สนใจและพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาของคนยากคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ถึงไม่มีระบอบทักษิณ รัฐบาลทุกรัฐบาลก็ไม่ทอดทิ้งปัญหาของคนยากคนจนเป็นอันขาด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องดำรงตนเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของคนภาคใดภาคหนึ่ง และต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกชนทุกชั้น ไม่ใช่เฉพาะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนรากหญ้าเท่านั้น

ประการที่ 2 เด็กและเยาวชนของชาติ
เด็กและเยาวชนคือกำลังของชาติในอนาคต แต่อนาคตของชาติในทุกวันนี้น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง เพราะขาดคุณภาพทางการศึกษา ขาดจิตสำนึกในความเป็นชาติ ขาดความสนใจในกิจกรรม
ในทางการเมือง และการมัวแต่หลงใหลได้ปลื้มอยู่กับอารยธรรมของต่างชาติมากจนเกินไป

ดังนั้น ในอนาคตข้างหน้าถ้าอยากเห็นประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับประ เทศที่เจริญแล้ว ในวันนี้ประเทศไทยต้องทำการปฏิรูประบบการศึกษาของชาติครั้งยิ่งใหญ่ เราต้องเร่งสร้างเด็กและเยาวชนทั่วทั้งประเทศให้มีคุณภาพ มีปัญญา มีความรู้และความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ต้องสร้างให้เด็กและเยาวชนของเราให้มีสำนึกในความเป็น คนไทยที่มีความรักชาติ รักแผ่นดิน และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องจัดให้อนาคตของชาติได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างรู้แจ้ง เพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนของเราหลงไหลได้ปลื้มอยู่กับอารยธรรมต่างชาติจนลืมความเป็นชาติของตนเอง

ดังนั้น จึงเป็นภารกิจหน้าที่อันสำคัญสูงสุดของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งดูแลกระทรวง ศึกษาธิการที่จะต้องบริหารจัดการให้เด็กและเยาวชนของชาติในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของชาติในวันหน้าให้จงได้ ถ้าหากนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ทำภารกิจนี้ไม่บรรลุความสำเร็จ บ้านเมืองของเราก็คงต้องย่ำอยู่กับที่เหมือนเช่นในวันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลง

ประการที่ 3 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ปฏิเสธไม่ได้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้หากไม่มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ
ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องล้มตายไปเกือบสิบคน และต้องบาดเจ็บไปหลายร้อยคน จึงสามารถโค่นล้มรัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณลงได้

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่สวมใส่เสื้อสีเหลืองอันแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุด จึงเป็นกัลยาณมิตรของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์อย่างแท้จริง

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยส่วนหนึ่ง (ซึ่งน่าจะเป็นส่วนใหญ่) สนับสนุนพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะเหล่าพันธ มิตรฯ ในด้ามขวานทอง

แนวความคิดและอุดมการณ์ในทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์มีความใกล้เคียงกัน กับแนวความคิดและอุดมการณ์เพื่อชาติบ้านเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์จำต้องเล่นบทบาทในระบบและในรัฐสภา แต่กลุ่มพันธมิตร
ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นการเมืองภาคประชาชนที่ต้องทำภารกิจนอกรัฐสภาเพื่อให้บรรลุ
ถึงแนวความคิดและอุดมการณ์ของตนเอง

แนวความคิดและอุดมการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีหลักการใหญ่ๆ อยู่ 4 ประการ คือ 1. ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ให้ผู้ใดหรือกลุ่มใดบังอาจจาบจ้วงล่วง
ละเมิด 2. คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของนักการเมืองในระบอบทักษิณ 3. ต่อต้านและขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ และ 4. ทำลายล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปและสร้างการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย

ผลจากการต่อสู้ด้วยหยาดเหงื่อ คราบน้ำตา และด้วยเลือดเนื้อ และชีวิตของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ด้วยระยะเวลาอันยาวนานติดต่อกันถึง 192 วัน ทั้งต้องยึดถนน ยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสนามบินถึงสองแห่ง ซึ่งเป็นอารยะขัดขืนขั้นสูงสุดเต็มรูปแบบเพื่อให้บรรลุถึงแนวความคิดและอุดมการณ์ดังกล่าว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถพลิกขั้วมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติด้วยตัวเลข 235 คะแนนเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี และทำให้พรรคการ เมืองซึ่งเป็นหุ่นเชิดของระบอบทักษิณต้องแปรเปลี่ยนสถานภาพจากการเป็นรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอย่างเจ็บปวดรวดร้าว

ดังนั้น...ในวันนี้ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำของรัฐบาล จงอย่าได้ลืมเลือนกัลยาณมิตรอย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นอันขาด และอย่าลืมสานต่อแนวความคิดและอุดมการณ์ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อไปด้วย

คนไทยหลายสิบล้านคนคงจะให้กำลังใจและเอาใจช่วยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประสบความสำเร็จกับการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะความสำเร็จของนายอภิสิทธิ์ก็คือการเริ่มต้นการเมืองใหม่ โดยมีความเจริญก้าวหน้าของชาติบ้านเมืองเป็นเดิมพัน
กำลังโหลดความคิดเห็น