00 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา คงได้รู้ ได้เห็นกันชัดๆ แล้วว่า การช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ยังคงมีการวิ่งเต้น จับขั้ว ย้ายข้าง กันอุตลุด โดยมี "ผลประโยชน์" ที่จะได้รับ เป็นเงื่อนไขตอบแทน ไม่ว่าจะมาในรูปซื้อเสียงส.ส.กันโดยตรงเป็นรายตัว หรือเอาตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าล่อ ถ้ารวมมาได้ 5 คน เอาเก้าอี้รัฐมนตรีไปหนึ่งตำแหน่ง ไปทำมาหากินกันเอาเอง คนไหน"ประสาทอ่อน" ก็จะถูกข่มขู่ คุกคาม ให้มาเข้าพวก
00 ดังนั้นไม่ว่าขั้วของ "ระบอบทักษิณ" หรือขั้ว "ประชาธิปัตย์" ได้เป็นรัฐบาลในวันนี้ ก็ยังหนีไม่พ้นวังวนของ "การเมืองเก่า" อยู่ดี เป็นการเมืองที่เอาผลประโยชน์ของนักการเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่การเมือง ที่ยึดถือความถูกต้อง เป็นธรรม เพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
00 หากขั้ว "ระบอบทักษิณ" หวนคืนอำนาจ ก็จะเห็นภาพได้ชัดเจนว่า สถาบันเบื้องสูง ก็จะถูกสั่นคลอน คุกคาม จาบจ้วง ต่อไป การทุจริต คอร์รัปชั่น ไม่ว่าจะเอากันแบบ ดื้อๆ ด้านๆ หรือทุจริตเชิงนโยบาย ก็จะยังดำเนินต่อไปตามปกติ โดยไม่เห็น "กฎหมาย" อยู่ในสายตา "รัฐตำรวจ" จะอวดเบ่งบารมีอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าหือ แวดวงนักวิชาการ นักวิชากลวง สื่อสารมวลชน ที่เคยรับใช้ระบอบทักษิณ ก็ยังคงเริงร่า และ"แก๊งเสื้อแดง" ก็จะยิ่งเหิมเกริม อวดความถ่อยสถุลกันหนักข้อยิ่งขึ้น
00 หากขั้วประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ที่มาจะไม่อาจหลีกเลี่ยงวิถีการเมืองเก่า คือต้องเอาโควต้ารัฐมนตรี เข้าแลกเพื่อให้ได้มาถึงจุดนี้ แต่ด้วยความที่ "อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ" เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ยังหนุ่มแน่น ยังมีอนาคตทางการเมืองอีกยาวไกล จะสามารถนำโอกาสนี้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ประชาชน และพรรคการเมืองของตนหรือไม่ นี่คือสิ่งที่หลายๆคนคาดหวัง จับตา
00 ช่วงเวลาอย่างนี้ ถือว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการเมืองไทย ว่าจะเดินหน้าไปสู่ "การเมืองใหม่" ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ต่อสู้มาอย่างทรหด อดทน เอาเลือดเนื้อ และชีวิตเข้าแลก หรือจะยังย่ำอยู่กับที่ในวงจรอุบาทว์เดิมเดิม หาก"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" สามารถ เก็บกวาด ชำระล้าง หรือทำให้ "ระบบทุนนิยมสามานย์-ลัทธิบริโภคนิยม" ที่เริ่มฝังรากลึกให้เจือจาง เบาบางลง แล้วหันมาเน้นสร้างการเมือง และสังคมใหม่ ให้มีคุณธรรม จริยธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ นำแนวคิด"เศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้อย่างจริงจัง ก็ย่อมมีโอกาสที่จะนำพาประเทศเทศไทยไปในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม เจริญรุ่งเรือง อย่างมั่นคง ยั่งยืน
00 แม้เส้นทางสู่ "การเมืองใหม่" จะมีอุปสรรค ขวากหนาม นานา ทั้งจากกลุ่มข้าราชการ โดยเฉพาะ"รัฐตำรวจ" ที่เคยอิงแอบอยู่กับระบบอุปถัมภ์ นักการเมืองที่เข้ามาทุจริต กอบโกย ภาคธุรกิจที่เคยได้รับผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ วงการสื่อสารมวลชนที่เคยมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากงบโฆษณา กระทั่ง "ชนชั้นรากหญ้า" ที่ยังโหยหาถึงนโยบายประชานิยม แต่อย่างน้อย เส้นทางสู่การเมืองใหม่ก็ยังมี "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ข้าราชการ นักธุรกิจ และประชาชน ที่รักความถูกต้อง เป็นธรรม เดินเคียงคู่เป็นเพื่อนร่วมทาง เป็นกำลังแรงใจเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
00 หากในอนาคต "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จะต้องพ่ายแพ้เกมการเมืองแก่ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ในระบบรัฐสภา จนต้องคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ มวลชนที่ยึดถือความถูกต้อง ชอบธรรม และกลุ่มที่อยู่ตรงกลาง ก็พร้อมจะเป็นแรงสนับสนุนให้กลับมาสานต่อภารกิจอีกครั้ง... แต่ถ้ามีโอกาสกุมอำนาจบริหารแล้ว ไม่ใช้ "ความกล้าหาญ" ในการที่จะปลดแอก สังคม การเมือง และธุรกิจ จากระบบทุนนิยมสามานย์ เมื่อนั้น "ระบอบทักษิณ" ก็จะหวนกลับมาผงาดอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่เพียงวิกฤติการเมืองจะหนักหน่วง รุนแรงเท่านั้น แต่อาจถึงขั้น "สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน" ก็เป็นได้
00 ดังนั้นไม่ว่าขั้วของ "ระบอบทักษิณ" หรือขั้ว "ประชาธิปัตย์" ได้เป็นรัฐบาลในวันนี้ ก็ยังหนีไม่พ้นวังวนของ "การเมืองเก่า" อยู่ดี เป็นการเมืองที่เอาผลประโยชน์ของนักการเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่การเมือง ที่ยึดถือความถูกต้อง เป็นธรรม เพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
00 หากขั้ว "ระบอบทักษิณ" หวนคืนอำนาจ ก็จะเห็นภาพได้ชัดเจนว่า สถาบันเบื้องสูง ก็จะถูกสั่นคลอน คุกคาม จาบจ้วง ต่อไป การทุจริต คอร์รัปชั่น ไม่ว่าจะเอากันแบบ ดื้อๆ ด้านๆ หรือทุจริตเชิงนโยบาย ก็จะยังดำเนินต่อไปตามปกติ โดยไม่เห็น "กฎหมาย" อยู่ในสายตา "รัฐตำรวจ" จะอวดเบ่งบารมีอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าหือ แวดวงนักวิชาการ นักวิชากลวง สื่อสารมวลชน ที่เคยรับใช้ระบอบทักษิณ ก็ยังคงเริงร่า และ"แก๊งเสื้อแดง" ก็จะยิ่งเหิมเกริม อวดความถ่อยสถุลกันหนักข้อยิ่งขึ้น
00 หากขั้วประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ที่มาจะไม่อาจหลีกเลี่ยงวิถีการเมืองเก่า คือต้องเอาโควต้ารัฐมนตรี เข้าแลกเพื่อให้ได้มาถึงจุดนี้ แต่ด้วยความที่ "อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ" เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ยังหนุ่มแน่น ยังมีอนาคตทางการเมืองอีกยาวไกล จะสามารถนำโอกาสนี้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ประชาชน และพรรคการเมืองของตนหรือไม่ นี่คือสิ่งที่หลายๆคนคาดหวัง จับตา
00 ช่วงเวลาอย่างนี้ ถือว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการเมืองไทย ว่าจะเดินหน้าไปสู่ "การเมืองใหม่" ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ต่อสู้มาอย่างทรหด อดทน เอาเลือดเนื้อ และชีวิตเข้าแลก หรือจะยังย่ำอยู่กับที่ในวงจรอุบาทว์เดิมเดิม หาก"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" สามารถ เก็บกวาด ชำระล้าง หรือทำให้ "ระบบทุนนิยมสามานย์-ลัทธิบริโภคนิยม" ที่เริ่มฝังรากลึกให้เจือจาง เบาบางลง แล้วหันมาเน้นสร้างการเมือง และสังคมใหม่ ให้มีคุณธรรม จริยธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ นำแนวคิด"เศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้อย่างจริงจัง ก็ย่อมมีโอกาสที่จะนำพาประเทศเทศไทยไปในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม เจริญรุ่งเรือง อย่างมั่นคง ยั่งยืน
00 แม้เส้นทางสู่ "การเมืองใหม่" จะมีอุปสรรค ขวากหนาม นานา ทั้งจากกลุ่มข้าราชการ โดยเฉพาะ"รัฐตำรวจ" ที่เคยอิงแอบอยู่กับระบบอุปถัมภ์ นักการเมืองที่เข้ามาทุจริต กอบโกย ภาคธุรกิจที่เคยได้รับผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ วงการสื่อสารมวลชนที่เคยมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากงบโฆษณา กระทั่ง "ชนชั้นรากหญ้า" ที่ยังโหยหาถึงนโยบายประชานิยม แต่อย่างน้อย เส้นทางสู่การเมืองใหม่ก็ยังมี "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ข้าราชการ นักธุรกิจ และประชาชน ที่รักความถูกต้อง เป็นธรรม เดินเคียงคู่เป็นเพื่อนร่วมทาง เป็นกำลังแรงใจเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
00 หากในอนาคต "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จะต้องพ่ายแพ้เกมการเมืองแก่ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ในระบบรัฐสภา จนต้องคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ มวลชนที่ยึดถือความถูกต้อง ชอบธรรม และกลุ่มที่อยู่ตรงกลาง ก็พร้อมจะเป็นแรงสนับสนุนให้กลับมาสานต่อภารกิจอีกครั้ง... แต่ถ้ามีโอกาสกุมอำนาจบริหารแล้ว ไม่ใช้ "ความกล้าหาญ" ในการที่จะปลดแอก สังคม การเมือง และธุรกิจ จากระบบทุนนิยมสามานย์ เมื่อนั้น "ระบอบทักษิณ" ก็จะหวนกลับมาผงาดอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่เพียงวิกฤติการเมืองจะหนักหน่วง รุนแรงเท่านั้น แต่อาจถึงขั้น "สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน" ก็เป็นได้