xs
xsm
sm
md
lg

“ก.ม.ม.” ติดความคิดพันธมิตรฯสร้างการเมืองใหม่ภาคใต้เข้มแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ร่วมเสวนาระหว่างการประชุมพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ที่ จ.พัทลุง เพื่อเสริมความคิดในการร่วมกันสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายพันธมิตรฯ ในระดับจังหวัด กำหนดเป้าหมายร่วมกัน เพื่อสร้างการเมืองใหม่ที่เป็นตัวเลือกชี้ทางสังคม โดยร่วมกันขบคิดเป้าภารกิจในการปกป้องผลประโยชน์ในชุมชนผลักดันสู่นโยบายพรรค หลังคนใต้เจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีกจากบทเรียนจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่กระโจนรักษาฐานอำนาจตัวเองในยามบ้านเมืองวิกฤต

วันนี้ (28 มี.ค.) เวลา 10.00 น.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ ได้ร่วมประชุมเครือข่าย ครั้งที่ 7 ณ สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าทะเลน้อย ม.1 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โดยมี ร.ต.อนุกูล สุภาไชยกิจ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และอดีตวุฒิสมาชิกเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมกับเปิดเวทีเสวนาเรื่อง “การสร้างการเมืองใหม่ภาคใต้” โดย นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์, ดร.ประยูร อัครบวร, นายบรรจง นะแส ดำเนินรายการโดย นายสุนทร รักษ์รงค์

แนวทางการสร้างการเมืองใหม่ภาคใต้นั้น ดร.ประยูร อัครบวร ที่ปรึกษาพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า การต่อสู้กับระบอบทักษิณอยู่ภายใต้บริบทสงครามทางความคิด โดยที่ประชาชนแทบจะไม่มีตัวแทนในสภา แม้ทางตำแหน่งจะมี ส.ส.ทุกจังหวัด แต่ถูกกลับถูกตั้งคำถามว่าทุกวันนี้ได้ทำหน้าที่ให้ประชาชนหรือไม่ อีกทั้งยังไม่เคยสร้างเครือข่ายความเข้มแข็งให้กับประชาชน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะอำนาจเงินได้เข้ามาทำลายประชาธิปไตย เป็นรูปแบบการเมืองเก่าที่ชาวบ้านไม่มีโอกาสเข้าร่วมและตรวจสอบไม่ได้

แนวทางของพรรคการเมืองใหม่นั้น จะให้ผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนรับข้อมูลความต้องการของชาวบ้านจริงๆ เพื่อนำมาสู่การปฏิบัติ สร้างสรรค์สังคมใหม่ นั่นคือ สิ่งที่การเมืองใหม่ต้องการให้เกิดขึ้นในอนาคต การเกิดของพรรคการเมืองใหม่ต้องเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ซึ่งในวิถีของประชาชนนั้นเขาต้องมีสิทธิ์ที่จะเลือก ไม่ใช่ถูกยัดเยียดให้เลือก พรรคจึงต้องฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้

นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ขณะนี้พิสูจน์แล้วว่า เราไม่สามารถพึ่งพาพรรคใดได้เลย แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่มีความผูกพันกับชาวใต้มายาวนาน เพราะเมื่อได้อำนาจคราใดมักล้มเหลวในการบริหาร ไม่สนใจแก้ปัญหาประชาชน และหลายครั้งทำให้ชีวิตเลือดเนื้อของประชาชนต้องหลั่งพื้นเพื่อแลกกับการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นยุคประชาธิปไตย 2475 ที่ประชาธิปไตยผูกขาดกับอำนาจทหาร และเริ่มมีการลุกขึ้นของปัญญาชนในเหตุการณ์ตุลา จนมีประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ พ.ศ.2517

เมื่อ 30 กว่าปีก่อน ขณะที่ประชาธิปไตยกำลังเบ่งบานเติบโตกลับไปขัดขวางอำนาจของบางกลุ่ม จึงมีความพยายามปราบปราม ใส่ร้ายป้ายสีนิสิต นักศึกษา และประชาชน ความรุนแรงเกิดขึ้นในรัฐบาลยุค นายเสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า และพัฒนาสู่เหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 6 ตุลา นี่คือ บทเรียนของอำนาจนักการเมืองที่ได้มาแล้วจะเอาตัวรอดโดยไม่สนใจประชาชน ปัญหาของคนจนถูกสั่งสมมาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เพราะถ้าวันนั้นนายเสนีย์มีความเข้มแข็งสักนิด คงไม่มีการปรามาสว่า เป็นรัฐบาลมะเขือเผา นี่คือ ความเจ็บปวดครั้งแรกของพรรคประชาธิปัตย์

นายอมรเทพ กล่าวต่อด้วยว่า ยุคที่ประเทศไทยประสบวิกฤตทางการเงิน นายชวน หลีกภัย ได้ขึ้นมาบริหารประเทศยามหน้าสิ่วหน้าขวานด้วยภาพลักษณ์พรรคการเมืองที่สวยหรู แม้จะมีตัวแทนของกลุ่มทุนแต่ก็แอบซ่อนประปรายอยู่ข้างหลัง แต่ฉายาที่สะท้อนการทำงาน ก็คือ “นายชวน เชื่องช้า” ปัญหาของคนจนเริ่มปะทุออกมาเรียกร้องความเป็นทำ เกิดสมัชชาขึ้นมามากมาย โดยที่รัฐบาลเองไม่เข้าใจพวกเขา กลุ่มชาวบ้านจากภาคอีสานเข้ามาเรียกร้องความช่วยเหลือ แต่ถูกรัฐใช้สุนัขปราบปรามการชุมนุม จึงเกิดกระแสตีกลับ

จังหวะนั้นเป็นโอกาสของพรรคไทยรักไทยช่วงสร้างนโยบายกลับหัวกลับหางจากพรรคเดิมๆ นำปัญหาชาวบ้านมาหาเสียง ใช้นโยบายประชานิยม แต่ด้วยความที่หวังผลเพียงคะแนน การแก้ไขปัญหาจึงเป็นเพียงฉาบฉวย และถูกเปิดโปงโดยนักคิดว่าแท้จริงแล้ว เป็นเพียงกลุ่มทุนเข้ามาแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองบนความทุกข์ร้อนของประชาชนเท่านั้น

“แม้แต่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเคยเป็นเพื่อนกับทักษิณ ก็พลอยหูตาสว่างถึงปัญหาที่คนรวยแล้วไม่โกงได้ทำกับประเทศ จึงเป็นผู้นำองค์กรสื่อลุยด้วยตัวเอง ตัดความสัมพันธ์เป็นเพื่อนโดยเอาประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง สังคมไทยจึงตื่นตัวระลอกใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” นายอมรเทพ กล่าวต่อและว่า

ขณะที่การชุมนุมของพันธมิตรฯ กำลังจะล้มระบอบทักษิณได้นั้น กลับมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดสุญญากาศทางการเมือง โดยไม่มีการนำปัญหารอบด้านที่กำลังสุกงอมแก้ไข ทั้งยังปล่อยให้วิกฤตการจาบจ้างสถาบันขยายตัวเติบโตเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต

“แม้แต่ขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ รับช่วงบริหารประเทศก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้แค่ไหน เพราะตอนนี้ยินยอมที่จะเจรจากับแกนนำเสื้อแดง ซึ่งเขาไม่ได้มีราคาและประวัติศาสตร์อะไรเลย เผลอๆ จะมีปาหี่ทางการเมืองยื้อเวลาอยู่ในอำนาจต่ออีกสักปีก่อนจะยุบสภา แต่ถามว่าประชาชนจะได้อะไร” นายอมรเทพ กล่าว

ด้านนายบรรจง นะแส กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ เปิดเผยว่า การรวมตัวของพันธมิตรฯ เกิดขึ้นเพราะความมุ่งหมายเดียวกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติและสถาบัน และมีการแลกเปลี่ยนความรู้จนสามารถยกระดับเป็นการเมืองภาคประชาชนที่หลากหลาย และมีเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อควบคุมอำนาจของรัฐไม่ได้เกินเลยได้ในที่สุด ซึ่งเป็นแนวทางการขับเคลื่อนที่สอดคล้องกับการทำงานของตนที่ต้องการทำงานเพื่อประชาชน ไม่อิงอำนาจการเมือง ทุน หรือผลประโยชน์

การปกป้องประโยชน์ของชาติโดยกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น เกิดจากปัญหาในโครงสร้างสังคมขนาดใหญ่ ภารกิจหลังจากที่สลายการชุมนุมไปแล้วนั้น ต้องคิดถึงการรวมตัวและผสานความร่วมมือในระดับจุลภาค ทั้งในระดับภาค จังหวัด อำเภอ หรือหมู่บ้านเป็นต้น ให้มีความเข้มแข็งภายใต้กฎระเบียบเดียวกัน ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องฝากให้ผู้ร่วมประชุมระดมสมองขบคิด

“รวมถึงการร่วมกันกำหนดภารกิจต่อไปให้สอดคล้องกับสภาพของสมาชิกพันธมิตรฯ นั้นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก และมีความหลากหลายตามสภาพภูมิศาสตร์ สังคม เช่น ใน จ.พัทลุง อาจจะกำหนดภารกิจต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อม ต่อต้านโรงงานอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาสร้างมลพิษให้แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึ่งเป็นทรัพยากรส่วนรวมที่มีชื่อเสียงและคุณค่าอย่างประเมินมิได้ อย่าเพียงแต่รอการเป่านกหวีดจากแกนนำเพื่อต่อสู้ทางการเมืองเพียงอย่างเดียว” นายบรรจง กล่าว

สำหรับกิจกรรมในภาคบ่ายนั้น เป็นการประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 16 จังหวัด ซึ่ง นายสุนทร รักษ์รงค์ ประธานเครือข่ายพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า พันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้จะมีการประชุมตามวาระในทุก 2 เดือน โดยครั้งนี้มีประเด็นสำคัญในการหารือ คือการกำหนดรูปแบบการดำเนินงานของเครือข่ายพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ ให้มีการตกลงร่วมกัน และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมกำหนดท่าทีของเครือข่ายในสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ เพื่อให้มีความเข้าใจเป้าหมาย แนวทาง การปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน และนำความรู้ความเข้าใจการเมืองอย่างรู้ทัน รู้แจ้งสู่ภาคประชาชน อันนำไปสู่การร่วมมือร่วมใจเพื่อขับเคลื่อนพลังพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ในอนาคต







กำลังโหลดความคิดเห็น