xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” หน้ามึน ท้า ปชป.ยื่นถอดถอน เหตุยกพลเยี่ยมนายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุนัย จุลพงศธร
ลิ่วล้อแม้ว อ้างแจ้งความ ปธ.วุฒิสภา นับองค์ทุจริต ตะแบงต้องการให้สภามีบรรทัดฐาน ไม่หวั่น ปชป.ถอดถอน ส.ส.เพื่อไทย ยกขบวนไปห้อมล้อม “แม้ว” กลบเกลื่อนยังบรรยายพิเศษยกย่องโครงการศิลปาชีพ บิดเบือนสมัย “ชวน” ยกคดี “ซกเยือน” ลอบฆ่า “ฮุน เซน” หนีเข้าไทยเปรียบเทียบ

วันนี้ (13 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเกี่ยวกับ กรณีที่ตนไปแจ้งความ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน เรื่องการนับองค์ประชุม ซึ่ง นายประสพสุข ออกมาตอบโต้ว่า ไม่ผิดนั้น ไม่เป็นไร ตนไม่มีเจตนาร้ายต่อ นายประสพสุข แต่วันนั้นบังเอิญ นายประสพสุข ทำหน้าที่ประธาน และบังเอิญที่ผ่านมามีการนับองค์ประชุมตุกติกหลายครั้ง จึงต้องแจ้งความ โดยเอารูปถ่ายที่มีตัวเลขระบุชัดหน้าจอ ว่า ไม่ครบองค์ประชุมไปให้ตำรวจด้วย พอไปแจ้งความแล้วองค์ประชุมดีขึ้นทันตา อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้แจ้งความนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภา แต่ถ้าตำรวจสืบได้ว่า นายพิทูร ไม่แจ้งผลนับองค์ประชุมต่อประธาน ก็ต้องโดนด้วย

“ที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ เข้าชื่อถอดถอน ในข้อหาว่าผมแทรกแซงข้าราชการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 ถามว่า การทำหน้าที่ ส.ส.ตรวจสอบการดำเนินการของประธาน แล้วผิด ก็ต้องกราบขอบคุณ ซึ่งผมไม่ได้แทรกแซงการทำงานของกระทรวง กรม กอง แต่นี่คือ กิจการสภา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสภาซึ่งลอกรูปแบบมาจากสภา ถ้าประชุมกันแบบนี้ จะเป็นต้นแบบที่ไม่ดีไปทั้งระบบ และขอยืนยันว่า ที่ไปแจ้งความ เพราะต้องการให้การทำงานสภาเข้าสู่ระบบ ไม่ได้อาฆาตมาดร้ายใครเป็นพิเศษ การกระทำแบบนี้ของฝ่ายรัฐบาลแสดงถึงการใช้อำนาจมากเหลือล้นมาถึงหมู่ ส.ส.รัฐบาลด้วย ถือว่าให้เกียรติผมเท่ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ทำอะไรก็ผิดไปหมด จนต้องโดดลงมาจัดการ” นายสุนัย กล่าว

เมื่อถามว่า ทำไมจึงได้เลือกเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา แทนที่จะประชุมสภาทำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ เตรียมเข้าชื่อถอดถอน นายสุนัย กล่าวว่า จะถอดถอนด้วยเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ที่ไปเพราะอยากไปเห็นด้วยตาตนเองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเรื่องเศรษฐกิจให้กัมพูชาอย่างไร และพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้พบบ่อย ก็ขออภัย แต่ที่องค์ประชุมสภาล่มบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่การทำงานในสภา ฝ่ายเพื่อไทย และตน พยายามเลียนแบบฝีมือฝ่ายประชาธิปัตย์สมัยที่เป็นฝ่ายค้าน

นายสุนัย ยังคุยโวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บรรยายเรื่องเศรษฐกิจกัมพูชา ที่กระทรวงการคลังของกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นั้น ตนได้ไปสังเกตการณ์ด้วยตนเอง พบว่า มีนักธุรกิจสาขาต่างๆ และข้าราชการระดับสูงของกัมพูชา ประมาณ 300 คนเข้าฟัง ซึ่งการบรรยายไม่มีการพูดเรื่องการเมืองในไทย และไม่ได้พูดเรื่องความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กำลังมีปัญหา แต่พูดถึงแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ทุน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และพูดถึงโครงการที่สำเร็จในไทย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันไปว่า ไม่ใช่ประชานิยม แม้จะดูคล้าย นอกจากนี้ ยังพูดถึงโครงการโอทอปที่ได้ความคิดมาจากญี่ปุ่น ที่ไทยทำได้ดีกว่าและสำเร็จ และยังได้พูดเชิดชูโครงการในพระราชดำริศูนย์ศิลปาชีพ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินินาถ ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้ผลงานของชุมชนมีความสำเร็จ ฉะนั้น ตนคิดว่า ที่มีการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องหมิ่นสถาบัน ไม่ใช่เรื่องจริง

“ขอให้นายกฯ และ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และรัฐบาลสบายใจได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กัมพูชา อย่าทำเหมือนลูกมะพร้าวตกแล้วคิดว่าฟ้าจะถล่ม” เขากล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการฝากอะไรมาเป็นประเด็นพิเศษหรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า หลังจากเลิกบรรยาย ตนได้ไปกินข้าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไม่ได้ฝากอะไรพิเศษมา พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่พูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องตัดเรื่องพรรคการเมือง อย่าเอาเรื่องระหว่างประเทศมาเป็นเรื่องพรรค หรือเรื่องการเมืองในประเทศ และบอกว่า รัฐบาลต้องใจเย็น ซึ่งตนได้เล่าให้ฟังว่า ได้ถาม นายกษิต ภรมย์ รมว.ต่างประเทศ ในสภาถึงเรื่องการรื้อเขตทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่ง นายกษิต ตอบว่า ไม่รื้อ เพราะไม่รับรองแผนที่ที่กัมพูชาเสนอ คือ ฉบับสยามอินโดจีน แต่รับรองฉบับปี 1904 1907 ที่ยึดสันปันน้ำ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงความเป็นห่วง และบอกว่า นายกษิต เป็นทูตมานานจนเกษียณราชการ น่าจะรู้ถึงขั้นตอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะชีวิตของ นายกษิต สั้นกว่าสนธิสัญญาระหว่างประเทศ จะถูกจะผิดให้ไปพูดกันในศาล จะมาพูดกันแบบนี้ไม่ได้

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังบอกว่า เรื่องระหว่างประเทศ หากคิดแบบ ถ้าฝ่ายหนึ่งได้อีกฝ่ายต้องเสียนั้นล้าสมัย แต่ต้องคิดแบบ วิน-วิน ทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้นักธุรกิจไทยไปลงทุนในกัมพูชาเยอะ พ.ต.ท.ทักษิณ เลยเสนอเรื่องการสร้างเขื่อนเศรษฐกิจ คือ การพัฒนาให้ประเทศนั้นๆเจริญ ไม่ให้คนประเทศนั้นหนีเข้ามาเป็นแรงงานในประเทศไทย เพราะเมื่อแรงงานต่างชาติเข้ามา ค่าแรงจะถูกกว่าแรงงานไทย แรงงานไทยในประเทศไทยก็จะไม่มีงานทำ หากทำแบบนี้ แรงงานไทยก็จะมีงานทำและมีค่าแรงสูงขึ้น ฉะนั้น ตนคิดว่า ถ้ามองกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ แบบเจตนาดี ก็น่าจะเป็นประโยชน์

เมื่อถามว่า ข้อสงสัยเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปเปิดเผยความลับทางเศรษฐกิจกับกัมพูชาขณะที่ไทยและกัมพูชาเจรจาความเมืองกันอยู่ นายสุนัย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้คุยกับตนเรื่องนี้ แต่ตนคิดว่า เป็นการกล่าวหากัน เพราะเรื่องไม่ได้จะมีความลับอะไรมากขนาดนั้น แต่ ได้คุยกันเรื่องความสนิทสนมระหว่างพรรคไทยรักไทย กับพรรคของสมเด็จฮุนเซน ที่สนิทไม่ต่างกับที่พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคของนาย สม รังสี ฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่ง สมเด็จฮุนเซน ไม่ขัดข้องที่จะให้รัฐบาลไทยตั้งฝ่ายสม รังสี มาเป็นที่ปรึกษา

“อย่างไรก็ดี สำหรับที่ทางการไทยขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และยังยกเรื่องนี้มาโจมตีด้วยนั้น ผมคิดว่า สมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย นายซก เยือน หลบหนีข้อหาลอบสังหารสมเด็จฮุนเซนเข้ามาประเทศไทย ซึ่งคนๆ นี้เป็นคนสนิท นายสม รังสี ตอนนั้นรัฐบาลกัมพูชาก็ประสานขอผู้ร้ายข้ามแดน แต่รัฐบาลนายชวน ก็ไม่ให้ ทั้งที่เคสนี้เป็นอาชญากรที่หลบหนีข้ามประเทศ โดยบอกว่า เรื่องการลอบสังหารเป็นเรื่องการเมือง และส่งตัวไปประเทศที่สาม โดยตอนแรกบอกว่า ไม่มีหลบหนีมา แต่พอมีการอภิปรายในสภา ตำรวจไปจับได้ เรื่องก็แดงขึ้น ซึ่งก็เป็นแบบเดียวกับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้น ผมคิดว่า รัฐบาลควรเอาเคสนี้ไปศึกษาบ้าง นายกฯ และ นายกษิต จะได้สงบลงบ้าง” นายสุนัย กล่าว

เมื่อถามว่า ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีที่ให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์หรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า บางเรื่องที่ซีเรียส ตนก็ไม่อยากไปคุยเท่าไหร่ และคิดว่า เรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว ต่อข้อถามว่า ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย พากันไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่สองประเทศกำลังขัดแย้งอยู่ ถือว่าเหมาะสมในฐานะเป็นผุ้แทนปวงชนชาวไทยหรือไม่ หรือควรโอนสัญชาติเป็นกัมพูชา นายสุนัย หัวเราะ และกล่าวว่า ตนพูดเขมรไม่เป็น แต่คิดว่า อย่ามองเรื่องชาตินิยมแบบคับแคบ ตอนนี้ประเทศในภูมิภาคต้องรวมตัวกัน เพื่อต่อรองกับกลุ่มประเทศอื่นในโลก ถ้าไปกัมพูชาแล้วบอกว่าขายชาติ คงไม่ถูกต้องนัก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องจะถอนตัวจากการเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของกัมพูชาหรือไม่ เพราะขณะนี้สองประเทศมีความสัมพันธ์กันไม่ดีอย่างรุนแรง นายสุนัย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาประเทศเดียว แต่เป็นหลายประเทศ เช่น นิการากัว ฉะนั้น ถ้าถามแบบนี้ ต้องไปตัดความสัมพันธ์กับประเทศอื่นที่ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้วยหรือ ถ้าเช่นนั้น นายกษิต ที่มีปัญหากับผู้นำกัมพูชา แล้วรัฐบาลนี้ตั้งมาเป็น รมว.ต่างประเทศ ก็ต้องพิจารณาให้ถอนจากตำแหน่งด้วยหรือไม่ นั้นจะไปด่าเขาเฉยๆ ไม่ได้ ทำอะไรต้องนึกถึงใจเขาใจเราด้วย ซึ่งการจะถอนหรือไม่ถอนตัว เป็นสิทธิส่วนบุคคล

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้หารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ว่าการดำเนินการที่เข้ามายังกัมพูชาจนรัฐบาลไทยระส่ำ และสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว นายสุนัย ไม่ตอบคำถามและจบการแถลงทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น