เป็นอันว่าวันนี้ประเทศไทยเรามีนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 แล้ว คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้รับเสียงสนับสนุนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุดจำนวน 235 เสียง ในขณะที่พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก ได้รับเสียงสนับสนุน 198 เสียง
ในจำนวนนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายชัย ชิดชอบ ได้งดออกเสียง และหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาออกเสียงฝืนมติพรรค และได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนจะเป็นเสียงที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลใหม่ จึงเท่ากับฝ่ายรัฐบาลมีเสียง 238 เสียง ในขณะที่ฝ่ายค้านมี 198 เสียง
และจะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. แทนตำแหน่งที่ว่างลงเพราะการยุบพรรคและการเสียชีวิตของอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ อีกรวม 30 คน
สถานการณ์ล่าสุดเป็นที่ยอมรับตรงกันแล้วว่าการที่การเมืองเปลี่ยนขั้วคราวนี้ สืบเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และจากการพลิกตัวของกลุ่มเพื่อนเนวินจำนวน 32 คน
เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำการโฟนอินแห้งมายังที่ชุมนุมของรายการความจริงวันนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2551 ซึ่งในวันดังกล่าวนั้นได้มีการพูดถึงคนทรยศหักหลังว่าไปไม่รอดทั้งตระกูล ซึ่งหมายถึงกลุ่มเพื่อนเนวินนั่นเอง
หลังจากนั้นก็มีการข่มขู่ข่มขวัญและกดดันกลุ่มเพื่อนเนวินอย่างหนักและในทุกรูปแบบ แต่ในที่สุดแม้จะมีข่าวปรากฏว่ากลุ่มเพื่อนเนวินลดจำนวนลงเหลือกว่าต่ำสิบก็ตาม ครั้นลงคะแนนเข้าจริงก็ยังอยู่กันครบครันครบเครื่อง
มิหนำซ้ำ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินยังออกมาสวน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าไม่ได้ทรยศหักหลัง เพราะได้นำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศตามที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่การออกไปต่างประเทศครั้งหลังนี้เป็นเรื่องที่คิดเองทำเองไม่เกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนเนวิน
ทั้งยังสำทับด้วยว่ากลุ่มเพื่อนเนวินไม่กลัวคำขู่ใดๆ และจะบากบั่นตั้งหน้าต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แล้วอ้างว่าขณะนี้คุณเนวิน ชิดชอบ เหมือนพิเภก ที่รู้เช่นเห็นชาติทศกัณฐ์เป็นอย่างดี เมื่อมาอยู่กับพระรามแล้วก็รู้ทันรู้ทางทศกัณฐ์ และสามารถเอาชนะทศกัณฐ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ในขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ตั้งคำถามเอากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ว่าจะทำอย่างไรกับความแตกแยกของประชาชน และการก่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์ว่าจะมอบหมายให้คุณเนวิน ชิดชอบ ไปจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
สภาพการณ์อย่างนี้คงทำให้บรรดาแกนนำของอำนาจเก่านอนไม่หลับ และต้องสะดุ้งขึ้นทั้งตัว เพราะความจริงก็รู้ๆ กันอยู่ว่างานจัดตั้งมวลชนก็ดี การวางเครือข่ายทางการเมืองในภาคอีสานก็ดี และการดำเนินการในหลายเรื่องหลายราว ทั้งที่ลับที่แจ้งก็ดี ที่ลึกลับซับซ้อนแหลมคมก็ดี ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมานั้น นายเนวิน ชิดชอบ ย่อมรู้ดีกว่าใคร และรู้พุงรู้ไส้ทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อนายเนวิน ชิดชอบ จะสวมหัวโขนรับบทเป็นพิเภกในสมรภูมิการเมืองจากนี้ไป จึงย่อมสร้างความหวั่นไหวและความเสียเปรียบให้กับบรรดาแกนนำอำนาจเก่าและพลพรรคทั้งปวงอย่างแน่นอน
เพราะหลังจากนั้นก็มีข่าววับๆ แวมๆ ออกมาจากกลุ่มเพื่อนเนวินว่า แต่ก่อนร่อนชะไรมา กลุ่มเพื่อนเนวินมีจำนวนถึง 70 คน แต่เพราะพลาดท่าหลงลมคำคนในช่วงเวลาการจัดตั้งรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จึงแทบพินาศยับเยิน
เพราะถูกล่อให้สนับสนุนรัฐบาลนั้นไปก่อน โดยจะได้รับจัดสรรโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีถึง 4 ที่นั่ง แต่พอตั้งรัฐบาลเสร็จก็มีการเบี้ยวกันหน้าตาเฉย คือจัดให้เพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น
ที่เจ็บใจหนักก็คือกระบวนการโค่นล้มสลายกลุ่มเพื่อนเนวินให้ดับดิ้นทางการเมืองจนไม่มีวันผุดเกิดอีก นั่นคือการตั้งรางวัลล่อใจให้กับผู้คนในกลุ่มเพื่อนเนวินว่าหากใครแยกตัวออกมา 5 คน ก็จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีไป 1 ที่นั่ง
ทำให้มิตรรักแฟนเพลงจำนวนหนึ่งหลงงับเหยื่อ และทำให้กลุ่มเพื่อนเนวินลดจำนวนลงเหลือเพียง 30 กว่าคน มิหนำซ้ำ ยังตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกสลายแบบเดียวกับที่พรรคความหวังใหม่ในอดีตและกลุ่มวังน้ำเย็นของนายเสนาะ เทียนทอง ถูกสลายไปแล้ว
นั่นเป็นรอยแค้นที่ผูกเจ็บพยาบาทกันมา และเป็นจุดแตกหักที่รอจังหวะแยกขั้ว ครั้นสถานการณ์การเมืองพลิกผัน กลุ่มเพื่อนเนวินก็ได้โอกาสตั้งตนเป็นไทแก่ตัว แม้กระนั้นก็ยังถูกข่มขู่คุกคามถึงขนาดจะล้างผลาญกันทั้งตระกูล จึงจำใจต้องต่อสู้แล้วผนึกกำลังเข้ากับพรรคประชาธิปัตย์ จนได้รัฐบาลที่ไม่ค่อยสมใจอยากเท่าใดนัก
แต่จะทำอย่างไรได้เล่า เพราะหมากรุกกระดานนี้ไม่ใช่เริ่มต้นกระดานใหม่ๆ แต่เป็นหมากรุกที่เล่นคากระดานกันอยู่ มีตัวหมากรุกอยู่เท่าไหนก็เล่นได้เท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าแต่นี้ไปจะเล่นได้ดีแค่ไหน หรือจะล้มกระดานกันไปเลย
ก็เอาเป็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้ กลุ่มเพื่อนเนวินหรือนายเนวิน ชิดชอบ กำลังสวมบทพิเภกผู้เป็นน้องชายของทศกัณฐ์ และถูกทศกัณฐ์ขับออกจากกรุงลงกา แล้วเข้าสวามิภักดิ์กับพระราม
โดยก่อนออกจากกรุงลงกา พิเภกได้พยากรณ์เหตุการณ์กรุงลงกาข้างหน้าไว้ว่า
“เจ้าจงจำคำทำนายไปภายหน้า เมืองลงกาจะระยำเพราะทำชั่ว
พญายักษ์ไม่รู้สึกสำนึกตัว นิมิตชั่วในตำราท่านว่าไว้
..........................................
ชาวลงกาจะเป็นข้าอยุธเยศ เจ้าสังเกตจงจำเป็นคำมั่น
องค์พระรามฤาษีพระชีนั้น นารายณ์ภาคจากสวรรค์แสวงนาง”
พรรคการเมืองไหนที่จะเปรียบเทียบได้กับกรุงลงกาตามคำพยากรณ์ของพิเภกนั้น ลองคิดกันดูก็จะรู้เอง
ครั้นพิเภกเข้าสวามิภักดิ์กับพระรามแล้วก็ได้ใช้ความรู้ทางโหราศาสตร์และความรู้ด้านตื้นลึกหนาบางต่างๆ ในการฝ่ายข้างลงกาให้เป็นประโยชน์แก่กองทัพของพระราม จนในที่สุดพระรามก็สามารถประหารทศกัณฐ์จนดับสูญ ล้างอำนาจอธรรมเหนือกรุงลงกาตั้งแต่บัดนั้น
วันก่อนได้พูดถึงยุทธการคีมเหล็กที่จะยึดครองประเทศไทยไว้ว่า ประกอบด้วย 2 ยุทธศาสตร์ คือยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ ซึ่งพังพินาศไม่เป็นท่าไปแล้ว กับยุทธศาสตร์ชนบทล้อมเมือง ซึ่งประกอบด้วย 4 แนวรบใหญ่
คือแนวรบด้านอำนาจรัฐ แนวรบด้านนักวิชาการ แนวรบด้านสื่อมวลชน และแนวรบด้านมวลชน
แต่หลังจากพ่ายแพ้ในแนวรบอำนาจรัฐซึ่งหลุดมือไปแล้ว ในแนวรบอีก 3 แนวรบที่เหลือจึงมีเพียงแนวรบมวลชนเท่านั้นที่จัดว่าเป็นรากฐานทางการเมืองของอำนาจเก่าอย่างแท้จริง ซึ่งวันก่อนก็ได้วิเคราะห์ให้เห็นสถานการณ์ในแนวรบนี้อย่างชัดเจนแล้ว
ถึงกระนั้นในวันนี้ก็ยังดูแคลนบทบาทของแนวรบมวลชนไม่ได้ เพราะพวกแกนนำได้ประกาศจะใช้แนวรบมวลชนนี้ต่อต้านรัฐบาลใหม่ทุกรูปแบบ ทั้งจะยกระดับการต่อสู้ขึ้นสู่สากลด้วย
แต่ทว่าเมื่อดูสภาพความเป็นจริงแล้ว ในแนวรบด้านมวลชนนี้ ตัวบุคคลต่างๆ ที่ปรากฏตนออกมาให้เห็นนั้นน่าจะห่างไกลต่อบทบาทที่จะเคลื่อนไหวในทางสากลได้ จึงน่าจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวในประเทศและมุ่งให้เกิดผลต่อทางสากลเท่านั้น
จับตาดูให้ดี อาจมีการปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้มีการแถลงนโยบาย หรืออาจรวมไปถึงการปิดสนามบินก็ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นผลกระทบก็จะออกสู่สากลอย่างแน่นอน
ก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไปว่าพิเภกในสมรภูมิการเมือง ในแนวรบมวลชนนั้นจะแสดงบทบาทและความสามารถอย่างไร และจะเอาชนะได้หรือไม่
เพราะถ้าหากเอาชนะได้ ยุทธศาสตร์อีสาน-เหนือซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การเมืองสำคัญที่สุดที่อำนาจเก่าได้รับถ่ายโอนมาจากพรรคความหวังใหม่ในอดีตก็จะถูกทำลายลง และเมื่อนั้นก็จะมีผลเป็นการขุดรากถอนโคนทางการเมืองกันอย่างแท้จริง
ทำเป็นเล่นไป สภาพต่างๆ อาจจะกำหนดให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ครองอำนาจรัฐได้ครบเทอม และอาจต่อเนื่องไปอีก 1 สมัยก็เป็นได้ เว้นเสียแต่จะสะดุดขาตัวเองล้มครืนลงเสียก่อนเท่านั้น!
ในจำนวนนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายชัย ชิดชอบ ได้งดออกเสียง และหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาออกเสียงฝืนมติพรรค และได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนจะเป็นเสียงที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลใหม่ จึงเท่ากับฝ่ายรัฐบาลมีเสียง 238 เสียง ในขณะที่ฝ่ายค้านมี 198 เสียง
และจะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. แทนตำแหน่งที่ว่างลงเพราะการยุบพรรคและการเสียชีวิตของอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ อีกรวม 30 คน
สถานการณ์ล่าสุดเป็นที่ยอมรับตรงกันแล้วว่าการที่การเมืองเปลี่ยนขั้วคราวนี้ สืบเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และจากการพลิกตัวของกลุ่มเพื่อนเนวินจำนวน 32 คน
เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำการโฟนอินแห้งมายังที่ชุมนุมของรายการความจริงวันนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2551 ซึ่งในวันดังกล่าวนั้นได้มีการพูดถึงคนทรยศหักหลังว่าไปไม่รอดทั้งตระกูล ซึ่งหมายถึงกลุ่มเพื่อนเนวินนั่นเอง
หลังจากนั้นก็มีการข่มขู่ข่มขวัญและกดดันกลุ่มเพื่อนเนวินอย่างหนักและในทุกรูปแบบ แต่ในที่สุดแม้จะมีข่าวปรากฏว่ากลุ่มเพื่อนเนวินลดจำนวนลงเหลือกว่าต่ำสิบก็ตาม ครั้นลงคะแนนเข้าจริงก็ยังอยู่กันครบครันครบเครื่อง
มิหนำซ้ำ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินยังออกมาสวน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าไม่ได้ทรยศหักหลัง เพราะได้นำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศตามที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่การออกไปต่างประเทศครั้งหลังนี้เป็นเรื่องที่คิดเองทำเองไม่เกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนเนวิน
ทั้งยังสำทับด้วยว่ากลุ่มเพื่อนเนวินไม่กลัวคำขู่ใดๆ และจะบากบั่นตั้งหน้าต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แล้วอ้างว่าขณะนี้คุณเนวิน ชิดชอบ เหมือนพิเภก ที่รู้เช่นเห็นชาติทศกัณฐ์เป็นอย่างดี เมื่อมาอยู่กับพระรามแล้วก็รู้ทันรู้ทางทศกัณฐ์ และสามารถเอาชนะทศกัณฐ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ในขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ตั้งคำถามเอากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ว่าจะทำอย่างไรกับความแตกแยกของประชาชน และการก่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์ว่าจะมอบหมายให้คุณเนวิน ชิดชอบ ไปจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
สภาพการณ์อย่างนี้คงทำให้บรรดาแกนนำของอำนาจเก่านอนไม่หลับ และต้องสะดุ้งขึ้นทั้งตัว เพราะความจริงก็รู้ๆ กันอยู่ว่างานจัดตั้งมวลชนก็ดี การวางเครือข่ายทางการเมืองในภาคอีสานก็ดี และการดำเนินการในหลายเรื่องหลายราว ทั้งที่ลับที่แจ้งก็ดี ที่ลึกลับซับซ้อนแหลมคมก็ดี ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมานั้น นายเนวิน ชิดชอบ ย่อมรู้ดีกว่าใคร และรู้พุงรู้ไส้ทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อนายเนวิน ชิดชอบ จะสวมหัวโขนรับบทเป็นพิเภกในสมรภูมิการเมืองจากนี้ไป จึงย่อมสร้างความหวั่นไหวและความเสียเปรียบให้กับบรรดาแกนนำอำนาจเก่าและพลพรรคทั้งปวงอย่างแน่นอน
เพราะหลังจากนั้นก็มีข่าววับๆ แวมๆ ออกมาจากกลุ่มเพื่อนเนวินว่า แต่ก่อนร่อนชะไรมา กลุ่มเพื่อนเนวินมีจำนวนถึง 70 คน แต่เพราะพลาดท่าหลงลมคำคนในช่วงเวลาการจัดตั้งรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จึงแทบพินาศยับเยิน
เพราะถูกล่อให้สนับสนุนรัฐบาลนั้นไปก่อน โดยจะได้รับจัดสรรโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีถึง 4 ที่นั่ง แต่พอตั้งรัฐบาลเสร็จก็มีการเบี้ยวกันหน้าตาเฉย คือจัดให้เพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น
ที่เจ็บใจหนักก็คือกระบวนการโค่นล้มสลายกลุ่มเพื่อนเนวินให้ดับดิ้นทางการเมืองจนไม่มีวันผุดเกิดอีก นั่นคือการตั้งรางวัลล่อใจให้กับผู้คนในกลุ่มเพื่อนเนวินว่าหากใครแยกตัวออกมา 5 คน ก็จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีไป 1 ที่นั่ง
ทำให้มิตรรักแฟนเพลงจำนวนหนึ่งหลงงับเหยื่อ และทำให้กลุ่มเพื่อนเนวินลดจำนวนลงเหลือเพียง 30 กว่าคน มิหนำซ้ำ ยังตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกสลายแบบเดียวกับที่พรรคความหวังใหม่ในอดีตและกลุ่มวังน้ำเย็นของนายเสนาะ เทียนทอง ถูกสลายไปแล้ว
นั่นเป็นรอยแค้นที่ผูกเจ็บพยาบาทกันมา และเป็นจุดแตกหักที่รอจังหวะแยกขั้ว ครั้นสถานการณ์การเมืองพลิกผัน กลุ่มเพื่อนเนวินก็ได้โอกาสตั้งตนเป็นไทแก่ตัว แม้กระนั้นก็ยังถูกข่มขู่คุกคามถึงขนาดจะล้างผลาญกันทั้งตระกูล จึงจำใจต้องต่อสู้แล้วผนึกกำลังเข้ากับพรรคประชาธิปัตย์ จนได้รัฐบาลที่ไม่ค่อยสมใจอยากเท่าใดนัก
แต่จะทำอย่างไรได้เล่า เพราะหมากรุกกระดานนี้ไม่ใช่เริ่มต้นกระดานใหม่ๆ แต่เป็นหมากรุกที่เล่นคากระดานกันอยู่ มีตัวหมากรุกอยู่เท่าไหนก็เล่นได้เท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าแต่นี้ไปจะเล่นได้ดีแค่ไหน หรือจะล้มกระดานกันไปเลย
ก็เอาเป็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้ กลุ่มเพื่อนเนวินหรือนายเนวิน ชิดชอบ กำลังสวมบทพิเภกผู้เป็นน้องชายของทศกัณฐ์ และถูกทศกัณฐ์ขับออกจากกรุงลงกา แล้วเข้าสวามิภักดิ์กับพระราม
โดยก่อนออกจากกรุงลงกา พิเภกได้พยากรณ์เหตุการณ์กรุงลงกาข้างหน้าไว้ว่า
“เจ้าจงจำคำทำนายไปภายหน้า เมืองลงกาจะระยำเพราะทำชั่ว
พญายักษ์ไม่รู้สึกสำนึกตัว นิมิตชั่วในตำราท่านว่าไว้
..........................................
ชาวลงกาจะเป็นข้าอยุธเยศ เจ้าสังเกตจงจำเป็นคำมั่น
องค์พระรามฤาษีพระชีนั้น นารายณ์ภาคจากสวรรค์แสวงนาง”
พรรคการเมืองไหนที่จะเปรียบเทียบได้กับกรุงลงกาตามคำพยากรณ์ของพิเภกนั้น ลองคิดกันดูก็จะรู้เอง
ครั้นพิเภกเข้าสวามิภักดิ์กับพระรามแล้วก็ได้ใช้ความรู้ทางโหราศาสตร์และความรู้ด้านตื้นลึกหนาบางต่างๆ ในการฝ่ายข้างลงกาให้เป็นประโยชน์แก่กองทัพของพระราม จนในที่สุดพระรามก็สามารถประหารทศกัณฐ์จนดับสูญ ล้างอำนาจอธรรมเหนือกรุงลงกาตั้งแต่บัดนั้น
วันก่อนได้พูดถึงยุทธการคีมเหล็กที่จะยึดครองประเทศไทยไว้ว่า ประกอบด้วย 2 ยุทธศาสตร์ คือยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ ซึ่งพังพินาศไม่เป็นท่าไปแล้ว กับยุทธศาสตร์ชนบทล้อมเมือง ซึ่งประกอบด้วย 4 แนวรบใหญ่
คือแนวรบด้านอำนาจรัฐ แนวรบด้านนักวิชาการ แนวรบด้านสื่อมวลชน และแนวรบด้านมวลชน
แต่หลังจากพ่ายแพ้ในแนวรบอำนาจรัฐซึ่งหลุดมือไปแล้ว ในแนวรบอีก 3 แนวรบที่เหลือจึงมีเพียงแนวรบมวลชนเท่านั้นที่จัดว่าเป็นรากฐานทางการเมืองของอำนาจเก่าอย่างแท้จริง ซึ่งวันก่อนก็ได้วิเคราะห์ให้เห็นสถานการณ์ในแนวรบนี้อย่างชัดเจนแล้ว
ถึงกระนั้นในวันนี้ก็ยังดูแคลนบทบาทของแนวรบมวลชนไม่ได้ เพราะพวกแกนนำได้ประกาศจะใช้แนวรบมวลชนนี้ต่อต้านรัฐบาลใหม่ทุกรูปแบบ ทั้งจะยกระดับการต่อสู้ขึ้นสู่สากลด้วย
แต่ทว่าเมื่อดูสภาพความเป็นจริงแล้ว ในแนวรบด้านมวลชนนี้ ตัวบุคคลต่างๆ ที่ปรากฏตนออกมาให้เห็นนั้นน่าจะห่างไกลต่อบทบาทที่จะเคลื่อนไหวในทางสากลได้ จึงน่าจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวในประเทศและมุ่งให้เกิดผลต่อทางสากลเท่านั้น
จับตาดูให้ดี อาจมีการปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้มีการแถลงนโยบาย หรืออาจรวมไปถึงการปิดสนามบินก็ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นผลกระทบก็จะออกสู่สากลอย่างแน่นอน
ก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไปว่าพิเภกในสมรภูมิการเมือง ในแนวรบมวลชนนั้นจะแสดงบทบาทและความสามารถอย่างไร และจะเอาชนะได้หรือไม่
เพราะถ้าหากเอาชนะได้ ยุทธศาสตร์อีสาน-เหนือซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การเมืองสำคัญที่สุดที่อำนาจเก่าได้รับถ่ายโอนมาจากพรรคความหวังใหม่ในอดีตก็จะถูกทำลายลง และเมื่อนั้นก็จะมีผลเป็นการขุดรากถอนโคนทางการเมืองกันอย่างแท้จริง
ทำเป็นเล่นไป สภาพต่างๆ อาจจะกำหนดให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ครองอำนาจรัฐได้ครบเทอม และอาจต่อเนื่องไปอีก 1 สมัยก็เป็นได้ เว้นเสียแต่จะสะดุดขาตัวเองล้มครืนลงเสียก่อนเท่านั้น!