ASTVผู้จัดการรายวัน - โหวตนายกฯวันนี้ "อภิสิทธิ์" ประกาศพร้อมเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร คุมทีมเศรษฐกิจเอง เร่งสร้างความเชื่อมั่นภายใน 3 เดือน ไม่สนกระแสวิจารณ์สีเขียวอุ้ม เพราะเดินตามทางระบอบประชาธิปไตย ไม่มีทางลัด ยืนยันจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เดินหน้าถอนพาสปอร์ต "แม้ว" ไม่ปล่อยผีบ้านเลขที่ 111 ย้ำเสถียรภาพรัฐบาลอยู่ที่ผลงาน วิปคุมเข้มหามแตกแถว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโฟนอิน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าตนไม่ได้ฟังรายละเอียด แต่คิดว่า วันนี้ (15ธ.ค.) จะมีการเลือกตั้งนายกฯโดยสภา คงจะทำให้บ้านเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น อยากให้ส.ส.ทุกคนคิดถึงอนาคตของบ้านเมืองในการใช้สิทธิ์ ส่วนตนก็เคารพระบบรัฐสภา ยืนยันว่าไม่มีอะไรหนักใจ เพราะถือว่าได้ทำตามหน้าที่ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาที่เมื่อพรรคเสียงข้างมากประสบปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน และมีหน้าที่เสนอตัวเป็นทางเลือก โดยทำความเข้าใจร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมถึงความตั้งใจที่ต้องการทำให้บ้านเมือง โดยเฉพาะการฟื้นความสามัคคี และเศรษฐกิจ ส่วนมติของสภาจะเป็นอย่างไร เราก็เคารพกระบวนการนั้น เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
ส่วนที่นายจาตุรนต์ ฉาย แสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาเสนอว่าไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นฝ่ายไหน ควรมีอายุบริหารงานแค่ 3 เดือนแล้วยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอายุของรัฐบาลน่าจะอยู่ที่ภารกิจหลัก คือเรื่องความสามัคคีและเศรษฐกิจ คงเป็นเรื่องยากที่ใครจะพูดล่วงหน้าได้ว่าจะอยู่ได้กี่เดือน กี่ปี แต่รัฐบาลชุดใหม่มีภารกิจที่กำหนดเฉพาะเอาไว้ ซึ่งอายุของรัฐบาลจะถูกกำหนดโดยการทำงานของรับบาลเองมากกว่า
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ 13 ข้อ ว่า ได้เห็นแล้ว แต่ยังไม่ดูรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งหลายข้อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายที่ทุกรัฐบาลทำกันอยู่แล้ว แต่อาจมีบางข้อที่เป็นรายละเอียดนโยบาย ที่อาจเห็นตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้างเป็นธรรมดา
สำหรับการเริ่มการเมืองใหม่นั้น ตนย้ำหล่ายครั้งแล้วว่า เราไม่สามารถมีการเมืองใหม่ได้ โดยไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคน จึงต้องหากระบวนการแก้ไขที่เป็นการปฏิรูปการเมืองที่ทุกฝ่ายยอมรับ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของรับบาลชุดต่อไปที่ควรทำให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนั้น ไม่ควรทิ้งค้างไว้ แต่กระบวนการต่างๆ ที่จะทำได้ต้องหารือร่วมกันกับฝ่ายต่างๆ ก่อน ที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นความขัดแย้ง เพราะไม่มีความพยายามแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายก่อนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทำไม
**ยันไม่มีเงื่อนไขนิรโทษคนบ้านเลขที่ 111
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ไม่เคยมีเงื่อนไขต่อรองกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ว่าจะนิรโทษกรรมให้กับ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ซึ่งตนสอบถามนายเนวินด้วยตัวเองว่า ไม่มีเงื่อนไขนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งนายเนวิน ก็ยืนยันว่าไม่มี ใครที่สงสัยอะไร ตนได้พูดชัดเจนถึงเงื่อนไขกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สังคมมองพรรคประชาธิปัตย์สองทาง ส่วนหนึ่งมองว่า ที่ตั้งรัฐบาลเพราะอยากเป็นรัฐบาล และอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าต้องการแก้ปัญหาชาติ จะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาให้ชาติได้ ก็ไม่เป็นผลดีกับพรรคและตนเองอยู่แล้ว
"วันนี้ผมขอยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องของความอยาก ถ้าถามกันจริงๆ ให้นักการเมืองทั่วไปเลือกได้ว่า อยากเข้าไปเป็นรัฐบาลในสถานการณ์แบบนี้หรือไม่ ผมคิดว่าหลายคนมีความรู้สึกว่า อยากเข้าไปมีอำนาจรัฐในวันที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่หนักหนาสาหัสอย่างนี้มากกว่า เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ สำหรับผมไม่มีเรื่องความอยาก ทั้งหมดเป็นการปฏิบัติหน้าที่บนความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรคการเมืองลำดับสองในสภา ซึ่งผมไม่มีความกังวลต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ทั้งสิ้น ขอให้วันนี้กระบวนการรัฐสภาเดินหน้าไปหาความชัดเจนให้กับบ้านเมือง ถือว่าผมทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**พยายามลดความขัดแย้งของสังคม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสต่อต้านของกลุ่มเสื้อแดงว่า จะทำให้สถานการณ์วนเวียนอยู่บนความขัดแย้งเดิม ๆ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าวันนี้ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ก็จะมีคนที่ไม่สนับสนุนหรือต่อต้าน แม้แต่ทุกพรรคการเมืองจะจับมือกันเป็นรัฐบาล ก็จะมีคนในสังคมจำนวนไม่น้อยต่อต้านความคิดนี้ ตนจึงไม่ปฏิเสธความจริงในเรี่องนี้ และเป็นสิ่งที่ตนเคยพูดว่า ถ้ามีโอกาสทำงานให้บ้านเมืองตนต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นว่า คนเป็นรัฐบาลเป็นคนที่ทำงานให้กับทุกคน ไม่ว่าจะสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ และที่สำคัญต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตนเชื่อว่าถ้ารัฐบาลชุดใหม่มีความมุ่งมั่นมีความไว้วางใจ และมีความจริงใจ ก็จะค่อย ๆ ลดปัญหาเงื่อนไขความขัดแย้งในสังคมได้
**มาร์คขอนำทีมเศรษฐกิจเอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า หากได้รับโอกาสให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีความพร้อมทำงานทันทีเพราะได้เกาะติดปัญหาของสถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจมาโดยตลอด และเคยให้ความเห็นไว้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะต้องมีคำตอบชัดเจนเรื่องเศรษฐกิจ อาเซียน การต่างประเทศ หรือการศึกษาอย่างไร ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าผู้นำรัฐบาลจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองได้ เพราะเงื่อนไขของรัฐบาลผสมอาจทำให้หลายคนเกิดความกังวลใจในเรื่องความเป็นเอกภาพในเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ไม่อยู่แค่เฉพาะกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น แต่รวมไปถึงเรื่องพลังงาน แรงงาน การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตนจึงขอยืนยันว่า หัวหน้ารัฐบาลชุดใหม่ควรเป็นผู้นำทีมเศรษฐกิจเอง
ส่วนการดูแลเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับเพื่อน ส.ส.ในพรรคและพรรคร่วมแล้ว เราตระหนักถึงสถานการณ์ว่า ปัญหาของบ้านเมืองหนักหน่วงอย่างไร ต้องการแก้ไขปัญหาด้วยการทุ่มเทอย่างไร
**ยึดประชาชน ไม่เป็นเบี้ยล่างใคร
เมื่อถามว่าจะตกเป็นเบี้ยล่างของกลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มเพื่อนเนวิน และพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นเบี้ยล่างของคนไทยทั้งประเทศ ไม่เป็นเบี้ยล่างของใคร ตนคิดว่าคนที่เป็นนายกฯต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ทุกกลุ่ม ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็น แต่ถ้าผู้นำประเทศเห็นด้วยกับข้อเสนอต่าง ๆ บนความบริสุทธิ์ใจ และตั้งใจทำงานพร้อมที่จะรับผิดชอบ เชื่อว่าจะอยู่ในฐานะที่รับมือได้ จากความเห็นหลากหลายของกลุ่มต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อถึงเวลาที่มีอำนาจ การรักษาอำนาจกับการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนจะเลือกยากมากขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าการยึดมั่นผลประโยชน์ของประชาชน คือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดของผู้ที่มีอำนาจ และถ้าตัดสินใจเป็นอย่างอื่นอาจประสบความสำเร็จแค่ชั่วครู่ชั่วยาม แต่สุดท้ายแล้วจะหนักหนาสาหัส ตนเป็นคนสบายใจกับกระบวนการทุกอย่าง เพราะอยู่ในการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยมาสิบหกปี ซึ่งตนมั่นใจว่าจะบริหารงานโดยไม่มีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะสิ่งที่ทำมาช่วงสองสามปีนี้ เปลี่ยนแนวทางการทำงานของฝ่ายค้านระดับหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ระบบ ครม.เงา เพื่อติดตามประเด็นปัญหาต่างๆ ทำให้มีกรอบความคิดค่อนข้างชัดว่า ปัญหาแต่ละอย่างควรจะทำอย่างไร จึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น
**ไม่สนเสียงวิจารณ์ว่าทหารอุ้ม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสวิจารณ์ว่า การขึ้นเป็นนายกฯ ครั้งนี้ไม่สง่างามเพราะมีสีเขียวอุ้มอยู่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนห้ามเสียงวิจารณ์ไม่ได้ แต่ให้ความมั่นใจได้ว่า ถ้าได้รับโอกาสจากเสียงส่วนใหญ่ในสภา ตนคือคนที่จะต้องทำงานให้กับคนทั้งประเทศ และต้องให้เกียรติ ส.ส.ที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนที่จะลงคะแนนในวันนี้ คือคนที่ตัดสินใจ และที่สำคัญเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วเราทำงานให้กับใคร ก็จะทำให้รัฐบาลเป็นของคนนั้น ตอนนี้ไม่ว่าใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การกระทำ ตนเติบโตมาตามวิถีทางประชาธิปไตยโดยตลอด ไม่มีทางลัดอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่เดินเข้ามาแล้วตั้งพรรคการเมืองเป็นของตนเองได้ แต่เข้ามาในฐานะ ส.ส.คนหนึ่ง และได้รับโอกาสจากเพื่อนสมาชิกของพรรคที่มีทั่วประเทศ สั่งสมอะไรหลายอย่าง มาเป็นหลายสิบปี จนมานั่งตรงนี้
"ผมมั่นใจว่า หากพรรคได้รับโอกาสให้บริหารประเทศ จะเรียกความเชื่อมั่นให้ได้กลับมาโดยเร็วที่สุด คือในระยะเวลาที่สั้นที่สุดภายใน 2-3 เดือน ความเชื่อมั่นต้องชัดเจน ส่วนประเด็นรายละเอียดปลีกย่อยว่าแต่ละโครงการจะสำเร็จเมื่อไร คงต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ยึดความเสมอภาคทางกฎหมาย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคในคดีความต่างๆ หากได้เป็นรัฐบาลว่า ทุกอย่างต้องว่าไปตามเนื้อผ้า เป็นไปตามระเบียบ เช่น กรณีถอนพาสปอร์ตแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทรวงการต่างประเทศ ก็ต้องทำอย่างโปร่งใส เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีการเปิดเผย และอธิบายว่าระเบียบ หรือข้อเสนอต่างๆ อยู่บนหลักเกณฑ์อะไร ตนยืนยันว่าจะไม่มีการเกี้ยเซียะกับ พ..ต.ท.ทักษิณเด็ดขาด ผิดคือผิด ไม่ผิดก็คือไม่ผิด รวมถึงการดำเนินคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ และทุกฝ่าย อีกทั้งจะตรวจสอบความไม่โปร่งใส กรณีรถเมล์ 4 พันคัน และฝายแม้วด้วย หากโครงการมีปัญหา ก็ต้องหยุดแต่ถ้าถูกต้องก็เดินหน้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เกี่ยวกับรัฐบาลเพื่อชาติ ให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเชิญพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลด้วย คิดอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยคุยกับนายเสนาะ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนถ้าพล.ต.อ.ประชาได้รับเลือกเป็นนายกฯ ก็ขอให้ถึงตรงนั้นก่อนแล้วค่อยมาคิดว่าจะทำอย่างไร
**มั่นใจเสียงสนับสนุนยังอยู่ครบ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ฝ่ายค้าน กล่าวถึงการลงมติเลือกนายกฯ ในวันนี้ว่า ได้มีการประสานงานกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคที่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว โดยตนจะรับผิดชอบในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนของพรรคร่วมนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค จะเป็นผู้ประสานงาน
ทั้งนี้ จากการประชุมวิป เพื่อประเมินการประชุมในวันนี้ คาดว่าเหตุการณ์น่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และน่าจะได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่หากมีกรณีใดๆ เกิดขึ้น ก็ได้มีการประสานงานกับประธานสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้แล้ว เพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น
ทั้งนี้เสียงของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมยังยืนยันอยู่ที่ 260 เสียง แม้จะมีความพยายามให้มีการเปลี่ยนขั้วไปสนับสนุนขั้วของพรรคเพื่อไทย หรือสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายกฯ ก็ตาม
"ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้มีการประสานงานกันล่าสุด เราก็ยังยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเป็นแกนนำในการจับขั้วรัฐบาลได้ ใน 260 เสียงนี้ ได้มีการตรวจสอบกับแกนนำของผู้ที่เข้ามาร่วมจัดรัฐบาลแล้วในทุกกลุ่ม รวมถึงทุกพรรคยังยืนยันเช่นเดิม ข่าวที่ออกมาอาจจะมีความสับสน ก็อาจจะเป็นผลในเชิงจิตวิทยา ซึ่งอีกฝ่ายพยายามสร้างหรือโน้มน้าวให้พรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนที่อาจจะลังเลอยู่บ้างให้คล้อยตาม หรือโน้มไปทางพรรคเพื่อไทย แต่เรายังยืนยันว่า เสียงในขั้วพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันสามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้" นายสาทิตย์ กล่าว
**"แม้ว"โฟนอินไม่มีผล
นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ปราศรัยผ่านวีซีดี ในรายการความจริงวันนี้สัญจร เมื่อคืนวันที่ 13 ธ.ค.ว่า จากการประเมินเชื่อว่าไม่มีผลที่จะไปลบล้างความประสงค์ของแกนนำที่จะจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงการเมืองสู่ทิศทางที่ดีกว่าได้ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าการตัดสินใจของส.ส.ในวันนี้ จะต้องเลือกระหว่างการที่จะจับขั้วกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนๆ เดียว โดยการละทิ้งผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอีก 60 กว่าล้านคน หรือจะจับกลุ่มการเมืองใหม่ เพื่อเปิดอนาคตให้คนไทยอีก 60 กว่าล้านคน
" เราทราบดีว่ามีความพยายาม มีการพูดถึงการยิงในคืนหมาหอน มีการพูดถึงการยิงหน้าหน่วย อย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่เราไม่เชื่อว่าส.ส.ที่ประชาชนเลือกมาจะเลือกแนวทางการเมืองเช่นนั้น และทำให้การเมืองกลับไปสู่วังวนของความขัดแย้งอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต ดังนั้นในฐานะของกรรมการประสานงาน จึงเรียนยืนยันความพร้อมเสียง รวมถึงท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะจับขั้วกับประชาธิปัตย์ เรายังยืนยันใน 167 เสียง ดังนั้นต้องเพิ่มเติมอีก 93 เสียง จากชาติไทย รวมใจไทยชาติพัฒนา มัชฌิมาธิปไตย เพื่อแผ่นดินและ กลุ่มเพื่อนเนวิน ยังยืนยันว่าสามารถมาจับขั้วกับประชาธิปัตย์ได้อยู่ และมีการประเมินกันว่าถ้ามีความพยายาม และทำสำเร็จในบางส่วน เสียงของพรรคที่จะเป็นแกนนำยังเกินจำนวน 250 แน่นอน" นายสาทิตย์กล่าว
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงอาจจะไปล้อมสภา ทำให้เข้าสภาไม่ได้นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เราประเมินว่ายังสามารถเข้าไปประชุมได้ แต่ได้มีการประสานงานกับทางสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้ เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างๆ ยังขึ้นอยู่กับรัฐบาลรักษาการ แต่เราได้ยืนยันกับหลายฝ่ายที่มีการประสานว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างไร ก็ไม่ควรให้เกิดความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น หากมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง เราก็เจรจาไว้แล้วว่า จะให้เลื่อนการประชุมออกไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง
เมื่อถามว่าจะมีใครป่วยหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถ้าแพทย์อนุญาตให้มา ก็อยากให้มาร่วมประชุม ซึ่งส.ส.ก็เกรงข้อกล่าวหาเช่นกัน และบางจังหวัดที่มีข้อกล่าวหาตามสื่อ ก็ยืนยันว่าจะมาประชุม ดังนั้นเชื่อว่าไม่มีปัญหา ส.ส.ทุกคนอยากมาโหวต เพราะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ และเป็นการลุกขึ้นถามชื่อ ดังนั้นถ้าอยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้วไม่ได้มาโหวตก็คงถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
**"แม้ว"ยิ่งพูดยิ่งเข้าเนื้อ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เชื่อว่าคำพูดผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร ของพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีผลต่อการตัดสินใจของส.ส.ในการเลือกนายกฯวันนี้ แต่คิดว่า ยิ่งพูดกลับทำให้ ส.ส.บางส่วนยิ่งเจ็บใจ เพราะว่าเท่าที่ได้คุยกับส.ส.เหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องการหักหลังใคร ไม่ใช่การหักหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องที่เขาทำเพื่อบ้านเมือง ส.ส.เห็นแล้วว่า พี่น้องประชาชนเดือดร้อน ไหนจะปัญหาเศรษฐกิจ รายได้ตกต่ำ ราคาพืชผลเกษตรลด มีความทุกข์อย่างยิ่ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีทุกอย่างพร้อม ที่เป็นทุกข์คือทุกข์ใจที่ไม่ได้กลับเมืองไทยเท่านั้น นอกนั้นอยู่เมืองนอก ก็นอนโรงแรมห้าดาว หกดาว มีกินมีใช้ทุกอย่างแล้วจะมาอ้อนว่า ต้องทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ส.ส.เหล่านั้นก็บอกว่า เขาเลือกที่จะทำเพื่อคนทั้งประเทศมากกว่าที่จะทำเพื่อคน ๆ เดียว
"ผมคิดว่ากลุ่มเพื่อนเนวินไม่ไขว้เขว เพราะเขาตัดสินใจแล้ว และยิ่งพูดอย่างนี้ทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น คำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีผลต่อการตัดสินใจของ ส.ส.เลย ส่วนประชาชนในพื้นที่ก็ต้องแยกแยะ เพราะที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดล้วนแต่เป็นเรื่องของตัวเองทั้งนั้น" นายสุเทพกล่าว
ส่วนกรณีที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ชิงตำแหน่งนายกฯ แข่งกับนายอภิสิทธิ์ และมั่นใจว่าจะชนะประมาณ 10 เสียงนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นายเสนาะ คงบวกตัวเลขผิด ไม่มีทางชนะ และทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ยินเสียง พล.ต.อ.ประชา พูดกับสาธารณชนเลย ตนยืนยันว่าพล.ต.อ.ประชา ยืนยันกับตนในวันที่ไปบ้านท่าน ว่าจะไม่เป็นคู่แข่งนายกรัฐมนตรี และถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ช่วยเหลือร่วมมืออย่างไรก็ยินดีจะร่วมมือด้วย
"หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกันอยู่ โดยคิดว่าวันนี้ คงมีอะไรชัดเจนมากขึ้นจากซีกของ พล.ต.อ.ประชา ส.ส.ฝ่ายข้างมากของพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ยืนยันว่าจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอนครับ ผมคิดว่าพล.ต.อ.ประชา เป็นผู้ใหญ่ และมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก เป็นข้าราชการที่ประสบความสำเร็จ อยู่ในแวดวงการเมืองมาหลายปี อ่านออกว่าตัวเลขจริงๆ เป็นอย่างไร ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนที่เอาใจช่วยอยู่ ผมมั่นใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่งในสภาและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้" นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ในการประชุมส.ส.ของพรรค ก็ไม่ได้มีการซักซ้อมอะไรกันเป็นพิเศษ เป็นการประชุมธรรมดาไม่มีใครกังวล เสียงของพรรค 167 เสียง จะมาครบในวันเลือกนายกฯ ใครป่วยไม่ได้ ใครไข้ไม่ได้ ต้องมาลงคะแนนหมด
**แฉแจกเงิน 50 ล้านจ้าง ส.ส.แกล้งป่วย
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมซักซ้อมการลงคะแนนเพื่อโหวตนายกฯ ว่า ที่ประชุมได้รับการยืนยันจากนายสุเทพ และส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล กลุ่มการเมือง รวมทั้งส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนว่า ขณะนี้มีความพยายามใช้เงินจำนวน 50 ล้านบาท จ้างส.ส.ให้แกล้งป่วย เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าร่วมโหวต ทั้งนี้ ก็ได้รับการยืนยันจากพรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกพรรคทุกคนว่าจะยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมของประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ส.ส.กลุ่มบ้านริมน้ำ ของพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาประกาศว่า จะสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ให้เป็นนายกฯ จะกระทบต่อเสียงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์หรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เราได้มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ก็ตระหนักดีว่ามีกระบวนการเสนอผลประโยชน์ค่อนข้างสูง และจากการพูดคุยกับ พล.ต.อ.ประชา ครั้งล่าสุด ก็ยังยืนยันว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกฯ คนต่อไปแน่นอน และขณะนี้ยังไม่ได้รับคำยืนยันจากปากของพล.ต.อ.ประชา โดยตรง แต่เป็นการอ้างคำพูดของแหล่งข่าวเท่านั้น ดังนั้น เชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม พรรคก็ไม่ประมาท จึงได้มีการกำชับส.ส.ดูแลเรื่องความปลอดภัย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มส.ส.ชลบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ จะโหวตส่วนมติพรรค นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะที่ประชุมได้รับการยืนยันจากส.ส.กลุ่มดังกล่าว ว่าจะยังคงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเชื่อว่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวทำสงครามจิตวิทยา
**ไม่ห่วงถูกโจมตีเรื่องหนีทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมสมาชิกพรรคได้แสดงความเป็นห่วงว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะหยิบยกกรณีการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ มาโจมตี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงต่อสมาชิกว่า ตนมั่นใจว่าจะชี้แจงข้อกล่าวหานี้ได้ เพราะมั่นใจว่ามีใบผ่อนผันการเกณฑ์ทหารตัวจริง แม้จะไม่ได้เป็นคนดำเนินการด้วยตนเอง เนื่องจากนักเรียนต่างประเทศที่ได้รับการยกเว้นจะอยู่ในการดูแลของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ที่เป็นหน่วยงานจัดการเรื่องดังกล่าวทั้งหมด
นอกจากนี้ ในที่ประชุม นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน เปิดเผยว่ามีความพยายามเสนอเงิน 50 ล้านบาท เพื่อซื้อตัว ส.ส.3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยมีเงื่อนไขเพียงแค่ไม่มาร่วมการประชุมสภา เพื่อไม่ให้การโหวตนายกฯ ครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคได้ให้ความมั่นใจกับสมาชิกว่า ในวันนี้ (15 ธ.ค.) พรรคประชาธิปัตย์ จะได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน
**มั่นใจ 242 ส.ส.ยกมือให้อภิสิทธิ์
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมพรรคประชาธิปัตย์ วานนี้ นายสุเทพ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงตัวเลขล่าสุดที่ยังสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ คือ 242 เสียง โดยแบ่งเป็นพรรคประชาธิปัตย์ 167 เสียง พรรคเพื่อแผ่นดิน 21 เสียง พรรคชาติไทย 13 เสียง พรรคมัชฌิมาธิปไตย 9 เสียง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 8 เสียง กลุ่มเพื่อนเนวิน 22 เสียง และกลุ่มนายสรอรรถ กลิ่นประทุม 2 เสียง อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคยังยืนยันว่าพรรคจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีการใดก็ตาม แต่ตัวเลขที่สนับสนุนพรรคก็จะอยู่ที่ 240 ขึ้นไปอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังรับการยืนยันจากกลุ่มเพื่อนเนวินว่า จะมีส.ส.อดีต พรรคพลังประชาชนที่ไม่เปิดเผยตัว และยังไม่กล้าตัดสินใจมาอยู่กับกลุ่มเนวิน ประมาณ 12 คน ที่จะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
รายงานข่าวแจ้งว่า ตลอดในช่วงคืนของวันที่ 14 ธ.ค. นายสุเทพ จะไปทาบทามส.ส.อดีตพรรคพลังประชาชน ที่เตรียมจะย้ายไปสังกัดพรรคกิจสังกัด อีก 6 คน ให้มาสนับสนุน
**รวมใจไทยฯ มีมติหนุน"มาร์ค"ชัวร์
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แถลงถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรคว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี ในการโหวตวันนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมติพรรคออกอย่างไรแล้ว ที่ผ่านมาส.ส.ของพรรคจะให้เกียรติต่อมติของกรรมการบริหารพรรค รวมถึงเชื่อว่าพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค จะปฏิบัติตาม ทั้งนี้ แม้ พล.อ.เชษฐา จะไม่เข้าร่วมประชุม แต่ได้รับคำยืนยันว่าจะไม่ทำสิ่งใดให้เกิดความเสียหายแก่พรรค
"พรรคจะปฏิบัติตาม และมีจุดยืนเดิมที่เคยแถลงข่าวร่วมกับ 4 พรรค ซึ่งประกอบไปด้วย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ที่จะทำงานและตัดสินใจทางการเมืองร่วมกัน เพื่อให้เกิดเสถียรภาพ และยุติความสับสนทางการเมือง" นายประดิษฐ์ กล่าว
ด้านนายประพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวด้วยความมั่นใจว่า การเลือกนายกฯ วันนี้ (15 ธ.ค.) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน จะได้รับการเลือกด้วยเสียงสนับสนุนมากกว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 10 เสียง พร้อมกับเปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประชา ได้กล่าวกับ ส.ส.ในพรรคส่วนหนึ่งว่า พร้อมรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมแก้วิกฤตบ้านเมือง และหากได้เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมเชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลเพื่อทำงานร่วมกัน
นายประพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ส.ส.ในพรรคขณะนี้มีทั้งหมด 29 คน โดยมี ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยมาเพิ่มอีก 8 คน และมั่นใจว่าส.ส.ส่วนใหญ่จะยกมือสนับสนุนพล.ต.อ.ประชา เป็นนายกฯ
ด้านนายไชยยศ จิรเมธากร แกนนำกลุ่มวังพญานาค พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่าหากพล.ต.อ.ประชา ไม่ถอนตัวจากการถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะมี ส.ส.ของพรรคประมาณ 20 คน หันไปยกมือสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลแทน พร้อมกล่าวว่า การกระทำของพล.ต.อ.ประชา นั้นตรงกันข้ามกับการแถลงข่าวก่อนหน้านี้ ว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกฯ
**"บิ๊กจิ๋ว"ออกหน้าหนุน"ประชา"
แหล่งข่าวนักการเมืองอาวุโส คนหนึ่ง เปิดเผยว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเรียกส.ส.ส่วนหนึ่งที่มีแนวโน้มจะลงคะแนนให้ทางพรรคประชาธิปัตย์ ไปพูดคุยช่วงดึกเมื่อคืนวันที่ 13ธ.ค. ที่บ้านพัก และได้ขอร้องให้สนับสนุนพล.ต.อ.ประชา เพราะเห็นว่า จะสามารถลดการเผชิญหน้าทางการเมืองลงได้
นักการเมืองอาวุโสคนนี้ ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย จะเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล และพล.ต.อ.ประชา จะได้คะแนนมากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มากนัก พร้อมยอมรับว่า แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้กดดัน ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินอย่างหนัก เพื่อให้งดออกเสียงสนับสนุน นายอภิสิทธิ์
**รับปากหลวงตาฯ ไม่เป็นนอมินี
รายงานข่าวแจ้งว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี คนใกล้ชิดระบุว่า พล.ต.อ.ประชาได้รับปากหลวงตามหาบัวว่าตนเองจะไม่เป็นนอมินีใคร และหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะจัดโผ ครม.ด้วยตัวเอง ขณะที่หลวงตามหาบัวไม่ได้ตอบหรือพูดในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประชา เป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัวที่เดินทางไปที่วัดป่าบ้านตาดบ่อยๆ
**ให้เวลารัฐบาลใหม่ 3 เดือนยุบสภา
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แสดงความคิดเห็นถึงการโหวตเลือกนายกฯ ว่า ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้เป็นรัฐบาล เชื่อว่าจะทำงานได้ไม่นาน และเจอแรงคัดค้านที่เท่ากัน หากได้รัฐบาลขั้วเดิม จะเจอการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ หากเปลี่ยนขั้วไปเป็นพรรคประชาธิปัตย์ จะได้รัฐบาลที่เป็นดอกผลของการทำรัฐประหารรูปแบบใหม่ ซึ่งถือว่าขาดความชอบธรรมขั้นรุนแรง เพราะความพยายามที่จะขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยการยอมอยู่ใต้อำนาจของคนมีสี และใช้กลยุทธ์งูเห่า ถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย
นายจาตุรนต์กล่าวด้วยว่า ไม่ว่าฝ่ายใดจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล ไม่ควรอยู่ในอำนาจเกิน 3 เดือน แต่ต้องเร่งวางมาตรการกู้วิกฤตเศรษฐกิจให้แล้วเสร็จโดยด่วน แล้วยุบสภาทันที เพื่อคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงกรณีอาจมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อแข่งกับนายอภิสิทธิ์ ว่า เป็นการแข่งขันที่สูสีในเรื่องของฐานเสียง แต่หากมองในเรื่องวิสัยทัศน์ของผู้นำในระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ มองว่า คนที่เหมาะสมที่สุดน่าจะเป็นนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เพราะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่านายอภิสิทธิ์ ที่ยอมอยู่ใต้อำนาจการควบคุมจากส่วนอื่น เพื่อขึ้นเป็นฝ่ายกุมอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงเสียง และความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน
**ชาติไทยยึดสัจจะเลือกอภิสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่การพรรคชาติไทยเดิมว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร และอดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยได้เชิญ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย และอดีตแกนนำพรรคชาติไทย รวมถึง นายชุมพล ศิลปอาชา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าหารือบรรดา ส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เหลือ 15 คน เพื่อกำหนดท่าทีในการโหวตเลือกนายกฯ ในวันนี้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งมีบรรดาส.ส.เข้าร่วมประชุมเกือบทุกคน ขาดเพียง นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล ส.ส.ปทุมธานี นายสมเจตน์ ลิมประพันธ์ ส.ส.สุโขทัย และนางปารีณา ปาจารียางกูร ส.ส.ราชบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุม มีการหารือเรื่องที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โทรศัพท์เข้ามาสอบถามจำนวนที่เหลือของพรรคชาติไทยพัฒนา ว่ามีเท่าไร ซึ่งได้รับการยืนยันไปว่ามี 12 เสียง
นอกจากนี้ ยังมีการต่อสายไปหารือ เพื่อเช็คยอดพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอื่นๆว่าแต่ละพรรคการเมืองและแต่ละกลุ่มล่าสุดมีจำนวนเสียง ส.ส.ที่จะโหวตตำแหน่งนายกฯ เท่าไร โดยในที่ประชุมมีการประเมินตัวเลขอย่างคร่าวๆ ว่า พรรคประชาธิปัตย์มี 167 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา มี ส.ส. 12 เสียง ขาดไป 3 เสียงจากผู้ที่ไม่เข้าประชุมพรรค และไม่ได้กรอกใบสมัครเข้าสังกัดพรรคใหม่ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ซึ่งมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นแกนนำมี 8 เสียง พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่จะเข้าร่วมกับขั้วฝ่ายประชาธิปัตย์มี ส.ส.12 เสียง พรรคภูมิใจไทย หรือจากพรรคมัชฌิมาธิปไตย เดิมมี ส.ส.อีกอย่างน้อย 7 เสียง และกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่มีจำนวน ส.ส.อีกอย่างน้อย 20 เสียง รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 226 เสียง ซึ่งมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ที่เหลือในสภาฯ
ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังคาดว่าจะมีกลุ่ม ส.ส.ที่ยังลังเลอยู่ระหว่างการตัดสินใจอาทิ กลุ่มกิจสังคม ของนายสุวิทย์ คุณกิตติ ซึ่งมี ส.ส.ในมืออีก 5 เสียงจะร่วมโหวตใ ห้ขั้วพรรคประชาธิปัตย์ด้วย โดยมีเหตุผลหลักว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเบื่อสภาพปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มการเมืองที่กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของชาติ ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าขั้วฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถรวมรวมจำนวนส.ส.ในการจัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด
หลังการหารือ พล.ต.สนั่น และนายบรรหารไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยรีบก้าวขึ้นรถทันที ขณะที่บรรดาลูกพรรคที่เหลือต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการกำหนดท่าทีและสรุปสถานการณ์การเมืองก่อนที่จะโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งยืนยันว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนในการโหวต
แหล่งข่าวจากพรรคชาติไทย (เดิม) เปิดเผยว่า ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการเข้าสภาฯ เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ในส่วนส.ส.ของพรรคจะนัดรวมตัวกันที่สภาฯ และอาจจะมีการพูดคุยอะไรกันเล็กน้อย จากนั้นก็จะเข้าสภาฯทำหน้าที่ตามปกติ
"ผมขอยืนยันว่า พรรคของผมไม่มีเสียงแตกแน่นอน ยังไงพวกเราทั้งหมดก็สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯแน่ ส่วนพรรคไหนจะเอาเงินหลายสิบล้านมาฟาดหัวเพื่อไม่ให้ส.ส.เข้าโหวตนายกฯ ที่สภา เราไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะยังไงเขาก็ฟาดหัวพวกเราไม่ได้" แหล่งข่าวกล่าว
**"เพื่อไทย"ซ้อมโหวตเลือกนายกฯ
เวลา 09.00 น.วานนี้ ที่อาคารชินวัตรไหมไทย ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการประชุมซักซ้อมก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ โดยมีบรรดา ส.ส.เดินทางมาประชุมอย่างคับคั่ง อาทิ นายวิทยา บุรณศิริ อดีตคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ส.อยุธยา พอ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ และ ส.ส.นนทบุรี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย เป็นต้น ซึ่งส.ส.หลายคนยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลได้ และพูดทีเล่นทีจริงว่า 'พรุ่งนี้เตรียมแห้วเอาไว้ให้พรรคประชาธิปัตย์'
เวลา 10.15 น.นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตกรณีมีฝ่ายหนึ่งได้รับเสียงข้างมากแต่ไม่เกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุมว่า ข้อบังคับการประชุมและกฎหมายระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องเว้นการประชุมออกไป 15 วัน แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะจากการประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลก็ชัดเจนว่า ขณะนี้เรามีเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งแล้ว อีกทั้ง นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นคนประสานงานก็ยืนยันเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนรอดูการโหวตนายกฯ ในวันที่ 15 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายอยู่ เพราะแม้จะมีกำหนดในข้อบังคับการประชุม แต่ในรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้
ส่วนรายการความจริงวันนี้ นำวีทีอาร์ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเปิดแทนการโฟนอินนั้นเป็นไปตามที่นายวีระ ระบุว่า นายเสนาะ และ พล.ต.อ.ประชาเกรงว่าจะมีเหตุการณ์ไม่ดีก่อนเลือกนายกฯ จึงให้เปลี่ยนจากการโฟนอินมาเป็นการเปิดวีทีอาร์แทน เชื่อว่าหลังจากพรรคร่วมรัฐบาลได้ชมวีทีอาร์ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าน่าจะเข้าใจถึงเจตนาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดีว่าต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวิน เมื่อได้ชมวีทีอาร์แล้วก็คงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ
**สั่งคุมเข้ม"ส.ส.ทาส"ห้ามนอกรีด
เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม ส.ส.ภาคกลาง ชั้น 12 มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย (วิปพรรค) โดยมีนายวิทยา บุรณศิริ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุมร่วมกับ ส.ส.หลายจังหวัดกว่า 50 คน โดยนายวิทยา กล่าวในที่ประชุมว่า เพื่อป้องกันความผิดพลาดในวันประชุมโหวตเลือกนายกฯวันที่ 15 ธ.ค.อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นให้แต่ละจังหวัดมีวิป 1 คนดู ส.ส.ในจังหวัดตัวเองในการโหวตเพื่อให้เป็นในทิศทางเดียวกัน ขอให้นั่งรวมกันเป็นรายจังหวัด
ขณะที่ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย กล่าวว่า ขอให้แต่ละจังหวัดประสานไปยังชาวบ้านให้ติดตามการถ่ายทอดสดโหวตเลือกนายกฯทั้งทางทีวี วิทยุ เพื่อจะใช้มาตรการนี้กดดันผู้แทนฯ ให้ชาวบ้านได้รู้ว่าผู้แทนแต่ละคนมีพฤติกรรมอย่างไร
**มติเพื่อไทยเสนอ'ประชา'ชิงนายกฯ
เวลา 12.10 น. นายไพจิต ศรีวรขาน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายพีระพันธ์ พาลุสุข และนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร ร่วมแถลงภายหลังการประชุม โดยนายไพจิต กล่าวว่า ในวันประชุมโหวตเลือกนายกฯ เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ปรองดองพรรคจะไม่เสนอนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทย โดยนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะเสนอ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้ารับการโหวตเลือกนายกฯ พล.ต.อ.ประชา มีภาพกลางๆน่าจะถูกใจสังคมพอสมควร และได้รับการยืนยันจากหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินในเรื่องดังกล่าวแล้วด้วย แม้พรรคเพื่อไทยจะมีเสียง 233 เสียง ก็จะแสดงความจริงใจไม่เสนอคนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ แตกต่างกับพรรคประชาธิปัตย์มีเพียง 167 เสียงเท่านั้น กลับเสนอคนเป็นนายกฯและตั้งรัฐบาลแข่งซึ่งถือว่าผิดมารยาทการเมือง
"วันนี้ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้ และเสียงที่ได้เป็นการแสดงความเด็ดขาดระดับหนึ่ง คิดว่าไม่น่าจะชนะกันขาด ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลได้แต่ในวันที่ 11 ม.ค.52 ยังจะมีการเลือกตั้งซ่อมอีก26เขต ซึ่งตอนนั้นเชื่อว่าคะแนนเสียงจะทิ้งห่างกันมากมาย"
นายไพจิต กล่าวอีกว่า ในคืนวันที่ 14 ธ.ค.ก่อนโหวตเลือกนายกฯ ถือเป็นคืนที่สำคัญมาก พรรคได้มีการตั้งศูนย์ระวังป้องกันถูกคุกคามหรืออุ้ม ส.ส.ที่จะทำให้การโหวตเสียงมีปัญหา เพราะที่ผ่านมามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วมี ส.ส.2-3 ราย ได้ร้องขอมาทางศูนย์แล้วด้วยเพราะฉะนั้นจึงต้องระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ส่งอาสาสมัครไปช่วย ส.ส.พรรคเพื่อไทยโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ บอกว่าถูกนายทหารข่มเหงรังแก โดย ส.ส.ปริมณฑลคนหนึ่ง แจ้งว่ามีนายทหารมาเดินวนเวียนหน้าบ้านพัก ส.ส.คนดังกล่าวได้สอบถามว่ามาทำอะไร ก็ได้รับคำตอบว่า กอ.รมน.ส่งมาดูแลรักษาความปลอดภัย และขอเรียกร้องให้ กอ.รมน.เลิกปฏิบัติแบบนี้ มันเหมือนยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพลสฤษฎดิ์ ธนะรัชต์ นอกจากนี้ ตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามระดับผู้บังคับบัญชาใน กอ.รมน.ถึงสาเหตุโดยเจ้าตัวบอกว่าก็ไม่อยากทำแต่เพราะนายสั่งมาจึงต้องทำ
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองว่าปัจจุบันบ้านเมืองมีความเสียหายมากเนื่องจากมีผู้นำเหล่าทัพแอบอ้างสถาบันเข้ามายุ่งเกี่ยวจัดตั้งรัฐบาลจากปลายกระบอกปืน แต่ก็มีนายทหารหลายคนโทรศัพท์มาหาตนบอกไม่เห็นด้วยกับทำให้กองทัพเสื่อมเสีย แต่ขณะนี้ยังมีเวลาเหลืออีก 1 วันก่อนโหวตเลือกนายกฯ จึงอยากให้ผู้นำเหล่าทัพอย่าได้เข้ามาข่มขู่นักการเมืองหวังให้คะแนนเพี้ยนกว่าความเป็นจริง
**"พงษ์ศักดิ์"อ้าง ปชช.จับตาดูใครทรยศ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมาก หากจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เป็นสิทธิ์ของพรรคที่มีคะแนนเสียงรองลงมา แต่ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์มีความกระสันอยาก กระเหี้ยนกระหือรือ อยากเป็นรัฐบาล ทิ้งหลักการอันดีงามของพรรคและหลักการระบบรัฐสภา และรู้สึกเศร้าใจกับข่าวที่ออกมาว่าพรรคใช้เงิน 7-8 หลักเพื่อดูด ส.ส.นั้นไม่เป็นความจริง เป็นการสร้างข่าวโดยไม่มีมูลความจริง
"ไม่เชื่อว่าในการโหวตเลือกนายกฯ ส.ส.เหนือและอีสานจะโหวตโดยไม่ฟังเสียงประชาชนโดยเฉพาะคนอีสาน 19 จังหวัดจะรอดู ส.ส.ในการโหวตเลือกนายกฯ เขาจะรอดูว่าใครทรยศ ต่อประชาชน ชาวบ้านรอฟังการขานชื่อว่าจะเลือกให้ใครเป็นนายกฯ เขาจะได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
**"เป็ดเหลิม" ยังมั่นใจได้เป็นรัฐบาล
เวลา 13.15 น.ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.สาธารณสุข และ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะที่อยู่การเมืองมานานใช้หลักวิเคราะห์ว่าเมื่อ5วันที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.กว่า 200 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่ามี ส.ส.260 คน เป็นไปไม่ได้ เพราะในสภาฯมี ส.ส.เพียง 438 คน เพราะฉะนั้นใครมี ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง 220 คนจะชนะแน่นอน และต้องบอกพรรคร่วมรัฐบาลว่า การโหวตเลือกนายกฯกับการร่วมรัฐบาลคนละขั้นตอน พรรคไหนสนับสนุนใครเป็นนายกฯก็ทำได้ แต่การร่วมรัฐบาลนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
"จากการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาล ถึงพรรคเพื่อไทยจะแพ้ไม่น่าจะเกิน 5 เสียง ถ้ามีการชนะกันไม่น่าจะเกิน 8-10 เสียง แต่ขอเรียกร้องให้พรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาลหากแพ้ก็อย่าให้ร้ายเรา จะมาบอกว่าที่แพ้เพราะคุณหญิงพจมาน เดินทางกลับมาไม่ได้ คุณหญิงพจมาน ไม่ได้เกี่ยวข้องท่านเดินทางกลับมาเพราะเยี่ยมมารดาที่ป่วยเท่านั้น"
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ใครแพ้ก็อย่าตีรวน หากพรรคเพื่อไทยแพ้ตนก็จะบอกว่าพรรคเพื่อไทยแพ้แล้ว แต่ถ้าบางพรรคแพ้ก็ไม่ต้องบอกว่าเป็นเพราะพลังเงิน30-40ล้านบาทต่อคน หรือแพ้พลังดูดไม่มี เราไม่เคยดูดจากใครมีแต่พรรคพวกท่านมาดูดคนของเราไป ชนะแล้วก็อย่ามาถากถาง ทำให้ไม่เกิดความสมานฉันท์ หากแพ้ตนก็พร้อมทำงาน ขอเอาฉายาดาวสภากลับคืนมา
เมื่อถามว่าพูดเหมือนทำใจเป็นฝ่ายค้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่การเป็นนักการเมืองต้องรับได้ ทั้ง 2 ฝ่าย อย่าไปดื้อด้าน
**'เฉลิม' เริ่มพาลทวงเงินเนวิน 30 ล้าน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า การกักกันตัวนั้นทำได้แต่กักกันหัวใจมันทำยาก สุภาษิตจีนบอกว่าเลี้ยงลูกสาวต้องใช้ใจเลี้ยง ไม่เห็นหรือเลี้ยงอาหมวยไว้ชั้น9 อาหมวยยังหนีไปมีแฟนได้ กรณีการโหวตเลือกนายกฯนี้ก็เหมือนกัน
ถามว่าหากจะมีการโหวตรอบ 2 เป็นไปได้หรือไม่ มีการตั้งข้อสังเกตุว่านายชัย เป็นประธาน อาจไม่ยอมให้มีการโหวตอีก ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงไม่ได้ นายชัย เป็นผู้ใหญ่ต้องเป็นกลาง ตามกฎหมายหากเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ต้องมีการโหวตใหม่ แต่ยังมั่นใจว่าไม่น่าจะมีการโหวตรอบ2 หมัดเดียวคงน็อกได้แล้ว
ภายหลังการให้สัมภาษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม ถามผู้สื่อข่าวว่าในการโหวตเลือกนายกฯ นายบรรหาร นายสุวัจน์ พล.อ.(หญิง) พูนภิรมย์ โหวตเลือกนายกฯได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ นี่ซ้อมแล้ว ซ้อมเป็นฝ่ายค้านแล้ว หากเลือกตั้งใหม่หาเสียงก็ขาย พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเดิม พร้อมกับเปรียบเทียบว่าภาคใต้ฝนตก นายชวน ปราศรัย คนยังกางร่วมมาฟังปราศรัยเลย อีสานก็เหมือนกัน ต้อง พ.ต.ท.ทักษิณ "ผมจะบอกเลยใครต้องการชนะมาทางนี้จะบอกให้ 1-2-3-4"
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังฝากสื่อมวลชนไปบอกนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ว่า "จำได้หรือไม่ปี 2539 เฉลิมฝากบอกว่าเงิน 30 ล้านอยู่ไหน ที่ไปเอาที่บ้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล เงินอยู่ไหนให้เอามาคืนด้วย นายบรรหาร เคยพูดกับตนว่าฝากไปทวงเงิน 100 ล้านบาทจากนายเนวิน บอกให้เอามาคืนด้วย"
**ผบช.น.มั่นใจไม่มีปิดล้อมรัฐสภา
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมประเมินสถานการณ์การจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ว่า สถานการณ์โดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนเหตุกระทบกระทั่งระหว่างผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปก. กับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมวัน เพราะการดื่มสุรานั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
ขณะที่การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นเพียงเทปไม่ใช่การพูดสดจึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อเลือกนายกฯในวันนี้เชื่อว่าจะไม่มีการชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา เพราะต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่าจะได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี หากจะมีคงเป็นลักษณะการให้กำลังใจกันมากกว่า
อย่างไรก็ตาม จะไม่ประมาท โดยเตรียมกำลัง 8 กองร้อยไว้ดูแล โดย 1 กองร้อย จะกระจายอยู่ด้านในอาคาร อีก 3 กองร้อย จะประจำการโดยรอบ และจะเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. ส่วนอีก 4 กองร้อย เตรียมพร้อมในที่ตั้งเพื่อสนับสนุน ซึ่งช่วงบ่าย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อีกครั้ง.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโฟนอิน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าตนไม่ได้ฟังรายละเอียด แต่คิดว่า วันนี้ (15ธ.ค.) จะมีการเลือกตั้งนายกฯโดยสภา คงจะทำให้บ้านเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น อยากให้ส.ส.ทุกคนคิดถึงอนาคตของบ้านเมืองในการใช้สิทธิ์ ส่วนตนก็เคารพระบบรัฐสภา ยืนยันว่าไม่มีอะไรหนักใจ เพราะถือว่าได้ทำตามหน้าที่ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาที่เมื่อพรรคเสียงข้างมากประสบปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน และมีหน้าที่เสนอตัวเป็นทางเลือก โดยทำความเข้าใจร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมถึงความตั้งใจที่ต้องการทำให้บ้านเมือง โดยเฉพาะการฟื้นความสามัคคี และเศรษฐกิจ ส่วนมติของสภาจะเป็นอย่างไร เราก็เคารพกระบวนการนั้น เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
ส่วนที่นายจาตุรนต์ ฉาย แสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาเสนอว่าไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นฝ่ายไหน ควรมีอายุบริหารงานแค่ 3 เดือนแล้วยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอายุของรัฐบาลน่าจะอยู่ที่ภารกิจหลัก คือเรื่องความสามัคคีและเศรษฐกิจ คงเป็นเรื่องยากที่ใครจะพูดล่วงหน้าได้ว่าจะอยู่ได้กี่เดือน กี่ปี แต่รัฐบาลชุดใหม่มีภารกิจที่กำหนดเฉพาะเอาไว้ ซึ่งอายุของรัฐบาลจะถูกกำหนดโดยการทำงานของรับบาลเองมากกว่า
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ 13 ข้อ ว่า ได้เห็นแล้ว แต่ยังไม่ดูรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งหลายข้อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายที่ทุกรัฐบาลทำกันอยู่แล้ว แต่อาจมีบางข้อที่เป็นรายละเอียดนโยบาย ที่อาจเห็นตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้างเป็นธรรมดา
สำหรับการเริ่มการเมืองใหม่นั้น ตนย้ำหล่ายครั้งแล้วว่า เราไม่สามารถมีการเมืองใหม่ได้ โดยไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคน จึงต้องหากระบวนการแก้ไขที่เป็นการปฏิรูปการเมืองที่ทุกฝ่ายยอมรับ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของรับบาลชุดต่อไปที่ควรทำให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนั้น ไม่ควรทิ้งค้างไว้ แต่กระบวนการต่างๆ ที่จะทำได้ต้องหารือร่วมกันกับฝ่ายต่างๆ ก่อน ที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นความขัดแย้ง เพราะไม่มีความพยายามแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายก่อนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทำไม
**ยันไม่มีเงื่อนไขนิรโทษคนบ้านเลขที่ 111
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ไม่เคยมีเงื่อนไขต่อรองกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ว่าจะนิรโทษกรรมให้กับ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ซึ่งตนสอบถามนายเนวินด้วยตัวเองว่า ไม่มีเงื่อนไขนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งนายเนวิน ก็ยืนยันว่าไม่มี ใครที่สงสัยอะไร ตนได้พูดชัดเจนถึงเงื่อนไขกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สังคมมองพรรคประชาธิปัตย์สองทาง ส่วนหนึ่งมองว่า ที่ตั้งรัฐบาลเพราะอยากเป็นรัฐบาล และอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าต้องการแก้ปัญหาชาติ จะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาให้ชาติได้ ก็ไม่เป็นผลดีกับพรรคและตนเองอยู่แล้ว
"วันนี้ผมขอยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องของความอยาก ถ้าถามกันจริงๆ ให้นักการเมืองทั่วไปเลือกได้ว่า อยากเข้าไปเป็นรัฐบาลในสถานการณ์แบบนี้หรือไม่ ผมคิดว่าหลายคนมีความรู้สึกว่า อยากเข้าไปมีอำนาจรัฐในวันที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่หนักหนาสาหัสอย่างนี้มากกว่า เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ สำหรับผมไม่มีเรื่องความอยาก ทั้งหมดเป็นการปฏิบัติหน้าที่บนความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรคการเมืองลำดับสองในสภา ซึ่งผมไม่มีความกังวลต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ทั้งสิ้น ขอให้วันนี้กระบวนการรัฐสภาเดินหน้าไปหาความชัดเจนให้กับบ้านเมือง ถือว่าผมทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**พยายามลดความขัดแย้งของสังคม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสต่อต้านของกลุ่มเสื้อแดงว่า จะทำให้สถานการณ์วนเวียนอยู่บนความขัดแย้งเดิม ๆ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าวันนี้ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ก็จะมีคนที่ไม่สนับสนุนหรือต่อต้าน แม้แต่ทุกพรรคการเมืองจะจับมือกันเป็นรัฐบาล ก็จะมีคนในสังคมจำนวนไม่น้อยต่อต้านความคิดนี้ ตนจึงไม่ปฏิเสธความจริงในเรี่องนี้ และเป็นสิ่งที่ตนเคยพูดว่า ถ้ามีโอกาสทำงานให้บ้านเมืองตนต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นว่า คนเป็นรัฐบาลเป็นคนที่ทำงานให้กับทุกคน ไม่ว่าจะสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ และที่สำคัญต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตนเชื่อว่าถ้ารัฐบาลชุดใหม่มีความมุ่งมั่นมีความไว้วางใจ และมีความจริงใจ ก็จะค่อย ๆ ลดปัญหาเงื่อนไขความขัดแย้งในสังคมได้
**มาร์คขอนำทีมเศรษฐกิจเอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า หากได้รับโอกาสให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีความพร้อมทำงานทันทีเพราะได้เกาะติดปัญหาของสถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจมาโดยตลอด และเคยให้ความเห็นไว้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะต้องมีคำตอบชัดเจนเรื่องเศรษฐกิจ อาเซียน การต่างประเทศ หรือการศึกษาอย่างไร ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าผู้นำรัฐบาลจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองได้ เพราะเงื่อนไขของรัฐบาลผสมอาจทำให้หลายคนเกิดความกังวลใจในเรื่องความเป็นเอกภาพในเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ไม่อยู่แค่เฉพาะกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น แต่รวมไปถึงเรื่องพลังงาน แรงงาน การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตนจึงขอยืนยันว่า หัวหน้ารัฐบาลชุดใหม่ควรเป็นผู้นำทีมเศรษฐกิจเอง
ส่วนการดูแลเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับเพื่อน ส.ส.ในพรรคและพรรคร่วมแล้ว เราตระหนักถึงสถานการณ์ว่า ปัญหาของบ้านเมืองหนักหน่วงอย่างไร ต้องการแก้ไขปัญหาด้วยการทุ่มเทอย่างไร
**ยึดประชาชน ไม่เป็นเบี้ยล่างใคร
เมื่อถามว่าจะตกเป็นเบี้ยล่างของกลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มเพื่อนเนวิน และพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นเบี้ยล่างของคนไทยทั้งประเทศ ไม่เป็นเบี้ยล่างของใคร ตนคิดว่าคนที่เป็นนายกฯต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ทุกกลุ่ม ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็น แต่ถ้าผู้นำประเทศเห็นด้วยกับข้อเสนอต่าง ๆ บนความบริสุทธิ์ใจ และตั้งใจทำงานพร้อมที่จะรับผิดชอบ เชื่อว่าจะอยู่ในฐานะที่รับมือได้ จากความเห็นหลากหลายของกลุ่มต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อถึงเวลาที่มีอำนาจ การรักษาอำนาจกับการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนจะเลือกยากมากขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าการยึดมั่นผลประโยชน์ของประชาชน คือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดของผู้ที่มีอำนาจ และถ้าตัดสินใจเป็นอย่างอื่นอาจประสบความสำเร็จแค่ชั่วครู่ชั่วยาม แต่สุดท้ายแล้วจะหนักหนาสาหัส ตนเป็นคนสบายใจกับกระบวนการทุกอย่าง เพราะอยู่ในการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยมาสิบหกปี ซึ่งตนมั่นใจว่าจะบริหารงานโดยไม่มีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะสิ่งที่ทำมาช่วงสองสามปีนี้ เปลี่ยนแนวทางการทำงานของฝ่ายค้านระดับหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ระบบ ครม.เงา เพื่อติดตามประเด็นปัญหาต่างๆ ทำให้มีกรอบความคิดค่อนข้างชัดว่า ปัญหาแต่ละอย่างควรจะทำอย่างไร จึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น
**ไม่สนเสียงวิจารณ์ว่าทหารอุ้ม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสวิจารณ์ว่า การขึ้นเป็นนายกฯ ครั้งนี้ไม่สง่างามเพราะมีสีเขียวอุ้มอยู่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนห้ามเสียงวิจารณ์ไม่ได้ แต่ให้ความมั่นใจได้ว่า ถ้าได้รับโอกาสจากเสียงส่วนใหญ่ในสภา ตนคือคนที่จะต้องทำงานให้กับคนทั้งประเทศ และต้องให้เกียรติ ส.ส.ที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนที่จะลงคะแนนในวันนี้ คือคนที่ตัดสินใจ และที่สำคัญเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วเราทำงานให้กับใคร ก็จะทำให้รัฐบาลเป็นของคนนั้น ตอนนี้ไม่ว่าใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การกระทำ ตนเติบโตมาตามวิถีทางประชาธิปไตยโดยตลอด ไม่มีทางลัดอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่เดินเข้ามาแล้วตั้งพรรคการเมืองเป็นของตนเองได้ แต่เข้ามาในฐานะ ส.ส.คนหนึ่ง และได้รับโอกาสจากเพื่อนสมาชิกของพรรคที่มีทั่วประเทศ สั่งสมอะไรหลายอย่าง มาเป็นหลายสิบปี จนมานั่งตรงนี้
"ผมมั่นใจว่า หากพรรคได้รับโอกาสให้บริหารประเทศ จะเรียกความเชื่อมั่นให้ได้กลับมาโดยเร็วที่สุด คือในระยะเวลาที่สั้นที่สุดภายใน 2-3 เดือน ความเชื่อมั่นต้องชัดเจน ส่วนประเด็นรายละเอียดปลีกย่อยว่าแต่ละโครงการจะสำเร็จเมื่อไร คงต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ยึดความเสมอภาคทางกฎหมาย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคในคดีความต่างๆ หากได้เป็นรัฐบาลว่า ทุกอย่างต้องว่าไปตามเนื้อผ้า เป็นไปตามระเบียบ เช่น กรณีถอนพาสปอร์ตแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทรวงการต่างประเทศ ก็ต้องทำอย่างโปร่งใส เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีการเปิดเผย และอธิบายว่าระเบียบ หรือข้อเสนอต่างๆ อยู่บนหลักเกณฑ์อะไร ตนยืนยันว่าจะไม่มีการเกี้ยเซียะกับ พ..ต.ท.ทักษิณเด็ดขาด ผิดคือผิด ไม่ผิดก็คือไม่ผิด รวมถึงการดำเนินคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ และทุกฝ่าย อีกทั้งจะตรวจสอบความไม่โปร่งใส กรณีรถเมล์ 4 พันคัน และฝายแม้วด้วย หากโครงการมีปัญหา ก็ต้องหยุดแต่ถ้าถูกต้องก็เดินหน้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เกี่ยวกับรัฐบาลเพื่อชาติ ให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเชิญพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลด้วย คิดอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยคุยกับนายเสนาะ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนถ้าพล.ต.อ.ประชาได้รับเลือกเป็นนายกฯ ก็ขอให้ถึงตรงนั้นก่อนแล้วค่อยมาคิดว่าจะทำอย่างไร
**มั่นใจเสียงสนับสนุนยังอยู่ครบ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ฝ่ายค้าน กล่าวถึงการลงมติเลือกนายกฯ ในวันนี้ว่า ได้มีการประสานงานกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคที่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว โดยตนจะรับผิดชอบในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนของพรรคร่วมนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค จะเป็นผู้ประสานงาน
ทั้งนี้ จากการประชุมวิป เพื่อประเมินการประชุมในวันนี้ คาดว่าเหตุการณ์น่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และน่าจะได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่หากมีกรณีใดๆ เกิดขึ้น ก็ได้มีการประสานงานกับประธานสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้แล้ว เพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น
ทั้งนี้เสียงของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมยังยืนยันอยู่ที่ 260 เสียง แม้จะมีความพยายามให้มีการเปลี่ยนขั้วไปสนับสนุนขั้วของพรรคเพื่อไทย หรือสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายกฯ ก็ตาม
"ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้มีการประสานงานกันล่าสุด เราก็ยังยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเป็นแกนนำในการจับขั้วรัฐบาลได้ ใน 260 เสียงนี้ ได้มีการตรวจสอบกับแกนนำของผู้ที่เข้ามาร่วมจัดรัฐบาลแล้วในทุกกลุ่ม รวมถึงทุกพรรคยังยืนยันเช่นเดิม ข่าวที่ออกมาอาจจะมีความสับสน ก็อาจจะเป็นผลในเชิงจิตวิทยา ซึ่งอีกฝ่ายพยายามสร้างหรือโน้มน้าวให้พรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนที่อาจจะลังเลอยู่บ้างให้คล้อยตาม หรือโน้มไปทางพรรคเพื่อไทย แต่เรายังยืนยันว่า เสียงในขั้วพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันสามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้" นายสาทิตย์ กล่าว
**"แม้ว"โฟนอินไม่มีผล
นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ปราศรัยผ่านวีซีดี ในรายการความจริงวันนี้สัญจร เมื่อคืนวันที่ 13 ธ.ค.ว่า จากการประเมินเชื่อว่าไม่มีผลที่จะไปลบล้างความประสงค์ของแกนนำที่จะจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงการเมืองสู่ทิศทางที่ดีกว่าได้ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าการตัดสินใจของส.ส.ในวันนี้ จะต้องเลือกระหว่างการที่จะจับขั้วกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนๆ เดียว โดยการละทิ้งผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอีก 60 กว่าล้านคน หรือจะจับกลุ่มการเมืองใหม่ เพื่อเปิดอนาคตให้คนไทยอีก 60 กว่าล้านคน
" เราทราบดีว่ามีความพยายาม มีการพูดถึงการยิงในคืนหมาหอน มีการพูดถึงการยิงหน้าหน่วย อย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่เราไม่เชื่อว่าส.ส.ที่ประชาชนเลือกมาจะเลือกแนวทางการเมืองเช่นนั้น และทำให้การเมืองกลับไปสู่วังวนของความขัดแย้งอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต ดังนั้นในฐานะของกรรมการประสานงาน จึงเรียนยืนยันความพร้อมเสียง รวมถึงท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะจับขั้วกับประชาธิปัตย์ เรายังยืนยันใน 167 เสียง ดังนั้นต้องเพิ่มเติมอีก 93 เสียง จากชาติไทย รวมใจไทยชาติพัฒนา มัชฌิมาธิปไตย เพื่อแผ่นดินและ กลุ่มเพื่อนเนวิน ยังยืนยันว่าสามารถมาจับขั้วกับประชาธิปัตย์ได้อยู่ และมีการประเมินกันว่าถ้ามีความพยายาม และทำสำเร็จในบางส่วน เสียงของพรรคที่จะเป็นแกนนำยังเกินจำนวน 250 แน่นอน" นายสาทิตย์กล่าว
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงอาจจะไปล้อมสภา ทำให้เข้าสภาไม่ได้นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เราประเมินว่ายังสามารถเข้าไปประชุมได้ แต่ได้มีการประสานงานกับทางสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้ เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างๆ ยังขึ้นอยู่กับรัฐบาลรักษาการ แต่เราได้ยืนยันกับหลายฝ่ายที่มีการประสานว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างไร ก็ไม่ควรให้เกิดความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น หากมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง เราก็เจรจาไว้แล้วว่า จะให้เลื่อนการประชุมออกไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง
เมื่อถามว่าจะมีใครป่วยหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถ้าแพทย์อนุญาตให้มา ก็อยากให้มาร่วมประชุม ซึ่งส.ส.ก็เกรงข้อกล่าวหาเช่นกัน และบางจังหวัดที่มีข้อกล่าวหาตามสื่อ ก็ยืนยันว่าจะมาประชุม ดังนั้นเชื่อว่าไม่มีปัญหา ส.ส.ทุกคนอยากมาโหวต เพราะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ และเป็นการลุกขึ้นถามชื่อ ดังนั้นถ้าอยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้วไม่ได้มาโหวตก็คงถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
**"แม้ว"ยิ่งพูดยิ่งเข้าเนื้อ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เชื่อว่าคำพูดผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร ของพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีผลต่อการตัดสินใจของส.ส.ในการเลือกนายกฯวันนี้ แต่คิดว่า ยิ่งพูดกลับทำให้ ส.ส.บางส่วนยิ่งเจ็บใจ เพราะว่าเท่าที่ได้คุยกับส.ส.เหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องการหักหลังใคร ไม่ใช่การหักหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องที่เขาทำเพื่อบ้านเมือง ส.ส.เห็นแล้วว่า พี่น้องประชาชนเดือดร้อน ไหนจะปัญหาเศรษฐกิจ รายได้ตกต่ำ ราคาพืชผลเกษตรลด มีความทุกข์อย่างยิ่ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีทุกอย่างพร้อม ที่เป็นทุกข์คือทุกข์ใจที่ไม่ได้กลับเมืองไทยเท่านั้น นอกนั้นอยู่เมืองนอก ก็นอนโรงแรมห้าดาว หกดาว มีกินมีใช้ทุกอย่างแล้วจะมาอ้อนว่า ต้องทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ส.ส.เหล่านั้นก็บอกว่า เขาเลือกที่จะทำเพื่อคนทั้งประเทศมากกว่าที่จะทำเพื่อคน ๆ เดียว
"ผมคิดว่ากลุ่มเพื่อนเนวินไม่ไขว้เขว เพราะเขาตัดสินใจแล้ว และยิ่งพูดอย่างนี้ทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น คำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีผลต่อการตัดสินใจของ ส.ส.เลย ส่วนประชาชนในพื้นที่ก็ต้องแยกแยะ เพราะที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดล้วนแต่เป็นเรื่องของตัวเองทั้งนั้น" นายสุเทพกล่าว
ส่วนกรณีที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ชิงตำแหน่งนายกฯ แข่งกับนายอภิสิทธิ์ และมั่นใจว่าจะชนะประมาณ 10 เสียงนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นายเสนาะ คงบวกตัวเลขผิด ไม่มีทางชนะ และทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ยินเสียง พล.ต.อ.ประชา พูดกับสาธารณชนเลย ตนยืนยันว่าพล.ต.อ.ประชา ยืนยันกับตนในวันที่ไปบ้านท่าน ว่าจะไม่เป็นคู่แข่งนายกรัฐมนตรี และถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ช่วยเหลือร่วมมืออย่างไรก็ยินดีจะร่วมมือด้วย
"หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกันอยู่ โดยคิดว่าวันนี้ คงมีอะไรชัดเจนมากขึ้นจากซีกของ พล.ต.อ.ประชา ส.ส.ฝ่ายข้างมากของพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ยืนยันว่าจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอนครับ ผมคิดว่าพล.ต.อ.ประชา เป็นผู้ใหญ่ และมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก เป็นข้าราชการที่ประสบความสำเร็จ อยู่ในแวดวงการเมืองมาหลายปี อ่านออกว่าตัวเลขจริงๆ เป็นอย่างไร ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนที่เอาใจช่วยอยู่ ผมมั่นใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่งในสภาและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้" นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ในการประชุมส.ส.ของพรรค ก็ไม่ได้มีการซักซ้อมอะไรกันเป็นพิเศษ เป็นการประชุมธรรมดาไม่มีใครกังวล เสียงของพรรค 167 เสียง จะมาครบในวันเลือกนายกฯ ใครป่วยไม่ได้ ใครไข้ไม่ได้ ต้องมาลงคะแนนหมด
**แฉแจกเงิน 50 ล้านจ้าง ส.ส.แกล้งป่วย
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมซักซ้อมการลงคะแนนเพื่อโหวตนายกฯ ว่า ที่ประชุมได้รับการยืนยันจากนายสุเทพ และส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล กลุ่มการเมือง รวมทั้งส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนว่า ขณะนี้มีความพยายามใช้เงินจำนวน 50 ล้านบาท จ้างส.ส.ให้แกล้งป่วย เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าร่วมโหวต ทั้งนี้ ก็ได้รับการยืนยันจากพรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกพรรคทุกคนว่าจะยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมของประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ส.ส.กลุ่มบ้านริมน้ำ ของพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาประกาศว่า จะสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ให้เป็นนายกฯ จะกระทบต่อเสียงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์หรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เราได้มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ก็ตระหนักดีว่ามีกระบวนการเสนอผลประโยชน์ค่อนข้างสูง และจากการพูดคุยกับ พล.ต.อ.ประชา ครั้งล่าสุด ก็ยังยืนยันว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกฯ คนต่อไปแน่นอน และขณะนี้ยังไม่ได้รับคำยืนยันจากปากของพล.ต.อ.ประชา โดยตรง แต่เป็นการอ้างคำพูดของแหล่งข่าวเท่านั้น ดังนั้น เชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม พรรคก็ไม่ประมาท จึงได้มีการกำชับส.ส.ดูแลเรื่องความปลอดภัย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มส.ส.ชลบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ จะโหวตส่วนมติพรรค นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะที่ประชุมได้รับการยืนยันจากส.ส.กลุ่มดังกล่าว ว่าจะยังคงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเชื่อว่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวทำสงครามจิตวิทยา
**ไม่ห่วงถูกโจมตีเรื่องหนีทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมสมาชิกพรรคได้แสดงความเป็นห่วงว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะหยิบยกกรณีการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ มาโจมตี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงต่อสมาชิกว่า ตนมั่นใจว่าจะชี้แจงข้อกล่าวหานี้ได้ เพราะมั่นใจว่ามีใบผ่อนผันการเกณฑ์ทหารตัวจริง แม้จะไม่ได้เป็นคนดำเนินการด้วยตนเอง เนื่องจากนักเรียนต่างประเทศที่ได้รับการยกเว้นจะอยู่ในการดูแลของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ที่เป็นหน่วยงานจัดการเรื่องดังกล่าวทั้งหมด
นอกจากนี้ ในที่ประชุม นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน เปิดเผยว่ามีความพยายามเสนอเงิน 50 ล้านบาท เพื่อซื้อตัว ส.ส.3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยมีเงื่อนไขเพียงแค่ไม่มาร่วมการประชุมสภา เพื่อไม่ให้การโหวตนายกฯ ครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคได้ให้ความมั่นใจกับสมาชิกว่า ในวันนี้ (15 ธ.ค.) พรรคประชาธิปัตย์ จะได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน
**มั่นใจ 242 ส.ส.ยกมือให้อภิสิทธิ์
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมพรรคประชาธิปัตย์ วานนี้ นายสุเทพ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงตัวเลขล่าสุดที่ยังสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ คือ 242 เสียง โดยแบ่งเป็นพรรคประชาธิปัตย์ 167 เสียง พรรคเพื่อแผ่นดิน 21 เสียง พรรคชาติไทย 13 เสียง พรรคมัชฌิมาธิปไตย 9 เสียง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 8 เสียง กลุ่มเพื่อนเนวิน 22 เสียง และกลุ่มนายสรอรรถ กลิ่นประทุม 2 เสียง อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคยังยืนยันว่าพรรคจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีการใดก็ตาม แต่ตัวเลขที่สนับสนุนพรรคก็จะอยู่ที่ 240 ขึ้นไปอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังรับการยืนยันจากกลุ่มเพื่อนเนวินว่า จะมีส.ส.อดีต พรรคพลังประชาชนที่ไม่เปิดเผยตัว และยังไม่กล้าตัดสินใจมาอยู่กับกลุ่มเนวิน ประมาณ 12 คน ที่จะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
รายงานข่าวแจ้งว่า ตลอดในช่วงคืนของวันที่ 14 ธ.ค. นายสุเทพ จะไปทาบทามส.ส.อดีตพรรคพลังประชาชน ที่เตรียมจะย้ายไปสังกัดพรรคกิจสังกัด อีก 6 คน ให้มาสนับสนุน
**รวมใจไทยฯ มีมติหนุน"มาร์ค"ชัวร์
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แถลงถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรคว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี ในการโหวตวันนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมติพรรคออกอย่างไรแล้ว ที่ผ่านมาส.ส.ของพรรคจะให้เกียรติต่อมติของกรรมการบริหารพรรค รวมถึงเชื่อว่าพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค จะปฏิบัติตาม ทั้งนี้ แม้ พล.อ.เชษฐา จะไม่เข้าร่วมประชุม แต่ได้รับคำยืนยันว่าจะไม่ทำสิ่งใดให้เกิดความเสียหายแก่พรรค
"พรรคจะปฏิบัติตาม และมีจุดยืนเดิมที่เคยแถลงข่าวร่วมกับ 4 พรรค ซึ่งประกอบไปด้วย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ที่จะทำงานและตัดสินใจทางการเมืองร่วมกัน เพื่อให้เกิดเสถียรภาพ และยุติความสับสนทางการเมือง" นายประดิษฐ์ กล่าว
ด้านนายประพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวด้วยความมั่นใจว่า การเลือกนายกฯ วันนี้ (15 ธ.ค.) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน จะได้รับการเลือกด้วยเสียงสนับสนุนมากกว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 10 เสียง พร้อมกับเปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประชา ได้กล่าวกับ ส.ส.ในพรรคส่วนหนึ่งว่า พร้อมรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมแก้วิกฤตบ้านเมือง และหากได้เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมเชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลเพื่อทำงานร่วมกัน
นายประพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ส.ส.ในพรรคขณะนี้มีทั้งหมด 29 คน โดยมี ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยมาเพิ่มอีก 8 คน และมั่นใจว่าส.ส.ส่วนใหญ่จะยกมือสนับสนุนพล.ต.อ.ประชา เป็นนายกฯ
ด้านนายไชยยศ จิรเมธากร แกนนำกลุ่มวังพญานาค พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่าหากพล.ต.อ.ประชา ไม่ถอนตัวจากการถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะมี ส.ส.ของพรรคประมาณ 20 คน หันไปยกมือสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลแทน พร้อมกล่าวว่า การกระทำของพล.ต.อ.ประชา นั้นตรงกันข้ามกับการแถลงข่าวก่อนหน้านี้ ว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกฯ
**"บิ๊กจิ๋ว"ออกหน้าหนุน"ประชา"
แหล่งข่าวนักการเมืองอาวุโส คนหนึ่ง เปิดเผยว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเรียกส.ส.ส่วนหนึ่งที่มีแนวโน้มจะลงคะแนนให้ทางพรรคประชาธิปัตย์ ไปพูดคุยช่วงดึกเมื่อคืนวันที่ 13ธ.ค. ที่บ้านพัก และได้ขอร้องให้สนับสนุนพล.ต.อ.ประชา เพราะเห็นว่า จะสามารถลดการเผชิญหน้าทางการเมืองลงได้
นักการเมืองอาวุโสคนนี้ ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย จะเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล และพล.ต.อ.ประชา จะได้คะแนนมากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มากนัก พร้อมยอมรับว่า แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้กดดัน ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินอย่างหนัก เพื่อให้งดออกเสียงสนับสนุน นายอภิสิทธิ์
**รับปากหลวงตาฯ ไม่เป็นนอมินี
รายงานข่าวแจ้งว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี คนใกล้ชิดระบุว่า พล.ต.อ.ประชาได้รับปากหลวงตามหาบัวว่าตนเองจะไม่เป็นนอมินีใคร และหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะจัดโผ ครม.ด้วยตัวเอง ขณะที่หลวงตามหาบัวไม่ได้ตอบหรือพูดในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประชา เป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัวที่เดินทางไปที่วัดป่าบ้านตาดบ่อยๆ
**ให้เวลารัฐบาลใหม่ 3 เดือนยุบสภา
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แสดงความคิดเห็นถึงการโหวตเลือกนายกฯ ว่า ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้เป็นรัฐบาล เชื่อว่าจะทำงานได้ไม่นาน และเจอแรงคัดค้านที่เท่ากัน หากได้รัฐบาลขั้วเดิม จะเจอการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ หากเปลี่ยนขั้วไปเป็นพรรคประชาธิปัตย์ จะได้รัฐบาลที่เป็นดอกผลของการทำรัฐประหารรูปแบบใหม่ ซึ่งถือว่าขาดความชอบธรรมขั้นรุนแรง เพราะความพยายามที่จะขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยการยอมอยู่ใต้อำนาจของคนมีสี และใช้กลยุทธ์งูเห่า ถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย
นายจาตุรนต์กล่าวด้วยว่า ไม่ว่าฝ่ายใดจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล ไม่ควรอยู่ในอำนาจเกิน 3 เดือน แต่ต้องเร่งวางมาตรการกู้วิกฤตเศรษฐกิจให้แล้วเสร็จโดยด่วน แล้วยุบสภาทันที เพื่อคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงกรณีอาจมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อแข่งกับนายอภิสิทธิ์ ว่า เป็นการแข่งขันที่สูสีในเรื่องของฐานเสียง แต่หากมองในเรื่องวิสัยทัศน์ของผู้นำในระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ มองว่า คนที่เหมาะสมที่สุดน่าจะเป็นนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เพราะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่านายอภิสิทธิ์ ที่ยอมอยู่ใต้อำนาจการควบคุมจากส่วนอื่น เพื่อขึ้นเป็นฝ่ายกุมอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงเสียง และความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน
**ชาติไทยยึดสัจจะเลือกอภิสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่การพรรคชาติไทยเดิมว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร และอดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยได้เชิญ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย และอดีตแกนนำพรรคชาติไทย รวมถึง นายชุมพล ศิลปอาชา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าหารือบรรดา ส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เหลือ 15 คน เพื่อกำหนดท่าทีในการโหวตเลือกนายกฯ ในวันนี้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งมีบรรดาส.ส.เข้าร่วมประชุมเกือบทุกคน ขาดเพียง นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล ส.ส.ปทุมธานี นายสมเจตน์ ลิมประพันธ์ ส.ส.สุโขทัย และนางปารีณา ปาจารียางกูร ส.ส.ราชบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุม มีการหารือเรื่องที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โทรศัพท์เข้ามาสอบถามจำนวนที่เหลือของพรรคชาติไทยพัฒนา ว่ามีเท่าไร ซึ่งได้รับการยืนยันไปว่ามี 12 เสียง
นอกจากนี้ ยังมีการต่อสายไปหารือ เพื่อเช็คยอดพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอื่นๆว่าแต่ละพรรคการเมืองและแต่ละกลุ่มล่าสุดมีจำนวนเสียง ส.ส.ที่จะโหวตตำแหน่งนายกฯ เท่าไร โดยในที่ประชุมมีการประเมินตัวเลขอย่างคร่าวๆ ว่า พรรคประชาธิปัตย์มี 167 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา มี ส.ส. 12 เสียง ขาดไป 3 เสียงจากผู้ที่ไม่เข้าประชุมพรรค และไม่ได้กรอกใบสมัครเข้าสังกัดพรรคใหม่ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ซึ่งมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นแกนนำมี 8 เสียง พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่จะเข้าร่วมกับขั้วฝ่ายประชาธิปัตย์มี ส.ส.12 เสียง พรรคภูมิใจไทย หรือจากพรรคมัชฌิมาธิปไตย เดิมมี ส.ส.อีกอย่างน้อย 7 เสียง และกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่มีจำนวน ส.ส.อีกอย่างน้อย 20 เสียง รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 226 เสียง ซึ่งมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ที่เหลือในสภาฯ
ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังคาดว่าจะมีกลุ่ม ส.ส.ที่ยังลังเลอยู่ระหว่างการตัดสินใจอาทิ กลุ่มกิจสังคม ของนายสุวิทย์ คุณกิตติ ซึ่งมี ส.ส.ในมืออีก 5 เสียงจะร่วมโหวตใ ห้ขั้วพรรคประชาธิปัตย์ด้วย โดยมีเหตุผลหลักว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเบื่อสภาพปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มการเมืองที่กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของชาติ ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าขั้วฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถรวมรวมจำนวนส.ส.ในการจัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด
หลังการหารือ พล.ต.สนั่น และนายบรรหารไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยรีบก้าวขึ้นรถทันที ขณะที่บรรดาลูกพรรคที่เหลือต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการกำหนดท่าทีและสรุปสถานการณ์การเมืองก่อนที่จะโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งยืนยันว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนในการโหวต
แหล่งข่าวจากพรรคชาติไทย (เดิม) เปิดเผยว่า ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการเข้าสภาฯ เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ในส่วนส.ส.ของพรรคจะนัดรวมตัวกันที่สภาฯ และอาจจะมีการพูดคุยอะไรกันเล็กน้อย จากนั้นก็จะเข้าสภาฯทำหน้าที่ตามปกติ
"ผมขอยืนยันว่า พรรคของผมไม่มีเสียงแตกแน่นอน ยังไงพวกเราทั้งหมดก็สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯแน่ ส่วนพรรคไหนจะเอาเงินหลายสิบล้านมาฟาดหัวเพื่อไม่ให้ส.ส.เข้าโหวตนายกฯ ที่สภา เราไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะยังไงเขาก็ฟาดหัวพวกเราไม่ได้" แหล่งข่าวกล่าว
**"เพื่อไทย"ซ้อมโหวตเลือกนายกฯ
เวลา 09.00 น.วานนี้ ที่อาคารชินวัตรไหมไทย ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการประชุมซักซ้อมก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ โดยมีบรรดา ส.ส.เดินทางมาประชุมอย่างคับคั่ง อาทิ นายวิทยา บุรณศิริ อดีตคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ส.อยุธยา พอ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ และ ส.ส.นนทบุรี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย เป็นต้น ซึ่งส.ส.หลายคนยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลได้ และพูดทีเล่นทีจริงว่า 'พรุ่งนี้เตรียมแห้วเอาไว้ให้พรรคประชาธิปัตย์'
เวลา 10.15 น.นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตกรณีมีฝ่ายหนึ่งได้รับเสียงข้างมากแต่ไม่เกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุมว่า ข้อบังคับการประชุมและกฎหมายระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องเว้นการประชุมออกไป 15 วัน แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะจากการประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลก็ชัดเจนว่า ขณะนี้เรามีเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งแล้ว อีกทั้ง นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นคนประสานงานก็ยืนยันเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนรอดูการโหวตนายกฯ ในวันที่ 15 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายอยู่ เพราะแม้จะมีกำหนดในข้อบังคับการประชุม แต่ในรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้
ส่วนรายการความจริงวันนี้ นำวีทีอาร์ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเปิดแทนการโฟนอินนั้นเป็นไปตามที่นายวีระ ระบุว่า นายเสนาะ และ พล.ต.อ.ประชาเกรงว่าจะมีเหตุการณ์ไม่ดีก่อนเลือกนายกฯ จึงให้เปลี่ยนจากการโฟนอินมาเป็นการเปิดวีทีอาร์แทน เชื่อว่าหลังจากพรรคร่วมรัฐบาลได้ชมวีทีอาร์ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าน่าจะเข้าใจถึงเจตนาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดีว่าต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวิน เมื่อได้ชมวีทีอาร์แล้วก็คงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ
**สั่งคุมเข้ม"ส.ส.ทาส"ห้ามนอกรีด
เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม ส.ส.ภาคกลาง ชั้น 12 มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย (วิปพรรค) โดยมีนายวิทยา บุรณศิริ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุมร่วมกับ ส.ส.หลายจังหวัดกว่า 50 คน โดยนายวิทยา กล่าวในที่ประชุมว่า เพื่อป้องกันความผิดพลาดในวันประชุมโหวตเลือกนายกฯวันที่ 15 ธ.ค.อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นให้แต่ละจังหวัดมีวิป 1 คนดู ส.ส.ในจังหวัดตัวเองในการโหวตเพื่อให้เป็นในทิศทางเดียวกัน ขอให้นั่งรวมกันเป็นรายจังหวัด
ขณะที่ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย กล่าวว่า ขอให้แต่ละจังหวัดประสานไปยังชาวบ้านให้ติดตามการถ่ายทอดสดโหวตเลือกนายกฯทั้งทางทีวี วิทยุ เพื่อจะใช้มาตรการนี้กดดันผู้แทนฯ ให้ชาวบ้านได้รู้ว่าผู้แทนแต่ละคนมีพฤติกรรมอย่างไร
**มติเพื่อไทยเสนอ'ประชา'ชิงนายกฯ
เวลา 12.10 น. นายไพจิต ศรีวรขาน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายพีระพันธ์ พาลุสุข และนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร ร่วมแถลงภายหลังการประชุม โดยนายไพจิต กล่าวว่า ในวันประชุมโหวตเลือกนายกฯ เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ปรองดองพรรคจะไม่เสนอนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทย โดยนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะเสนอ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้ารับการโหวตเลือกนายกฯ พล.ต.อ.ประชา มีภาพกลางๆน่าจะถูกใจสังคมพอสมควร และได้รับการยืนยันจากหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินในเรื่องดังกล่าวแล้วด้วย แม้พรรคเพื่อไทยจะมีเสียง 233 เสียง ก็จะแสดงความจริงใจไม่เสนอคนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ แตกต่างกับพรรคประชาธิปัตย์มีเพียง 167 เสียงเท่านั้น กลับเสนอคนเป็นนายกฯและตั้งรัฐบาลแข่งซึ่งถือว่าผิดมารยาทการเมือง
"วันนี้ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้ และเสียงที่ได้เป็นการแสดงความเด็ดขาดระดับหนึ่ง คิดว่าไม่น่าจะชนะกันขาด ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลได้แต่ในวันที่ 11 ม.ค.52 ยังจะมีการเลือกตั้งซ่อมอีก26เขต ซึ่งตอนนั้นเชื่อว่าคะแนนเสียงจะทิ้งห่างกันมากมาย"
นายไพจิต กล่าวอีกว่า ในคืนวันที่ 14 ธ.ค.ก่อนโหวตเลือกนายกฯ ถือเป็นคืนที่สำคัญมาก พรรคได้มีการตั้งศูนย์ระวังป้องกันถูกคุกคามหรืออุ้ม ส.ส.ที่จะทำให้การโหวตเสียงมีปัญหา เพราะที่ผ่านมามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วมี ส.ส.2-3 ราย ได้ร้องขอมาทางศูนย์แล้วด้วยเพราะฉะนั้นจึงต้องระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ส่งอาสาสมัครไปช่วย ส.ส.พรรคเพื่อไทยโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ บอกว่าถูกนายทหารข่มเหงรังแก โดย ส.ส.ปริมณฑลคนหนึ่ง แจ้งว่ามีนายทหารมาเดินวนเวียนหน้าบ้านพัก ส.ส.คนดังกล่าวได้สอบถามว่ามาทำอะไร ก็ได้รับคำตอบว่า กอ.รมน.ส่งมาดูแลรักษาความปลอดภัย และขอเรียกร้องให้ กอ.รมน.เลิกปฏิบัติแบบนี้ มันเหมือนยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพลสฤษฎดิ์ ธนะรัชต์ นอกจากนี้ ตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามระดับผู้บังคับบัญชาใน กอ.รมน.ถึงสาเหตุโดยเจ้าตัวบอกว่าก็ไม่อยากทำแต่เพราะนายสั่งมาจึงต้องทำ
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองว่าปัจจุบันบ้านเมืองมีความเสียหายมากเนื่องจากมีผู้นำเหล่าทัพแอบอ้างสถาบันเข้ามายุ่งเกี่ยวจัดตั้งรัฐบาลจากปลายกระบอกปืน แต่ก็มีนายทหารหลายคนโทรศัพท์มาหาตนบอกไม่เห็นด้วยกับทำให้กองทัพเสื่อมเสีย แต่ขณะนี้ยังมีเวลาเหลืออีก 1 วันก่อนโหวตเลือกนายกฯ จึงอยากให้ผู้นำเหล่าทัพอย่าได้เข้ามาข่มขู่นักการเมืองหวังให้คะแนนเพี้ยนกว่าความเป็นจริง
**"พงษ์ศักดิ์"อ้าง ปชช.จับตาดูใครทรยศ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมาก หากจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เป็นสิทธิ์ของพรรคที่มีคะแนนเสียงรองลงมา แต่ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์มีความกระสันอยาก กระเหี้ยนกระหือรือ อยากเป็นรัฐบาล ทิ้งหลักการอันดีงามของพรรคและหลักการระบบรัฐสภา และรู้สึกเศร้าใจกับข่าวที่ออกมาว่าพรรคใช้เงิน 7-8 หลักเพื่อดูด ส.ส.นั้นไม่เป็นความจริง เป็นการสร้างข่าวโดยไม่มีมูลความจริง
"ไม่เชื่อว่าในการโหวตเลือกนายกฯ ส.ส.เหนือและอีสานจะโหวตโดยไม่ฟังเสียงประชาชนโดยเฉพาะคนอีสาน 19 จังหวัดจะรอดู ส.ส.ในการโหวตเลือกนายกฯ เขาจะรอดูว่าใครทรยศ ต่อประชาชน ชาวบ้านรอฟังการขานชื่อว่าจะเลือกให้ใครเป็นนายกฯ เขาจะได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
**"เป็ดเหลิม" ยังมั่นใจได้เป็นรัฐบาล
เวลา 13.15 น.ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.สาธารณสุข และ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะที่อยู่การเมืองมานานใช้หลักวิเคราะห์ว่าเมื่อ5วันที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.กว่า 200 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่ามี ส.ส.260 คน เป็นไปไม่ได้ เพราะในสภาฯมี ส.ส.เพียง 438 คน เพราะฉะนั้นใครมี ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง 220 คนจะชนะแน่นอน และต้องบอกพรรคร่วมรัฐบาลว่า การโหวตเลือกนายกฯกับการร่วมรัฐบาลคนละขั้นตอน พรรคไหนสนับสนุนใครเป็นนายกฯก็ทำได้ แต่การร่วมรัฐบาลนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
"จากการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาล ถึงพรรคเพื่อไทยจะแพ้ไม่น่าจะเกิน 5 เสียง ถ้ามีการชนะกันไม่น่าจะเกิน 8-10 เสียง แต่ขอเรียกร้องให้พรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาลหากแพ้ก็อย่าให้ร้ายเรา จะมาบอกว่าที่แพ้เพราะคุณหญิงพจมาน เดินทางกลับมาไม่ได้ คุณหญิงพจมาน ไม่ได้เกี่ยวข้องท่านเดินทางกลับมาเพราะเยี่ยมมารดาที่ป่วยเท่านั้น"
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ใครแพ้ก็อย่าตีรวน หากพรรคเพื่อไทยแพ้ตนก็จะบอกว่าพรรคเพื่อไทยแพ้แล้ว แต่ถ้าบางพรรคแพ้ก็ไม่ต้องบอกว่าเป็นเพราะพลังเงิน30-40ล้านบาทต่อคน หรือแพ้พลังดูดไม่มี เราไม่เคยดูดจากใครมีแต่พรรคพวกท่านมาดูดคนของเราไป ชนะแล้วก็อย่ามาถากถาง ทำให้ไม่เกิดความสมานฉันท์ หากแพ้ตนก็พร้อมทำงาน ขอเอาฉายาดาวสภากลับคืนมา
เมื่อถามว่าพูดเหมือนทำใจเป็นฝ่ายค้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่การเป็นนักการเมืองต้องรับได้ ทั้ง 2 ฝ่าย อย่าไปดื้อด้าน
**'เฉลิม' เริ่มพาลทวงเงินเนวิน 30 ล้าน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า การกักกันตัวนั้นทำได้แต่กักกันหัวใจมันทำยาก สุภาษิตจีนบอกว่าเลี้ยงลูกสาวต้องใช้ใจเลี้ยง ไม่เห็นหรือเลี้ยงอาหมวยไว้ชั้น9 อาหมวยยังหนีไปมีแฟนได้ กรณีการโหวตเลือกนายกฯนี้ก็เหมือนกัน
ถามว่าหากจะมีการโหวตรอบ 2 เป็นไปได้หรือไม่ มีการตั้งข้อสังเกตุว่านายชัย เป็นประธาน อาจไม่ยอมให้มีการโหวตอีก ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงไม่ได้ นายชัย เป็นผู้ใหญ่ต้องเป็นกลาง ตามกฎหมายหากเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ต้องมีการโหวตใหม่ แต่ยังมั่นใจว่าไม่น่าจะมีการโหวตรอบ2 หมัดเดียวคงน็อกได้แล้ว
ภายหลังการให้สัมภาษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม ถามผู้สื่อข่าวว่าในการโหวตเลือกนายกฯ นายบรรหาร นายสุวัจน์ พล.อ.(หญิง) พูนภิรมย์ โหวตเลือกนายกฯได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ นี่ซ้อมแล้ว ซ้อมเป็นฝ่ายค้านแล้ว หากเลือกตั้งใหม่หาเสียงก็ขาย พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเดิม พร้อมกับเปรียบเทียบว่าภาคใต้ฝนตก นายชวน ปราศรัย คนยังกางร่วมมาฟังปราศรัยเลย อีสานก็เหมือนกัน ต้อง พ.ต.ท.ทักษิณ "ผมจะบอกเลยใครต้องการชนะมาทางนี้จะบอกให้ 1-2-3-4"
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังฝากสื่อมวลชนไปบอกนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ว่า "จำได้หรือไม่ปี 2539 เฉลิมฝากบอกว่าเงิน 30 ล้านอยู่ไหน ที่ไปเอาที่บ้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล เงินอยู่ไหนให้เอามาคืนด้วย นายบรรหาร เคยพูดกับตนว่าฝากไปทวงเงิน 100 ล้านบาทจากนายเนวิน บอกให้เอามาคืนด้วย"
**ผบช.น.มั่นใจไม่มีปิดล้อมรัฐสภา
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมประเมินสถานการณ์การจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ว่า สถานการณ์โดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนเหตุกระทบกระทั่งระหว่างผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปก. กับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมวัน เพราะการดื่มสุรานั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
ขณะที่การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นเพียงเทปไม่ใช่การพูดสดจึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อเลือกนายกฯในวันนี้เชื่อว่าจะไม่มีการชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา เพราะต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่าจะได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี หากจะมีคงเป็นลักษณะการให้กำลังใจกันมากกว่า
อย่างไรก็ตาม จะไม่ประมาท โดยเตรียมกำลัง 8 กองร้อยไว้ดูแล โดย 1 กองร้อย จะกระจายอยู่ด้านในอาคาร อีก 3 กองร้อย จะประจำการโดยรอบ และจะเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. ส่วนอีก 4 กองร้อย เตรียมพร้อมในที่ตั้งเพื่อสนับสนุน ซึ่งช่วงบ่าย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อีกครั้ง.