xs
xsm
sm
md
lg

ปิดเกม"มาร์ค"นายกฯชัวร์เนวินผนึก4พรรคหนุน"ประชา"เปิดทางโล่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"พลังแม้ว"หมดแรงดูด 4 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม พร้อมกลุ่ม"เพื่อนเนวิน"ประกาศย้ายขั้ว ผนึกประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล ดัน"อภิสิทธิ์" นั่งนายกฯ "เนวิน" ยันเลือกทางเดินใหม่แล้วจะไม่หวนกลับ ย้ำแม้จะยังรักและเคารพ"แม้ว"แต่เรื่องของประเทศชาติสำคัญกว่า อ้อน"มาร์ค" อย่าให้ความสูญเสีย และความเจ็บปวดครั้งนี้ต้องสูญเปล่า ด้าน"เพื่อไทย"หมดท่าหันมพึ่ง"เสนาะ"ให้เป็นผู้จัดการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ เตรียมเข้าพบ"บรรหาร"วันนี้ "ประชา"ปฏิเสธเก้าอี้นายกฯ เลขาสภาเผยขอพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญแล้ว คาดเปิดสภาโหวตนายกฯ สัปดาห์หน้า ขณะที่ภาคีเครือข่ายประชาชนเพื่อฟื้นฟูชาติและพัฒนาการเมือง ถวายฎีกาขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล

เมื่อเวลา 14.20 น. วานนี้ (9 ธ.ค.) ที่โรงแรมโฟซีซั่น บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิม 4 พรรค ประกอบด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล โฆษกพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ว่าที่ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายไชยยศ จิระเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน นางพรทิวา นาคาศัย อดีตเลขาธิการพรรคมัฌชิมาธิปไตย นายมานิต นพอมรวดี อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคมัฌชิมาธิปไตย ได้ร่วมกันแถลงข่าว ภายหลังการหารือถึงท่าทีในการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
พล.ต.สนั่น แถลงว่าจากกรณี 4 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้ร่วมกันแถลงข่าวกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมามีการเสนอข่าวหลายทิศทางอาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ดังนั้นพรรคร่วมฯทั้ง 4 พรรคได้หารือร่วมกัน และมีความเห็นให้ประกาศเจตนารมณ์ว่า
1. ทั้ง 4 พรรคจะเดินหน้าเพื่อทำการเมืองร่วมกัน โดยจะปรึกษาหารือก่อนตัดสินใจและจะต้องเป็นมติของทั้ง 4 พรรค 2.
พรรคร่วมฯทั้ง 4 พรรคจะไม่ดึงส.ส.จากทั้ง 4 พรรคเข้าไปสังกัดพรรคของตัวเอง
3. การเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่จะมีขึ้น จะไม่ส่งส.ส.ลงไปแข่งกับเจ้าของพื้นที่เดิม โดย 3 พรรคที่เหลือจะช่วยรณรงค์หาเสียงให้ด้วย
ฉะนั้นทั้ง 4 พรรคร่วมฯ จะยึดเป็นหลักปฏิบัติทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนรับทราบและไม่เกิดความสับสน และเชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เราจะทำในสิ่งที่ถูกต้องและจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตามที่ได้
แถลงไว้เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องยึดเป็นแนวปฏิบัติหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้งซ่อม พล.ต.สนั่น กล่าวว่า จะแจ้งให้พรรคประชาธิปัตย์ทราบ และคิดว่าเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติมาดั้งเดิมที่จะไม่ส่งส.ส.ลงแข่งในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งถือเป็นมารยาททางการเมืองอยู่แล้ว
ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกกล่าวหาเรื่องหนีการเกณฑ์ทหารนั้น พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ตนก็เป็นทหาร ซึ่งหลักเกณฑ์ของกองทัพในเรื่องนี้ก็มีอยู่ ถ้านายอภิสิทธิ์ มีความผิดจริง เขาคงไม่รับมาเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปถามรายละเอียดจากกองทัพ
ส่วนพรรคประชาราช จะถือว่าตกขบวนในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้หรือไม่นั้น ตนตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้จัดการพรรครัฐบาล ก็ไม่รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้มีการติดต่อประสานงานกันหรือไม่ ทั้งนี้ในการจัดตั้งรัฐบาล
ตามมารยาทพรรคเสียงข้างมากต้องได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นอกเสียจากเขาไม่รับ
เมื่อถามว่า นอกจากนายอภิสิทธิ์ แล้วคิดจะเสนอใครเป็นนายกฯ พล.ต.สนั่น กล่าวติดตลกว่า อาจจะมีตำแหน่งนายกฯเงาก็ได้ เมื่อถามย้ำว่าพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร จะเป็นนายกฯได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแต่ละคน ต้องประเมินตัวเองว่า สามารถบริหารงานได้หรือไม่ ซึ่งแต่ละพรรคมั่นใจเสียงตัวเองว่า 5 พรรคการเมือง กับอีก 1 กลุ่ม ยืนยันว่าจะเป็น เสียงข้างมาก
ส่วนกระแสข่าวที่จะมีการดูดส.ส.เข้าพรรคนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เชื่อว่าแต่ละพรรคคุมเสียงของตัวเองได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีเสียงอย่างน้อย 240 กว่าเสียง ที่ผ่านมาอาจจะเดินทางไปต่างประเทศหรือมาไม่ทัน
พล.ต.สนั่น กล่าวยืนยันว่าการร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ไม่มีใครมากดดัน โดยเฉพาะทหาร เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับกลุ่มเพื่อเนวิน หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า หน้าที่ใครหน้าที่มัน อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวจัดตั้งรัฐบาลไม่นิ่งและมีพรรคการเมืองสู้กันอย่างอุตลุด ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา มีการแย่งชิงมือกันในสภาเกิดขึ้นทุกสมัย อย่างสมัยรัฐบาลชวน 2 แม้เป็นเสียงข้างน้อย ก็ยังสามารถแข่งตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
ด้านว่าที่ร.ต.หญิงระนองรักษ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าเสียงของพรรคเพื่อแผ่นดินทั้งหมด จะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนกรณีที่นายมั่น พัธโนทัย รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ไปร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น อาจเป็นความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร และอาจจะสับสนเส้นทาง จึงเลี้ยวผิด เพราะสถานที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งตนได้คุยกับนายมั่นแล้ว ซึ่งการแถลงข่าวในครั้งนี้ ตนก็ได้รับมอบหมายจากรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ให้เป็นตัวแทนในการแถลงข่าว
ขณะที่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า การหารือร่วมกันทำงาน ถ้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้ ก็ถือเป็นผลพลอยได้ ซึ่งตนไม่กังวลเพราะตนก็เป็นรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ เมื่อถามว่า แสดงว่าเห็นด้วยกับแนวทางของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่เสนอให้มีรัฐบาลเพื่อชาติ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า เป็นแนวทางที่น่าสนใจ แต่ทำได้ยาก ตนกับนายเสนาะ ก็ได้พูดคุยกันเรื่อยๆ เพราะบ้านใกล้กัน เมื่อวานนี้ก็ไปนั่งคุยกัน

"มาร์ค"ขอคำแนะนำ"สุวัจน์"

สำหรับความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ในการหาแนวร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ได้เดินทางไปยังบ้านพักนายสุวัจน์
ลิปตพัลลภ แกนนำคนสำคัญของพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา โดยนายอภิสิทธิ์ ได้มอบดอกกุหลาบสีแดงให้กับนายสุวัจน์ และพล.ท หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ อดีต รมว.พลังงาน ภรรยานายสุวัจน์ เหมือนเช่นที่มอบให้กับแกนนำพรรคร่วมฯอื่นๆ โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาขอคำแนะนำต่างๆ เพราะต้องการระดมความคิดเห็นว่า ทำอย่างไรให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้
ด้านนายสุวัจน์ กล่าวว่าไม่ได้พูดคุยกับนายอภิสิทธิ์มานาน ตั้งแต่ถูกยุบพรรค เพราะลูกชายที่ไปเรียนที่โรงเรียนอีตัน ก็ได้รับคำแนะนำจากนายอภิสิทธิ์ ส่วนลูกสาวที่เรียนที่ออกฟอร์ด ก็เชียร์นายอภิสิทธิ์ เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน ว่าจะฝากไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็แล้วแต่ว่าหัวหน้าจะรับหรือไม่ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ กล่าวยิ้มๆว่า ก็ต้องสนใจการเมือง เท่าที่รู้จัก ก็เห็นว่าบุตรสาวนายสุวัจน์ มีความสนใจทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามนายสุวัจน์ว่า จะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะให้คำตอบได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่า ตนกับนายอภิสิทธิ์ เป็นนักการเมืองรุ่นใกล้เคียงกัน ถ้ามีโอกาสได้เข้ามาบริหารประเทศ ก็มีภาพของคนรุ่นใหม่ที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจได้ เพราะเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ และการบังคับใช้กฎหมาย เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ประชาชนยอมรับให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลโหวตในสภา
เมื่อถามว่า ท่าทีของพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาเป็นอย่างไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า ให้ไปถามหัวหน้าพรรค เมื่อถามย้ำว่า มีการยื่นข้อเสนอให้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค เป็น รมว.กลาโหม หากไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นายสุวัจน์ กล่าวว่า ไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ทางการเมือง นักการเมืองต้องเสียสละ เพื่อให้ปัญหาของชาติยุติ เท่าที่ตนอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน เชื่อว่าสุดท้ายนักการเมืองต้องตัดสินใจเพื่อบ้านเมือง ต้องเอาบ้านเมืองไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวัจน์ ได้เลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเมนูอาหารมื้อนี้ ประกอบด้วย ข้าวหมูแดง บะหมี่เส้น ส่วนขนมหวานเป็นขนมกล้วย โดยแม่บ้าน ระบุว่า เสิร์ฟบะหมี่ก่อนเมนูอื่นๆ เพราะเป็นอาหารมีเส้น ส่วนขนมกล้วย จะทำให้ความรู้สึกเหนียวแน่น ทั้งนี้ ระหว่างรับประทานอาหาร สุนัขตัวโปรดของนายสุวัจน์ ชื่อ “ชุชู”ได้วิ่งไปมารอบบ้าน ซึ่งพล.ท.หญิงพูนภิรมย์ กล่าวว่าวันนี้ ชุชู คึกคักเป็นพิเศษ

"เนวิน"โผเข้ากอด"อภิสิทธิ์"

ต่อมาเมื่อเวลา 13.45 น. คณะของนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปพบสมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่โรงแรมสยามซิตี้ ถนนศรีอยุธยา โดยนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มฯพร้อมด้วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายศุภชัย โพธิ์สุ นายศุภชัย ใจสมุทร นายเอกพร รักความสุข นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ นายโสภณ ซารัมย์ นายทวีวัฒน์ ฤทธิ์ลือชัย นายสุชาติ โชควัฒนากร นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ นายทศพล สังขทรัพย์ และยังมี นายอนุทิน ชาญวีรกุล บุตรชายนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รักษาการนายกรัฐมนตรี ร่วมให้การต้อนรับ โดยนายเนวิน ได้มีกล่าวแนะนำสมาชิกกลุ่ม แก่นายอภิสิทธิ์ เป็นรายบุคคลและได้เน้นย้ำชื่อของนายสุชาติ ด้วยว่าเป็นบุคคลสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายอภิสิทธิ์ ได้พบหน้านายเนวิน นายอภิสิทธิ์ได้ยกมือไหว้ ขณะที่นายเนวิน โผเข้าสวมกอดและจับมือกันแน่น จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้มอบแจกันดอกกุหลาบสีแดง ที่ส่งตรงจากประเทศเนเธอร์แลนด์แก่นายเนวิน พร้อมกล่าวว่า ตนและคณะส.ส.ที่มีใจอยากทำเพื่อชาติบ้านเมือง ตนไม่ได้คิดอะไร ต้องการทำให้เรื่องนี้สำเร็จโดยเร็ว และต้องขอบคุณกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ให้ความร่วมมือ และอยากให้ความมั่นใจว่าจะไม่ทิ้งประชาชนภาคต่างๆ โดยเฉพาะภาคอีสาน เพราะต้องการผนึกให้ทุกภาคของประเทศไทย เป็นแผ่นดินเดียวกัน

ยันทำเพื่อชาติไม่ใช่เพื่อแม้ว

ทั้งนี้ นายเนวิน ให้สัมภาษณ์ก่อนการหารือว่า เป็นการตัดสินใจที่แลกด้วยความเจ็บปวดส่วนตัว แต่ถือเป็นความจำเป็น เพราะวันนี้บ้านเมืองต้องมีทางออก ถ้าเราเลือกรักษาตัวเราเองแล้วเราปล่อยให้บ้านเมืองเสียหาย ตนก็ไม่ควรเป็นคนไทย ดังนั้นขอให้มั่นใจและสบายใจว่าตนตัดสินใจเดินมาในเส้นทางนี้แล้ว จะเดินต่อไปให้สมกับความหวังความตั้งใจของประชาชนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่าความรู้สึกที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเหมือนเดิมหรือไม่ นายเนวิน กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นนาย และเป็นคนที่ตนเคารพรักอยู่เสมอ แต่ต้องแยกความสัมพันธ์ส่วนตัวกับปัญหาของบ้านเมือง เมื่อถามต่อว่าจะถูกมองว่าต้องการช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องคดีต่างๆ หรือไม่ นายเนวิน กล่าวว่า ตนมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ มีเงื่อนไขเดียวคือ ต้องการให้บ้านเมืองมีทางออก แต่ไม่มีเรื่องการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ
"ถึงยังไงผมก็เป็นลูกน้องอยู่ ท่านทักษิณยังเป็นนายอยู่ ผมกับท่านคุยกันหลายรอบแล้ว แต่ขอเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับท่าน" นายเนวิน กล่าว และว่า ในประวัติศาสตร์การเลือกนายกฯไม่มีการกดดันครั้งใดที่ส.ส.ได้รับมากเท่าครั้งนี้ เพราะเราเจอครบทุกรูปแบบ มีการเอาประชาชนจัดตั้งไปล้อมบ้าน และบางคนเอาระเบิดไปขว้างข่มขู่ทั้งบ้านของส.ส. และบ้านของญาติของส.ส.
ทั้งนี้ ตนมั่นใจตัวเลขสมาชิกของกลุ่มที่มีอยู่ 30 กว่าคน จะมารวมกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนแปลง ก็จะไม่เกิดจากกลุ่มของตน
เมื่อถามต่อว่าอะไรเป็นจุดที่ทำให้กลุ่มเพื่อนเนวินให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ นายเนวิน กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวที่จะให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ บิดาของนายเนวิน มาเป็นรมว.คมนาคม นายเนวิน กล่าวว่า ตนเป็นลูก จะไปบังคับพ่อไม่ได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่ง ขอให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ระบุว่ากลุ่มเนวินมีไม่ถึง 10 คน และคนที่หัวเราะทีหลังจะดังกว่า นายเนวิน กล่าวว่า ต้องปล่อยเขาไป เพราะเป็นเรื่องจิตวิทยาในการดึงคนกลับ แต่ใครกันแน่ที่จะหัวเราะทีหลังดังกว่า 4 เงื่อนไขของเนวิน
จากนั้น ในช่วงต้นของการหารือระหว่างแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กับกลุ่มเพื่อนเนวิน นายเนวิน กล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจร่วมจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ คือ
1.อยากให้ว่าที่นายกรัฐมนตรี รักษาสถาบันหลักของชาติเอาไว้
2.ทุกวันนี้ประชาชนในต่างจังหวัดระดับรากหญ้ามีความเดือดร้อนมาก ตนอยากขอให้รัฐบาลใหม่ช่วยสานต่อนโยบายเดิมของรัฐบาลชุดที่แล้ว และผลักดันนโยบายประชานิยม
3.อยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และทุกฝ่ายยอมรับได้
4. ต้องบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรมและมีมาตรฐานเดียวกันกับทุกคน เพื่อสร้างความปรองดองชาติ
“อยากบอกให้พรรคประชาธิปัตย์สบายใจได้ว่า จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากวันนี้ไปถึงวันโหวตเลือกนายกฯ นี่คือสัญญาของลูกผู้ชาย และให้สบายใจได้ว่าแม้จะมีพรรคอื่นไปร่วมรัฐบาล แล้วเหลือพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้
หมดเวลาแล้วเพื่อทำให้ความอึมครึมหมดไป หลายคนบอกว่า กลุ่มพวกผมต่อรอง แต่บอกได้เลยว่าไม่มีอะไร วันนี้บ้านเมืองสำคัญกว่า และอยากบอกคุณอภิสิทธิ์ว่าอย่าให้ความสูญเสียและความเจ็บปวดของพวกผมนั้นสูญเปล่า ซึ่งเป็นความหวังและเป็นความตั้งใจของผม
ที่ยอมเสียเพื่อน เสียพรรคและนาย มาร่วมงานกับประชาธิปัตย์ "นายเนวินกล่าว

"อภิสิทธิ์"รับปาก สบายใจได้

ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พร้อมรับข้อเสนอของนายเนวินทุกเงื่อนไข เพราะเป็นเรื่องที่พรรคตั้งใจอยู่แล้ว เราต้องการเห็นรัฐบาลเข้มแข็ง ส่วนเรื่องประชานิยมนั้น พร้อมที่จะดูแลทุกภาคอย่างเท่าเทียมกันและดำเนินนโยบายโดยไม่มีการเลือกกลุ่มหรือจังหวัด
สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีบางมาตราที่มีปัญหาซึ่งจะต้องถูกแก้ไข ซึ่งจะต้องหากระบวนการที่ทำให้เกิดการยอมรับว่าอะไรต้องแก้ไข เพราะตนเป็นคนแรกที่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดความ ขัดแย้ง
สำหรับเรื่องสุดท้าย คือความสงบสุขและความขัดแย้งของบ้านเมือง ที่เราต้องสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น แต่ใครก็พูดได้ในเรื่องของการสร้างความสมานฉันท์ ความปรองดอง คำถามจึงมีอยู่ว่า จะทำอย่างไรให้เกิดความปรองดองได้จริง ตนเชื่อว่าความสามัคคีจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความยุติธรรม
" วันนี้ผมรู้สึกสบายใจมากที่ได้ยินข้อเรียกร้องนี้ ไม่มีอะไรที่ขัดต่อความคิดของพวกเราอยู่แล้ว แต่การจะทำทุกเรื่องให้สำเร็จได้ต้องฟันฝ่าอุปสรรคอีกหลายขั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงอาทิตย์หน้า ก็เห็นใจ และทราบว่าต้องเจอกับแรงกดดันสารพัดอย่าง ผมมายืนยันว่าขอให้มั่นใจในความตั้งใจ ที่พูดถึงเรื่องสถาบันหลักของชาติ ช่วยเหลือประชาชน สร้างความเป็นธรรมในสังคม เรื่องรัฐธรรมนูญ อย่างนี้มั่นใจได้" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือกันประมาณ 20 นาที นายอภิสิทธิ์ก็ขอตัวกลับ โดยนายเนวิน ได้เดินไปส่งนายอภิสิทธิ์ ถึงรถยนต์ส่วนตัว พร้อมกับกล่าวว่า "เดินมาส่งท่านนายกฯ" ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ตอบกลับว่า "คุณก็พูดเกินไป" ก่อนที่จะขึ้นรถพร้อมกับโบกมือให้
จากนั้น นายเนวินได้ชวนสมาชิกไปหารือกันต่อ โดยสมาชิกในกลุ่มฯ ระบุว่า จะมีการพักค้างคืนที่โรงแรมดังกล่าวด้วย ทั้งนี้
นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์ น้องชายของนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ก็มาร่วมหารือกับกลุ่มเพื่อเนวินด้วย สุเทพมั่นใจ
"มาร์ค"นายกฯชัวร์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่งต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ทางโน้นทั้งดูด ทั้งดึง พลังมหาศาล ราคาก็ขึ้นเรื่อย ส่วนข้างตนก็อยู่ด้วยใจด้วยอุดมการณ์ แต่ก็ยังยืนอยู่ด้วยขาสั่นๆนิดหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า มีข่าวถึงขั้นว่า อีกฝ่ายเสนอตำแหน่งให้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เป็นรมว.กลาโหม และเสนอให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายกฯ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่คิดอย่างนั้น ตนยังเชื่อในอุดมการณ์ของเพื่อนส.ส.จากพรรคต่างๆ กลุ่มต่างๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตนพึ่งปรึกษาหารือกัน 1-2 วัน ทุกคนตระหนักดีกว่าบ้านเมืองมีปัญหา เราจึงต้องหาทางออกให้บ้านเมืองโดยระบอบรัฐสภา เพราะฉะนั้นก็มาคิดจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนขั้วกันใหม่ ซึ่งคิดกันมานานแล้ว
"แต่ถ้ามีสิ่งยั่วยวน สิ่งเร้าใจอย่างที่เขาเสนอมา แล้วเปลี่ยนใจ ผมก็คงไม่ว่าอะไรเขา แต่ผมเชื่อว่า พี่ๆ น้องๆ นักการเมืองเหล่านั้นก็ต้องคิดมาก ผมดูตัวเลขที่เขาคุย กันแม้ว่าจะทำให้บางส่วนกลับไปได้ เขาก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ผมดูตัวเลขแล้วเขารวมได้อย่างเก่ง สมมุติว่าเขาทั้งซื้อ ทั้งดูดอะไรไปได้หมด เขาคงมากกว่าผมสัก 6-7 เสียง ถ้าเขาทำได้อย่างมากที่สุดเขาก็คงทำได้ประมาณสัก 225-226 เสียง มันก็จะเกินครึ่งไป 5-6 คน แล้วเขาจะเอาเวลาไหนไปบริหารบ้านเมือง เดินเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้มาถึงนาทีนี้ ผมมั่นใจว่าเราตั้งได้ เพราะผมเชื่อมั่นในความมีเหตุมีผลของพี่น้องนักการเมืองในสังกัดพรรคการเมืองต่างๆ เขาต้องคิดถึงทางรอดของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ และทุกคนต้องอยู่ในอารมณ์เดียวกันคือ เราต้องรักษาระบอบรัฐสภา และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไว้ให้ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงมั่นใจ"
ส่วนเรื่องของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งรัฐบาลด้วยกันทั้งหมด และให้คนใน 5 พรรคเล็ก มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหา นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไรขอฟังเฉยๆก่อน เพราะนั่นเป็นความคิดของนายเสนาะ ส่วนพวก ตนก็เดินในแนวทางเดิมที่ได้เดินมาแล้ว
เมื่อถามว่าขณะนี้คิดว่ามีกี่เปอร์เซ็นต์ ที่พรรคประชาธิปีตย์สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นายสุเทพ กล่าวว่าไม่ต้องเอาเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่ตนมั่นใจเลยว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
" ที่ผมต้องขอชื่นชมมากคือ เพื่อนนักการเมืองที่ออกมาจากพรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน กลุ่มคุณสรอรรถ กลิ่นประทุม ซึ่งผมคิดว่าเขาเสียสละ ถ้าไม่มีพวกเขา ผมไม่มีวันที่จะคิดฝันเปลี่ยนขั้วได้เลย" นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่า จะมีการชิงยุบสภาก่อนจัดตั้งรัฐบาลได้ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เลยเรื่องยุบสภาไปแล้ว อย่าไปกังวลใจเลย และโดยธรรมเนียมแล้วนายกฯ รักษาการ ไม่มีใครเขายุบสภา และยังไม่เคยมีในประวัติศาสตร์เลย ดังนั้น จึงไม่เชื่อว่านายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รักษาการนายกฯ จะทำ เพราะท่านเป็นคนมีเหตุผล การเมืองวันนี้ต้องโปร่งใส ต้องให้ประชาชนเข้าใจได้ การเมืองไม่ใช่เรื่องของนักการเมือง และของพรรคการเมืองอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ

"พลังแม้ว"หมดท่าขอตั้งรบ.เพื่อชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่นายอภิสิทธิ์ เดินสายหาแนวร่วมจัดตั้งรัฐบาล และ4 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมประกาศหนุนพรรคประชา-ธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ทางพรรคเพื่อไทย โดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแกนนำพรรค ก็มีการประชุมเครียดเช่นกัน โดยน.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า สถานการณ์ในปัจจุบันไม่มีทางออก จำเป็นต้องนำแนวความคิดรัฐบาลเพื่อชาติ ของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช มาใช้เพื่อแก้วิกฤตประเทศ โดยแนวทางรัฐบาลเพื่อชาตินี้ ทุกพรรคการเมืองจะมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ประชุมไม่มีผู้ใดคัดค้าน จากนั้นน.ส.สุณีย์ จึงได้แถลงข่าวว่า เป็นมติของที่ประชุมพรรค
ทั้งนี้ น.ส.สุนีย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติสนับสนุนแนวคิดรัฐบาลเพื่อชาติว่า ไม่ใช่เป็นเพราะไม่สามารถรวบรวมเสียงให้มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ แต่เห็นว่าการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ โดยให้ทุกพรรคการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมนั้น จะสามารถแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศให้ผ่านไปได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่รับแนวคิดรัฐบาลเพื่อชาติ ก็คงไปบังคับไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่มีความคิด เรื่องการยุบสภา

"ชวรัตน์"ไม่มั่นใจอำนาจยุบสภา
นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ โฆษกรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่มีการถกเถียงถึงอำนาจการยุบสภา ของนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รักษาการนายกรัฐมนตรีว่า ไม่มีการหารือเรื่องดังกล่าวในการประชุมครม. เมื่อวานนี้ เมื่อถามว่า เหตุที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่มีการหารือเรื่องอำนาจยุบสภา เป็นเพราะมั่นใจว่า มีอำนาจในการยุบสภาหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่สามารถตอบแทนได้ ส่วนที่เลขาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าร่วมการประชุมทุกครั้งอยู่แล้ว ตนไม่มั่นใจข้อกฎหมาย ไม่มีใครสรุปชัดเจน ต้องมีการตีความ แม้ว่าฝ่ายที่ไม่มีอำนาจพร้อมจะยื่นให้มีการตีความ

"เสนาะ"นัดถก"บรรหาร"วันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายวิทยา บุรณศิริ อดีตประธานวิปรัฐบาล นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รักษาการ รมช.สาธารณสุข นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล รักษาการ รมว.วัฒนธรรม และส.ส.อดีต พรรคพลังประชาชน ประมาณ 20 คน เดินทางกลับมาที่พรรคเพื่อไทย ภายหลังจากเข้าแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินคนใหม่
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย สมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้(10 ธ.ค.)ให้ติดตามข่าว นายเสนาะ ที่จะเดินทางเข้าพบนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้ดีหลังจากพรรคเพื่อไทย มีมติสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ
พร้อมทั้งมอบให้นายเสนาะในฐานะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไปประสานกับทุกพรรค ขอให้จับตาดูต่อไป รับรองจะมีข่าวดี
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้ นายเสนาะ ได้นัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมหารือพร้อมรับประทานอาหารเย็น ที่บ้านพักเมืองทองธานี "เนวิน"กำชับลูกทีมอดทนต่อแรงบีบ
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายเนวิน พยายามบล็อกไม่ให้ส.ส.ในกลุ่มย้ายกลับไปสังกัดพรรคเพื่อไทย ว่า จากการพุดคุยกันนายเนวินได้กำชับส.ส.ในกลุ่มว่า ให้หนักแน่นในสิ่งที่เลือกไปแล้ว พร้อมทั้งให้ฟังเสียงสะท้อนของประชาชน ขอให้อดทนต่อแรงกดดันจากทุกด้าน เพื่อฝ่าวิกฤติของประเทศไปให้ได้
สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทย มีมติสนับสนุนแนวคิดจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ นั้น นายบุญจง กล่าวว่า หมดเวลารัฐบาลเพื่อชาติแล้ว ตอนนี้เราต้องเดินหน้าทำงานเพื่อให้ประเทศสามารถแก้ไขปัญหาได้
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตีจากพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายบุญจง กล่าวว่า ขอยืนยันว่า พวกเรายังรักและเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเดิม แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เราก็จำเป็นต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ดีให้แก่บ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 ธ.ค. กลุ่มเพื่อนเนวิน จะมีการพบปะเพื่อพูดคุยและหารือในกลุ่มตามปกติ จนกว่าจะถึงวันเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี

"เหลิม"ยังละเมอตั้งรัฐบาลได้

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ส.ส.ที่เข้ามาสังกัดพรรคเพื่อไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและเป็นตัวเลขที่เป็นรูปธรรม มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน แต่อาจจะมีบางพรรคแถลงแล้วแถลงอีกว่าจะสนับสนุนบางพรรคให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงอย่างเดียวคือ ถ้าหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลหากได้คะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นเสียงที่ไม่ทิ้งห่างมากอาจจะมีปัญหาในช่วงเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่มีความชำนาญมาก ดังนั้น อยากให้ส.ส.เดินกลับมาบ้านเก่า
"พรรคเพื่อไทยยืนยันว่ามีเสียงสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลเกินกึ่งหนึ่งแน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์มีเพียง 165 เสียงเท่านั้น เรื่องนี้ป็นเรื่องจริง อย่าไปเห็นกับการที่แกนนำแต่ละพรรคออกมาแถลงให้การสนับสนุน และได้เสียงเพิ่มเพราะคนพูดมาอย่างนี้ 4 วันแล้ว เป็นแผ่นเสียงตกร่อง และแกนนำแต่ละพรรคก็ถูกตัดสิทธิ์ทั้งนั้น ไม่มีสิทธิ์ในการโหวต บางพรรคถูกตัดสิทธิ์ทั้งผัวและเมีย ที่เห็นคือ ไปแต่หัว แต่ลูกน้องมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยทุกพรรค เพราะหัวหน้าพรรคแต่ละพรรค ก็ยังยืนยันไม่ได้เลยว่าจะมี ส.ส.มากับตัวเองกี่คน" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยเปิดกว้างในการเป็นนายกฯ จะเป็นนายเสนาะ เทียนทอง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นายมั่น พัฒโนทัย และ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ท่านไม่นึกอยากเป็นนายกฯ บ้างหรือ เพราะยืนยันแล้ว ว่าพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการตำแหน่งนายกฯ และส.ส.มีเอกสิทธิ์ ที่จะสามารถโหวตใครเป็นนายกฯก็ได้ การเมืองยังไม่จบ ต้องดูกันให้แน่ชัดคือวันโหวตเลือกนายกฯ จึงจะรู้ว่าใครเป็นของจริง
"พรรคประชาธิปัตย์ชอบดีแต่พูด อยู่ใกล้ๆจะเอาหนังสติ๊กยิงปาก พอคุณหญิงพจมาน กลับมาก็บอกว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลเพราะแพ้อำนาจเงิน โดนดูดเสียงสนับสนุนไปหมด จะได้เห็นกันว่าที่บอกว่า มีเสียงสนับสนุนมากถึง 260 เสียงหรือไม่ อย่าใช้อิทธิพลจากหน่วยงานอื่นมาล็อบบี้ ไม่มีใครกลัว และไม่ได้กลัวพันธมิตรฯ ขณะนี้บ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์ และเข้ามาแก้ไขปัญหาวิกฤต ยืนยันแล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่ส่งใครเป็นนายกฯ และเสื้อเหลือง ก็คงไม่มา" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลเพื่อชาตินั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นแนวคิดที่ถูกต้องแล้ว ตามที่นายเสนาะ ออกมาเสนอ ซึ่งเราพูดมาตั้งแต่ต้น และเรามอบให้ท่านเป็นผู้ประสานเรื่องนี้

"ประชา"ไม่รับตำแหน่งนายกฯ

เมื่อเวลา 18.15 น. แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายชุมพล กาญจนะ
ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ และ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน ได้นำแจกันดอกไม้มาแสดงความยินดี
กับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินคนใหม่ โดยพล.ต.อ.ประชา มาต้อนรับ และนำแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เข้าหารือที่ห้องพักประมาณ 15 นาที
ต่อมา พล.ต.อ.ประชา ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า จะให้ฟันธงเลยหรือไม่ สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรีขณะนี้ พรรคยังไม่เลือกฝ่ายใด แต่สิ่งที่ฟันธงคือ ตนขอปฏิเสธตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 เพราะมีประสบการณ์ทางการเมืองน้อย จึงขอเวลาศึกษาเพิ่มเติม และขอให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นผู้ที่สามารถสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในประเทศ จึงได้ฝากกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากเห็นว่าพรรคเพื่อแผ่นดิน จะเป็นประโยชน์ในการสร้างความสามัคคี พรรคก็พร้อมที่จะช่วย ให้เกิดความสงบเรียบร้อย
ต่อข้อถามว่า แสดงว่า พรรคเพื่อแผ่นดินจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่าตนไม่ได้บอกว่าจะไม่หนุนใคร แต่บอกว่าเป็นพรรคน้องใหม่ และตนมีประสบการณ์น้อย จึงขอปฏิเสธตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยนี้ พรรคเพื่อแผ่นดิน ขอยืนยันว่า จะเป็นพรรคที่เป็นกลาง

คาดโหวตนายกฯสัปดาห์หน้า

นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้ทำเรื่องขอพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ส่งไป
ยังสำนักพระราชวัง ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 8 ธ.ค.แล้ว เบื้องต้นการตรวจสอบรายชื่อที่พรรคประชาธิปัตย์รวมทั้งพรรคการเมือง และ
กลุ่มการเมืองที่สนับสนุนได้ยื่นมาจำนวน 240 ชื่อ พบว่ามีการลงลายมือชื่อซ้ำกัน ทำให้เหลือรายชื่อผู้สนับสนุนที่ถูกต้อง 232 คน แต่
ถือว่าครบจำนวน 1 ใน 3 ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 129 กำหนดไว้ โดยภายหลังมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เปิดประชุมสภา
สมัยวิสามัญออกมาแล้ว ประธานรัฐสภา จะทำหนังสือนัดประชุมสมาชิกต่อไป เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดประชุมได้ภายในสัปดาห์
หน้า
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ยังกล่าวถึงปัญหาสมาชิกภาพของส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคการเมืองที่ถูกยุบว่า ทางสภาผู้
แทนราษฎร ไม่มีข้อสงสัยในประเด็นดังกล่าว แต่หากใครมีข้อสงสัยสามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้
ทั้งนี้โดยหลักการขณะนี้มีจำนวนส.ส.ทั้งหมด 447 คน โดยถูกพักงานในคดีเลือกตั้ง 9 คน เหลือสมาชิกที่สามารถลงมติ
เลือกนายกรัฐมนตรีได้จำนวน 438 คน
สำหรับการจัดที่นั่งให้ ส.ส. จากการที่มีพรรคการเมืองถูกยุบในการประชุมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี สภาจะจัดที่นั่งให้ในลักษณะเป็นกลุ่ม เนื่องจากไม่มีพรรคพลังประชาชน ,พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยแล้ว ส่วนผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจไปสังกัดพรรค
ใด ก็สามารถเลือกที่นั่งได้อย่างอิสระ
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคประชาราช และพรรคเพื่อแผ่นดิน จะจัดที่นั่งในที่เดิม สำหรับ
การขานชื่อสมาชิกในการลงมติจะเป็นการขานโดยเลียงลำดับหมายเลข ไม่ใช่ตามตัวอักษร
ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 สมาชิกจะต้องลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นายกรัฐมนตรี จะต้องมี
เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด โดยเสียงกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ในขณะนี้คือ 220 เสียง
นายพิทูร ยังกล่าวถึงกลุ่มผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ออกระบุว่าจะรวมตัวชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันลงมติเลือกนายก
รัฐมนตรีว่า ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์เหมือนกรณีการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มาดูแล
ความปลอดภัย ซึ่งหากมีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ในท้องที่รับมือไม่ได้ คาดว่าคงมีการประสานขอกำลังสนับสนุนกันเองของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ปชป.แจงแค่ลายเซ็นไม่เหมือนเดิม

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพิฑูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า รายชื่อส.ส.ที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วม จำนวน 240 คน ขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อให้มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี มีการลงชื่อซ้ำกัน ทำให้เหลือรายชื่อที่ถูกต้องเพียง 232 เสียงว่า ที่จริงไม่ได้เป็นการเซ็นชื่อซ้ำ แต่เป็นการเซ็นชื่อไม่เหมือนเดิม ซึ่งตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามดูแล้ว โดยพบว่าเป็นการเซ็นชื่อไม่เหมือนเดิม ซึ่งตนได้รายงานเรื่องนี้ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายพิฑูร แล้ว โดยความจริงแล้ว ถ้ามีข้อสงสัยใดๆต้องเรียกบุคคลนั้นมาชี้แจง แต่ครั้งนี้ นายพิฑูร ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องเรียกบุคคลเหล่านั้น เพราะรายชื่อที่ถูกต้องก็มีเพียงพอแล้ว ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวไม่เป็นปัญหาต่อการตั้งรัฐบาล

"ไกรศักดิ์"ลุ้นรมว.ต่างประเทศ

นายไกรศักดิ์ ชุนหะวัณ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ชิงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะพรรคยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ โดยส่วนตัวแม้จะอยู่ในตำแหน่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (เงา) แต่ก็มีความเชี่ยวชาญงานด้านต่างประเทศ
ทั้งนี้ คงต้องให้พรรคพิจารณามากกว่าจะให้มาบอกว่าตัวเองเหมาะสม ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ก็เชื่อว่าจะคัดครม.ที่มีความสามารถ และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และจะสามารถนำประเทศเข้าสู่ภาวะปกติได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการพิจารณาตำแหน่งครม.ในโควต้าของประชาธิปัตย์ จะยึดตามตำแหน่งของรัฐมนตรี(เงา)หรือไม่ นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า พรรคมีระบบในการคัดสรร ซึ่งต้องพิจารณาคุณสมบัติหลายๆ ด้าน แต่เชื่อว่าจะดูความสามารถเป็นหลัก ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เคยพูดว่า อยู่ในครม.เงาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในครม.จริงก็ได้
เมื่อถามว่าอดีตพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มเพื่อนเนวินมาร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้แกนนำพรรคหลายๆ คน
อาจชวดตำแหน่งรัฐมนตรี นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า พรรคได้มีการพูดกันภายใน โดยนายสุเทพระบุว่าข้อสำคัญที่สุด คือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคจะต้องยอมเสียสละให้พรรคอื่นด้วย ซึ่งส.ส.พรรคก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้

ขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล

เช้าวานนี้ (9 ธ.ค.) ที่พระบรมมหาราชวัง ภาคีเครือข่ายประชาชนเพื่อฟื้นฟูชาติและพัฒนาการเมือง ได้ยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล โดยรายละเอียดเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสถวายฎีกา เรื่องรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย
โดยระบุว่า ได้รายชื่อแล้วกว่า 2,000 รายชื่อ โดยรายชื่อผู้ถวายฎีกาที่น่าสนใจ เช่น นายชัยอนันต์ สมุทวณิช นายกราชบัณฑิตยสถาน นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.
กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย
นายไชยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากการถวายฎีกาแล้ว ทางกลุ่มก็จะไปหารือร่วมกับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกครั้ง เพื่อหาทาง ออกร่วมกันต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น