ASTVผู้จัดการรายวัน - ศึกชิงอำนาจยังฝุ่นตลบ "ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย"ต่างฝ่ายต่างมั่นใจโกย ส.ส.เข้าสังกัดเกินกึ่งเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ “สุเทพ”ยันไม่มี ส.ส.ที่ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันย้ายข้าง โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวินที่ได้ เจ้าของ "คิง พาวเวอร์" ช่วยล็อบบี้ด้วยตัวเอง ปูดฝ่ายตรงข้ามมีการจ่ายเงินให้หัวละ 5 ล้าน พร้อมโควตา ส.ส. 5 คนต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี เตรียมรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ส่งประธานสภา เพื่อทูลเกล้าฯเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญโหวตนายกฯ ด้านเพื่อไทยตั้งวอร์รูมดึง ส.ส.กลับรัง โดยมี "แม้ว-อ้อ" ร่วมล็อบบี้ "เติ้ง-เนวิน" ให้เปลี่ยนใจ พร้อมยืนยันให้อิสระในการพิจารณาผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ ล่าสุดยันได้เสียงแล้วเกินกึ่ง ขณะที่ ส.ส."กลุ่มเพื่อนเนวิน" และ "เด็กบรรหาร" ต่างยันอยู่กับ ปชป. แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สามารถประสานพรรคชาติไทยเดิม พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และกลุ่มเพื่อนเนวินให้มาแถลงข่าวสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี บรรยากาศที่ทีทำการพรรคประชาธิปัตย์ วานนี้ (7 ธ.ค.) เป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำระดับผู้ประสานงานจัดตั้งรัฐบาลเข้าหารือกันที่ร้านกาแฟของพรรค นำทีมโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคฯ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง โดยนายสุเทพได้ติดต่อพูดคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา
**"เทพเทือก"ปัดทหารเอี่ยวตั้งรัฐบาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการเข้าพบผู้นำทหารก่อนที่จะมีการแถลงข่าวเปลี่ยนขั้วพรรคร่วมรัฐบาล ว่า อย่าเอากองทัพเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีกว่าตนเห็นว่าทางกองทัพวางตัวดีมาโดยตลอด เรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่พวกเราทำกันเอง ได้พูดคุยปรึกษาหารือกันมา ซึ่งตนได้ประสานงานมาระยะหนึ่งแล้ว โชคดีที่คนไม่ค่อยสนใจ ตนจึงไปไหนมาไหนสะดวก ไม่มีใครตามไปก็เลยคุยกันง่ายขึ้น คนจึงนึกว่า ทำไมมาสำเร็จเร็ว หลายคนอาจจะรู้สึกแปลกใจ
“ตั้งแต่ช่วงที่บ้านเมืองมีวิกฤติ มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนและสื่อมวลชนว่า ส.ส.ควรจะหาทางออกให้กับประเทศ แต่ก่อนหน้านี้จังหวะเวลายังไม่อำนวย แต่เมื่อมีกรณียุบพรรค ส.ส.จึงมีอิสระในการที่จะคิดอ่านมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการประสานกันระหว่างพรรคการเมองจึงทำได้สะดวกขึ้น”
**ปูดเพื่อไทยโทร.ล็อบบี้ให้เปลี่ยนขั้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้จะมีการพลิกผันทำให้พรรคประชาธิปัตย์จับขั้วตั้งรัฐบาลไม่ได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้มีกลุ่มอำนาจเก่า พยายามโทรศัพท์เพื่อจะประสานไปยังกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยเห็นว่าจะให้อัตราส่วน 5 ต่อ 1 รวบรวม ส.ส.ได้ 5 คน จะได้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง แถมมีเงินทองให้ไปดูแล ส.ส. ด้วย คาดว่าเมื่อคืนคงจะไม่ได้หลับได้นอนกัน เพราะปั่นป่วนไปทั้งวงการ แต่ตนเชื่อว่าวันนี้ส.ส.ส่วนใหญ่ได้ตระหนักถึงการทำหน้าที่การเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยเพราะทุกคนเห็นแล้วว่าบ้านเมืองวิกฤติจริงๆ และทุกคนก็คาดหวังให้ระบอบประชาธิปไตย เดินต่อไปได้ โดยให้ส.ส.ที่เลือกมาได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ตนยังมั่นใจในเกียรติยศศักดิ์ศรีของส.ส. ที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน เชื่อว่าจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลง
ส่วนถามว่ามั่นใจจำนวนเสียง 260 เสียงขนาดไหนนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อคืน (6 ธ.ค.) เขาทำงานหนักมาก แต่เมื่อเช้ากลุ่มที่มาร่วมรัฐบาลกับเรายังโทรศัพท์มายืนยันหนักแน่นว่าจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ และเขายังเล่าให้ฟังด้วยว่ามีการโทรศัพท์มาล็อบบี้หลอกล่อขู่เข็ญอย่างไรบ้าง แต่ตนไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรง เพราะตนต้นทุนน้อย มีอยู่ 166 คน เขาให้เป็นรัฐบาลก็เป็น ให้เป็นฝ่ายค้านก็เป็นได้ เพราะเราชำนาญอยู่แล้วไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางพรรคเพื่อไทยยังคงยื่นข้อเสนอให้คนกลางจาก พรรคร่วมอื่นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำให้ขั้วของพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลง หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่เห็นชัดๆก็คือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำกลุ่มชาติไทยพัฒนา เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ แต่พล.ต.สนั่นก็ยังเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ ดังนั้นเชื่อว่าการเอาตำแหน่งนายกฯมาหลอกล่อตอนนี้คงจะไม่ได้ผลแล้ว
“เท่าที่พูดจากันมีแต่ความราบรื่น ไม่มีการเกี่ยงงอนเรื่องตำแหน่ง คิดอย่างเดียวว่า เราจะร่วมมือกันให้เสียงมากพอจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นโจทย์ข้อใหญ่ เพราะตอนนี้เท่าที่ประเมินดูมีแล้วกว่า 260 เสียง”
ต่อข้อถามว่าการเลือกตั้งนายกฯหากยืดเวลาออกไปจะทำให้เกิดการแกว่ง จะทำให้มีการเลือกตัวนายกฯเร็วขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า การเปิดประชุมเร็วหรือช้า ไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะทำได้ เพราะตอนนี้เรายังเป็นฝ่ายค้านอยู่ กระบวนการที่จะทำขึ้นอยู่กับสภาจะดำเนินการอย่างไร อย่างที่บอกว่ามีการเข้าชื่อส.ส. เพื่อเสนอ ให้เปิดประชุมวิสามัญ ก็ยังไม่รู้ว่าชื่อเหล่านั้นอยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีการหารือในพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการขู่จากพรรคเพื่อไทยว่าหากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะขนคนเสื้อแดงมาประท้วงเหมือนที่พันธมิตรฯเคยทำ นายสุเทพกล่าวว่า คิดว่า นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยคงต้องทำทุกอย่างด้วยเหตุผล เพราะต่อไปนี้เราต้องอยู่กันด้วยเหตุผล ถ้าพวกเราได้เป็นรัฐบาลแล้วทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็ยินดีให้มาประท้วง แต่หากพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วมาประท้วง ประชาชนคงไม่ชอบใจ ดีเสียอีกนายจตุพรจะได้มีกระบวนการตรวจสอบที่แข็งแรง และเราจะได้ทำหน้าที่ให้รัดกุม
**ยัน “กลุ่มเพื่อนเนวิน”ไม่มีปัญหา
นายสุเทพ กล่าวว่าในส่วนของกลุ่มเพื่อนเนวินที่จะขอใช้เอกสิทธิ์ ในการโหวตเลือกตัวนายกฯหากเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั้น อย่าไปสับสน เพราะเป็นการพูดในส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ ที่เมื่อก่อนเคยอยู่ ในพรรคพลังประชาชน เมื่อถูกยุบพรรคแล้วก็ขอใช้เอกสิทธิ์ไปอยู่ร่วมกับพรรคอื่น ส่วนเรื่องนายกฯ หากพรรคประชาธิปัตย์สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ต้องให้หัวหน้าพรรค เราเป็นนายกฯ เพราะได้รับการยืนยันจากแกนนำแล้ว ส่วนที่ไม่เห็นด้วยนั้นอาจจะเป็นบางราย ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ของการเมือง คน 200-300 คน จะให้เห็นเหมือนกันหมดคงเป็นไปไม่ได้ จึงต้องค่อยๆพูดจาทำความเข้าใจกัน ส่วนที่กลุ่มเพื่อนเนวินแสดงความไม่พอใจที่จะให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯนั้น เป็นเพราะเรื่องนี้มีช่องว่าง เพราะแกนนำที่เข้าประชุมกับกลุ่มที่แถลงข่าวเป็นคนละคนกัน คนละส่วนกัน
**เตรียมติดต่อประชาราชให้เข้าร่วม
นายสุเทพกล่าวว่า สำหรับพรรคประชาราชนั้น จะมีการติดต่อเพิ่มเติม ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนมีความผิดพลาดในการประสานงาน อย่างไรก็ตามต้องให้เวลา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้คิด เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงพรรคเพื่อแผ่นดินบางส่วนที่ไปร่วมแถลงข่าวกับพรรคเพื่อไทย ตนเชื่อว่าคงจะมาร่วมกันทั้งหมด ที่ไปเมื่อวาน (6 ธ.ค.) เขาคงหลงที่ และจากนี้ไปคงไม่มีการประชุมร่วมกันอีก ให้แต่ละพรรคแต่ละกลุ่มไปหารือร่วมกันเอง ถือเป็นเรื่องภายในของเขา ส่วนโควตารัฐมนตรียังไม่อยากให้พูดถึง ให้จัดตั้งรัฐบาลเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคเพื่อไทยจะชิงยุบสภาก่อน นายสุเทพกล่าวว่า มันไม่ทันแล้วที่จะมายุบสภาตอนนี้ เพราะค้านต่อความรู้สึกประชาชน ถ้าจะทำควรทำตั้งนานแล้ว ส่วนนายกฯรักษาการณ์จะสามารถยุบสภาได้หรือไม่นั้น ตนไม่ขอวิจารณ์ เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ต้องให้มืออาชีพทางกฎหมายตีความ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ท ี่จะมีการนำเรื่องหนีเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์มาโจมตี นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง แต่ระวังคลิปของตนบ้างแล้วกัน
**ปชป.ดูดส.ส.กทม.พปช.ได้อีก
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางตามเข้ามาสมทบ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น แกนนำแต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใส โดยนายสุเทพแสดงท่าทีมั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่น่าจะมีการพลิกขั้วอีก กระทั่งเวลา 14.00 น. นายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม. อดีตพรรคพลังประชาชน ได้นำน้องชายซึ่งเป็น ส.ก. และส.ข. เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายสุเทพคอยให้การต้อนรับ พร้อมกับสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีชมพู ของพรรคให้กับนายสากลและลูกทีม โดยนายอภิสิทธิ์ตามเข้ามาสมทบ พร้อมกับกล่าวต้อนรับสมาชิกพรรคใหม่ทั้ง 3 คน
นายสากลยืนยันว่า ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ไม่มี เรื่องผลประโยชน์เงินทองใดๆ มาเกี่ยวข้อง
ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังมีส.ส.อีกหลายคนที่มีการพูดคุยกัน แต่เราเข้าใจว่า การตัดสินใจย้ายพรรคเป็นเรื่องใหญ่ ต้องให้เวลา ตนอยากให้เขามั่นใจว่า เมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้ว จะได้ร่วมอุดมการณ์กันตลอดไป ขณะนี้ส.ส.ที่ถูกยุบพรรค ที่ไม่มีสังกัดมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ
**”อภิสิทธิ์”ขอบใจพรรคร่วมที่หนุนปชป.
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ได้ยื่นเงื่อนไขว่าจะมาร่วมงานด้วย แต่ต้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องเงื่อนไขนี้มาก่อน เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นเรื่องจริงพร้อมจะหลีกทางให้นายชวนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยังคงกล่าวย้ำว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อน ส.ส. พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่แสดง เจตนารมณ์สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ กระบวนการต่อจากนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่ต้องเสนอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งตนและพรรคประชาธิปัตย์มีความมุ่งมั่นจะแก้ปัญหาบ้านเมืองให้ดีที่สุด หากเพื่อนส.ส.เห็นความตั้งใจของเรา ว่าสามารถทำงานแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ก็ขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานที่ใหญ่และหนัก เพื่อให้ประเทศมีความสามัคคีและเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกกดดันกับความคาดหวังของประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มองได้ 2 แง่คือ ด้านหนึ่งรู้สึกลำบากใจ เพราะรู้ดีว่าอยู่ในสถานการณ์ ไม่ปกติ แต่อีกแง่หนึ่งจะเป็นพลังที่จะต้องทำงานอย่างจริงจัง ทำให้นักการเมืองและพรรคการเมืองต้องฟังแรงกดดันจากสังคม ส่วนที่มองว่าจะเป็นเรื่องของทุกข์ลาภนั้น ตนไม่ได้มองถึงเรื่องกำไรหรือขาดทุน หากส.ส.ที่มาร่วมงานกับเราเห็นว่าเหมาะสม ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องทำอย่างเต็มที่ หากตั้งรัฐบาลสำเร็จจะเป็นงานที่หนักมาก หนักกว่าวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 40 เป็นวิกฤติทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงปัญหาการเมืองที่สับสนวุ่นวายมาหลายปี
**เร่งแก้ความสามัคคี-ภาพลักษณ์ปท.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าหากได้เป็นรัฐบาล อันดับแรกที่จะต้องเริ่มแก้ไขคือเรื่อง ความสามัคคีของคนในชาติ สร้างความเข้าใจให้กับสังคม รวมถึงแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศ เรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติกลับคืนมา เพราะเรื่องการท่องเที่ยว ถือเป็นรายได้หลัก และเกียรติภูมิของประเทศจะต้องกลับคืนมา เราต้องไม่ถูกตั้งคำถามเรื่องการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียนซัมมิทอีก
“รัฐบาลจะอยู่ในยาวหรือไม่ อยู่ที่การทำงาน หากเราสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ ประชาชนก็จะให้โอกาส แต่ถ้าเราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็จะเป็นตัวกำหนดอายุของรัฐบาลเอง”
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังคงประกาศสู้ต่อนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องฟังจากพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่จะร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่าพร้อมจะเป็นนายกฯ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่มีสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี
**ปชป.ยื่นปธ.สภาวันนี้ให้เปิดวิสามัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันมีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือถึงการจัดตั้งรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นพ.นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พรรคดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองอื่นโดยมีภารกิจเร่งด่วนในการกอบกู้วิกฤติการเมืองและเศรษฐกิจทุกวิถีทาง และรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศให้ดีที่สุด และมีมติให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค รวบรวมรายชื่อส.ส.ของพรรคให้ครบ 1 ใน 3 เพื่อยื่นให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรนำขึ้นทูลเกล้าขอ เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกฯในวันที่ 8 ธ.ค.นี้
**ห่วงกลุ่มเพื่อนเนวินใจอ่อนกับเงิน5ล้าน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมส.ส.ส่วนใหญ่แสดงเป็นห่วงเสียงจาก กลุ่มเพื่อนเนวินว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงจนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องพบกับความผิดหวัง แต่ก็มีการติดต่อจากกลุ่มเพื่อนเนวินในส่วนที่ไปสมัครเป็น สมาชิกพรรคเพื่อไทยว่าจะเปลี่ยนใจออกจากสังกัดพรรคเพื่อไทยเพื่อมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์จำนวนกว่า 10 คน แต่แกนนำไม่ได้ให้น้ำหนัก ในเรื่องนี้มากนัก เพราะเห็นว่าอาจเป็นความพยายามที่จะโก่งค่าตัวเพื่อต่อรองกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีข่าวว่ามีการเสนอเงินเบื้องต้น 5 ล้านบาทจ่ายสดทันทีที่เซ็นชื่อเป็นสมาชิกพรรค และหากสามารถรวมกลุ่มได้5 คนจะได้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง
**ยันเจ้าของคิงพาวเวอร์ล็อบบี้เองไร้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่านายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป เป็นตัวกลางในการนัดหมายเจรจาระหว่างนายสุเทพกับกลุ่มเพื่อนเนวิน
อย่างไรก็ตาม ส.ส.กลุ่มนี้มีความตั้งใจที่จะมาร่วมการแก้ปัญหาของประเทศ และแม้พรรคเพื่อไทยจะมีการเสนอผลประโยชน์ให้ส.ส.กลุ่มดังกล่าว แต่ตัวนายสุเทพยังติดตามความเคลื่อนไหวดังกล่าว และแสดงความมั่นใจว่าทุกอย่างยังลงตัวอยู่
นอกจากนี้ยังมีส.ส.กลุ่มวาดะห์ที่นำโดยนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และกลุ่มของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ก็จะมาร่วมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ
อย่างไรก็ตามจำนวนเสียงที่พรรคประชาธิปัตย์รวบรวมได้ในขณะนี้มีไม่ต่ำกว่า 260 คน ซึ่งเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ทำให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดการพลิกขั้วแม้จะมีความพยายามอย่างหนักจากพรรคเพื่อไทยเพื่อดึงตัวส.ส.ให้กลับไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
**”เสนาะ”ยังกั๊กหลัง “เทพเทือก”ชวน
ส่วนพรรคประชาราชนั้น นายสุเทพ ได้ประสานทำความเข้าใจกับนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคแล้ว โดยได้ขอให้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกัน พร้อมเสนอรัฐมนตรีเดิมที่พรรคประชาราชเคยได้ ซึ่งนายเสนาะ ขอเวลาตัดสินใจก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. หลังการประชุมพรรค นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วย นายสุเทพและแกนนำจำนวนหนึ่ง ได้เดินสายไปพบนายบรรหาร ศิลปะอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่บ้านพัก ถ.จรัลสนิทวงศ์ เพื่อส่งเทียบเชิญให้มาจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะเดินสายไปพบกับแกนนำพรรคอื่นต่อไป
”ยงยุทธ”หัวหน้า-“ยิ่งลักษณ์”เหวอ
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย วานนี้ (7 ธ.ค.) มีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เนื่องจากนายสุชาติ ธาราดำรงค์เวช ลาออกจากหัวหน้าพรรค โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รักษาการหัวหน้าพรรคทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งก่อนหน้านั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางมาที่ทำการพรรคเพื่อไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพี่ชายจะให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ได้เดินทางมาร่วมประชุมโดยได้เดินไปนั่งอยู่หน้าเวที เพื่อรอการเสนอชื่อขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค แต่พอถึงขั้นตอนการเลือกหัวหน้าพรรค นายกมล บันไดเพชร รักษาการนายทะเบียนพรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ โดยไม่มีสมาชิกคนใดเสนอชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกับหน้าถอดสี พร้อมลุกจากที่นั่งเดินมาด้านหลังห้องประชุมเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่พรรคถึงสาเหตุที่ไม่มีผู้เสนอชื่อตัวเองให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค อย่างไรก็ตามเมื่อสังเกตเห็นสื่อมวลชนกำลังรายงานข่าวอยู่ใกล้ๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงจูงมือเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวหลบเข้าไปในห้องซึ่งอยู่ด้านหลังห้องประชุมทันที
**ภารกิจด่วน “ยงยุทธ”ดิ้นตั้งรัฐบาล
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายคณวัฒน์ วสินสังวร ว่าที่รองหัวหน้าพรรค น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร ว่าที่เลขาธิการพรรค แถลงหลังการประชุมพรรคว่า ภารกิจเร่งด่วนคือ 1.พยายามจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนให้ได้ แยกทีมบริหารพรรคกับทีมบริหารประเทศ
2.เรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น หากดูจากคณะกรรมการบริหารพรรคจะเห็นว่า มีการแยกส่วนชัดเจน การบริหารพรรคจะใช้นักบริหารมืออาชีพ เช่น ตนที่เคยเป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นนักบริหาร นักปกครอง โดยพรรคเพื่อไทย แยกการบริหารในพรรคกับการบริหารประเทศออกจากกัน ซึ่งไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่น ทั้งนี้ ยืนยันว่าการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเราเปิดกว้างให้กับทุกพรรคว่ามีผู้ใดที่เหมาะสมจะมาดำรงตำแหน่ง 3.เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งซ่อม และ4.เตรียมความพร้อม ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
**อ้างได้เสียงเกินกึ่งตั้งรัฐบาลได้แล้ว
นายยงยุทธ อ้างว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.มากพอที่จะตั้งรัฐบาลได้แล้ว โดยมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว และหลายกลุ่มกำลังทยอยมาอยู่กับเราเพิ่มเติม และน่าจะมีการแถลงข่าวในเร็วๆนี้
นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร กล่าวว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดิมวันนี้ที่มาสมัคร เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและเอกสารสมบูรณ์มีทั้งสิ้น 198 คน และนัดว่าจะมาในวันที่ 8 ธ.ค.อีก 8 คน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ด้วยหรือไม่ นายคณวัฒน์ ตอบว่า เขาแสดงความจำนงมา แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อและจำนวน ซึ่งบางส่วนก็เดินทางมาแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนพรรคร่วมเดิมนั้นทุกพรรคที่เคยร่วมกันเป็นรัฐบาลเขาตอบรับมาหมดแล้ว และมีจำนวนที่มากพอ และคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกัน เรียกได้ว่ามีการพูดคุยกันแบบแทบจะชั่วโมงต่อชั่วโมง
ด้านนายยงยุทธปฏิเสธว่า การล็อบบี้ดึงอดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาตั้งรัฐบาลร่วมกันอึกครั้งนั้นไม่เกี่ยวกับ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
**อ่อย”เพื่อไทย”ไม่อยากเป็นนายกฯแล้ว
ส่วนกรอบคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า มีความรู้ความสามารถ ได้รับการยอมรับ ศรัทธาจากสังคม เพื่อนำประเทศไปสู่ ความเจริญก้าวหน้า และประชาชนได้รับความผาสุก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่ารายชื่อที่เป็นข่าวนั้นจะไม่นำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีการกำหนดใครไว้สักคน คนในพรรคเพื่อไทยวันนี้ คงไม่ประสงค์ที่จะเป็นนายกฯแล้ว ขอให้พรรคร่วมไปเจรจากัน แต่ต้องอยู่ในกรอบ ที่พรรคเพื่อไทยได้พิจารณาไว้ ส่วนขั้นตอนในการเลือกนายกฯนั้นจะเป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง พรรคเพื่อไทยจะไม่ทำอะไรนอกกติกา
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ประชาชนสับสนไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ กล่าวว่า ยอมรับว่าประชาชนก็สับสน แต่ภาพจะเห็นชัดมากขึ้นจากนี้ไป และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชาชนจะสับสนเพราะยังไม่ได้บทสรุป และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นจะต้องรอผู้มีอำนาจ ในพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยก่อน เพราะขณะนี้ก็มีพรรคร่วมรัฐบาลเดิมติดต่อเข้ามาจำนวนหนึ่งแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าใครบ้างกี่คน
“การตั้งรัฐบาล การเลือกนายกฯ จะชัดเจนจริงๆ ก็ต่อเมื่อเสนอรายชื่อและมีพระบรมราชโองการ”
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นางยิ่งลักษณ์ จะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่วันนี้กลับไม่ใช่ นายยงยุทธ กล่าวว่า เป็นแค่ข่าวลือ เป็นการคาดเดา พูดกันไป ซึ่งวันนี้ก็ได้เห็น แล้วว่าไม่เป็นความจริง วันนี้มีผู้เสนอชื่อแค่คนเดียวก็คือตน สะท้อนให้เห็นว่า การคาดเดาหรือเรื่องสมมุตินั้นไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้น
รายงานข่าวอ้างว่าสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่เสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นหัวหน้าพรรค เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของพรรคที่จะไม่ส่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทั้ง 13 คน ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางการเมือง หากต้องถูกยุบและกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี พรรคก็จะไม่เสียบุคลากรที่เป็น ส.ส.ไป
**เพื่อไทยตั้งวอร์รูมดึงส.ส.ร่วมรัง
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ช่วงค่ำของวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยา และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้สั่งให้ตั้งวอร์รูมเพื่อประสานงานดึงส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิม และส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินให้กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยเพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง โดยมีรักษาการรัฐมนตรีของอดีตพรรคพลังประชาชนรวมทั้งส.ส. ประมาณ 30 คน ช่วยกันโทรศัพท์ประสานงานให้กลับมาอยู่ร่วมงานกันเผย
นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าพรรคตั้งวอร์รูมประสาน ส.ส.กันอยู่ ส่วนจสำเร็จหรือไม่ ยังตอบยาก เพราะอลหม่าน ฝุ่นตลบไปหมด อีก1-2 วันจึงจะเห็นภาพชัดเจน อีกทั้งขณะนี้แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลก็ไปคนละทิศละทาง แต่โอกาสของพรรคเพื่อไทยก็ยังมี เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านขึ้นเป็นนายกฯ ซึ่งส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิมเขาไม่เห็นด้วย
**”แม้ว-อ้อ” ต่อสายอ้อน “เติ้ง-เนวิน”
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยยังประสานไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ต่อสายไปถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยด้วย เพื่อให้ส.ส.อดีตพรรคชาติไทยกลับมาสนับสนุน พรรคเพื่อไทย จนขณะนี้ทำให้การเช็คยอดล่าสุดของพรรคเพื่อไทย ในช่วงค่ำ สามารถรวบรวมเสียงส.ส.เพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เกินกึ่งหนึ่งแล้ว
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งด้วยว่า ตลอดทั้งวันของวันที่ 7 ธ.ค.นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พยายามโทรศัพท์เจรจาเพื่อขอให้นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน เจรจาดึงส.ส.ในกลุ่มกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม ซึ่งท่าทีของนายเนวินขณะนี้ยังคงแบ่งรับแบ่งสู้
**ส่งทีมล็อบบี้พรรคร่วมแต่ไร้ผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันพรรคเพื่อไทยพยายามประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเพื่อให้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันอีกครั้ง โดยใช้คอนเนกชั่นจากหลายกลุ่ม ภายในพรรคในการประสานงาน อาทิ นายประวัตร อุตโมท อดีต สมาชิกกลุ่ม16 เป็นผู้เจรจากับกลุ่ม16ในพรรคต่างๆ เป็นต้น ซึ่งคำตอบที่ได้จากพรรคร่วมคือ ต้องการรักษาชาติและสถาบันไว้ ทำให้พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์ใหม่ ในหลายๆด้าน
**เดินแผนย้อนร้อนพันธมิตรฯปิดสภาป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมของทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มีการวิเคราะห์กันว่าโอกาสที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมพลิกขั้วกลับมาร่วมกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้งได้หรือไม่ เพราะทหารเข้ามาแทรกแซงให้พรรคร่วมฯ ไปเข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ หากไม่สามารถดึงกลับมาได้ก็จะใช้แผนเดินเกมทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในทุกวิถีทางทั้งบนดินและใต้ดิน หรือเรียกว่า “ย้อนศรสีเหลือง” คือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำอะไรก็จะให้มวลชนของพรรคซึ่งก็คือกลุ่มคนเสื้อแดงทำเช่นนั้นและจะรุนแรงกว่า เพื่อบีบให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยุบสภา นอกจากนี้ยังเตรียมเดินแผนทำลายความชอบธรรมของสถาบันตุลาการ เพื่อเป็นข้ออ้างไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องรับโทษจากการทุจริตในคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคคีของศาล รวมถึงการตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนด้วย
มีรายงานมีความเป็นไปได้ว่าในวันประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี จะมีการนำมวลชนเสื้อสีแดงมาขวางการประชุมหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้กับรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาแล้วเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ในการแถลงนโยบายรัฐบาล
**โวส.ส.อีสาน 102 คนอยู่เพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.45 น. ว่าที่ร.ต.พงษ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส. หนองคาย ตัวแทน ส.ส.ภาคอีสาน พร้อมด้วยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา ตัวแทนส.ส.ภาคกลาง นายวัลลภ สุปริยศิลป์ ส.ส.น่าน ตัวแทนภาคเหนือ และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข ตัวแทนภาคกทม. ร่วมกันแถลงข่าว ถึงความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาล
ว่าที่ร.ต.พงษ์พันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ส.ส.อีสานที่มาสมัครเป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทยมี 102 คน เหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่ระหว่างการประสานงาน คือ จ.มหาสารคาม 1 คน จ.นครพนม 1 คน จ.อำนาจเจริญ 1 คน จ.เลย 1 คน จ.ขอนแก่น 2 คน จ.นครรราชสีมา 2 คน และจ.บุรีรัมย์ 7 คน ทั้งนี้ ยืนยันว่าส.ส.อีสานมีเจตนารมณ์ที่จะขับเคลื่อนให้มีการตั้งรัฐบาลในขั้วรัฐบาลเดิม
นายไพจิต กล่าวว่า เราสำนึกในเจตนารมณ์ของชาวอีสานที่เลือกพวกเรา ฉะนั้นจึงหลอมดวงใจของคนอีสานเพื่อตั้งรัฐบาล แม้หนึ่งปีที่ผ่านมาจะโดนทำลายและยุบพรรคแต่หัวใจของพวกตนยังเข้มข้นยึดมั่นแนวทางการทำงานของรัฐบาลเดิม รวมทั้งสิ่งที่ผู้นำได้สั่งสมไว้ให้ “
**ระบุกลุ่มเนวินเปลี่ยนใจหลังเสื้อแดงล้อม
นายสุรชัย กล่าวว่า ส.ส.อีสานนั้นสุดท้ายแล้วจะมีเพียง 7-8 คนที่ไม่มาอยู่กับพรรคเพื่อไทยโดยเป็นส.ส.นครราชสีมา 1คน ส.ส.สุรินทร์ 1-2 คน และส.ส.บุรีรัมย์บางส่วน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทราบว่า นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน แจ้งมาว่าจะย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพราะโดนมวลชนเสื้อแดงร่วม 300 คนล้อมบ้านพักหลังจากมีข่าวออกไปว่าจะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งนายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี ก็จะมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะมีประชาชนไม่พอใจหลังทราบว่าอาจจะไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ จนมีการบุกไปทำลายสำนักงานส.ส.ของนายเชิดชัย
**ส.ส.กาญจนบุรี-ปราจีนบุรี พปช. ยังไม่ซบเพื่อไทย
ด้านนายวิทยา กล่าวว่า จำนวนส.ส.ภาคกลางตอนนี้ยืนยันร่วมอุดมการณ์กับพรรคเพื่อไทย 99 % เหลือส.ส.เพียง 2 คนที่อยู่ระหว่างการประสานงาน ทั้งนี้ ตนขอบคุณประชาชนที่ไปบอก ส.ส.ในพื้นที่นั้นๆ ว่าให้มาสมัครที่พรรคเพื่อไทยด้วย จนทำให้ตัวเลขส.ส.ในวันนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายสิบคน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ปล้นส.ส.จากพรรคอื่น และคงไม่ไปร่วมอุดมการณ์กับพรรคประชาธิปัตย์
นายสุชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับนายสันทัด จีนาภักดิ์ ส.ส.กาญจนบุรีและนายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี เพื่อให้ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย รวมทั้งเชื่อว่าพรรคจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมนั้น ในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดิน นายมั่น พัธโนทัย ก็จะพาส.ส.เกินครึ่งมาร่วมรัฐบาลด้วย เหลือเพียง 6-7 คนที่อยู่ระหว่างการประสานกัน ที่ตอนนี้ประชาชนสับสนเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไปดึงส.ส.ของพรรคร่วมพรรคละ 2-3 คนมาแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมันยังไม่ใช่มติของพรรคนั้นๆ ในการร่วมรัฐบาลเลย
**เพื่อไทยฟุ้งกวาดส.ส.ได้แล้ว226คน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตัวเลขส.ส. ในสภาตอนนี้คือ 438 คน เสียงกึ่งหนึ่งคือ 219 คน ฝ่ายของพรรคเพื่อไทย มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 226 คน แบ่งเป็นพรรคเพื่อไทย 202 คน ส่วน ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน 32 คนนั้นมีการแจ้งมาว่าจะมาอยู่ที่นี่ 20 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 14 คน พรรคประชาราช 5 คน และพรรคชาติไทย 5 คน ซึ่งยังไม่รวมเสียงของ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและพรรคมัชฌิมาธิปไตย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนเพื่อน ส.ส.ในกลุ่มเพื่อนเนวินอีก 12 คนว่า ขอให้กลับมาที่นี่ เพราะตอนนี้กลุ่มภาคกลางของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม และกลุ่มวาดะห์ ก็มาที่นี่แล้ว ใครที่มีปัญหาอะไรก็มาคุยและปรับความเข้าใจกัน เพราะจะไม่โกรธในสิ่งที่แล้วมา ทุกอย่างแก้ไขได้ เพราะก็เคยทำประโยชน์ให้บ้านเมืองและพรรคมามาก หากการไปร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลโดยเสนอ ให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯนั้นมันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ เพราะนายอภิสิทธิ์ไปภาคอีสานและภาคเหนือไม่ได้ ยกเว้นภาคใต้เท่านั้นเนื่องจากจะโดนขับไล่
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะพรรคร่วมฯ ไม่ย้ายมานั้น จะยุบสภาหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า พรรคจะไปหารือกับบางกลุ่มก่อน แต่ขอย้ำว่าตอนนี้ฝ่ายของเรามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว
**”ศุภชัย”จวกเพื่อไทยมั่วยันหนุนปชป.
ขณะที่นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เตรียมสมัครเป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทยหลังจากถูกมวลชนเสื้อแดงกดดันถึงบ้านว่า ตนไปยื่นตอนไหน แหกตากันชัดๆ เลย ตนรู้ว่ามีคนสร้างสถานการณ์ให้ชาวบ้านไปกกดันตน แต่ตนมีเหตุผลที่จะชี้แจงกับชาวบ้านในการตัดสินใจทางการเมือง ในการมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ พวกตนตัดสินใจอย่างดีแล้ว เพราะปัญหาของประเทศวันนี้ไม่มีทางออกจริงๆ กลุ่มเพื่อนเนวิน 32 คนนั้นขณะนี้อยู่จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับประชาธิปัตย์ 20 คน ส่วนอีก 12 คนนั้นยังไม่ขอเปิดตัว
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยติดต่อให้ย้ายไปร่วมงานกันนั้น ยอมรับว่า มีหลายคน ติดต่อมาจริงแต่ไม่ขอพูดว่ารายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง แต่ตนบอกไปแล้วว่า พวกตนได้ตัดสินใจไปแล้ว
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวเพื่อย้ำจุดยืน ทางการเมือง ว่า ขอให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ในส่วนของ ส.ส.เป็นสมาชิกของกลุ่มจะย้ายเข้าไปสังกัดพรรค ประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต อาจเป็นไปได้ ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ หรืออยู่กับพรรคการเมืองที่ไปจดทะเบียนไว้แล้ว หรือแม้แต่ไปตั้งพรรคการเมืองใหม่
**ชท.ยันยังอยู่กับประชาธิปัตย์
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้แล้วที่ ส.ส. อดีตพรรคชาติไทยเดิมจะเปลี่ยนท่าทีกลับไปสนับสนุน พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากถ้าทำเช่นนั้น จะถือเป็นการผิดคำพูดที่เมื่อค่ำ วันที่ 6 ธ.ค. ทางพรรคฯ ได้ย้ำจุด ยืนในเรื่องดังกล่าว ด้วยการส่งคนระดับแกนนำพรรคฯ คือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ไปร่วมแถลงข่าวสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ฉะนั้นข้อเสนอที่จะให้ พล.ต.สนั่นเป็นนายกฯนั้น สถานการณ์ขณะตนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
นายสมศักดิ์ ยังปฏิเสธข่าวที่ว่าร่วมเดินทางไปกับนายสุเทพ เพื่อเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก่อนหน้าจะมีการแถลงข่าวร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล
**กลุ่มวาดะห์เสียงแตกแยกคนละพรรค
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนและเพื่อนอีก 2 คนในกลุ่มวาดะห์คือ นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา และนายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส ได้มีการหารือกันและได้ข้อสรุปว่า การเปลี่ยนขั้วการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นทางออกคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นอยู่ หากรัฐบาล เป็นการรวมตัวของ 6 พรรคเดิม เชื่อว่าจะทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ จึงมีมติร่วมกันที่จะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี
“หลายฝ่ายทั้งนักธุรกิจและนักวิชาการอยากเห็นการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง และผมก็เชื่อว่าจะทำให้การเมืองเดินหน้าไปได้”
นายอารีเพ็ญ ยืนยันว่า จะไม่ไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคพลังประชาชนไม่สามารถแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ได้ และทำให้ปัญหาลุกลามขยายตัวออกไป
แต่นายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส อดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตอนนี้ขออยู่เฉยๆ ก่อน ยังไม่ไปไหน เพราะยังมีเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันเลือกนายกฯ พวกตนขอดูรายชื่อว่าที่นายกฯก่อนแล้วค่อยตัดสิน
ขณะที่นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา อดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายอารีเพ็ญ และนายนัจมุดดิน อูมา แล้ว โดยตนนั้นจะไปสังกัดพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน เพราะตนเกิดจากพรรคพลังประชาชน เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน แต่นายอารีเพ็ญและนายนัจมุดดินนั้นทราบว่าทั้ง 2 คนขอรอดู สถานการณ์ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สามารถประสานพรรคชาติไทยเดิม พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และกลุ่มเพื่อนเนวินให้มาแถลงข่าวสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี บรรยากาศที่ทีทำการพรรคประชาธิปัตย์ วานนี้ (7 ธ.ค.) เป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำระดับผู้ประสานงานจัดตั้งรัฐบาลเข้าหารือกันที่ร้านกาแฟของพรรค นำทีมโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคฯ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง โดยนายสุเทพได้ติดต่อพูดคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา
**"เทพเทือก"ปัดทหารเอี่ยวตั้งรัฐบาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการเข้าพบผู้นำทหารก่อนที่จะมีการแถลงข่าวเปลี่ยนขั้วพรรคร่วมรัฐบาล ว่า อย่าเอากองทัพเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีกว่าตนเห็นว่าทางกองทัพวางตัวดีมาโดยตลอด เรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่พวกเราทำกันเอง ได้พูดคุยปรึกษาหารือกันมา ซึ่งตนได้ประสานงานมาระยะหนึ่งแล้ว โชคดีที่คนไม่ค่อยสนใจ ตนจึงไปไหนมาไหนสะดวก ไม่มีใครตามไปก็เลยคุยกันง่ายขึ้น คนจึงนึกว่า ทำไมมาสำเร็จเร็ว หลายคนอาจจะรู้สึกแปลกใจ
“ตั้งแต่ช่วงที่บ้านเมืองมีวิกฤติ มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนและสื่อมวลชนว่า ส.ส.ควรจะหาทางออกให้กับประเทศ แต่ก่อนหน้านี้จังหวะเวลายังไม่อำนวย แต่เมื่อมีกรณียุบพรรค ส.ส.จึงมีอิสระในการที่จะคิดอ่านมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการประสานกันระหว่างพรรคการเมองจึงทำได้สะดวกขึ้น”
**ปูดเพื่อไทยโทร.ล็อบบี้ให้เปลี่ยนขั้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้จะมีการพลิกผันทำให้พรรคประชาธิปัตย์จับขั้วตั้งรัฐบาลไม่ได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้มีกลุ่มอำนาจเก่า พยายามโทรศัพท์เพื่อจะประสานไปยังกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยเห็นว่าจะให้อัตราส่วน 5 ต่อ 1 รวบรวม ส.ส.ได้ 5 คน จะได้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง แถมมีเงินทองให้ไปดูแล ส.ส. ด้วย คาดว่าเมื่อคืนคงจะไม่ได้หลับได้นอนกัน เพราะปั่นป่วนไปทั้งวงการ แต่ตนเชื่อว่าวันนี้ส.ส.ส่วนใหญ่ได้ตระหนักถึงการทำหน้าที่การเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยเพราะทุกคนเห็นแล้วว่าบ้านเมืองวิกฤติจริงๆ และทุกคนก็คาดหวังให้ระบอบประชาธิปไตย เดินต่อไปได้ โดยให้ส.ส.ที่เลือกมาได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ตนยังมั่นใจในเกียรติยศศักดิ์ศรีของส.ส. ที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน เชื่อว่าจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลง
ส่วนถามว่ามั่นใจจำนวนเสียง 260 เสียงขนาดไหนนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อคืน (6 ธ.ค.) เขาทำงานหนักมาก แต่เมื่อเช้ากลุ่มที่มาร่วมรัฐบาลกับเรายังโทรศัพท์มายืนยันหนักแน่นว่าจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ และเขายังเล่าให้ฟังด้วยว่ามีการโทรศัพท์มาล็อบบี้หลอกล่อขู่เข็ญอย่างไรบ้าง แต่ตนไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรง เพราะตนต้นทุนน้อย มีอยู่ 166 คน เขาให้เป็นรัฐบาลก็เป็น ให้เป็นฝ่ายค้านก็เป็นได้ เพราะเราชำนาญอยู่แล้วไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางพรรคเพื่อไทยยังคงยื่นข้อเสนอให้คนกลางจาก พรรคร่วมอื่นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำให้ขั้วของพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลง หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่เห็นชัดๆก็คือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำกลุ่มชาติไทยพัฒนา เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ แต่พล.ต.สนั่นก็ยังเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ ดังนั้นเชื่อว่าการเอาตำแหน่งนายกฯมาหลอกล่อตอนนี้คงจะไม่ได้ผลแล้ว
“เท่าที่พูดจากันมีแต่ความราบรื่น ไม่มีการเกี่ยงงอนเรื่องตำแหน่ง คิดอย่างเดียวว่า เราจะร่วมมือกันให้เสียงมากพอจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นโจทย์ข้อใหญ่ เพราะตอนนี้เท่าที่ประเมินดูมีแล้วกว่า 260 เสียง”
ต่อข้อถามว่าการเลือกตั้งนายกฯหากยืดเวลาออกไปจะทำให้เกิดการแกว่ง จะทำให้มีการเลือกตัวนายกฯเร็วขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า การเปิดประชุมเร็วหรือช้า ไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะทำได้ เพราะตอนนี้เรายังเป็นฝ่ายค้านอยู่ กระบวนการที่จะทำขึ้นอยู่กับสภาจะดำเนินการอย่างไร อย่างที่บอกว่ามีการเข้าชื่อส.ส. เพื่อเสนอ ให้เปิดประชุมวิสามัญ ก็ยังไม่รู้ว่าชื่อเหล่านั้นอยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีการหารือในพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการขู่จากพรรคเพื่อไทยว่าหากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะขนคนเสื้อแดงมาประท้วงเหมือนที่พันธมิตรฯเคยทำ นายสุเทพกล่าวว่า คิดว่า นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยคงต้องทำทุกอย่างด้วยเหตุผล เพราะต่อไปนี้เราต้องอยู่กันด้วยเหตุผล ถ้าพวกเราได้เป็นรัฐบาลแล้วทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็ยินดีให้มาประท้วง แต่หากพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วมาประท้วง ประชาชนคงไม่ชอบใจ ดีเสียอีกนายจตุพรจะได้มีกระบวนการตรวจสอบที่แข็งแรง และเราจะได้ทำหน้าที่ให้รัดกุม
**ยัน “กลุ่มเพื่อนเนวิน”ไม่มีปัญหา
นายสุเทพ กล่าวว่าในส่วนของกลุ่มเพื่อนเนวินที่จะขอใช้เอกสิทธิ์ ในการโหวตเลือกตัวนายกฯหากเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั้น อย่าไปสับสน เพราะเป็นการพูดในส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ ที่เมื่อก่อนเคยอยู่ ในพรรคพลังประชาชน เมื่อถูกยุบพรรคแล้วก็ขอใช้เอกสิทธิ์ไปอยู่ร่วมกับพรรคอื่น ส่วนเรื่องนายกฯ หากพรรคประชาธิปัตย์สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ต้องให้หัวหน้าพรรค เราเป็นนายกฯ เพราะได้รับการยืนยันจากแกนนำแล้ว ส่วนที่ไม่เห็นด้วยนั้นอาจจะเป็นบางราย ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ของการเมือง คน 200-300 คน จะให้เห็นเหมือนกันหมดคงเป็นไปไม่ได้ จึงต้องค่อยๆพูดจาทำความเข้าใจกัน ส่วนที่กลุ่มเพื่อนเนวินแสดงความไม่พอใจที่จะให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯนั้น เป็นเพราะเรื่องนี้มีช่องว่าง เพราะแกนนำที่เข้าประชุมกับกลุ่มที่แถลงข่าวเป็นคนละคนกัน คนละส่วนกัน
**เตรียมติดต่อประชาราชให้เข้าร่วม
นายสุเทพกล่าวว่า สำหรับพรรคประชาราชนั้น จะมีการติดต่อเพิ่มเติม ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนมีความผิดพลาดในการประสานงาน อย่างไรก็ตามต้องให้เวลา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้คิด เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงพรรคเพื่อแผ่นดินบางส่วนที่ไปร่วมแถลงข่าวกับพรรคเพื่อไทย ตนเชื่อว่าคงจะมาร่วมกันทั้งหมด ที่ไปเมื่อวาน (6 ธ.ค.) เขาคงหลงที่ และจากนี้ไปคงไม่มีการประชุมร่วมกันอีก ให้แต่ละพรรคแต่ละกลุ่มไปหารือร่วมกันเอง ถือเป็นเรื่องภายในของเขา ส่วนโควตารัฐมนตรียังไม่อยากให้พูดถึง ให้จัดตั้งรัฐบาลเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคเพื่อไทยจะชิงยุบสภาก่อน นายสุเทพกล่าวว่า มันไม่ทันแล้วที่จะมายุบสภาตอนนี้ เพราะค้านต่อความรู้สึกประชาชน ถ้าจะทำควรทำตั้งนานแล้ว ส่วนนายกฯรักษาการณ์จะสามารถยุบสภาได้หรือไม่นั้น ตนไม่ขอวิจารณ์ เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ต้องให้มืออาชีพทางกฎหมายตีความ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ท ี่จะมีการนำเรื่องหนีเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์มาโจมตี นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง แต่ระวังคลิปของตนบ้างแล้วกัน
**ปชป.ดูดส.ส.กทม.พปช.ได้อีก
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางตามเข้ามาสมทบ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น แกนนำแต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใส โดยนายสุเทพแสดงท่าทีมั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่น่าจะมีการพลิกขั้วอีก กระทั่งเวลา 14.00 น. นายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม. อดีตพรรคพลังประชาชน ได้นำน้องชายซึ่งเป็น ส.ก. และส.ข. เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายสุเทพคอยให้การต้อนรับ พร้อมกับสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีชมพู ของพรรคให้กับนายสากลและลูกทีม โดยนายอภิสิทธิ์ตามเข้ามาสมทบ พร้อมกับกล่าวต้อนรับสมาชิกพรรคใหม่ทั้ง 3 คน
นายสากลยืนยันว่า ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ไม่มี เรื่องผลประโยชน์เงินทองใดๆ มาเกี่ยวข้อง
ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังมีส.ส.อีกหลายคนที่มีการพูดคุยกัน แต่เราเข้าใจว่า การตัดสินใจย้ายพรรคเป็นเรื่องใหญ่ ต้องให้เวลา ตนอยากให้เขามั่นใจว่า เมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้ว จะได้ร่วมอุดมการณ์กันตลอดไป ขณะนี้ส.ส.ที่ถูกยุบพรรค ที่ไม่มีสังกัดมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ
**”อภิสิทธิ์”ขอบใจพรรคร่วมที่หนุนปชป.
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ได้ยื่นเงื่อนไขว่าจะมาร่วมงานด้วย แต่ต้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องเงื่อนไขนี้มาก่อน เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นเรื่องจริงพร้อมจะหลีกทางให้นายชวนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยังคงกล่าวย้ำว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อน ส.ส. พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่แสดง เจตนารมณ์สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ กระบวนการต่อจากนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่ต้องเสนอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งตนและพรรคประชาธิปัตย์มีความมุ่งมั่นจะแก้ปัญหาบ้านเมืองให้ดีที่สุด หากเพื่อนส.ส.เห็นความตั้งใจของเรา ว่าสามารถทำงานแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ก็ขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานที่ใหญ่และหนัก เพื่อให้ประเทศมีความสามัคคีและเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกกดดันกับความคาดหวังของประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มองได้ 2 แง่คือ ด้านหนึ่งรู้สึกลำบากใจ เพราะรู้ดีว่าอยู่ในสถานการณ์ ไม่ปกติ แต่อีกแง่หนึ่งจะเป็นพลังที่จะต้องทำงานอย่างจริงจัง ทำให้นักการเมืองและพรรคการเมืองต้องฟังแรงกดดันจากสังคม ส่วนที่มองว่าจะเป็นเรื่องของทุกข์ลาภนั้น ตนไม่ได้มองถึงเรื่องกำไรหรือขาดทุน หากส.ส.ที่มาร่วมงานกับเราเห็นว่าเหมาะสม ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องทำอย่างเต็มที่ หากตั้งรัฐบาลสำเร็จจะเป็นงานที่หนักมาก หนักกว่าวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 40 เป็นวิกฤติทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงปัญหาการเมืองที่สับสนวุ่นวายมาหลายปี
**เร่งแก้ความสามัคคี-ภาพลักษณ์ปท.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าหากได้เป็นรัฐบาล อันดับแรกที่จะต้องเริ่มแก้ไขคือเรื่อง ความสามัคคีของคนในชาติ สร้างความเข้าใจให้กับสังคม รวมถึงแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศ เรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติกลับคืนมา เพราะเรื่องการท่องเที่ยว ถือเป็นรายได้หลัก และเกียรติภูมิของประเทศจะต้องกลับคืนมา เราต้องไม่ถูกตั้งคำถามเรื่องการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียนซัมมิทอีก
“รัฐบาลจะอยู่ในยาวหรือไม่ อยู่ที่การทำงาน หากเราสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ ประชาชนก็จะให้โอกาส แต่ถ้าเราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็จะเป็นตัวกำหนดอายุของรัฐบาลเอง”
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังคงประกาศสู้ต่อนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องฟังจากพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่จะร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่าพร้อมจะเป็นนายกฯ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่มีสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี
**ปชป.ยื่นปธ.สภาวันนี้ให้เปิดวิสามัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันมีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือถึงการจัดตั้งรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นพ.นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พรรคดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองอื่นโดยมีภารกิจเร่งด่วนในการกอบกู้วิกฤติการเมืองและเศรษฐกิจทุกวิถีทาง และรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศให้ดีที่สุด และมีมติให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค รวบรวมรายชื่อส.ส.ของพรรคให้ครบ 1 ใน 3 เพื่อยื่นให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรนำขึ้นทูลเกล้าขอ เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกฯในวันที่ 8 ธ.ค.นี้
**ห่วงกลุ่มเพื่อนเนวินใจอ่อนกับเงิน5ล้าน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมส.ส.ส่วนใหญ่แสดงเป็นห่วงเสียงจาก กลุ่มเพื่อนเนวินว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงจนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องพบกับความผิดหวัง แต่ก็มีการติดต่อจากกลุ่มเพื่อนเนวินในส่วนที่ไปสมัครเป็น สมาชิกพรรคเพื่อไทยว่าจะเปลี่ยนใจออกจากสังกัดพรรคเพื่อไทยเพื่อมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์จำนวนกว่า 10 คน แต่แกนนำไม่ได้ให้น้ำหนัก ในเรื่องนี้มากนัก เพราะเห็นว่าอาจเป็นความพยายามที่จะโก่งค่าตัวเพื่อต่อรองกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีข่าวว่ามีการเสนอเงินเบื้องต้น 5 ล้านบาทจ่ายสดทันทีที่เซ็นชื่อเป็นสมาชิกพรรค และหากสามารถรวมกลุ่มได้5 คนจะได้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง
**ยันเจ้าของคิงพาวเวอร์ล็อบบี้เองไร้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่านายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป เป็นตัวกลางในการนัดหมายเจรจาระหว่างนายสุเทพกับกลุ่มเพื่อนเนวิน
อย่างไรก็ตาม ส.ส.กลุ่มนี้มีความตั้งใจที่จะมาร่วมการแก้ปัญหาของประเทศ และแม้พรรคเพื่อไทยจะมีการเสนอผลประโยชน์ให้ส.ส.กลุ่มดังกล่าว แต่ตัวนายสุเทพยังติดตามความเคลื่อนไหวดังกล่าว และแสดงความมั่นใจว่าทุกอย่างยังลงตัวอยู่
นอกจากนี้ยังมีส.ส.กลุ่มวาดะห์ที่นำโดยนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และกลุ่มของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ก็จะมาร่วมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ
อย่างไรก็ตามจำนวนเสียงที่พรรคประชาธิปัตย์รวบรวมได้ในขณะนี้มีไม่ต่ำกว่า 260 คน ซึ่งเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ทำให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดการพลิกขั้วแม้จะมีความพยายามอย่างหนักจากพรรคเพื่อไทยเพื่อดึงตัวส.ส.ให้กลับไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
**”เสนาะ”ยังกั๊กหลัง “เทพเทือก”ชวน
ส่วนพรรคประชาราชนั้น นายสุเทพ ได้ประสานทำความเข้าใจกับนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคแล้ว โดยได้ขอให้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกัน พร้อมเสนอรัฐมนตรีเดิมที่พรรคประชาราชเคยได้ ซึ่งนายเสนาะ ขอเวลาตัดสินใจก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. หลังการประชุมพรรค นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วย นายสุเทพและแกนนำจำนวนหนึ่ง ได้เดินสายไปพบนายบรรหาร ศิลปะอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่บ้านพัก ถ.จรัลสนิทวงศ์ เพื่อส่งเทียบเชิญให้มาจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะเดินสายไปพบกับแกนนำพรรคอื่นต่อไป
”ยงยุทธ”หัวหน้า-“ยิ่งลักษณ์”เหวอ
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย วานนี้ (7 ธ.ค.) มีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เนื่องจากนายสุชาติ ธาราดำรงค์เวช ลาออกจากหัวหน้าพรรค โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รักษาการหัวหน้าพรรคทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งก่อนหน้านั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางมาที่ทำการพรรคเพื่อไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพี่ชายจะให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ได้เดินทางมาร่วมประชุมโดยได้เดินไปนั่งอยู่หน้าเวที เพื่อรอการเสนอชื่อขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค แต่พอถึงขั้นตอนการเลือกหัวหน้าพรรค นายกมล บันไดเพชร รักษาการนายทะเบียนพรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ โดยไม่มีสมาชิกคนใดเสนอชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกับหน้าถอดสี พร้อมลุกจากที่นั่งเดินมาด้านหลังห้องประชุมเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่พรรคถึงสาเหตุที่ไม่มีผู้เสนอชื่อตัวเองให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค อย่างไรก็ตามเมื่อสังเกตเห็นสื่อมวลชนกำลังรายงานข่าวอยู่ใกล้ๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงจูงมือเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวหลบเข้าไปในห้องซึ่งอยู่ด้านหลังห้องประชุมทันที
**ภารกิจด่วน “ยงยุทธ”ดิ้นตั้งรัฐบาล
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายคณวัฒน์ วสินสังวร ว่าที่รองหัวหน้าพรรค น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร ว่าที่เลขาธิการพรรค แถลงหลังการประชุมพรรคว่า ภารกิจเร่งด่วนคือ 1.พยายามจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนให้ได้ แยกทีมบริหารพรรคกับทีมบริหารประเทศ
2.เรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น หากดูจากคณะกรรมการบริหารพรรคจะเห็นว่า มีการแยกส่วนชัดเจน การบริหารพรรคจะใช้นักบริหารมืออาชีพ เช่น ตนที่เคยเป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นนักบริหาร นักปกครอง โดยพรรคเพื่อไทย แยกการบริหารในพรรคกับการบริหารประเทศออกจากกัน ซึ่งไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่น ทั้งนี้ ยืนยันว่าการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเราเปิดกว้างให้กับทุกพรรคว่ามีผู้ใดที่เหมาะสมจะมาดำรงตำแหน่ง 3.เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งซ่อม และ4.เตรียมความพร้อม ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
**อ้างได้เสียงเกินกึ่งตั้งรัฐบาลได้แล้ว
นายยงยุทธ อ้างว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.มากพอที่จะตั้งรัฐบาลได้แล้ว โดยมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว และหลายกลุ่มกำลังทยอยมาอยู่กับเราเพิ่มเติม และน่าจะมีการแถลงข่าวในเร็วๆนี้
นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร กล่าวว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดิมวันนี้ที่มาสมัคร เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและเอกสารสมบูรณ์มีทั้งสิ้น 198 คน และนัดว่าจะมาในวันที่ 8 ธ.ค.อีก 8 คน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ด้วยหรือไม่ นายคณวัฒน์ ตอบว่า เขาแสดงความจำนงมา แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อและจำนวน ซึ่งบางส่วนก็เดินทางมาแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนพรรคร่วมเดิมนั้นทุกพรรคที่เคยร่วมกันเป็นรัฐบาลเขาตอบรับมาหมดแล้ว และมีจำนวนที่มากพอ และคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกัน เรียกได้ว่ามีการพูดคุยกันแบบแทบจะชั่วโมงต่อชั่วโมง
ด้านนายยงยุทธปฏิเสธว่า การล็อบบี้ดึงอดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาตั้งรัฐบาลร่วมกันอึกครั้งนั้นไม่เกี่ยวกับ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
**อ่อย”เพื่อไทย”ไม่อยากเป็นนายกฯแล้ว
ส่วนกรอบคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า มีความรู้ความสามารถ ได้รับการยอมรับ ศรัทธาจากสังคม เพื่อนำประเทศไปสู่ ความเจริญก้าวหน้า และประชาชนได้รับความผาสุก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่ารายชื่อที่เป็นข่าวนั้นจะไม่นำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีการกำหนดใครไว้สักคน คนในพรรคเพื่อไทยวันนี้ คงไม่ประสงค์ที่จะเป็นนายกฯแล้ว ขอให้พรรคร่วมไปเจรจากัน แต่ต้องอยู่ในกรอบ ที่พรรคเพื่อไทยได้พิจารณาไว้ ส่วนขั้นตอนในการเลือกนายกฯนั้นจะเป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง พรรคเพื่อไทยจะไม่ทำอะไรนอกกติกา
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ประชาชนสับสนไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ กล่าวว่า ยอมรับว่าประชาชนก็สับสน แต่ภาพจะเห็นชัดมากขึ้นจากนี้ไป และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชาชนจะสับสนเพราะยังไม่ได้บทสรุป และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นจะต้องรอผู้มีอำนาจ ในพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยก่อน เพราะขณะนี้ก็มีพรรคร่วมรัฐบาลเดิมติดต่อเข้ามาจำนวนหนึ่งแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าใครบ้างกี่คน
“การตั้งรัฐบาล การเลือกนายกฯ จะชัดเจนจริงๆ ก็ต่อเมื่อเสนอรายชื่อและมีพระบรมราชโองการ”
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นางยิ่งลักษณ์ จะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่วันนี้กลับไม่ใช่ นายยงยุทธ กล่าวว่า เป็นแค่ข่าวลือ เป็นการคาดเดา พูดกันไป ซึ่งวันนี้ก็ได้เห็น แล้วว่าไม่เป็นความจริง วันนี้มีผู้เสนอชื่อแค่คนเดียวก็คือตน สะท้อนให้เห็นว่า การคาดเดาหรือเรื่องสมมุตินั้นไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้น
รายงานข่าวอ้างว่าสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่เสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นหัวหน้าพรรค เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของพรรคที่จะไม่ส่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทั้ง 13 คน ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางการเมือง หากต้องถูกยุบและกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี พรรคก็จะไม่เสียบุคลากรที่เป็น ส.ส.ไป
**เพื่อไทยตั้งวอร์รูมดึงส.ส.ร่วมรัง
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ช่วงค่ำของวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยา และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้สั่งให้ตั้งวอร์รูมเพื่อประสานงานดึงส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิม และส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินให้กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยเพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง โดยมีรักษาการรัฐมนตรีของอดีตพรรคพลังประชาชนรวมทั้งส.ส. ประมาณ 30 คน ช่วยกันโทรศัพท์ประสานงานให้กลับมาอยู่ร่วมงานกันเผย
นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าพรรคตั้งวอร์รูมประสาน ส.ส.กันอยู่ ส่วนจสำเร็จหรือไม่ ยังตอบยาก เพราะอลหม่าน ฝุ่นตลบไปหมด อีก1-2 วันจึงจะเห็นภาพชัดเจน อีกทั้งขณะนี้แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลก็ไปคนละทิศละทาง แต่โอกาสของพรรคเพื่อไทยก็ยังมี เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านขึ้นเป็นนายกฯ ซึ่งส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิมเขาไม่เห็นด้วย
**”แม้ว-อ้อ” ต่อสายอ้อน “เติ้ง-เนวิน”
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยยังประสานไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ต่อสายไปถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยด้วย เพื่อให้ส.ส.อดีตพรรคชาติไทยกลับมาสนับสนุน พรรคเพื่อไทย จนขณะนี้ทำให้การเช็คยอดล่าสุดของพรรคเพื่อไทย ในช่วงค่ำ สามารถรวบรวมเสียงส.ส.เพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เกินกึ่งหนึ่งแล้ว
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งด้วยว่า ตลอดทั้งวันของวันที่ 7 ธ.ค.นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พยายามโทรศัพท์เจรจาเพื่อขอให้นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน เจรจาดึงส.ส.ในกลุ่มกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม ซึ่งท่าทีของนายเนวินขณะนี้ยังคงแบ่งรับแบ่งสู้
**ส่งทีมล็อบบี้พรรคร่วมแต่ไร้ผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันพรรคเพื่อไทยพยายามประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเพื่อให้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันอีกครั้ง โดยใช้คอนเนกชั่นจากหลายกลุ่ม ภายในพรรคในการประสานงาน อาทิ นายประวัตร อุตโมท อดีต สมาชิกกลุ่ม16 เป็นผู้เจรจากับกลุ่ม16ในพรรคต่างๆ เป็นต้น ซึ่งคำตอบที่ได้จากพรรคร่วมคือ ต้องการรักษาชาติและสถาบันไว้ ทำให้พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์ใหม่ ในหลายๆด้าน
**เดินแผนย้อนร้อนพันธมิตรฯปิดสภาป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมของทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มีการวิเคราะห์กันว่าโอกาสที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมพลิกขั้วกลับมาร่วมกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้งได้หรือไม่ เพราะทหารเข้ามาแทรกแซงให้พรรคร่วมฯ ไปเข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ หากไม่สามารถดึงกลับมาได้ก็จะใช้แผนเดินเกมทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในทุกวิถีทางทั้งบนดินและใต้ดิน หรือเรียกว่า “ย้อนศรสีเหลือง” คือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำอะไรก็จะให้มวลชนของพรรคซึ่งก็คือกลุ่มคนเสื้อแดงทำเช่นนั้นและจะรุนแรงกว่า เพื่อบีบให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยุบสภา นอกจากนี้ยังเตรียมเดินแผนทำลายความชอบธรรมของสถาบันตุลาการ เพื่อเป็นข้ออ้างไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องรับโทษจากการทุจริตในคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคคีของศาล รวมถึงการตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนด้วย
มีรายงานมีความเป็นไปได้ว่าในวันประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี จะมีการนำมวลชนเสื้อสีแดงมาขวางการประชุมหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้กับรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาแล้วเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ในการแถลงนโยบายรัฐบาล
**โวส.ส.อีสาน 102 คนอยู่เพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.45 น. ว่าที่ร.ต.พงษ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส. หนองคาย ตัวแทน ส.ส.ภาคอีสาน พร้อมด้วยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา ตัวแทนส.ส.ภาคกลาง นายวัลลภ สุปริยศิลป์ ส.ส.น่าน ตัวแทนภาคเหนือ และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข ตัวแทนภาคกทม. ร่วมกันแถลงข่าว ถึงความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาล
ว่าที่ร.ต.พงษ์พันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ส.ส.อีสานที่มาสมัครเป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทยมี 102 คน เหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่ระหว่างการประสานงาน คือ จ.มหาสารคาม 1 คน จ.นครพนม 1 คน จ.อำนาจเจริญ 1 คน จ.เลย 1 คน จ.ขอนแก่น 2 คน จ.นครรราชสีมา 2 คน และจ.บุรีรัมย์ 7 คน ทั้งนี้ ยืนยันว่าส.ส.อีสานมีเจตนารมณ์ที่จะขับเคลื่อนให้มีการตั้งรัฐบาลในขั้วรัฐบาลเดิม
นายไพจิต กล่าวว่า เราสำนึกในเจตนารมณ์ของชาวอีสานที่เลือกพวกเรา ฉะนั้นจึงหลอมดวงใจของคนอีสานเพื่อตั้งรัฐบาล แม้หนึ่งปีที่ผ่านมาจะโดนทำลายและยุบพรรคแต่หัวใจของพวกตนยังเข้มข้นยึดมั่นแนวทางการทำงานของรัฐบาลเดิม รวมทั้งสิ่งที่ผู้นำได้สั่งสมไว้ให้ “
**ระบุกลุ่มเนวินเปลี่ยนใจหลังเสื้อแดงล้อม
นายสุรชัย กล่าวว่า ส.ส.อีสานนั้นสุดท้ายแล้วจะมีเพียง 7-8 คนที่ไม่มาอยู่กับพรรคเพื่อไทยโดยเป็นส.ส.นครราชสีมา 1คน ส.ส.สุรินทร์ 1-2 คน และส.ส.บุรีรัมย์บางส่วน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทราบว่า นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน แจ้งมาว่าจะย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพราะโดนมวลชนเสื้อแดงร่วม 300 คนล้อมบ้านพักหลังจากมีข่าวออกไปว่าจะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งนายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี ก็จะมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะมีประชาชนไม่พอใจหลังทราบว่าอาจจะไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ จนมีการบุกไปทำลายสำนักงานส.ส.ของนายเชิดชัย
**ส.ส.กาญจนบุรี-ปราจีนบุรี พปช. ยังไม่ซบเพื่อไทย
ด้านนายวิทยา กล่าวว่า จำนวนส.ส.ภาคกลางตอนนี้ยืนยันร่วมอุดมการณ์กับพรรคเพื่อไทย 99 % เหลือส.ส.เพียง 2 คนที่อยู่ระหว่างการประสานงาน ทั้งนี้ ตนขอบคุณประชาชนที่ไปบอก ส.ส.ในพื้นที่นั้นๆ ว่าให้มาสมัครที่พรรคเพื่อไทยด้วย จนทำให้ตัวเลขส.ส.ในวันนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายสิบคน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ปล้นส.ส.จากพรรคอื่น และคงไม่ไปร่วมอุดมการณ์กับพรรคประชาธิปัตย์
นายสุชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับนายสันทัด จีนาภักดิ์ ส.ส.กาญจนบุรีและนายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี เพื่อให้ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย รวมทั้งเชื่อว่าพรรคจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมนั้น ในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดิน นายมั่น พัธโนทัย ก็จะพาส.ส.เกินครึ่งมาร่วมรัฐบาลด้วย เหลือเพียง 6-7 คนที่อยู่ระหว่างการประสานกัน ที่ตอนนี้ประชาชนสับสนเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไปดึงส.ส.ของพรรคร่วมพรรคละ 2-3 คนมาแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมันยังไม่ใช่มติของพรรคนั้นๆ ในการร่วมรัฐบาลเลย
**เพื่อไทยฟุ้งกวาดส.ส.ได้แล้ว226คน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตัวเลขส.ส. ในสภาตอนนี้คือ 438 คน เสียงกึ่งหนึ่งคือ 219 คน ฝ่ายของพรรคเพื่อไทย มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 226 คน แบ่งเป็นพรรคเพื่อไทย 202 คน ส่วน ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน 32 คนนั้นมีการแจ้งมาว่าจะมาอยู่ที่นี่ 20 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 14 คน พรรคประชาราช 5 คน และพรรคชาติไทย 5 คน ซึ่งยังไม่รวมเสียงของ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและพรรคมัชฌิมาธิปไตย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนเพื่อน ส.ส.ในกลุ่มเพื่อนเนวินอีก 12 คนว่า ขอให้กลับมาที่นี่ เพราะตอนนี้กลุ่มภาคกลางของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม และกลุ่มวาดะห์ ก็มาที่นี่แล้ว ใครที่มีปัญหาอะไรก็มาคุยและปรับความเข้าใจกัน เพราะจะไม่โกรธในสิ่งที่แล้วมา ทุกอย่างแก้ไขได้ เพราะก็เคยทำประโยชน์ให้บ้านเมืองและพรรคมามาก หากการไปร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลโดยเสนอ ให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯนั้นมันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ เพราะนายอภิสิทธิ์ไปภาคอีสานและภาคเหนือไม่ได้ ยกเว้นภาคใต้เท่านั้นเนื่องจากจะโดนขับไล่
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะพรรคร่วมฯ ไม่ย้ายมานั้น จะยุบสภาหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า พรรคจะไปหารือกับบางกลุ่มก่อน แต่ขอย้ำว่าตอนนี้ฝ่ายของเรามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว
**”ศุภชัย”จวกเพื่อไทยมั่วยันหนุนปชป.
ขณะที่นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เตรียมสมัครเป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทยหลังจากถูกมวลชนเสื้อแดงกดดันถึงบ้านว่า ตนไปยื่นตอนไหน แหกตากันชัดๆ เลย ตนรู้ว่ามีคนสร้างสถานการณ์ให้ชาวบ้านไปกกดันตน แต่ตนมีเหตุผลที่จะชี้แจงกับชาวบ้านในการตัดสินใจทางการเมือง ในการมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ พวกตนตัดสินใจอย่างดีแล้ว เพราะปัญหาของประเทศวันนี้ไม่มีทางออกจริงๆ กลุ่มเพื่อนเนวิน 32 คนนั้นขณะนี้อยู่จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับประชาธิปัตย์ 20 คน ส่วนอีก 12 คนนั้นยังไม่ขอเปิดตัว
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยติดต่อให้ย้ายไปร่วมงานกันนั้น ยอมรับว่า มีหลายคน ติดต่อมาจริงแต่ไม่ขอพูดว่ารายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง แต่ตนบอกไปแล้วว่า พวกตนได้ตัดสินใจไปแล้ว
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวเพื่อย้ำจุดยืน ทางการเมือง ว่า ขอให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ในส่วนของ ส.ส.เป็นสมาชิกของกลุ่มจะย้ายเข้าไปสังกัดพรรค ประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต อาจเป็นไปได้ ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ หรืออยู่กับพรรคการเมืองที่ไปจดทะเบียนไว้แล้ว หรือแม้แต่ไปตั้งพรรคการเมืองใหม่
**ชท.ยันยังอยู่กับประชาธิปัตย์
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้แล้วที่ ส.ส. อดีตพรรคชาติไทยเดิมจะเปลี่ยนท่าทีกลับไปสนับสนุน พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากถ้าทำเช่นนั้น จะถือเป็นการผิดคำพูดที่เมื่อค่ำ วันที่ 6 ธ.ค. ทางพรรคฯ ได้ย้ำจุด ยืนในเรื่องดังกล่าว ด้วยการส่งคนระดับแกนนำพรรคฯ คือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ไปร่วมแถลงข่าวสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ฉะนั้นข้อเสนอที่จะให้ พล.ต.สนั่นเป็นนายกฯนั้น สถานการณ์ขณะตนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
นายสมศักดิ์ ยังปฏิเสธข่าวที่ว่าร่วมเดินทางไปกับนายสุเทพ เพื่อเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก่อนหน้าจะมีการแถลงข่าวร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล
**กลุ่มวาดะห์เสียงแตกแยกคนละพรรค
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนและเพื่อนอีก 2 คนในกลุ่มวาดะห์คือ นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา และนายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส ได้มีการหารือกันและได้ข้อสรุปว่า การเปลี่ยนขั้วการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นทางออกคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นอยู่ หากรัฐบาล เป็นการรวมตัวของ 6 พรรคเดิม เชื่อว่าจะทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ จึงมีมติร่วมกันที่จะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี
“หลายฝ่ายทั้งนักธุรกิจและนักวิชาการอยากเห็นการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง และผมก็เชื่อว่าจะทำให้การเมืองเดินหน้าไปได้”
นายอารีเพ็ญ ยืนยันว่า จะไม่ไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคพลังประชาชนไม่สามารถแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ได้ และทำให้ปัญหาลุกลามขยายตัวออกไป
แต่นายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส อดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตอนนี้ขออยู่เฉยๆ ก่อน ยังไม่ไปไหน เพราะยังมีเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันเลือกนายกฯ พวกตนขอดูรายชื่อว่าที่นายกฯก่อนแล้วค่อยตัดสิน
ขณะที่นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา อดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายอารีเพ็ญ และนายนัจมุดดิน อูมา แล้ว โดยตนนั้นจะไปสังกัดพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน เพราะตนเกิดจากพรรคพลังประชาชน เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน แต่นายอารีเพ็ญและนายนัจมุดดินนั้นทราบว่าทั้ง 2 คนขอรอดู สถานการณ์ก่อน