“มาร์ค” แจงเหตุจำเป็นเสนอตัวเป็นนายกฯ ลั่นควบหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เร่งสร้างความเชื่อมั่นภายใน 3 เดือน ไม่สนกระแสวิจารณ์สีเขียวอุ้ม ยันเดินตามทางระบอบ ปชต. ระบุงานนี้ไม่มีเกี้ยเซี้ยอุ้ม “แม้ว” เดินหน้าถอนพาสปอร์ตแดง หรือปล่อยผีบ้านเลขที่ 111
วันนี้ (14 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตนไม่ได้ฟังรายละเอียด แต่คิดว่าวันนี้อย่างน้อยที่สุดพรุ่งนี้จะมีการเลือกตั้งนายกฯ โดยสภา และคงทำให้บ้านเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น อยากให้ ส.ส.ทุกคนคิดถึงอนาคตของบ้านเมืองในการใช้สิทธิ ส่วนตนก็เคารพระบบรัฐสภา ยืนยันว่าไม่มีอะไรหนักใจ เพราะถือว่าได้ทำตามหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาที่เมื่อพรรคเสียงข้างมากประสบปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน และมีหน้าที่เสนอตัวเป็นทางเลือก โดยทำความเข้าใจร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมถึงความตั้งใจที่ต้องการทำให้บ้านเมือง โยเฉพาะการฟื้นความสามัคคี เศรษฐกิจ ส่วนมติของสภาจะเป็นอย่างไร เราก็เคารพกระบวนการนั้น เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาเสนอว่าไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นฝ่ายไหนควรมีอายุบริหารงานแค่ 3 เดือนแล้วยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอายุของรัฐบาลน่าจะอยู่ที่ภารกิจหลัก คือ เรื่องความสามัคคี และเศรษฐกิจ คงเป็นเรื่องยากที่ใครจะพูดล่วงหน้าได้ว่าจะอยู่ได้ภายในกี่เดือนกี่ปี แต่รัฐบาลชุดใหม่มีภารกิจที่กำหนดเฉพาะเอาไว้ ซึ่งอายุของรัฐบาลจะถูกกำหนดโดยการทำงานของรัฐบาลเองมากกว่า
ส่วน 13 ข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้เห็นแล้วแต่ยังไม่ดูรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งหลายข้อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายที่ทุกรัฐบาลทำกันอยู่แล้ว แต่อาจมีบางข้อที่เป็นรายละเอียดนโยบายที่อาจเห็นตรงกันไม่ตรงกันบ้างเป็นธรรมดา สำหรับการเริ่มการเมืองใหม่นั้น ตนย้ำหลายครั้งแล้วว่า เราไม่สามารถมีการเมืองใหม่ได้โดยไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคน จึงต้องหากระบวนการแก้ไขที่เป็นการปฏิรูปการเมืองที่ทุกฝ่ายยอมรับ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลชุดต่อไปที่ควรทำให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนั้นไม่ควรทิ้งค้างไว้ แต่กระบวนการต่างๆ ที่จะทำได้ต้องหารือร่วมกันกับฝ่ายต่างๆ ก่อน ที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นความขัดแย้งเพราะไม่มีความพยายามแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายก่อนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทำไม และยืนยันว่าไม่เคยมีเงื่อนไขต่อรองกับกลุ่มเพื่อนเนวินว่าจะนิรโทษกรรมให้กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ซึ่งตนสอบถามนายเนวินด้วยตัวเองว่าไม่มีเงื่อนไขนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งนายเนวินก็ยืนยันว่าไม่มี ใครที่สงสัยอะไร ตนได้พูดชัดเจนถึงเงื่อนไขกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สังคมมองพรรคประชาธิปัตย์สองทาง ส่วนหนึ่งมองว่าที่ตั้งรัฐบาลเพราะอยากเป็นรัฐบาลและอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าต้องการแก้ปัญหาชาติจะให้ความมั่นใจแก่ประชาชนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาให้ชาติได้ก็ไม่เป็นผลดีต่อพรรคและตนอยู่แล้ว
“วันนี้ผมขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของความอยาก ถ้าถามกันจริงๆ ให้นักการเมืองทั่วไปเลือกได้ว่าอยากเข้าไปเป็นรัฐบาลในสถานการณ์แบบนี้หรือไม่ ผมคิดว่าหลายคนมีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปมีอำนาจรัฐในวันที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่หนักหนาสาหัสอย่างนี้มากกว่า เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ สำหรับผมไม่มีเรื่องความอยาก ทั้งหมดเป็นการปฏิบัติหน้าที่บนความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรคการเมืองลำดับสองในสภา ซึ่งผมไม่มีความกังวลต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ทั้งสิ้น ขอให้พรุ่งนี้กระบวนการรัฐสภาเดินหน้าไปหาความชัดเจนให้แก่บ้านเมือง ถือว่าผมทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสต่อต้านของกลุ่มเสื้อแดงว่าจะทำให้สถานการณ์วนเวียนอยู่บนความขัดแย้งเดิมๆ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าวันนี้ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็จะมีคนที่ไม่สนับสนุนหรือต่อต้าน แม้แต่ทุกพรรคการเมืองจะจับมือกันเป็นรัฐบาลก็จะมีคนในสังคมจำนวนไม่น้อยต่อต้านความคิดนี้ ตนจึงไม่ปฏิเสธความจริงในเรี่องนี้ และเป็นสิ่งที่ตนเคยพูดว่าถ้ามีโอกาสทำงานให้บ้านเมืองตนต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นว่า คนเป็นรัฐบาลเป็นคนที่ทำงานให้กับทุกคนไม่ว่าจะสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ และที่สำคัญต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตนเชื่อว่าถ้ารัฐบาลชุดใหม่มีความมุ่งมั่นมีความไว้วางใจและมีความจริงใจ ก็จะค่อยๆ ลดปัญหาเงื่อนไขความขัดแย้งในสังคมได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า หากได้รับโอกาสให้เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีความพร้อมทำงานทันทีเพราะได้เกาะติดปัญหาของสถานการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจมาโดยตลอด และเคยให้ความเห็นไว้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะต้องมีคำตอบชัดเจนเรื่องเศรษฐกิจ อาเซียน การต่างประเทศ หรือการศึกษาอย่างไร ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีถ้าผู้นำรัฐบาลจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองได้ เพราะเงื่อนไขของรัฐบาลผสมอาจทำให้หลายคนเกิดความกังวลใจ ในเรื่องความเป็นเอกภาพในเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไม่อยู่แค่เฉพาะกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น แต่รวมไปถึงเรื่องพลังงาน แรงงาน การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตนจึงขอยืนยันว่าหัวหน้ารัฐบาลชุดใหม่ควรเป็นผู้นำทีมเศรษฐกิจเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การรวบรวมหลายกลุ่มเข้ามาจะดูแลเรื่องเสถียรภาพอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับเพื่อน ส.ส.ในพรรคและพรรคร่วมแล้ว เราตระหนักถึงสถานการณ์ว่า ปัญหาของบ้านเมืองหนักหน่วงอย่างไร ต้องการแก้ไขปัญหาด้วยการทุ่มเทอย่างไร
เมื่อถามว่าจะตกเป็นเบี้ยล่างของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อนเนวิน และพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นเบี้ยล่างของคนไทยทั้งประเทศ ไม่เป็นเบี้ยล่างของใคร ตนคิดว่าคนที่เป็นนายกฯต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ทุกกลุ่ม ทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็น แต่ถ้าผู้นำประเทศเห็นด้วยกับข้อเสนอต่างๆ บนความบริสุทธิ์ใจ และตั้งใจทำงานพร้อมที่จะรับผิดชอบ เชื่อว่าจะอยู่ในฐานะที่รับมือได้ จากความเห็นหลากหลายของกลุ่มต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามแย้งว่า แต่เมื่อถึงเวลาที่มีอำนาจ การรักษาอำนาจกับการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนจะเลือกยากมากขึ้นจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าการยึดมั่นผลประโยชน์ของประชาชน คือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดของผู้ที่มีอำนาจ และถ้าตัดสินใจเป็นอย่างอื่นอาจประสบความสำเร็จแค่ชั่วครู่ชั่วยาม แต่สุดท้ายแล้วจะหนักหนาสาหัส ตนเป็นคนสบายใจกับกระบวนการทุกอย่างเพราะอยู่ในการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยมา 16 ปี ซึ่งตนมั่นใจว่าจะบริหารงานโดยไม่มีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะสิ่งที่ทำมาช่วง 2-3 ปีนี้เปลี่ยนแนวทางการทำงานของฝ่ายค้านระดับหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ระบบ ครม.เงาเพื่อติดตามประเด็นปัญหาต่างๆ ทำให้มีกรอบความคิดค่อนข้างชัดว่าปัญหาแต่ละอย่างควรจะทำอย่างไร จึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสวิจารณ์ว่าการขึ้นเป็นนายกฯ ครั้งนี้ไม่สง่างามเพราะมีสีเขียวอุ้ม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนห้ามเสียงวิจารณ์ไม่ได้ แต่ให้ความมั่นใจได้ว่าถ้าได้รับโอกาสจากเสียงส่วนใหญ่ในสภา ตนคือคนที่จะต้องทำงานให้แก่คนทั้งประเทศ และต้องให้เกียรติ ส.ส.ที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนที่จะลงคะแนนในวันพรุ่งนี้คือคนที่ตัดสินใจ และที่สำคัญเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วเราทำงานให้กับใคร ก็จะทำให้รัฐบาลเป็นของคนนั้น ตอนนี้ไม่ว่าใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ได้แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การกระทำ ตนเติบโตมาตามวิถีทางประชาธิปไตยโดยตลอด ไม่มีทางลัดอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่เดินเข้ามาแล้วตั้งพรรคการเมืองเป็นของตนเองได้ แต่เข้ามาในฐานะ ส.ส.คนหนึ่ง และได้รับโอกาสจากเพื่อนสมาชิกของพรรคที่มีทั่วประเทศ สั่งสมอะไรหลายอย่างมาเป็นหลายสิบปีจนมานั่งตรงนี้
“ผมมั่นใจว่าหากพรรคได้รับโอกาสให้บริหารประเทศจะเรียกความเชื่อมั่นให้ได้กลับมาโดยเร็วที่สุด คือในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ภายใน 2-3 เดือน ความเชื่อมั่นต้องชัดเจน ส่วนประเด็นรายละเอียดปลีกย่อยว่าแต่ละโครงการจะสำเร็จเมื่อไหร่คงต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคในคดีความต่างๆ หากได้เป็นรัฐบาลว่า ทุกอย่างต้องว่าไปตามเนื้อผ้า เป็นไปตามระเบียบ เช่น กรณีถอนพาสปอร์ตแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องทำอย่างโปร่งใส เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีการเปิดเผยและอธิบายว่าระเบียบหรือข้อเสนอต่างๆ อยู่บนหลักเกณฑ์อะไร ตนยืนยันว่าจะไม่มีการเกี้ยเซี้ยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เด็ดขาด ผิดคือผิด ไม่ผิดก็คือไม่ผิด รวมถึงการดำเนินคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ และทุกฝ่าย อีกทั้งจะตรวจสอบความไม่โปร่งใสกรณีรถเมล์ 4 พันคัน และฝายแม้วด้วย หากโครงการมีปัญหาก็ต้องหยุดแต่ถ้าถูกต้องก็เดินหน้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เกี่ยวกับรัฐบาลเพื่อชาติ ให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเชิญพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลด้วย คิดอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยคุยกับนายเสนาะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนถ้า พล.ต.อ.ประชาได้รับเลือกเป็นนายกฯ ก็ขอให้ถึงตรงนั้นก่อนแล้วค่อยมาคิดว่าจะทำอย่างไร