หน.ปชป.ยอมรับยังไม่มีอะไรแน่นอน จนกว่าโหวตนายกฯ เสร็จสิ้น พร้อมรับคำตำหนิเหตุดึงกลุ่มเนวินเข้าร่วม “สุเทพ” วิตก “แม้ว” โฟนอินดึง ส.ส.กลับเข้าคอก แต่ยังเชื่อขั้วไม่เปลี่ยน ชี้ “ป๋าเหนาะ” กู่ไม่กลับ เชิญร่วมรัฐบาลยาก
วันนี้ (11 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามเสนอการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้ความเห็นในแนวทางต่างๆ ซึ่งเป็นธรรมดาในทางการเมือง แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังไม่มีอะไรแน่นอนจนกว่าจะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ขอบคุณที่กลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ ที่พูดคุยกันไว้ได้ยืนยันเจตนาที่จะทำงานร่วมกัน เมื่อถามว่านายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่าจะยังเดินหน้าเรื่องการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายเสนาะมีสิทธิ์เสนอความคิดเห็น และตนเชื่อว่าทุกพรรคจะรับฟังแล้วไตร่ตรอง
เมื่อถามว่ายังมีความพยายามใช้เงินซื้อตัวหรือล็อบบี้ ส.ส. หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราหวังว่าจะไม่มีการทำเช่นนั้น เพราะข่าวเช่นนี้ไม่ช่วยให้ภาพการเมืองดีขึ้น แต่จะยิ่งซ้ำเติมภาพของการเมือง ตนขอให้ทุกคนยึดประโยชน์ส่วนรวมเอาไว้ ทั้งนี้ ตนอยากให้ทุกคนมีความหนักแน่นและยึดถือความถูกต้อง ถ้าตัดสินใจแล้วว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำและจะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งตนเชื่อว่ากลุ่มและพรรคการเมืองที่ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์มีความหนักแน่น แม้จะมีความเคลื่อนไหวและกระแสกดดันต่างๆอยู่ตลอดเวลา แต่จะเห็นได้ชัดว่าเราคุยกันไว้อย่างไร เขาก็ยืนยันเจตนารมณ์กันตลอด ซึ่งเรื่องความเคลื่อนไหวก็มีให้เราเห็นอยู่ตลอด โดยฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็แถลงยืนยันว่าจะจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามต่อว่าพรรคเพื่อไทยดูเหมือนไม่มีจุดยืน เพราะเปลี่ยนไปสนับสนุนข้อเสนอของนายเสนาะ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคเพื่อไทย วันนี้ตนไม่ทะเลาะกับใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลต่อกระแสต่อต้านที่มีค่อนข้างมากจากการที่พรรคประชาธิปัตย์ไปพูดคุยกับกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายคนที่มีความไม่สบายใจหรือวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิตน ตนก็น้อมรับและเข้าใจความรู้สึกและความคิดเห็นของทุกคน แต่สิ่งที่ตนได้คุยกับนายเนวินและกลุ่มเพื่อนเนวินเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทิศทางของอนาคตของประเทศล้วนๆ และพูดกันชัดเจนว่าไม่มีเรื่องอื่น วันนี้ต้องยอมรับสถานการณ์ของบ้านเมืองไม่ปกติ เพราะฉะนั้น เราต้องมาหาทางออก ที่จริงนายเนวินก็บอกว่าถ้าตนไปพบเขาก็คงจะมีเสียงต่อต้านอย่างนี้ แต่ตนคิดว่าในเมื่อกลุ่มเพื่อนเนวินตัดสินใจมาทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์แล้วเงื่อนไขต่างๆ ที่เราพูดกันเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนรวมโดยไม่มีประโยชน์อื่นเข้ามา ตนคิดว่าเมื่อเขาตัดสินในมาร่วมงานและเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันที่สูงมาก ตนก็ควรจะไปพบเขาและคุยกันให้ตรงไปตรงมาดีกว่า ทั้งที่นายเนวินก็บอกว่าให้ตนอยู่เฉยๆ เพื่อรักษาภาพก็ได้
“ใครเข้ามาเป็นรัฐบาลในภาวะอย่างนี้เหนื่อยแน่นอน และโอกาสที่จะกำไรทางการเมืองนั้นมีน้อย แต่วันนี้ต้องมาช่วยกันแก้ปัญหา ใครทำอะไรได้ก็ต้องทำ ผมก็ยังถูกถามอยู่เลยว่าอายุ 44 ปี เอาตัวเองมาเสี่ยงทำไม คนที่เป็นอาสาสมัครเข้ามาทำงานการเมืองจะเลือกตามใจชอบไม่ได้ เรามีหน้าที่ความรับผิดชอบ ถ้าผมประสบความสำเร็จหรือไม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องยอมรับตามกระบวนการ แต่ถ้าได้รับโอกาสให้เป็นรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถ้าทำดีแล้วแต่ผลในทางการเมือง ก็ต้องยอมรับ มันมีเท่านี้สำหรับนักการเมือง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่าตอนนี้เริ่มมีกระแสต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์ เช่น มีการมีขึ้นป้ายที่มีข้อความว่าเขตปลอดพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.อุดรธานี ถ้านายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ จะไปทำงานได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องมีการติดตามสถานการณ์ต่างๆ ต่อไป แต่รัฐบาลที่รักษาการอยู่ก็มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ไม่ว่าใครที่เป็นรัฐบาลต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลที่ใส่ใจคนทั้งประเทศและเข้าใจปัญหาแล้วพยายามยื่นมือเข้าไปแก้ไขปัญหาของทุกคน แม้กระทั่งคนที่แสดงตัวว่าไม่เป็นมิตรกับเรา เพื่อหาทางทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ที่จริงแล้ว ปัญหาของประชาชนในแต่ละภาคไม่ได้แตกต่างกันมาก เช่น ชาวอีสานและชาวใต้ก็มีปัญหาราคายางพาราตกต่ำเหมือนกัน แต่ปัญหาของคนยากจนและปัญหาของเกษตรกรมีหลักคิดและวิธีการในการแก้ปัญหาไม่ต่างกันแต่ต้องปฏิบัติให้ครอบคลุมทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่ากังวลต่อการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์สายตรงจากต่างประเทศเข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ อาจทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมืองหรือมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของ ส.ส.เป็นรายบุคล หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้โทรศัพท์ไปหาตัว ส.ส.อยู่แล้ว การโทรศัพท์เข้ารายการดังกล่าวก็เป็นการโทรศัพท์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ประชาชนได้คิดว่าวันนี้เราต้องการความสงบหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ลาสิกขาจากภิกษุสงฆ์แล้วและพร้อมจะเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลชุดใหม่ พรรคประชาธิปัตย์จะไปขอคำแนะนำหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะใครเป็นนายกฯ ควรเดินสายพบปะผู้ใหญ่ในทุกวงการ ไม่ใช่เฉพาะแวดวงการเมือง เพื่อระดมทุกภาคส่วนจริงๆ เข้ามาแล้วรวมพลังให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า
เมื่อถามว่าจะมีการหารือกับพรรคร่วมอีกครั้งหรือไม่ หลังจากลงมติเลือกนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เป็นผู้ประสานอยู่ตลอด ถ้าคิดว่ามีความจำเป็นที่ต้องพูดคุยกัน ก็ไม่มีปัญหา
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล 4 พรรค ไม่เดินทางไปร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า นายเสนาะได้พูดยอมรับแล้วว่าการตั้งรัฐบาลแห่งชาติจบแล้ว ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่าโดยอารมณ์และความคิดของคนส่วนใหญ่เขาไม่อยากแข่งขันด้วย ส่วนการจะเชิญนายเสนาะมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ดูท่าทางแล้วคงจะเป็นเรื่องยาก เพราะนายเสนาะไปไกล นอกจากนี้ ตนคงต้องไปถามพรรคร่วมว่าคิดเห็นอย่างไร เพราะเรามากันไกลเป็นปึกแผ่นมั่นคงพอสมควร ต่อไปนี้ทำอะไรก็ต้องปรึกษาหารือกัน
“ผมมั่นใจว่าตั้งรัฐบาลได้แน่นอน เพราะคนที่มาร่วมกัน ทุกคนเล็งเห็นเหมือนกันหมดว่านี่เป็นทางออกเดียวสำหรับบ้านเมืองในขณะนี้ ทุกคนเสียสละไม่ได้คิดถึงเรื่องตัวเอง เรื่องตำแหน่ง เรื่องกระทรวงอะไรทั้งสิ้น คิดแต่ว่าเราต้องช่วยกันตั้งรัฐบาลให้ได้ ความที่ทุกคนมุ่งมั่นว่าต้องช่วยกันตั้งรัฐบาล สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้นั้น เลยเป็นแรงฮึดให้ผมมั่นใจได้ว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ต่อการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์สายตรงจากต่างประเทศเข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการโหวตเลือกนายกฯ นายสุเทพ กล่าวว่า มีความกังวลอยู่บ้าง สำหรับคนที่ทำงาน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณมีฤทธิ์เดชมาก แต่เราก็ต้องสู้ ซึ่งตนคิดว่ามีคนไทยจำนวนมากที่เอาใจช่วยพวกเราอยู่ วันนี้ให้สู้แม้กังวลก็มั่นใจว่าต้องทำให้ชนะให้ได้ ทั้งนี้ ตนค่อนข้างจะมั่นใจว่าก่อนที่จะถึงวันลงมติเลือกนายกฯ คงจะไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้พลิกขั้วได้
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ลาสิกขาออกมา และบุว่าพร้อมที่เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลชุดใหม่ พรรคประชาธิปัตย์จะเชิญมาร่วมงานด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ได้ไปเชิญ พล.อ.ชวลิตมาร่วมงานด้วย แต่มีอะไรที่ตนจะปรึกษาได้ ตนก็ยินดี เพราะตนก็นับถือ พล.อ.ชวลิต ยังอนุโมทนาให้ตอนที่บวชอยู่เลย