ASTVผู้จัดการรายวัน - โปรดเกล้าฯเปิดสภาสมัยวิสามัญแล้ว "ชัย" นัดโหวตนายกฯ วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.นี้ ประชาธิปัตย์เตรียมเรียกประชุมส.ส.ก่อนโหวต แฉฝ่ายตรงข้ามใช้วิชามารสารพัด ทั้งซื้อ เอาเก้าอี้รัฐมนตรีล่อ ข่มขู่ คุกคาม หนักข้อบุก ปชป.ให้ลาประชุมหรืองดออกเสียง "อภิสิทธิ์" ยอมรับสถานการณ์ยังไม่แน่นอนจนกว่าจะโหวตเสร็จ "เหลิม"โวขั้ว"พลังแม้ว" ชนะเฉียดฉิว พร้อมส่งลิ่วล้อไปร้องกกต.เอาผิด เรื่อง"อภิสิทธิ์-เนวิน" กอดกัน ล่าสุด ปชป. ยกเก้าอี้ รมว.แรงงาน ดึงเสนาะเข้าร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (11ธ.ค.) ได้มีสำเนาประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2551 (พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดุลยเดช ปร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ประธานรัฐสภาได้นำความกราบบังคมทูลว่า เนื่องจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ว่างลง และสภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน ประกอบกับได้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เข้าชื่อร้องขอให้ประกาศเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 128 และมาตรา 129 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงมีพระบรมราชโองการให้เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.51 ประกาศ ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา
**"ชัย"นัดส.ส.เลือกนายกฯ15 ธ.ค.
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าตนได้ออกระเบียบวาระการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดให้เลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 15 ธ.ค. เวลา 09.30 น.
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ทางรัฐสภาได้เตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ที่อาจจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงพร้อมแล้ว โดยได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มาดูแลความปลอดภัย แต่ทั้งนี้เชื่อว่าในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี คงไม่มีปัญหาอะไร
**"อภิสิทธิ์"ยอมรับไม่มีอะไรแน่นอน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้ความเห็นในแนวทางต่างๆ ซึ่งเป็นธรรมดาในทางการเมือง
ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังไม่มีอะไรแน่นอนจนกว่าจะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ขอบคุณที่กลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองต่างๆที่พูดคุยกันไว้ ได้ยืนยันเจตนาที่จะทำงานร่วมกัน
ส่วนที่มีข่าวว่ายังมีความพยายามใช้เงินซื้อตัว หรือล็อบบี้ส.ส.ให้กลับไปนั้น เราหวังว่าจะไม่มีการทำเช่นนั้น เพราะข่าวเช่นนี้ไม่ช่วยให้ภาพการเมืองดีขึ้น แต่จะยิ่งซ้ำเติมให้แย่ลง จึงขอให้ทุกคนมีความหนักแน่น และยึดถือความถูกต้อง ถ้าตัดสินใจแล้วว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำ และจะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งตนเชื่อว่ากลุ่มและพรรคการเมืองที่ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ มีความหนักแน่น แม้จะมีความเคลื่อนไหว และกระแสกดดันต่างๆ อยู่ตลอดเวลาก็ตาม
**ยอมรับมีกระแสต้านเนวิน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลต่อกระแสต่อต้านที่มีค่อนข้างมาก จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ไปพูดคุยกับกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายคนที่มีความไม่สบายใจหรือวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิตน ตนก็น้อมรับและเข้าใจความรู้สึก และความคิดเห็นของทุกคน แต่สิ่งที่ตนได้คุยกับนายเนวิน และกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทิศทางของอนาคตของประเทศล้วนๆ ไม่มีเรื่องอื่น วันนี้ต้องยอมรับสถานการณ์ของบ้านเมืองไม่ปกติ เพราะฉะนั้น เราต้องมาหาทางออก เงื่อนไขต่างๆ ที่เราพูดกันก็เป็นเรื่องประโยชน์ส่วนรวม โดยไม่มีประโยชน์อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนคิดว่าเมื่อเขาตัดสินในมาร่วมงาน และเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันที่สูงมาก ตนก็ควรจะไปพบเขา และคุยกันให้ตรงไปตรงมาดีกว่า ทั้งที่นายเนวิน ก็บอกว่าให้ตนอยู่เฉยๆ เพื่อรักษาภาพก็ได้
" ผมก็ยังถูกถามอยู่เลยว่า อายุ 44 ปี เอาตัวเองมาเสี่ยงทำไม คนที่เป็นอาสาสมัครเข้ามาทำงานการเมืองจะเลือกตามใจชอบไม่ได้ เรามีหน้าที่ความรับผิดชอบ ถ้าผมประสบความสำเร็จ หรือไม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องยอมรับตามกระบวนการ แต่ถ้าได้รับโอกาสให้เป็นรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถ้าทำดีแล้วแต่ผลในทางการเมือง ก็ต้องยอมรับ มันมีเท่านี้สำหรับนักการเมือง" นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลต่อการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะโทรศัพท์สายตรงจากต่างประเทศเข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ อาจทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมืองหรือมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของส.ส.เป็นรายบุคล หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้โทรศัพท์ไปหาตัวส.ส.อยู่แล้ว การโทรศัพท์เข้ารายการดังกล่าวก็เป็นการโทรศัพท์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ประชาชนได้คิดว่า วันนี้เราต้องการความสงบหรือไม่
**เชื่อส.ส.ไม่รับรัฐบาลเพื่อชาติ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล 4 พรรค ไม่เดินทางไปร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของนายเสนาะ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า โดยอารมณ์และความคิดของคนส่วนใหญ่ เขาไม่เอาด้วยกับนายเสนาะ
ส่วนการจะเชิญนายเสนาะ มาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ดูท่าทางแล้วคงจะเป็นเรื่องยาก เพราะนายเสนาะไปไกล นอกจากนี้ ตนคงต้องไปถามพรรคร่วมว่า คิดเห็นอย่างไร เพราะเรามากันไกล เป็นปึกแผ่นมั่นคงพอสมควร ต่อไปนี้ทำอะไรก็ต้องปรึกษาหารือกัน
" ผมมั่นใจว่าตั้งรัฐบาลได้แน่นอน เพราะคนที่มาร่วมกัน ทุกคนเล็งเห็นเหมือนกันหมดว่านี่เป็นทางออกเดียวสำหรับบ้านเมืองในขณะนี้ ทุกคนเสียสละไม่ได้คิดถึงเรื่องตัวเอง เรื่องตำแหน่ง เรื่องกระทรวงอะไรทั้งสิ้น คิดแต่ว่าเราต้องช่วยกันตั้งรัฐบาลให้ได้ ความที่ทุกคนมุ่งมั่นว่าต้องช่วยกันตั้งรัฐบาล สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้นั้น เลยเป็นแรงฮึดให้ผมมั่นใจได้ว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง" นายสุเทพกล่าว
**พร้อมสู้แม้วโฟนอิน
นายสุเทพ ยังกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จะโทรศัพท์สายตรงจากต่างประเทศ เข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่นั้น เราก็มีความกังวลอยู่บ้าง สำหรับคนที่ทำงาน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ มีฤทธิ์เดชมาก แต่เราก็ต้องสู้ ซึ่งตนคิดว่ามีคนไทยจำนวนมากที่เอาใจช่วยพวกเราอยู่ วันนี้ให้สู้แม้กังวลก็มั่นใจว่า ต้องทำให้ชนะให้ได้ ทั้งนี้ ตนค่อนข้างจะมั่นใจว่า ก่อนที่จะถึงวันลงมติเลือกนายกฯ คงจะไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้พลิกขั้วได้
เมื่อถามว่าพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ลาสิกขาออกมา และบุว่า พร้อมที่เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลชุดใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ จะเชิญมาร่วมงานด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ได้ไปเชิญ พล.อ.ชวลิต มาร่วมงานด้วย แต่มีอะไรที่ตนจะปรึกษาได้ ตนก็ยินดี เพราะตนก็นับถือพล.อ.ชวลิต ยังอนุโมทนาให้ตอนที่บวชอยู่เลย
**เตือนเสื้อแดงเลิกคิดล้อมสภา
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาขู่ว่าจะปิดล้อมหน้าสภาฯ ในวันที่โหวตเลือกนายกฯว่า อย่าทำเลย ไม่มีประโยชน์อะไร เราต้องอยู่กันด้วยเหตุผล ถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้องถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากัน แต่ขณะนี้เรากำลังจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาประเทศ จึงไม่มีเหตุผลที่จะมาขัดขว้างกัน ส่วนถ้าเกิดความรุนแรง ก็ต้องอยู่ที่ประธานสภาฯ พิจารณาว่าจะเลื่อนประชุมหรือไม่
ส่วนในวันโหวตเลือกนายกฯ อาจมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ ทำให้โหวตไม่ได้ นายสุเทพกล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเรามี 260 เสียง ถ้าเราไปกันทั้งหมด องค์ประชุมก็จะครบ ส่วนใครจะไม่เข้า ก็ไม่เป็นไร
สำหรับโครงสร้างคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า เบื้องตนตนได้บอกให้อดีตพรรคร่วม และกลุ่มเพื่อนเนวิน ไปคิดเรื่องตัวบุคคลที่จะมาร่วม ครม.ให้ดี โดยจะต้องเป็นบุคคลที่ประชาชนเชื่อถือ ภาพลักษณ์ดี และสามารถทำงานได้ เพราะเป้าหมายการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ เพื่อรับรองความต้องการของประชาชนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม คงต้องดูความชัดเจนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน และหลังจากนั้นก็คงได้พูดคุยรายละเอียดของเรื่องนี้อีกที
**เรียกประชุมส.ส.ก่อนโหวตนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้มีคำสั่งเรียกประชุม ส.ส.ทั้งหมดในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.เพื่อประชุมซักซ้อมและทำความเข้าใจวาระการโหวตเลือกนายกฯ เพื่อความไม่ประมาท เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ มีการแย่งชิงการจัดตั้งรัฐบาลกันอย่างรุนแรง พรรคการเมืองบางพรรคได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้พรรคของตนเองได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากจะทุ่มเงินเพื่อซื้อตัว ส.ส.และใช้โควตา ส.ส.5 ต่อ 1 แลกกับเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งวิธีการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการรูกันภายในกลุ่ม ส.ส.เดิมของตนเองแล้ว ยังมีการใช้วิชามารลุกลามมาถึง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อีกด้วย โดยมีความพยายามที่จะมาล็อบบี้ให้ ส.ส.ของพรรคลาประชุมในวันโหวตเลือกนายกฯ หรือป่วยเข้าโรงพยาบาล แม้กระทั้ง การยื่นข้อเสนอให้ ส.ส.ของพรรคเข้าร่วมประชุมแล้วงดออกเสียง
**"เพื่อแผ่นดิน" อ้างยังไม่จับขั้วกับใคร
นางมุกดา พงษ์สมบัติ ที่ปรึกษารักษาการรมว.อุตสาหกรรม สมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมอาการป่วยของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ว่า พล.ต.อ.ประชา ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ และเป็นการป่วยจริง ไม่ใช่ป่วยการเมือง ซึ่ง แพทย์ต้องการให้พักผ่อนมากๆ จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะออกจากโรงพยาบาลภายในวันนี้ (11 ธ.ค.) หรือไม่
สำหรับการประสานงานจับขั้วรัฐบาลนั้น นางมุกดา กล่าวว่า ขณะนี้หากมีการติดขัด ต้องถือเป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะหัวหน้าพรรคป่วยจริงๆ ส่วนจะส่งใครเป็นผู้เจรจาแทน คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค
ด้านนพ.วัลลภ กล่าวว่าพรรคยังไม่มีมติว่าจะจับขั้วตั้งรัฐบาลกับฝ่ายใด และเห็นว่าส.ส.ควรใช้เอกสิทธิ์ของตัวเอง เพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการทางการเมือง และจากนี้ไปจะเห็นความเข้มข้นของการเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันโหวตเลือกนายกฯ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเอกภาพของประเทศ มีความสำคัญกว่าเอกภาพของพรรค
ต่อข้อถามที่ว่า กังวลถึงแรงกดดันจากขั้วการเมืองต่างๆ มากน้อยเพียงใด นพ.วัลลภ กล่าวว่า อย่าไปยอมกับการกดดัน เพราะหากยิ่งกดดันมากเท่าใด จะมีแรงสะท้อนกลับมามากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อาการป่วยของ พล.ต.อ.ประชา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพักฟื้น 1-2 วัน แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการประสานงานทางการเมือง เพราะยังคงสามารถติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์ได้
**"เสธ.หนั่น" เชื่อประชาไม่รับนายกฯ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตแกนนำพรรคชาติไทย กล่าวยืนยันว่า 4 พรรคร่วมฯยังจับมือกันเหนียวแน่น จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็คงต้องติดตามกันต่อไป
ส่วนกรณีพรรคเพื่อแผ่นดินยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าจะเข้าร่วมกับประชาธิปัตย์นั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เราได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แล้ว ท่านยืนยันว่าจะไม่เป็นนายกฯ และการที่พรรรคร่วมฯ จับมือกันแล้วจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นมันก็คงยาก เรื่องนี้คงไม่น่าเป็นห่วงอะไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภายหลังที่มีการแต่งตั้งนายกฯ เสร็จสิ้น สถานการณ์การเมืองน่าจะดีขึ้น และปีใหม่นี้คนไทยน่าจะร้องเพลงปีใหม่ร่วมกันด้วยดี
ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงเรื่องม็อบเสื้อแดงเตรียมบุกยึดสภาฯจนทำให้รักษาการนายกฯ อาจประกาศยุบสภาฯหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่มีความกังวลว่ารักษาการนายกฯ จะยุบสภาฯได้ เพราะตอนนี้แม้แต่การโยกย้ายข้าราชการ การอนุมัติเรื่องสำคัญๆ ยังไม่สามารถทำได้เลย แล้วจะยุบสภาฯได้อย่างไร
**"เจ๊เป้า"รับลูกพรรคไม่เป็นเอกภาพ
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวถึงกระแสข่าวการดึงตัว ส.ส.มัชฌิมาธิปไตยเดิมไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นว่า ขณะนี้ทุกอย่างยังไม่แน่นอน ต้องจับตาทุกชั่วโมง เพราะสถานการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนถึงวันสุดท้ายก่อนโหวตเลือกนายกฯ ส่วนการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ นางอนงค์วรรณกล่าวว่า แม้ส่วนตัวต้องการเห็นความชัดเจนของส.ส. แต่ส.ส.บางคนอาจจำเป็นต้องแสดงออกอย่างอื่น โดยเฉพาะบางคนที่ใจกับพฤติกรรมสวนทางกัน พลิกไปมาตามกระแส ดังนั้นตนจึงเห็นว่าต้องให้เวลากลุ่มส.ส. ของพรรคได้หารือ และพูดคุยตกลงกันเองว่าจะดำเนินไปทิศทางใด อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มของเราก็มีพรรคภูมิใจไทยรองรับอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องตัดสินใจ ดังนั้นในวันนี้จึงคงไม่มีส.ส. คนใดให้คำตอบที่ชัดเจนได้ เพราะต้องทิ้งช่วงให้คิดและตัดสินใจ
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวิน จะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยไม่เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย นางอนงค์วรรณ กล่าวว่าไม่ทราบเรื่อง แต่ไม่เคยมีการติดต่อขอเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยจาก ส.ส. กลุ่มดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น มีเพียงมาขอใบสมัครจากเจ้าหน้าที่ไปเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการสมัครเข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความเคลื่อนไหวของ ส.ส. พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม หลังนายเกียติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี ย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้เหลือ ส.ส.ในสังกัด อีก10 คน มีรายงานว่ามีความพยายามดึงตัวจากพรรคการเมืองอื่นๆ เช่น จากพรรคประชาราช ที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรค โทรศัพท์สายตรง ถึงตัวส.ส. ของมัชฌิมาฯ โดยยื่นข้อเสนอต่างๆ ซึ่งบางส่วนก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม แต่มีบางส่วนยังไม่ได้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงว่า ยังมี ส.ส. อีก 3 คน คือ นายอารยะ ชุมดวง ส.ส. สุโขทัย นางกรรณิการ์ เจริญพันธุ์ ส.ส.สุรินทร์ และนายสมนึก เฮงวาณิชย์ ส.ส.บุรีรัมย์ ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคใด เพราะนอกจากพรรคประชาราชที่ติดต่อมาแล้ว ยังมีนางเยาวภา วงสวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ติดต่อทั้ง 3 คนผ่านนายสมนึก ให้เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย และมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้ง 3 คนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย
ด้านนายสมนึก เฮงวาณิชย์ กล่าวยอมรับว่า มีพรรคการเมืองอื่นทาบทามเข้าร่วมสังกัด แต่ขณะนี้ส.ส. ของพรรคมัชฌิมาฯเดิมในกลุ่ม ซึ่งมีมากกว่า 3 คน อยู่ระหว่างหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะร่วมสังกัดพรรคการเมืองใด โดยยังไม่ได้ตัดสินใจ และยังไม่ตัดตัวเลือกเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ส.ส. ของพรรคมัชฌิมาฯเดิมได้เขียนใบสมัคร สังกัดพรรคภูมิใจไทยแล้ว 7 คน ประกอบด้วย นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ ส.ส.นครสวรรค์ พ.ญ.อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส. ศรีสะเกษ นายมานิตย์ นพอมรวดี ส.ส.ราชบุรี นายมาโนช เฮงยศมาก นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส. สุรินทร์ และนายณัฐวุฒิ สุขเกษม ส.ส.บุรีรัมย์
**"เหลิม"เรียกเพื่อนกลับจนคอแห้ง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.สาธารณสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพยายามของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลว่า มั่นใจมีเสียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลแน่ แต่คะแนนจะเบียดกัน สู่สีกับพรรคที่จะตั้งรัฐบาลแข่ง
อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ ส.ส.ที่ยังไม่กลับให้รีบกลับมา เพราะหากเราเป็นรัฐบาลแล้วมีคะแนนเสียงสูสีก็จะอยู่ลำบาก อยู่ไม่นาน เป็นปัญหาเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล
เมื่อถามถึง 4 พรรคร่วมฯปฎิเสธ ที่จะไปร่วมรับประทานอาหารตามคำเชิญของนายเสนาะ เทียนทอง เพื่อหารือจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ทางพรรคเพื่อไทยจะยุติแนวคิดนี้ หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะเรื่องการโหวตเลือกตั้ง และการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติเป็นเรื่องของส.ส.
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถจะบอกได้ไหมว่าจะเสนอใครเป็นนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ของดีต้องมาทีหลัง ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทุกตำแหน่ง ตอนนี้บอกได้เพียงว่าพรรคเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลได้แน่นอน ซึ่งเสียงอาจจะเบียดกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่คะแนนเรามากกว่า
**คุยชื่อแม้วยังขายได้
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าหลังการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะสามารดึงส.ส.กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ส่วนประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะหยิบยกมาโฟนอิน ก็ไม่ทราบว่าจะนำเรื่องอะไรมาพูด แต่มั่นใจว่า ชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตนนำมาใช้หาเสียงตั้งแต่พรรคพลังประชาชน ยังสามารถขายได้ เพราะคนยังรักและศรัทธา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เหมือนกับคนใต้ ที่ศรัทธานายชวน หลีกภัย หากนายชวนไปบอกว่า ไม่ให้คนใต้เลือกนายอภิสิทธิ์ คนใต้ก็จะไม่เลือก ดังนั้นคนภาคเหนือและอีสาน ก็ยังรักพ.ต.ท.ทักษิณเหมือนเดิม ดังนั้นถ้ายุบสภา เชื่อว่าได้เกินครึ่งแน่นอน
**ร้องกกต. อภิสิทธิ์กอดเนวิน ผิดกม.
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้เตรียมหลักฐาน ซีดี ภาพถ่ายจำนวน 12 รูป รวมทั้งคำสัมภาษณ์ต่างๆจากสื่อ ที่มีการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มเพื่อนเนวิน เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต ) เนื่องจากนายเนวิน ชิดชอบ อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง เข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมือง ซึ่งถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 96 และมาตรา 98 เนื่องจาก กกต. เคยระบุว่า หากอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ถือเป็นความผิด เพราะครั้งนี้ จะดูว่า กกต.เป็นธรรมเพียงพอหรือไม่ หรือว่าเป็นพวกใคร ดังนั้น กกต.ต้องให้ความเสมอภาคกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวหรือไม่ที่พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นเรื่องทำนองนี้บ้าง เพราะนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็มาประชุมพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่กลัว แต่กรณีพรรคประชาธิปัตย์ เรามีหลักฐานชัดเจนเป็นภาพถ่ายที่นายเนวิน นายอภิสิทธิ์ กอดกันเหมือนเป็นแฝดอิน-จัน ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทย ก็ต้องเอาหลักฐานมาดู ว่ายุ่งเกี่ยวกับการเมืองจริงหรือไม่
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ต้องการให้ดำเนินการกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายเนวิน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การไปดึงเขามาทำความผิดมันผิดทั้งคู่ มันเหมือนโจร ถ้าอยู่เฉยๆ เขาอาจไม่อยากร่วมก็ได้ แต่ไปดึงเขามา จึงขอเรียกร้อง กกต. ให้ปฏิบัติให้เหมือนกันเพื่อความเป็นธรรม
เมื่อถามว่าที่ยื่นเพราะพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ตนทำหน้าที่ที่ตนเป็นส.ส. อย่าเอามาโยงกัน
**ปชป.ยอมเฉือนเนื้อซื้อใจพรรคร่วม
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ขณะนี้จะมีความชัดเจนว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ ก็ยังไม่นิ่ง ซึ่งแหล่งข่าวในพรรคแจ้งว่า จากเดิมที่พรรคประชาธิปัตย์ได้โควตา 17-18 ตำแหน่ง รวมถึงในโควตาคนนอกอีก2 คน ล่าสุดสัดส่วนรัฐมนตรีของพรรคลดลงเหลือ 15 ตำแหน่ง เพื่อแบ่งให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องมีการเจรจาต่อรองกันอีกครั้ง
ส่วนตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์ ที่ก่อนหน้านี้จะขอควบตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการด้วยนั้น มีความเป็นไปได้ว่า ที่สุดแล้วอาจจะทาบทามบุคคลภายนอกมานั่งแทน เนื่องจากเห็นว่า การทำงานของนายกฯในครั้งนี้ต้องเจอภาระหนักอย่างมาก เพราะสภาพปัญหาของบ้านเมืองขณะนี้มีความวิกฤตมากกว่าที่ผ่านมา คนเป็นนายกฯ จะต้องทำงานทุ่มเทมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า ดังนั้น หากควบสองตำแหน่งอาจจะทำไม่ไหว
ส่วนกระทรวงการคลัง อาจเป็นไปได้ว่า นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรค ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการเอง โดยจะมีบุคคลภายนอกมาร่วมทำงานด้วย ส่วน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าฯธปท. และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการใหญ่แบงก์กสิกร นั้น อาจจะติดปัญหาข้อกฎหมาย
**ยื่นรมว.แรงงานฯ ดึง"เสนาะ"ร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกประชุมแกนนำพรรค เพื่อประเมินสถานการณ์การจับขั้วตั้งรัฐบาล นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรค นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค โดยได้มีการประเมินกันถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ออกมาแถลงข่าวโจมตีการตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ถึง 2 ครั้ง โดยในที่ประชุมเห็นว่า ท่าทีดังกล่าว เป็นเพราะนายเสนาะได้ไปตกลงกับพรรคเพื่อไทย เรื่องการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ และเชื่อว่าเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติไม่สำเร็จ นายเสนาะได้หาทางลงโดยประสานมายังนายสุเทพ เพื่อติดต่อขอร่วมรัฐบาลแล้ว โดยเบื้องต้นพรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมโควตารมว.แรงงาน ไว้ให้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้หารือถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 13 ธ.ค. โดยส่วนใหญ่เห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากขณะนี้แกนนำอดีตพรรคร่วม และกลุ่มการเมืองทุกกลุ่มที่ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยืนยันว่าตัวเลขขณะนี้ได้นิ่งแล้ว โดยจะมี 260 เสียงโหวตให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย อ้างว่าสามารถดูด ส.ส.คืนไปได้ 20 เสียง ที่ประชุมประเมินว่า เป็นเพียงการเกทับกัน ไม่มีมูลความจริง เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถดึงส.ส.ไปได้จริง จะต้องประกาศจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนี้ พรรคจะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ เนื่องจากกังวลว่าอาจมีการเล่นเกม เพื่อไม่ให้มีการเปิดประชุมสภาได้
นอกจากนี้ มีรายงานว่าแกนนำ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้พยายามต่อรองขอเพิ่มตำแหน่งจากเดิมที่เคยได้จากพรรคพลังประชาชน คือ กระทรวงสาธารณสุข โดยพรรคเพื่อแผ่นดินต้องการให้ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ อดีต รมช.สาธารณสุข สมัย คมช. มานั่ง.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (11ธ.ค.) ได้มีสำเนาประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2551 (พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดุลยเดช ปร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ประธานรัฐสภาได้นำความกราบบังคมทูลว่า เนื่องจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ว่างลง และสภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน ประกอบกับได้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เข้าชื่อร้องขอให้ประกาศเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 128 และมาตรา 129 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงมีพระบรมราชโองการให้เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.51 ประกาศ ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา
**"ชัย"นัดส.ส.เลือกนายกฯ15 ธ.ค.
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าตนได้ออกระเบียบวาระการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดให้เลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 15 ธ.ค. เวลา 09.30 น.
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ทางรัฐสภาได้เตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ที่อาจจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงพร้อมแล้ว โดยได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มาดูแลความปลอดภัย แต่ทั้งนี้เชื่อว่าในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี คงไม่มีปัญหาอะไร
**"อภิสิทธิ์"ยอมรับไม่มีอะไรแน่นอน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้ความเห็นในแนวทางต่างๆ ซึ่งเป็นธรรมดาในทางการเมือง
ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังไม่มีอะไรแน่นอนจนกว่าจะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ขอบคุณที่กลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองต่างๆที่พูดคุยกันไว้ ได้ยืนยันเจตนาที่จะทำงานร่วมกัน
ส่วนที่มีข่าวว่ายังมีความพยายามใช้เงินซื้อตัว หรือล็อบบี้ส.ส.ให้กลับไปนั้น เราหวังว่าจะไม่มีการทำเช่นนั้น เพราะข่าวเช่นนี้ไม่ช่วยให้ภาพการเมืองดีขึ้น แต่จะยิ่งซ้ำเติมให้แย่ลง จึงขอให้ทุกคนมีความหนักแน่น และยึดถือความถูกต้อง ถ้าตัดสินใจแล้วว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำ และจะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งตนเชื่อว่ากลุ่มและพรรคการเมืองที่ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ มีความหนักแน่น แม้จะมีความเคลื่อนไหว และกระแสกดดันต่างๆ อยู่ตลอดเวลาก็ตาม
**ยอมรับมีกระแสต้านเนวิน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลต่อกระแสต่อต้านที่มีค่อนข้างมาก จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ไปพูดคุยกับกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายคนที่มีความไม่สบายใจหรือวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิตน ตนก็น้อมรับและเข้าใจความรู้สึก และความคิดเห็นของทุกคน แต่สิ่งที่ตนได้คุยกับนายเนวิน และกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทิศทางของอนาคตของประเทศล้วนๆ ไม่มีเรื่องอื่น วันนี้ต้องยอมรับสถานการณ์ของบ้านเมืองไม่ปกติ เพราะฉะนั้น เราต้องมาหาทางออก เงื่อนไขต่างๆ ที่เราพูดกันก็เป็นเรื่องประโยชน์ส่วนรวม โดยไม่มีประโยชน์อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนคิดว่าเมื่อเขาตัดสินในมาร่วมงาน และเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันที่สูงมาก ตนก็ควรจะไปพบเขา และคุยกันให้ตรงไปตรงมาดีกว่า ทั้งที่นายเนวิน ก็บอกว่าให้ตนอยู่เฉยๆ เพื่อรักษาภาพก็ได้
" ผมก็ยังถูกถามอยู่เลยว่า อายุ 44 ปี เอาตัวเองมาเสี่ยงทำไม คนที่เป็นอาสาสมัครเข้ามาทำงานการเมืองจะเลือกตามใจชอบไม่ได้ เรามีหน้าที่ความรับผิดชอบ ถ้าผมประสบความสำเร็จ หรือไม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องยอมรับตามกระบวนการ แต่ถ้าได้รับโอกาสให้เป็นรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถ้าทำดีแล้วแต่ผลในทางการเมือง ก็ต้องยอมรับ มันมีเท่านี้สำหรับนักการเมือง" นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลต่อการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะโทรศัพท์สายตรงจากต่างประเทศเข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ อาจทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมืองหรือมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของส.ส.เป็นรายบุคล หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้โทรศัพท์ไปหาตัวส.ส.อยู่แล้ว การโทรศัพท์เข้ารายการดังกล่าวก็เป็นการโทรศัพท์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ประชาชนได้คิดว่า วันนี้เราต้องการความสงบหรือไม่
**เชื่อส.ส.ไม่รับรัฐบาลเพื่อชาติ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล 4 พรรค ไม่เดินทางไปร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของนายเสนาะ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า โดยอารมณ์และความคิดของคนส่วนใหญ่ เขาไม่เอาด้วยกับนายเสนาะ
ส่วนการจะเชิญนายเสนาะ มาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ดูท่าทางแล้วคงจะเป็นเรื่องยาก เพราะนายเสนาะไปไกล นอกจากนี้ ตนคงต้องไปถามพรรคร่วมว่า คิดเห็นอย่างไร เพราะเรามากันไกล เป็นปึกแผ่นมั่นคงพอสมควร ต่อไปนี้ทำอะไรก็ต้องปรึกษาหารือกัน
" ผมมั่นใจว่าตั้งรัฐบาลได้แน่นอน เพราะคนที่มาร่วมกัน ทุกคนเล็งเห็นเหมือนกันหมดว่านี่เป็นทางออกเดียวสำหรับบ้านเมืองในขณะนี้ ทุกคนเสียสละไม่ได้คิดถึงเรื่องตัวเอง เรื่องตำแหน่ง เรื่องกระทรวงอะไรทั้งสิ้น คิดแต่ว่าเราต้องช่วยกันตั้งรัฐบาลให้ได้ ความที่ทุกคนมุ่งมั่นว่าต้องช่วยกันตั้งรัฐบาล สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้นั้น เลยเป็นแรงฮึดให้ผมมั่นใจได้ว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง" นายสุเทพกล่าว
**พร้อมสู้แม้วโฟนอิน
นายสุเทพ ยังกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จะโทรศัพท์สายตรงจากต่างประเทศ เข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่นั้น เราก็มีความกังวลอยู่บ้าง สำหรับคนที่ทำงาน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ มีฤทธิ์เดชมาก แต่เราก็ต้องสู้ ซึ่งตนคิดว่ามีคนไทยจำนวนมากที่เอาใจช่วยพวกเราอยู่ วันนี้ให้สู้แม้กังวลก็มั่นใจว่า ต้องทำให้ชนะให้ได้ ทั้งนี้ ตนค่อนข้างจะมั่นใจว่า ก่อนที่จะถึงวันลงมติเลือกนายกฯ คงจะไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้พลิกขั้วได้
เมื่อถามว่าพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ลาสิกขาออกมา และบุว่า พร้อมที่เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลชุดใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ จะเชิญมาร่วมงานด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ได้ไปเชิญ พล.อ.ชวลิต มาร่วมงานด้วย แต่มีอะไรที่ตนจะปรึกษาได้ ตนก็ยินดี เพราะตนก็นับถือพล.อ.ชวลิต ยังอนุโมทนาให้ตอนที่บวชอยู่เลย
**เตือนเสื้อแดงเลิกคิดล้อมสภา
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาขู่ว่าจะปิดล้อมหน้าสภาฯ ในวันที่โหวตเลือกนายกฯว่า อย่าทำเลย ไม่มีประโยชน์อะไร เราต้องอยู่กันด้วยเหตุผล ถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้องถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากัน แต่ขณะนี้เรากำลังจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาประเทศ จึงไม่มีเหตุผลที่จะมาขัดขว้างกัน ส่วนถ้าเกิดความรุนแรง ก็ต้องอยู่ที่ประธานสภาฯ พิจารณาว่าจะเลื่อนประชุมหรือไม่
ส่วนในวันโหวตเลือกนายกฯ อาจมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ ทำให้โหวตไม่ได้ นายสุเทพกล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเรามี 260 เสียง ถ้าเราไปกันทั้งหมด องค์ประชุมก็จะครบ ส่วนใครจะไม่เข้า ก็ไม่เป็นไร
สำหรับโครงสร้างคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า เบื้องตนตนได้บอกให้อดีตพรรคร่วม และกลุ่มเพื่อนเนวิน ไปคิดเรื่องตัวบุคคลที่จะมาร่วม ครม.ให้ดี โดยจะต้องเป็นบุคคลที่ประชาชนเชื่อถือ ภาพลักษณ์ดี และสามารถทำงานได้ เพราะเป้าหมายการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ เพื่อรับรองความต้องการของประชาชนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม คงต้องดูความชัดเจนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน และหลังจากนั้นก็คงได้พูดคุยรายละเอียดของเรื่องนี้อีกที
**เรียกประชุมส.ส.ก่อนโหวตนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้มีคำสั่งเรียกประชุม ส.ส.ทั้งหมดในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.เพื่อประชุมซักซ้อมและทำความเข้าใจวาระการโหวตเลือกนายกฯ เพื่อความไม่ประมาท เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ มีการแย่งชิงการจัดตั้งรัฐบาลกันอย่างรุนแรง พรรคการเมืองบางพรรคได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้พรรคของตนเองได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากจะทุ่มเงินเพื่อซื้อตัว ส.ส.และใช้โควตา ส.ส.5 ต่อ 1 แลกกับเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งวิธีการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการรูกันภายในกลุ่ม ส.ส.เดิมของตนเองแล้ว ยังมีการใช้วิชามารลุกลามมาถึง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อีกด้วย โดยมีความพยายามที่จะมาล็อบบี้ให้ ส.ส.ของพรรคลาประชุมในวันโหวตเลือกนายกฯ หรือป่วยเข้าโรงพยาบาล แม้กระทั้ง การยื่นข้อเสนอให้ ส.ส.ของพรรคเข้าร่วมประชุมแล้วงดออกเสียง
**"เพื่อแผ่นดิน" อ้างยังไม่จับขั้วกับใคร
นางมุกดา พงษ์สมบัติ ที่ปรึกษารักษาการรมว.อุตสาหกรรม สมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมอาการป่วยของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ว่า พล.ต.อ.ประชา ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ และเป็นการป่วยจริง ไม่ใช่ป่วยการเมือง ซึ่ง แพทย์ต้องการให้พักผ่อนมากๆ จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะออกจากโรงพยาบาลภายในวันนี้ (11 ธ.ค.) หรือไม่
สำหรับการประสานงานจับขั้วรัฐบาลนั้น นางมุกดา กล่าวว่า ขณะนี้หากมีการติดขัด ต้องถือเป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะหัวหน้าพรรคป่วยจริงๆ ส่วนจะส่งใครเป็นผู้เจรจาแทน คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค
ด้านนพ.วัลลภ กล่าวว่าพรรคยังไม่มีมติว่าจะจับขั้วตั้งรัฐบาลกับฝ่ายใด และเห็นว่าส.ส.ควรใช้เอกสิทธิ์ของตัวเอง เพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการทางการเมือง และจากนี้ไปจะเห็นความเข้มข้นของการเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันโหวตเลือกนายกฯ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเอกภาพของประเทศ มีความสำคัญกว่าเอกภาพของพรรค
ต่อข้อถามที่ว่า กังวลถึงแรงกดดันจากขั้วการเมืองต่างๆ มากน้อยเพียงใด นพ.วัลลภ กล่าวว่า อย่าไปยอมกับการกดดัน เพราะหากยิ่งกดดันมากเท่าใด จะมีแรงสะท้อนกลับมามากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อาการป่วยของ พล.ต.อ.ประชา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพักฟื้น 1-2 วัน แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการประสานงานทางการเมือง เพราะยังคงสามารถติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์ได้
**"เสธ.หนั่น" เชื่อประชาไม่รับนายกฯ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตแกนนำพรรคชาติไทย กล่าวยืนยันว่า 4 พรรคร่วมฯยังจับมือกันเหนียวแน่น จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็คงต้องติดตามกันต่อไป
ส่วนกรณีพรรคเพื่อแผ่นดินยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าจะเข้าร่วมกับประชาธิปัตย์นั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เราได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แล้ว ท่านยืนยันว่าจะไม่เป็นนายกฯ และการที่พรรรคร่วมฯ จับมือกันแล้วจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นมันก็คงยาก เรื่องนี้คงไม่น่าเป็นห่วงอะไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภายหลังที่มีการแต่งตั้งนายกฯ เสร็จสิ้น สถานการณ์การเมืองน่าจะดีขึ้น และปีใหม่นี้คนไทยน่าจะร้องเพลงปีใหม่ร่วมกันด้วยดี
ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงเรื่องม็อบเสื้อแดงเตรียมบุกยึดสภาฯจนทำให้รักษาการนายกฯ อาจประกาศยุบสภาฯหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่มีความกังวลว่ารักษาการนายกฯ จะยุบสภาฯได้ เพราะตอนนี้แม้แต่การโยกย้ายข้าราชการ การอนุมัติเรื่องสำคัญๆ ยังไม่สามารถทำได้เลย แล้วจะยุบสภาฯได้อย่างไร
**"เจ๊เป้า"รับลูกพรรคไม่เป็นเอกภาพ
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวถึงกระแสข่าวการดึงตัว ส.ส.มัชฌิมาธิปไตยเดิมไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นว่า ขณะนี้ทุกอย่างยังไม่แน่นอน ต้องจับตาทุกชั่วโมง เพราะสถานการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนถึงวันสุดท้ายก่อนโหวตเลือกนายกฯ ส่วนการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ นางอนงค์วรรณกล่าวว่า แม้ส่วนตัวต้องการเห็นความชัดเจนของส.ส. แต่ส.ส.บางคนอาจจำเป็นต้องแสดงออกอย่างอื่น โดยเฉพาะบางคนที่ใจกับพฤติกรรมสวนทางกัน พลิกไปมาตามกระแส ดังนั้นตนจึงเห็นว่าต้องให้เวลากลุ่มส.ส. ของพรรคได้หารือ และพูดคุยตกลงกันเองว่าจะดำเนินไปทิศทางใด อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มของเราก็มีพรรคภูมิใจไทยรองรับอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องตัดสินใจ ดังนั้นในวันนี้จึงคงไม่มีส.ส. คนใดให้คำตอบที่ชัดเจนได้ เพราะต้องทิ้งช่วงให้คิดและตัดสินใจ
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวิน จะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยไม่เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย นางอนงค์วรรณ กล่าวว่าไม่ทราบเรื่อง แต่ไม่เคยมีการติดต่อขอเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยจาก ส.ส. กลุ่มดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น มีเพียงมาขอใบสมัครจากเจ้าหน้าที่ไปเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการสมัครเข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความเคลื่อนไหวของ ส.ส. พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม หลังนายเกียติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี ย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้เหลือ ส.ส.ในสังกัด อีก10 คน มีรายงานว่ามีความพยายามดึงตัวจากพรรคการเมืองอื่นๆ เช่น จากพรรคประชาราช ที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรค โทรศัพท์สายตรง ถึงตัวส.ส. ของมัชฌิมาฯ โดยยื่นข้อเสนอต่างๆ ซึ่งบางส่วนก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม แต่มีบางส่วนยังไม่ได้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงว่า ยังมี ส.ส. อีก 3 คน คือ นายอารยะ ชุมดวง ส.ส. สุโขทัย นางกรรณิการ์ เจริญพันธุ์ ส.ส.สุรินทร์ และนายสมนึก เฮงวาณิชย์ ส.ส.บุรีรัมย์ ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคใด เพราะนอกจากพรรคประชาราชที่ติดต่อมาแล้ว ยังมีนางเยาวภา วงสวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ติดต่อทั้ง 3 คนผ่านนายสมนึก ให้เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย และมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้ง 3 คนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย
ด้านนายสมนึก เฮงวาณิชย์ กล่าวยอมรับว่า มีพรรคการเมืองอื่นทาบทามเข้าร่วมสังกัด แต่ขณะนี้ส.ส. ของพรรคมัชฌิมาฯเดิมในกลุ่ม ซึ่งมีมากกว่า 3 คน อยู่ระหว่างหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะร่วมสังกัดพรรคการเมืองใด โดยยังไม่ได้ตัดสินใจ และยังไม่ตัดตัวเลือกเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ส.ส. ของพรรคมัชฌิมาฯเดิมได้เขียนใบสมัคร สังกัดพรรคภูมิใจไทยแล้ว 7 คน ประกอบด้วย นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ ส.ส.นครสวรรค์ พ.ญ.อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส. ศรีสะเกษ นายมานิตย์ นพอมรวดี ส.ส.ราชบุรี นายมาโนช เฮงยศมาก นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส. สุรินทร์ และนายณัฐวุฒิ สุขเกษม ส.ส.บุรีรัมย์
**"เหลิม"เรียกเพื่อนกลับจนคอแห้ง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.สาธารณสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพยายามของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลว่า มั่นใจมีเสียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลแน่ แต่คะแนนจะเบียดกัน สู่สีกับพรรคที่จะตั้งรัฐบาลแข่ง
อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ ส.ส.ที่ยังไม่กลับให้รีบกลับมา เพราะหากเราเป็นรัฐบาลแล้วมีคะแนนเสียงสูสีก็จะอยู่ลำบาก อยู่ไม่นาน เป็นปัญหาเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล
เมื่อถามถึง 4 พรรคร่วมฯปฎิเสธ ที่จะไปร่วมรับประทานอาหารตามคำเชิญของนายเสนาะ เทียนทอง เพื่อหารือจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ทางพรรคเพื่อไทยจะยุติแนวคิดนี้ หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะเรื่องการโหวตเลือกตั้ง และการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติเป็นเรื่องของส.ส.
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถจะบอกได้ไหมว่าจะเสนอใครเป็นนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ของดีต้องมาทีหลัง ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทุกตำแหน่ง ตอนนี้บอกได้เพียงว่าพรรคเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลได้แน่นอน ซึ่งเสียงอาจจะเบียดกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่คะแนนเรามากกว่า
**คุยชื่อแม้วยังขายได้
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าหลังการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะสามารดึงส.ส.กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ส่วนประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะหยิบยกมาโฟนอิน ก็ไม่ทราบว่าจะนำเรื่องอะไรมาพูด แต่มั่นใจว่า ชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตนนำมาใช้หาเสียงตั้งแต่พรรคพลังประชาชน ยังสามารถขายได้ เพราะคนยังรักและศรัทธา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เหมือนกับคนใต้ ที่ศรัทธานายชวน หลีกภัย หากนายชวนไปบอกว่า ไม่ให้คนใต้เลือกนายอภิสิทธิ์ คนใต้ก็จะไม่เลือก ดังนั้นคนภาคเหนือและอีสาน ก็ยังรักพ.ต.ท.ทักษิณเหมือนเดิม ดังนั้นถ้ายุบสภา เชื่อว่าได้เกินครึ่งแน่นอน
**ร้องกกต. อภิสิทธิ์กอดเนวิน ผิดกม.
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้เตรียมหลักฐาน ซีดี ภาพถ่ายจำนวน 12 รูป รวมทั้งคำสัมภาษณ์ต่างๆจากสื่อ ที่มีการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มเพื่อนเนวิน เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต ) เนื่องจากนายเนวิน ชิดชอบ อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง เข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมือง ซึ่งถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 96 และมาตรา 98 เนื่องจาก กกต. เคยระบุว่า หากอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ถือเป็นความผิด เพราะครั้งนี้ จะดูว่า กกต.เป็นธรรมเพียงพอหรือไม่ หรือว่าเป็นพวกใคร ดังนั้น กกต.ต้องให้ความเสมอภาคกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวหรือไม่ที่พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นเรื่องทำนองนี้บ้าง เพราะนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็มาประชุมพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่กลัว แต่กรณีพรรคประชาธิปัตย์ เรามีหลักฐานชัดเจนเป็นภาพถ่ายที่นายเนวิน นายอภิสิทธิ์ กอดกันเหมือนเป็นแฝดอิน-จัน ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทย ก็ต้องเอาหลักฐานมาดู ว่ายุ่งเกี่ยวกับการเมืองจริงหรือไม่
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ต้องการให้ดำเนินการกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายเนวิน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การไปดึงเขามาทำความผิดมันผิดทั้งคู่ มันเหมือนโจร ถ้าอยู่เฉยๆ เขาอาจไม่อยากร่วมก็ได้ แต่ไปดึงเขามา จึงขอเรียกร้อง กกต. ให้ปฏิบัติให้เหมือนกันเพื่อความเป็นธรรม
เมื่อถามว่าที่ยื่นเพราะพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ตนทำหน้าที่ที่ตนเป็นส.ส. อย่าเอามาโยงกัน
**ปชป.ยอมเฉือนเนื้อซื้อใจพรรคร่วม
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ขณะนี้จะมีความชัดเจนว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ ก็ยังไม่นิ่ง ซึ่งแหล่งข่าวในพรรคแจ้งว่า จากเดิมที่พรรคประชาธิปัตย์ได้โควตา 17-18 ตำแหน่ง รวมถึงในโควตาคนนอกอีก2 คน ล่าสุดสัดส่วนรัฐมนตรีของพรรคลดลงเหลือ 15 ตำแหน่ง เพื่อแบ่งให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องมีการเจรจาต่อรองกันอีกครั้ง
ส่วนตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์ ที่ก่อนหน้านี้จะขอควบตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการด้วยนั้น มีความเป็นไปได้ว่า ที่สุดแล้วอาจจะทาบทามบุคคลภายนอกมานั่งแทน เนื่องจากเห็นว่า การทำงานของนายกฯในครั้งนี้ต้องเจอภาระหนักอย่างมาก เพราะสภาพปัญหาของบ้านเมืองขณะนี้มีความวิกฤตมากกว่าที่ผ่านมา คนเป็นนายกฯ จะต้องทำงานทุ่มเทมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า ดังนั้น หากควบสองตำแหน่งอาจจะทำไม่ไหว
ส่วนกระทรวงการคลัง อาจเป็นไปได้ว่า นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรค ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการเอง โดยจะมีบุคคลภายนอกมาร่วมทำงานด้วย ส่วน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าฯธปท. และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการใหญ่แบงก์กสิกร นั้น อาจจะติดปัญหาข้อกฎหมาย
**ยื่นรมว.แรงงานฯ ดึง"เสนาะ"ร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกประชุมแกนนำพรรค เพื่อประเมินสถานการณ์การจับขั้วตั้งรัฐบาล นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรค นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค โดยได้มีการประเมินกันถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ออกมาแถลงข่าวโจมตีการตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ถึง 2 ครั้ง โดยในที่ประชุมเห็นว่า ท่าทีดังกล่าว เป็นเพราะนายเสนาะได้ไปตกลงกับพรรคเพื่อไทย เรื่องการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ และเชื่อว่าเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติไม่สำเร็จ นายเสนาะได้หาทางลงโดยประสานมายังนายสุเทพ เพื่อติดต่อขอร่วมรัฐบาลแล้ว โดยเบื้องต้นพรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมโควตารมว.แรงงาน ไว้ให้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้หารือถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 13 ธ.ค. โดยส่วนใหญ่เห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากขณะนี้แกนนำอดีตพรรคร่วม และกลุ่มการเมืองทุกกลุ่มที่ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยืนยันว่าตัวเลขขณะนี้ได้นิ่งแล้ว โดยจะมี 260 เสียงโหวตให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย อ้างว่าสามารถดูด ส.ส.คืนไปได้ 20 เสียง ที่ประชุมประเมินว่า เป็นเพียงการเกทับกัน ไม่มีมูลความจริง เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถดึงส.ส.ไปได้จริง จะต้องประกาศจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนี้ พรรคจะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ เนื่องจากกังวลว่าอาจมีการเล่นเกม เพื่อไม่ให้มีการเปิดประชุมสภาได้
นอกจากนี้ มีรายงานว่าแกนนำ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้พยายามต่อรองขอเพิ่มตำแหน่งจากเดิมที่เคยได้จากพรรคพลังประชาชน คือ กระทรวงสาธารณสุข โดยพรรคเพื่อแผ่นดินต้องการให้ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ อดีต รมช.สาธารณสุข สมัย คมช. มานั่ง.