"อภิสิทธิ์"หอบกุหลาบแดงช่อใหญ่เชิญ "ประชา" นำพรรคเพื่อแผ่นดินร่วมตั้งรัฐบาล ยันยึด 4 หลัก "เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ-สร้างความปรองดอง"บริหารประเทศ "สุเทพ"มั่นใจมีเสียงในมือแล้ว 260 แต่ยังเสียวโฟนอิน "แม้ว"อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยน ด้าน "ประชา" ยังกั๊กอ้างขอหารือ กก.บห.เพื่อแผ่นดิน พร้อมอ้างหลักการพรรคอันดับ 1 ควรมีสิทธิได้ฟอร์มรัฐบาลก่อน ส่วน "ชาติไทย-รวมใจไทยฯ" ไม่สนใจรัฐบาลเพื่อชาติของ "เสนาะ" ลั่นหนุน ปชป.ตามที่ประกาศไว้ ขณะที่ "เพื่อไทย" ดิ้นไม่หยุด ล่าสุดงัดแผนดัน "เชษฐา" นั่งนายกฯรัฐบาลเพื่อชาติสู้ โวมีแล้ว 240 เสียงหนุน และกำลังจะเข้ามาเรื่อยๆ ให้รอวัดใจวันโหวตเลือกนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ วานนี้ (10 ธ.ค.) หลังพรรคการเมือง 4 พรรค และกลุ่มเพื่อนเนวิน ประกาศท่าที่สนับสนุนให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้แกนนำพรรคมั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำรัฐบาลแน่นอน
โดยในเวลา 08.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พร้อมสมาชิก พรรคบางส่วน มีภารกิจไปร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายบังคม พระบรมราชนุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าอาคารรัฐสภา เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ
"มาร์ค"ยันยึด4ข้อบริหารปท.
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการเข้าพบนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทยว่า สิ่งสำคัญที่คุยกับนายเนวิน เป็นเรื่องการมองทิศทางการแก้ไขปัญหาประเทศ สิ่งที่เป็นความห่วงใยตรงกันและจะเป็นทิศทางการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ มี 4 ข้อ คือ 1.การปกป้องสถาบันหลักของชาติ 2.การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดูแลประชาชนที่ประสบความยากลำบาก 3.พัฒนาประชาธิปไตยเพื่อให้กติกา ในบ้านเมืองเป็นที่ยอมรับทุกฝ่ายและของสากล 4.การใช้ความยุติธรรมนำหน้า เพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุด
ส่วนที่มองกันว่าการบริหารงานของรัฐบาลหลังจากนี้จะเป็นไปด้วยความ ยากลำบากนั้น ตนคิดว่าในที่สุดรัฐบาลชุดนี้จะต้องเกิดขึ้น โดยกระบวนการของรัฐสภาที่เป็นกระบวนการประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ เมื่อจัดตั้งแล้วรัฐบาลนี้จะต้องยึดถือ 4 ข้อนี้เป็นหลัก ถ้าเห็นตรงกันเรื่องการบริหารจัดการก็จะตามมาที่หลัง ซึ่งทำได้ อยู่ที่ว่าจะสร้างเจตนารมณ์ร่วมกันได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาการเมืองเป็นเรื่องของตัวเลข เมื่อฝ่ายใดมีตัวเลขมากกว่าก็จะเกิดการต่อรองในรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ไปคุยกับหลายกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา เราพูดกันถึง 4 หลัก โดยพูดถึงความห่วงใยบ้านเมือง ไม่ได้พูดถึงเรื่องตัวเลข ซึ่งข้อเท็จจริงก็ต้องจัดการกันไป แต่สิ่งที่ต้องจัดการก่อนนั้น ตัวเลขอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบสำหรับบ้านเมืองในขณะนี้ ถ้ามีตัวเลขและไม่สามารถตอบโจทย์ที่ประชาชนและประเทศชาติรอคอยอยู่ คงไม่มีประโยชน์อะไร ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้น คงต้องมีการผสมผสานกัน แม้ตามระบบรัฐสภาเสียงข้างจะเป็นเสียงที่มั่นคง แต่การมีเสียงข้างมากอย่างเดียวไม่พอ
ติง"เสนาะ"ช้าไปพรรคเดินมาไกลแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้คิดว่าการทำงานการเมืองจะหนักขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอาสาเข้ามาทำงานการเมือง สถานการณ์การเมืองและกำหนดให้เราทำอะไรก็ทำหน้าที่นั้น ทำแล้วเป็นที่พอใจหรือไม่เป็นที่ประชาชนตัดสิน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หากเกิดขึ้นภายหลังวันที่ 13 ธ.ค.ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาในรายการ ความจริงวันนี้ อาจจะทำให้เกิดการสวิงขั้วกลับนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นการคาดการณ์ ซึ่งการจะโหวตเลือกนายกฯ เมื่อใดนั้นต้องเป็นไปตามข้อบังคับ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนความคิดการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชนั้น ตอนนี้ยังไม่ทราบความชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร แต่พรรคการเมืองต่างๆ ก็เดินมาไกลพอสมควร
รับต้องแก้รธน.ให้เป็นประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการพูดคุยกับนายเนวินมีการหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในกรอบที่ตนได้เสนอไป 4 ข้อเท่านั้น เช่น ที่ผ่านมา ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา ส่วนตัวคิดว่าต้องขยายความ โดยการดึงฝ่ายต่างๆ ในสังคมมาร่วมมือกัน แต่ขอย้ำว่าประเด็นของรัฐธรรมนูญ ต้องอยู่ที่การปรับปรุงให้มีความเป็นประชาธิปไตยและเป็นสากลมากขึ้น ไม่มีลักษณะการแก้ไขให้ได้เปรียบเสียเปรียบหรือไปช่วยเหลือใครทางการเมืองทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นนี้จะชี้แจงกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างไร เพราะที่ผ่านมาเขาก็เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พันธมิตรฯ เรียกร้องการเมืองใหม่ เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นคำตอบของการเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯ เรียกร้อง เพราะตนเชื่อว่าการจะหยิบการเมืองใหม่มาได้ โดยเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นที่ยอมรับ ดังนั้นเมื่อพันธมิตรฯมีความคิดเรื่องการเมืองใหม่ ก็ต้องนำความคิดนี้มาปรึกษาหารือกับฝ่ายต่างๆ ในสังคม เพื่อให้ออกมาเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีกว่าฉบับปัจจุบัน ซึ่งการจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีกว่าก็ต้องมาจากกระบวนการแก้ไขที่ถูกต้อง
"การแก้ไขจะออกมาในรูปแบบใดนั้นก็คิดว่ามีวิธีการทำได้หลายวิธี แต่จุดประสงค์ คือ การระดมความคิด โดยฝ่ายสภาก็มีคณะกรรมาธิการฯ อยู่แล้วก็ถือเอา ความเห็นของสภาเป็นตัวแทนของฝ่ายการเมือง ใจผมไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ฝ่ายการเมืองเป็นหลักด้วยซ้ำ ซึ่งการคุยกับคุณเนวินก็ไม่ได้หารือว่าจะแก้ไขมาตราไหน เป็นสำคัญ เป็นเพียงการคุยกันในหลักกว้างๆ ว่าต้องการให้รัฐธรรมนูญมีการปรับปรุงให้เป็นประชาธิปไตยและไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เกิดความขัดแย้ง"
ย้ำไม่ได้แก้เพื่อเอื้อประโยชน์ใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะพิจารณามาตรา 237 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือกันถึงขนาดนั้น ส่วนกรณีที่มีข้อกังวลประเด็นนี้จะเป็นชนวนความขัดแย้งอีกครั้งนั้นตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าเราตั้งเป้าชัดเจนว่า ไม่มีการแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่แก้ไขในสิ่งที่เห็นว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญ คือ กระบวนการ หากเรื่องไหนมีความคลางแคลงใจว่า หากแก้ไขแล้วเอื้อต่อการเมืองก็ต้องให้ภาคประชาสังคมยอมรับว่านี่เป็นสิ่งที่จำเป็นแก้ไข จากนั้นจึงดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้รับโหวตเป็นนายกฯ และมีการจัดตั้งเป็นรัฐบาลแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นดำเนินการเป็นลำดับที่เท่าใด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลา คงไม่สามารถหาข้อยุติได้ในเวลาอันสั้น หากเริ่มต้นได้เร็วก็อาจจะใช้เวลาสำหรับกระบวนการนาน ส่วนเรื่องที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำ คือ เรื่องความสามัคคีและการฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
"สุเทพ"มั่นใจซีกปชป.มี260เสียง
ด้านนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า วันนี้ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีเสียงทั้งหมด 260 เสียง เหลือเพียง ไปพูดคุยกับพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งได้นัดกับ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวหรือไม่ที่นาย เสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ประกาศจะประสานกับพรรคอื่นตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่กังวลใจ เพราะกลุ่มที่ตกลงมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการคุยกันมาหลายครั้งแล้ว และได้แถลงชี้แจงกับประชาชนชัดเจนแล้ว เรามากันไกลแล้ว รอเพียงเปิดประชุมสภาเท่านั้นเอง เมื่อถามว่าเหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงออกมาตลอดว่ามีเสียงมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าทุกพรรคมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์หมดแล้ว เมื่อถามย้ำว่าพรรคที่บอกว่าจะมาส.ส.มาร่วมทั้งหมดหรือว่ามาเพียงบางส่วนเท่านั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตัวเลขที่ให้มาก็มาทั้งหมด บางส่วนที่เขาอาจจะขาดไปบ้างก็อาจจะมีพรรคละ 2-3 คน เพราะเมื่อมีการยุบพรรคส.ส.ก็ไปอยู่พรรคอื่นได้
เชื่อ"เสนาะ"ไม่มาร่วมกับแน่
ต่อข้อถามว่ามั่นใจว่าส.ส.ที่จะมาจัดตั้งรัฐบาลมีมากกว่า 260 ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่าตัวเลขอยู่ที่ 260 มีขึ้นมีลง แต่มั่นใจว่าเสียงพอแล้ว และเราจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพพอสมควร
ส่วนพรรคประชาราชนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นายเสนาะคงไม่มา แต่ตนก็รอ ท่านอยู่แต่ท่านมีความคิดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมดาทางการเมือง ก็สามารถมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ เมื่อถามว่าจะมีโอกาสเข้าพบนายเสนาะ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็จะไป ท่านเป็นผู้อาวุโส และตนก็เคารพนับถือ
ผวา"แม้ว"โฟนอินทำขั้วพลิก
นายสุเทพ กล่าวว่า หากมีการโหวตนายกฯก่อนวันที่ 13 ธ.ค.เชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ จะได้เป็นนายกฯอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากโหวตหลังจากวันที่ 13 ธ.ค.ไปแล้วจะมีการพลิกขั้วให้พรรคเพื่อไทยจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล เพราะว่าในวันที่ 13 ธ.ค.จะมีการโฟนอินของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งตรงนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ ณ เวลานี้เชื่อ 4 พรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มเพื่อนเนวิน มาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการสนับสนุนให้ นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไม่ใช่แค่บางส่วนเท่านั้น และมั่นใจว่าในวันโหวตก็ไม่มีการ เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามตนมั่นใจกลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่ใช่เช่นนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และเชื่อว่ากลุ่มเพื่อนเนวินไม่ได้ใช้โอกาสนี้ฟอกตัวเอง
"การสวมกอดกับนายเนวินเมื่อวานนี้คนอื่นอาจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ผมเห็นว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนทำงานด้านการเมืองถึงแม้จะอยู่คนละขั้ว มีการต่อสู้ ทางการเมืองอย่างดุเดือดกันมาตลอด แต่ก็จบกันตรงนั้นไม่ได้โกรธแค้นอะไร และผมไม่เชื่อว่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะหักหลังพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ให้คำมั่นซึ่งกันและไว้ เพราะสังคมจับตามองอยู่ถ้าทำไม่ดีสังคมก็จะพิจารณาเอง นายสุเทพ กล่าวและว่า ตนคิดว่าสำหรับพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาลได้ "
"มาร์ค"หอบกุหลาบแดงเชิญ"ประชา"
ต่อมา เมื่อเวลา 11.55 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่บ้านพักใน ซอยวิภาวดี 60 พร้อมกับหอบดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ มามอบให้
โดยนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวว่า ขออนุญาตมาเยี่ยมคารวะ และขอถือโอกาสปรึกษา ถึงอนาคตของบ้านเมืองด้วย โดย พล.ต.อ.ประชากล่าวตอบว่า ขอบคุณที่ให้เกียรติ ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องเดินทางมา ขณะที่นายสุเทพได้เอ่ยแซวว่า "พรรคนี้พิเศษหน่อย หัวหน้าพรรคอื่นได้แจกันเดียว แต่พรรคนี้ได้ 2 แจกัน"
จากนั้นพล.ต.อ.ประชาได้นำคณะทั้งหมดไปนั่งหารือที่ห้องรับแขก โดย พล.ต.อ.ประชากล่าวพร้อมกับจับที่ลำคอว่า วันนี้เสียงไม่ค่อยดี นายสุเทพ จึงเอ่ยแซวอีกครั้งว่า "เสียงไม่สำคัญ เท่ากับคะแนนเสียง วันนี้ยกคณะมาหมั้นหมายเหมือนยกขันหมากมาขอ" จากนั้นทั้งหมดได้หารือกันโดยมีแกนนำทุกกลุ่ม ของพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมหารือด้วยอาทิ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ แกนนำกลุ่มวังพญานาค นายมั่น พัธโนทัย ตัวแทนกลุ่มปากน้ำ นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ นายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี กลุ่มสัจจานุภาพ รวมถึ งม.ร.ว.กิตติวัฒนา ไชยยันต์ ส.ส.สัดส่วนเป็นต้น
หลังจากทั้งหมดได้หารือกัน พล.ต.อ.ประชา ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ซึ่งสั่งตรงมาจากโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค เป็นเมนูมีเส้น ก๋วยเตี๋ยวไก่ ผัดไทยกุ้งสด ไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ เป็นต้น ภายหลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง
เจ้าตัวกั๊กยังไม่คิดไปอยู่ซีกใด
พล.ต.อ.ประชา กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อแผ่นดินจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ว่า ได้เรียนไปแล้วว่าทั้ง 4-5 พรรคที่เคยร่วมงานทางการเมือง กันมาในอดีตจะปรึกษากัน วันนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เกียรติมาเยี่ยมบ้านตน เท่านั้น ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าจะยังไปพรรคเพื่อไทยอยู่อีกหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไปไกลเกินไป ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าท่าทียังไม่ชัดเจน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะยังไม่ทราบว่าจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเมื่อไร ขณะนี้กำลังคุยกันว่าเรื่องการเปิดประชุมจะเป็นอย่างไร เมื่อถามย้ำว่า เป็นเพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่จึงทำให้ตัดสินใจลำบาก พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงไม่มีวาสนาอยู่แล้ว ตนไม่มีวาสนาถึงขั้นนั้นหรอก
ส่วนทางออกของปัญหาของชาติควรจะเป็นไปในทิศทางใดนั้น พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า อยากเห็นความสามัคคีของคนในชาติกลับคืนมา ซึ่งเป็นความหวังของตน และพรรคเพื่อแผ่นดิน ใครก็ได้ที่จะเป็นรัฐบาล ต้องทำให้ประเทศชาติเกิดความร่มเย็น เป็นสุข
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคเพื่อแผ่นดินสามารถทำให้ปัญหาทุกอย่างจบลงได้ คิดที่จะทำให้จบเร็วขึ้นเพื่อเกิดความชัดเจนกับสังคมในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงไปพูดขนาดนั้นไม่ได้ ให้เกียรติพรรคเพื่อแผ่นดิน มากเกินไป ยังมีพรรคการเมืองอื่นอีกตั้ง 5 พรรค เมื่อถามว่าพรรคอื่นแสดงท่าทีชัดเจนหมดแล้วเหลือแต่เพียงพรรคเพื่อแผ่นดิน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ของเรา ก็ส่งคนไปร่วมหารือ แต่ตนเพิ่งจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเมื่อเย็นวันที่ 9 ต.ค.นี้ จึงยังไม่ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค จะต้องมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารก่อน โดยจะรอจังหวะที่เหมาะสม ส่วนกระแสข่าวที่จะเรียกประชุมสภา ในวันที่ 15 ธ.ค. นั้น ยังไม่ทราบ แต่หากมีการประชุมวันนั้นจริง เราก็คงจะเรียกประชุมกันในวันที่ 13-14 นี้
ส่วนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เชิญแกนนำ พรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารค่ำเย็นนี้ (10 ธ.ค.) จะไปร่วมหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ต้องถามว่าจะไปเพื่ออะไร ถ้าไปทานข้าวทานปลาก็ไปได้ เพราะตนกับนายเสนาะก็สนิทกัน เมื่อถามถึง สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ที่อาจมองว่าหากไปแล้วจะเป็นการจับขั้วกัน พล.ต.อ. ประชา กล่าวว่า ก็เหมือนกับการที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์มาเยี่ยมตน ขณะที่ทุกพรรคล้วนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัฌชิมาธิปไตย หรือพรรคประชาราช ซึ่งตนคงไม่มีความสำคัญอะไรมากมายนัก เราเป็นพรรคเล็ก
"มาร์ค"แย้มได้คุยกันแล้วสบายใจ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สบายใจ พวกเรามาคารวะท่านในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคที่ได้รับเลือก และการพูดคุยกันในวันนี้เราไม่ได้มองอะไรต่างกัน อยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ซึ่งทุกพรรคก็แสดงความตั้งใจแล้ว แต่เขาต้องมีขั้นตอนภายใน ซึ่งจะต้องไปดำเนินการตามข้อบังคับของแต่ละพรรค ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็ต้องการความเป็นปึกแผ่น เขาจึงต้องหารือกัน ซึ่งในสังคมไทยการให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เป็นเรื่องปกติ อย่างนายเสนาะก็ถือเป็นผู้ใหญ่ ในบ้านเมือง ไม่มีปัญหาอะไร พูดคุยกันแล้วก็สบายใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกันอยู่ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เลย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าในที่สุดต้องยอมรับว่า กระบวนการจัดตั้งรัฐบาล และเลือกนายกฯ เป็นเรื่องของสภาที่มีกรอบเวลาชัดเจนอยู่ อีกไม่กี่วันทุกอย่างก็จะชัดเจนแล้ว และทุกคนต้องเคารพในกระบวนการของสภา
ส่วนสถานการณ์ที่แกว่งเพราะมีการเสนอผลประโยชน์กันมาก เราก็ทราบว่า เป็นการช่วงชิงกัน แต่ได้คุยกับ พล.ต.อ.ประชาแล้วก็สบายใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้า พล.ต.อ.ประชาหากไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับนายเสนาะ พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังสบายใจใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ยังสบายใจ คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะพบกันก็ไม่มีปัญหาอะไร
"ประชา"แบะท้าให้พท.ตั้งรัฐบาลก่อน
จากนั้น พล.ต.อ.ประชา และนายไชยยศ จิระเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เดินลงไปส่งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพโดยที่พล.ต.อ.ประชาได้เดินประสานมือกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไปจนถึงรถ
ทั้งนี้เมื่อคณะของพรรคประชาธิปัตย์ ออกไปจากบริเวณบ้านแล้ว พล.ต.อ.ประชาได้เข้ามาชี้แจงกับกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า ไม่อยากให้มองว่าเราปฏิเสธที่จะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือมองว่าตนไม่ยอมตัดสินใจอะไร เพราะตนตัดสินใจ คนเดียวไม่ได้ พรรคการเมืองมีคณะกรรมการบริหารพรรคอยู่ มีข้อเสนออะไรมาก็ต้องคุยกัน ยืนยันว่าจะมองที่ผลประโยชน์ของบ้านเมือง
อย่างไรก็ตามเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองว่า พรรคใด ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งก็มีสิทธิ์ได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไล่มาเป็น พรรคอันดับ 2 คือพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือข้อเท็จจริง การจะพูดจาอะไรกันต้องมีเหตุมีผล เมื่อถามว่ามองว่าตัวนายกฯ ควรจะมาจาก 2 พรรคใหญ่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ยังไกลเกินไปที่จะพูดตอนนี้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ตนก็แล้วกัน
ชาติไทยย้ำชัดยังอยู่กับปชป.
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคชาติไทยไม่ได้รับการติดต่อจากนายเสนาะให้ไปร่วมรับประทานอาหารเย็น และหากติดต่อมาคงไม่ไปแน่นอนและจะไม่มีการส่งตัวแทนจากพรรคไปด้วย เพราะตอนนี้ ทุกอย่างมันจบแร้ว เราหารือและประกาศจุดยืนของพรรคร่วมชัดเจนไปแล้ว ทางพรรคก็ไม่น่าจะไปคุยกับใครอีกเพราะไม่ต้องการให้เกิดความสับสนกับประเทศชาติไปมากกว่านี้
"เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ว ทางพรรคจึงคิดว่าไม่น่าจะไปพูดคุยกับใครอีก เพราะถ้ายิ่งไปพูดมากก็ยิ่งทำให้สังคมมันสับสน จบแล้วก็ควรจะจบ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากแกนนำพรรคร่วมคนอื่นๆเดินทางไปบ้านนายเสนาะตาม คำเชิญ จะเป็นไรหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่าตรงนี้เราไม่ทราบ เพราะยังไม่มีการ พูดคุยถึงเรื่องนี้กันเลยที่แน่ๆ เรามีจุดยืนชัดเจนแล้วและคาดว่าสถานการณ์การเมือง น่าจะดีขึ้นเร็วๆนี้
ด้านนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร พรรคชาติไทย (เดิม) เปิดเผยว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำอดีตพรรคร่วมรัฐบาลได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่า คงจะไปพบนายเสนาะที่บ้านไม่ได้ เพราะได้ประกาศจุดยืนชัดเจนไปแล้ว ถ้าหากเราไปมันก็จะผิดหลักการไปหมด และคิดว่าแกนนำอดีตพรรคร่วมรัฐบาลคนอื่นๆ ก็คงไม่มีใคร ไปเช่นกัน ส่วนแนวคิดของนายเสนาะที่จะตั้งรัฐบาลแห่งชาติเป็นทางออกนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้เราเดินมาไกลแล้ว และก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
"ประดิษฐ์"ปัดเข้าพท.-ยันไม่เปลี่ยนขั้ว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ปฏิเสธ ถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า ส.ส.ของพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาทั้ง 9 คน รวมทั้งตัวนายประดิษฐ์ จะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล โดยยืนยันว่าไม่เคยมีแนวคิด ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นแต่อย่างใด ระบุพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาเป็นเพียงพรรคเล็ก การจะไปจับขั้วกับพรรคการเมืองใดในการจัดตั้งรัฐบาลต้องขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ใช่ตนเองเพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจะได้รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศก่อนปีใหม่ รวมทั้งเสถียรภาพความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการลงทุน จะพลิกฟื้นคืนมาอย่างแน่นอน
นายประดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า การที่นายเสนาะ นัดแกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมรับประทานอาหารนั้น พรรคยืนยันจะไม่ส่งบุคคลไปร่วมงานที่บ้านพักนายเสนาะ เพราะเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.และวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา พรรคได้แสดงจุดยืนร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม 4 พรรคแล้ว ว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ซึ่งจุดยืนนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง หากมีบุคคลใดของพรรคไปร่วมงานดังกล่าว ถือว่าไม่ได้ไปในนามพรรค แต่ไปในนามส่วนตัวที่สนิทสนมกับนายเสนาะ โดยเฉพาะ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค แต่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.เชษฐาก็ไปร่วมแสดงจุดยืนที่โรงแรมโฟว์ ซีซั่น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พท.ทาบ"เชษฐา"นำรัฐบาลเพื่อชาติสู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยนั้น วันเดียวกัน ตลอดทั้งวันที่อาคารชินวัตรไหมไทย ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีแกนนำและส.ส. อาทิ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รักษาการรมว.ศึกษาธิการและรมว.วัฒนธรรม นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นายไพโรจน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา ทยอยมาที่พรรคกันอย่างคึดคัก และได้มีส.ส.บางส่วนได้ประชุมวอร์รูม เพื่อประเมินสถานการณ์หลังจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ประกาศไม่รับตำแหน่ง นายกฯคนที่ 27 ตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอไป
โดยที่ประชุมได้แก้เกมหันไปทาบทามพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค รวมใจไทยชาติพัฒนา ให้ขึ้นเป็นนายกฯ เพื่อเป็นไปตามยุทธศาสตร์ตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ และนัดไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับแกนนำพรรคร่วมเดินที่บ้านของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เพื่อหักล้างภาพที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นแกนนำแถลงข่าว 4 พรรคเล็กสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เพื่อไทยฝันรอวัดใจวันโหวตนายกฯ
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล แต่อยากให้ดูวันโหวนเลือกนายกรัฐมนตรีว่า ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยใครจะเป็นของจริง
"เรื่องนี้ก็ต้องรอดูกันไปเพราะการโหวตเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.เราไม่สามารถ ไปห้ามได้ ส่วน ส.ส.ที่ประกาศว่าจะไม่มาร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการตั้งรัฐบาล ก็ต้องจับตาดูว่าวันโหวตเลือกนายกฯ ส.ส.เหล่านั้นก็อาจจะไม่ยกมือให้นายอภิสิทธิ์ก็ได้ จึงอย่าเพิ่งด่วนสรุป"
ส่วนข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์มาถึงส.ส. ขอร้องให้มาอยู่กับพรรคเพื่อไทยนั้น นายไพจิต กล่าวว่า ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงโทรมาบอก ส.ส.ที่ยังแกว่งๆ สองจิตสองใจว่าจะไปอยู่กับใคร ให้กลับมาช่วย พรรคเพื่อไทยมากกว่าที่จะไปเสนอเงื่อนไขเพื่อดึงตัว ส.ส.กลับอย่างที่มีการวิจารณ์กันแน่นอน
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฏร ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า จะไปตั้งขวาตั้งซ้ายก็อยู่ไม่นาน แต่ละฝั่งเสียงก็ปริ่มๆอย่างนี้จะอยู่ได้ไม่นาน เมื่อถามว่า จะมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ใช่หรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า ก็เตรียมการกันอยู่
โวมีแล้ว240"ก๊วนเนวิน"จะมาอีก10
ว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจนถึงขณะนี้ พรรคเพื่อไทย มีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง 100 % ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังคงที่ ที่ 240 เสียง เพียงแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่า พรรคไหน หรือ ใครบ้างที่จะเข้ามาเป็นแนวร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ โดยสกลุ่มเพื่อนเนวิน นั้น มีบางส่วนที่ ไม่พอใจการตัดสินใจของ นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งทำให้ประชาชนที่เลือกเข้ามาไม่พอใจ ในการย้ายขั้ว จึงมีแนวโน้มว่า จะขอกลับมาสังกัดพรรคเพื่อไทย อีกประมาณ 10 คน
สำหรับพรรคเล็กๆ นั้นว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธ์ กล่าวว่า ทุกพรรคเห็นตามแนวทางที่ นายเสนาะ เทียนทอง เสนอมาคือ ต้องการให้คนกลางขึ้นมาเป็น นายกฯ เพื่อลดแรง เสียดทานต่อกลุ่มต่างๆ และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง สามารถเดินหน้าได้ ต่อไป โดยขณะนี้มีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ให้เป็นผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ คนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ วานนี้ (10 ธ.ค.) หลังพรรคการเมือง 4 พรรค และกลุ่มเพื่อนเนวิน ประกาศท่าที่สนับสนุนให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้แกนนำพรรคมั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำรัฐบาลแน่นอน
โดยในเวลา 08.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พร้อมสมาชิก พรรคบางส่วน มีภารกิจไปร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายบังคม พระบรมราชนุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าอาคารรัฐสภา เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ
"มาร์ค"ยันยึด4ข้อบริหารปท.
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการเข้าพบนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทยว่า สิ่งสำคัญที่คุยกับนายเนวิน เป็นเรื่องการมองทิศทางการแก้ไขปัญหาประเทศ สิ่งที่เป็นความห่วงใยตรงกันและจะเป็นทิศทางการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ มี 4 ข้อ คือ 1.การปกป้องสถาบันหลักของชาติ 2.การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดูแลประชาชนที่ประสบความยากลำบาก 3.พัฒนาประชาธิปไตยเพื่อให้กติกา ในบ้านเมืองเป็นที่ยอมรับทุกฝ่ายและของสากล 4.การใช้ความยุติธรรมนำหน้า เพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุด
ส่วนที่มองกันว่าการบริหารงานของรัฐบาลหลังจากนี้จะเป็นไปด้วยความ ยากลำบากนั้น ตนคิดว่าในที่สุดรัฐบาลชุดนี้จะต้องเกิดขึ้น โดยกระบวนการของรัฐสภาที่เป็นกระบวนการประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ เมื่อจัดตั้งแล้วรัฐบาลนี้จะต้องยึดถือ 4 ข้อนี้เป็นหลัก ถ้าเห็นตรงกันเรื่องการบริหารจัดการก็จะตามมาที่หลัง ซึ่งทำได้ อยู่ที่ว่าจะสร้างเจตนารมณ์ร่วมกันได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาการเมืองเป็นเรื่องของตัวเลข เมื่อฝ่ายใดมีตัวเลขมากกว่าก็จะเกิดการต่อรองในรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ไปคุยกับหลายกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา เราพูดกันถึง 4 หลัก โดยพูดถึงความห่วงใยบ้านเมือง ไม่ได้พูดถึงเรื่องตัวเลข ซึ่งข้อเท็จจริงก็ต้องจัดการกันไป แต่สิ่งที่ต้องจัดการก่อนนั้น ตัวเลขอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบสำหรับบ้านเมืองในขณะนี้ ถ้ามีตัวเลขและไม่สามารถตอบโจทย์ที่ประชาชนและประเทศชาติรอคอยอยู่ คงไม่มีประโยชน์อะไร ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้น คงต้องมีการผสมผสานกัน แม้ตามระบบรัฐสภาเสียงข้างจะเป็นเสียงที่มั่นคง แต่การมีเสียงข้างมากอย่างเดียวไม่พอ
ติง"เสนาะ"ช้าไปพรรคเดินมาไกลแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้คิดว่าการทำงานการเมืองจะหนักขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอาสาเข้ามาทำงานการเมือง สถานการณ์การเมืองและกำหนดให้เราทำอะไรก็ทำหน้าที่นั้น ทำแล้วเป็นที่พอใจหรือไม่เป็นที่ประชาชนตัดสิน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หากเกิดขึ้นภายหลังวันที่ 13 ธ.ค.ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาในรายการ ความจริงวันนี้ อาจจะทำให้เกิดการสวิงขั้วกลับนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นการคาดการณ์ ซึ่งการจะโหวตเลือกนายกฯ เมื่อใดนั้นต้องเป็นไปตามข้อบังคับ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนความคิดการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชนั้น ตอนนี้ยังไม่ทราบความชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร แต่พรรคการเมืองต่างๆ ก็เดินมาไกลพอสมควร
รับต้องแก้รธน.ให้เป็นประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการพูดคุยกับนายเนวินมีการหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในกรอบที่ตนได้เสนอไป 4 ข้อเท่านั้น เช่น ที่ผ่านมา ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา ส่วนตัวคิดว่าต้องขยายความ โดยการดึงฝ่ายต่างๆ ในสังคมมาร่วมมือกัน แต่ขอย้ำว่าประเด็นของรัฐธรรมนูญ ต้องอยู่ที่การปรับปรุงให้มีความเป็นประชาธิปไตยและเป็นสากลมากขึ้น ไม่มีลักษณะการแก้ไขให้ได้เปรียบเสียเปรียบหรือไปช่วยเหลือใครทางการเมืองทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นนี้จะชี้แจงกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างไร เพราะที่ผ่านมาเขาก็เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พันธมิตรฯ เรียกร้องการเมืองใหม่ เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นคำตอบของการเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯ เรียกร้อง เพราะตนเชื่อว่าการจะหยิบการเมืองใหม่มาได้ โดยเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นที่ยอมรับ ดังนั้นเมื่อพันธมิตรฯมีความคิดเรื่องการเมืองใหม่ ก็ต้องนำความคิดนี้มาปรึกษาหารือกับฝ่ายต่างๆ ในสังคม เพื่อให้ออกมาเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีกว่าฉบับปัจจุบัน ซึ่งการจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีกว่าก็ต้องมาจากกระบวนการแก้ไขที่ถูกต้อง
"การแก้ไขจะออกมาในรูปแบบใดนั้นก็คิดว่ามีวิธีการทำได้หลายวิธี แต่จุดประสงค์ คือ การระดมความคิด โดยฝ่ายสภาก็มีคณะกรรมาธิการฯ อยู่แล้วก็ถือเอา ความเห็นของสภาเป็นตัวแทนของฝ่ายการเมือง ใจผมไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ฝ่ายการเมืองเป็นหลักด้วยซ้ำ ซึ่งการคุยกับคุณเนวินก็ไม่ได้หารือว่าจะแก้ไขมาตราไหน เป็นสำคัญ เป็นเพียงการคุยกันในหลักกว้างๆ ว่าต้องการให้รัฐธรรมนูญมีการปรับปรุงให้เป็นประชาธิปไตยและไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เกิดความขัดแย้ง"
ย้ำไม่ได้แก้เพื่อเอื้อประโยชน์ใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะพิจารณามาตรา 237 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือกันถึงขนาดนั้น ส่วนกรณีที่มีข้อกังวลประเด็นนี้จะเป็นชนวนความขัดแย้งอีกครั้งนั้นตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าเราตั้งเป้าชัดเจนว่า ไม่มีการแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่แก้ไขในสิ่งที่เห็นว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญ คือ กระบวนการ หากเรื่องไหนมีความคลางแคลงใจว่า หากแก้ไขแล้วเอื้อต่อการเมืองก็ต้องให้ภาคประชาสังคมยอมรับว่านี่เป็นสิ่งที่จำเป็นแก้ไข จากนั้นจึงดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้รับโหวตเป็นนายกฯ และมีการจัดตั้งเป็นรัฐบาลแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นดำเนินการเป็นลำดับที่เท่าใด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลา คงไม่สามารถหาข้อยุติได้ในเวลาอันสั้น หากเริ่มต้นได้เร็วก็อาจจะใช้เวลาสำหรับกระบวนการนาน ส่วนเรื่องที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำ คือ เรื่องความสามัคคีและการฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
"สุเทพ"มั่นใจซีกปชป.มี260เสียง
ด้านนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า วันนี้ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีเสียงทั้งหมด 260 เสียง เหลือเพียง ไปพูดคุยกับพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งได้นัดกับ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวหรือไม่ที่นาย เสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ประกาศจะประสานกับพรรคอื่นตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่กังวลใจ เพราะกลุ่มที่ตกลงมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการคุยกันมาหลายครั้งแล้ว และได้แถลงชี้แจงกับประชาชนชัดเจนแล้ว เรามากันไกลแล้ว รอเพียงเปิดประชุมสภาเท่านั้นเอง เมื่อถามว่าเหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงออกมาตลอดว่ามีเสียงมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าทุกพรรคมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์หมดแล้ว เมื่อถามย้ำว่าพรรคที่บอกว่าจะมาส.ส.มาร่วมทั้งหมดหรือว่ามาเพียงบางส่วนเท่านั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตัวเลขที่ให้มาก็มาทั้งหมด บางส่วนที่เขาอาจจะขาดไปบ้างก็อาจจะมีพรรคละ 2-3 คน เพราะเมื่อมีการยุบพรรคส.ส.ก็ไปอยู่พรรคอื่นได้
เชื่อ"เสนาะ"ไม่มาร่วมกับแน่
ต่อข้อถามว่ามั่นใจว่าส.ส.ที่จะมาจัดตั้งรัฐบาลมีมากกว่า 260 ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่าตัวเลขอยู่ที่ 260 มีขึ้นมีลง แต่มั่นใจว่าเสียงพอแล้ว และเราจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพพอสมควร
ส่วนพรรคประชาราชนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นายเสนาะคงไม่มา แต่ตนก็รอ ท่านอยู่แต่ท่านมีความคิดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมดาทางการเมือง ก็สามารถมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ เมื่อถามว่าจะมีโอกาสเข้าพบนายเสนาะ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็จะไป ท่านเป็นผู้อาวุโส และตนก็เคารพนับถือ
ผวา"แม้ว"โฟนอินทำขั้วพลิก
นายสุเทพ กล่าวว่า หากมีการโหวตนายกฯก่อนวันที่ 13 ธ.ค.เชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ จะได้เป็นนายกฯอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากโหวตหลังจากวันที่ 13 ธ.ค.ไปแล้วจะมีการพลิกขั้วให้พรรคเพื่อไทยจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล เพราะว่าในวันที่ 13 ธ.ค.จะมีการโฟนอินของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งตรงนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ ณ เวลานี้เชื่อ 4 พรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มเพื่อนเนวิน มาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการสนับสนุนให้ นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไม่ใช่แค่บางส่วนเท่านั้น และมั่นใจว่าในวันโหวตก็ไม่มีการ เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามตนมั่นใจกลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่ใช่เช่นนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และเชื่อว่ากลุ่มเพื่อนเนวินไม่ได้ใช้โอกาสนี้ฟอกตัวเอง
"การสวมกอดกับนายเนวินเมื่อวานนี้คนอื่นอาจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ผมเห็นว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนทำงานด้านการเมืองถึงแม้จะอยู่คนละขั้ว มีการต่อสู้ ทางการเมืองอย่างดุเดือดกันมาตลอด แต่ก็จบกันตรงนั้นไม่ได้โกรธแค้นอะไร และผมไม่เชื่อว่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะหักหลังพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ให้คำมั่นซึ่งกันและไว้ เพราะสังคมจับตามองอยู่ถ้าทำไม่ดีสังคมก็จะพิจารณาเอง นายสุเทพ กล่าวและว่า ตนคิดว่าสำหรับพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาลได้ "
"มาร์ค"หอบกุหลาบแดงเชิญ"ประชา"
ต่อมา เมื่อเวลา 11.55 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่บ้านพักใน ซอยวิภาวดี 60 พร้อมกับหอบดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ มามอบให้
โดยนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวว่า ขออนุญาตมาเยี่ยมคารวะ และขอถือโอกาสปรึกษา ถึงอนาคตของบ้านเมืองด้วย โดย พล.ต.อ.ประชากล่าวตอบว่า ขอบคุณที่ให้เกียรติ ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องเดินทางมา ขณะที่นายสุเทพได้เอ่ยแซวว่า "พรรคนี้พิเศษหน่อย หัวหน้าพรรคอื่นได้แจกันเดียว แต่พรรคนี้ได้ 2 แจกัน"
จากนั้นพล.ต.อ.ประชาได้นำคณะทั้งหมดไปนั่งหารือที่ห้องรับแขก โดย พล.ต.อ.ประชากล่าวพร้อมกับจับที่ลำคอว่า วันนี้เสียงไม่ค่อยดี นายสุเทพ จึงเอ่ยแซวอีกครั้งว่า "เสียงไม่สำคัญ เท่ากับคะแนนเสียง วันนี้ยกคณะมาหมั้นหมายเหมือนยกขันหมากมาขอ" จากนั้นทั้งหมดได้หารือกันโดยมีแกนนำทุกกลุ่ม ของพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมหารือด้วยอาทิ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ แกนนำกลุ่มวังพญานาค นายมั่น พัธโนทัย ตัวแทนกลุ่มปากน้ำ นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ นายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี กลุ่มสัจจานุภาพ รวมถึ งม.ร.ว.กิตติวัฒนา ไชยยันต์ ส.ส.สัดส่วนเป็นต้น
หลังจากทั้งหมดได้หารือกัน พล.ต.อ.ประชา ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ซึ่งสั่งตรงมาจากโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค เป็นเมนูมีเส้น ก๋วยเตี๋ยวไก่ ผัดไทยกุ้งสด ไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ เป็นต้น ภายหลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง
เจ้าตัวกั๊กยังไม่คิดไปอยู่ซีกใด
พล.ต.อ.ประชา กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อแผ่นดินจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ว่า ได้เรียนไปแล้วว่าทั้ง 4-5 พรรคที่เคยร่วมงานทางการเมือง กันมาในอดีตจะปรึกษากัน วันนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เกียรติมาเยี่ยมบ้านตน เท่านั้น ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าจะยังไปพรรคเพื่อไทยอยู่อีกหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไปไกลเกินไป ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าท่าทียังไม่ชัดเจน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะยังไม่ทราบว่าจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเมื่อไร ขณะนี้กำลังคุยกันว่าเรื่องการเปิดประชุมจะเป็นอย่างไร เมื่อถามย้ำว่า เป็นเพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่จึงทำให้ตัดสินใจลำบาก พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงไม่มีวาสนาอยู่แล้ว ตนไม่มีวาสนาถึงขั้นนั้นหรอก
ส่วนทางออกของปัญหาของชาติควรจะเป็นไปในทิศทางใดนั้น พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า อยากเห็นความสามัคคีของคนในชาติกลับคืนมา ซึ่งเป็นความหวังของตน และพรรคเพื่อแผ่นดิน ใครก็ได้ที่จะเป็นรัฐบาล ต้องทำให้ประเทศชาติเกิดความร่มเย็น เป็นสุข
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคเพื่อแผ่นดินสามารถทำให้ปัญหาทุกอย่างจบลงได้ คิดที่จะทำให้จบเร็วขึ้นเพื่อเกิดความชัดเจนกับสังคมในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงไปพูดขนาดนั้นไม่ได้ ให้เกียรติพรรคเพื่อแผ่นดิน มากเกินไป ยังมีพรรคการเมืองอื่นอีกตั้ง 5 พรรค เมื่อถามว่าพรรคอื่นแสดงท่าทีชัดเจนหมดแล้วเหลือแต่เพียงพรรคเพื่อแผ่นดิน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ของเรา ก็ส่งคนไปร่วมหารือ แต่ตนเพิ่งจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเมื่อเย็นวันที่ 9 ต.ค.นี้ จึงยังไม่ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค จะต้องมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารก่อน โดยจะรอจังหวะที่เหมาะสม ส่วนกระแสข่าวที่จะเรียกประชุมสภา ในวันที่ 15 ธ.ค. นั้น ยังไม่ทราบ แต่หากมีการประชุมวันนั้นจริง เราก็คงจะเรียกประชุมกันในวันที่ 13-14 นี้
ส่วนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เชิญแกนนำ พรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารค่ำเย็นนี้ (10 ธ.ค.) จะไปร่วมหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ต้องถามว่าจะไปเพื่ออะไร ถ้าไปทานข้าวทานปลาก็ไปได้ เพราะตนกับนายเสนาะก็สนิทกัน เมื่อถามถึง สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ที่อาจมองว่าหากไปแล้วจะเป็นการจับขั้วกัน พล.ต.อ. ประชา กล่าวว่า ก็เหมือนกับการที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์มาเยี่ยมตน ขณะที่ทุกพรรคล้วนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัฌชิมาธิปไตย หรือพรรคประชาราช ซึ่งตนคงไม่มีความสำคัญอะไรมากมายนัก เราเป็นพรรคเล็ก
"มาร์ค"แย้มได้คุยกันแล้วสบายใจ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สบายใจ พวกเรามาคารวะท่านในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคที่ได้รับเลือก และการพูดคุยกันในวันนี้เราไม่ได้มองอะไรต่างกัน อยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ซึ่งทุกพรรคก็แสดงความตั้งใจแล้ว แต่เขาต้องมีขั้นตอนภายใน ซึ่งจะต้องไปดำเนินการตามข้อบังคับของแต่ละพรรค ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็ต้องการความเป็นปึกแผ่น เขาจึงต้องหารือกัน ซึ่งในสังคมไทยการให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เป็นเรื่องปกติ อย่างนายเสนาะก็ถือเป็นผู้ใหญ่ ในบ้านเมือง ไม่มีปัญหาอะไร พูดคุยกันแล้วก็สบายใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกันอยู่ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เลย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าในที่สุดต้องยอมรับว่า กระบวนการจัดตั้งรัฐบาล และเลือกนายกฯ เป็นเรื่องของสภาที่มีกรอบเวลาชัดเจนอยู่ อีกไม่กี่วันทุกอย่างก็จะชัดเจนแล้ว และทุกคนต้องเคารพในกระบวนการของสภา
ส่วนสถานการณ์ที่แกว่งเพราะมีการเสนอผลประโยชน์กันมาก เราก็ทราบว่า เป็นการช่วงชิงกัน แต่ได้คุยกับ พล.ต.อ.ประชาแล้วก็สบายใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้า พล.ต.อ.ประชาหากไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับนายเสนาะ พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังสบายใจใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ยังสบายใจ คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะพบกันก็ไม่มีปัญหาอะไร
"ประชา"แบะท้าให้พท.ตั้งรัฐบาลก่อน
จากนั้น พล.ต.อ.ประชา และนายไชยยศ จิระเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เดินลงไปส่งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพโดยที่พล.ต.อ.ประชาได้เดินประสานมือกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไปจนถึงรถ
ทั้งนี้เมื่อคณะของพรรคประชาธิปัตย์ ออกไปจากบริเวณบ้านแล้ว พล.ต.อ.ประชาได้เข้ามาชี้แจงกับกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า ไม่อยากให้มองว่าเราปฏิเสธที่จะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือมองว่าตนไม่ยอมตัดสินใจอะไร เพราะตนตัดสินใจ คนเดียวไม่ได้ พรรคการเมืองมีคณะกรรมการบริหารพรรคอยู่ มีข้อเสนออะไรมาก็ต้องคุยกัน ยืนยันว่าจะมองที่ผลประโยชน์ของบ้านเมือง
อย่างไรก็ตามเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองว่า พรรคใด ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งก็มีสิทธิ์ได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไล่มาเป็น พรรคอันดับ 2 คือพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือข้อเท็จจริง การจะพูดจาอะไรกันต้องมีเหตุมีผล เมื่อถามว่ามองว่าตัวนายกฯ ควรจะมาจาก 2 พรรคใหญ่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ยังไกลเกินไปที่จะพูดตอนนี้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ตนก็แล้วกัน
ชาติไทยย้ำชัดยังอยู่กับปชป.
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคชาติไทยไม่ได้รับการติดต่อจากนายเสนาะให้ไปร่วมรับประทานอาหารเย็น และหากติดต่อมาคงไม่ไปแน่นอนและจะไม่มีการส่งตัวแทนจากพรรคไปด้วย เพราะตอนนี้ ทุกอย่างมันจบแร้ว เราหารือและประกาศจุดยืนของพรรคร่วมชัดเจนไปแล้ว ทางพรรคก็ไม่น่าจะไปคุยกับใครอีกเพราะไม่ต้องการให้เกิดความสับสนกับประเทศชาติไปมากกว่านี้
"เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ว ทางพรรคจึงคิดว่าไม่น่าจะไปพูดคุยกับใครอีก เพราะถ้ายิ่งไปพูดมากก็ยิ่งทำให้สังคมมันสับสน จบแล้วก็ควรจะจบ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากแกนนำพรรคร่วมคนอื่นๆเดินทางไปบ้านนายเสนาะตาม คำเชิญ จะเป็นไรหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่าตรงนี้เราไม่ทราบ เพราะยังไม่มีการ พูดคุยถึงเรื่องนี้กันเลยที่แน่ๆ เรามีจุดยืนชัดเจนแล้วและคาดว่าสถานการณ์การเมือง น่าจะดีขึ้นเร็วๆนี้
ด้านนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร พรรคชาติไทย (เดิม) เปิดเผยว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำอดีตพรรคร่วมรัฐบาลได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่า คงจะไปพบนายเสนาะที่บ้านไม่ได้ เพราะได้ประกาศจุดยืนชัดเจนไปแล้ว ถ้าหากเราไปมันก็จะผิดหลักการไปหมด และคิดว่าแกนนำอดีตพรรคร่วมรัฐบาลคนอื่นๆ ก็คงไม่มีใคร ไปเช่นกัน ส่วนแนวคิดของนายเสนาะที่จะตั้งรัฐบาลแห่งชาติเป็นทางออกนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้เราเดินมาไกลแล้ว และก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
"ประดิษฐ์"ปัดเข้าพท.-ยันไม่เปลี่ยนขั้ว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ปฏิเสธ ถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า ส.ส.ของพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาทั้ง 9 คน รวมทั้งตัวนายประดิษฐ์ จะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล โดยยืนยันว่าไม่เคยมีแนวคิด ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นแต่อย่างใด ระบุพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาเป็นเพียงพรรคเล็ก การจะไปจับขั้วกับพรรคการเมืองใดในการจัดตั้งรัฐบาลต้องขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ใช่ตนเองเพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจะได้รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศก่อนปีใหม่ รวมทั้งเสถียรภาพความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการลงทุน จะพลิกฟื้นคืนมาอย่างแน่นอน
นายประดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า การที่นายเสนาะ นัดแกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมรับประทานอาหารนั้น พรรคยืนยันจะไม่ส่งบุคคลไปร่วมงานที่บ้านพักนายเสนาะ เพราะเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.และวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา พรรคได้แสดงจุดยืนร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม 4 พรรคแล้ว ว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ซึ่งจุดยืนนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง หากมีบุคคลใดของพรรคไปร่วมงานดังกล่าว ถือว่าไม่ได้ไปในนามพรรค แต่ไปในนามส่วนตัวที่สนิทสนมกับนายเสนาะ โดยเฉพาะ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค แต่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.เชษฐาก็ไปร่วมแสดงจุดยืนที่โรงแรมโฟว์ ซีซั่น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พท.ทาบ"เชษฐา"นำรัฐบาลเพื่อชาติสู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยนั้น วันเดียวกัน ตลอดทั้งวันที่อาคารชินวัตรไหมไทย ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีแกนนำและส.ส. อาทิ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รักษาการรมว.ศึกษาธิการและรมว.วัฒนธรรม นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นายไพโรจน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา ทยอยมาที่พรรคกันอย่างคึดคัก และได้มีส.ส.บางส่วนได้ประชุมวอร์รูม เพื่อประเมินสถานการณ์หลังจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ประกาศไม่รับตำแหน่ง นายกฯคนที่ 27 ตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอไป
โดยที่ประชุมได้แก้เกมหันไปทาบทามพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค รวมใจไทยชาติพัฒนา ให้ขึ้นเป็นนายกฯ เพื่อเป็นไปตามยุทธศาสตร์ตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ และนัดไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับแกนนำพรรคร่วมเดินที่บ้านของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เพื่อหักล้างภาพที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นแกนนำแถลงข่าว 4 พรรคเล็กสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เพื่อไทยฝันรอวัดใจวันโหวตนายกฯ
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล แต่อยากให้ดูวันโหวนเลือกนายกรัฐมนตรีว่า ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยใครจะเป็นของจริง
"เรื่องนี้ก็ต้องรอดูกันไปเพราะการโหวตเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.เราไม่สามารถ ไปห้ามได้ ส่วน ส.ส.ที่ประกาศว่าจะไม่มาร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการตั้งรัฐบาล ก็ต้องจับตาดูว่าวันโหวตเลือกนายกฯ ส.ส.เหล่านั้นก็อาจจะไม่ยกมือให้นายอภิสิทธิ์ก็ได้ จึงอย่าเพิ่งด่วนสรุป"
ส่วนข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์มาถึงส.ส. ขอร้องให้มาอยู่กับพรรคเพื่อไทยนั้น นายไพจิต กล่าวว่า ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงโทรมาบอก ส.ส.ที่ยังแกว่งๆ สองจิตสองใจว่าจะไปอยู่กับใคร ให้กลับมาช่วย พรรคเพื่อไทยมากกว่าที่จะไปเสนอเงื่อนไขเพื่อดึงตัว ส.ส.กลับอย่างที่มีการวิจารณ์กันแน่นอน
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฏร ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า จะไปตั้งขวาตั้งซ้ายก็อยู่ไม่นาน แต่ละฝั่งเสียงก็ปริ่มๆอย่างนี้จะอยู่ได้ไม่นาน เมื่อถามว่า จะมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ใช่หรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า ก็เตรียมการกันอยู่
โวมีแล้ว240"ก๊วนเนวิน"จะมาอีก10
ว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจนถึงขณะนี้ พรรคเพื่อไทย มีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง 100 % ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังคงที่ ที่ 240 เสียง เพียงแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่า พรรคไหน หรือ ใครบ้างที่จะเข้ามาเป็นแนวร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ โดยสกลุ่มเพื่อนเนวิน นั้น มีบางส่วนที่ ไม่พอใจการตัดสินใจของ นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งทำให้ประชาชนที่เลือกเข้ามาไม่พอใจ ในการย้ายขั้ว จึงมีแนวโน้มว่า จะขอกลับมาสังกัดพรรคเพื่อไทย อีกประมาณ 10 คน
สำหรับพรรคเล็กๆ นั้นว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธ์ กล่าวว่า ทุกพรรคเห็นตามแนวทางที่ นายเสนาะ เทียนทอง เสนอมาคือ ต้องการให้คนกลางขึ้นมาเป็น นายกฯ เพื่อลดแรง เสียดทานต่อกลุ่มต่างๆ และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง สามารถเดินหน้าได้ ต่อไป โดยขณะนี้มีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ให้เป็นผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ คนต่อไป