แกนนำ ปชป.ยังคงเดินสายจัดตั้งรัฐบาล “มาร์ค” ควง “สุเทพ” เข้าพบ “ประชา” อ้อนขอคะแนนเสียงจาก “เพื่อแผ่นดิน” ด้าน “ประชา” ยังแทงกั๊ก อ้างรอหารือในพรรคก่อน
วันนี้ (10 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรคประชาธิปัตย์กว่า 10 คน ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่บ้านพักวิภาวดี 60 พร้อมกับมอบแจกันดอกกุหลาบสีแดง ให้กับ พล.ต.อ.ประชา โดย นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวว่า ขออนุญาตมาเยี่ยมคารวะ และขอถือโอกาสปรึกษาถึงอนาคตของบ้านเมืองด้วย โดย พล.ต.อ.ประชา กล่าวตอบว่า ขอบคุณที่ให้เกียรติ ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องเดินทางมา ขณะที่ นายสุเทพ ได้เอ่ยแซวว่า พรรคนี้พิเศษหน่อย หัวหน้าพรรคอื่นได้แจกันเดียว แต่พรรคนี้ได้ 2 แจกัน จากนั้น พล.ต.อ.ประชา ได้นำคณะทั้งหมดไปนั่งหารือที่ห้องรับแขก โดย พล.ต.อ.ประชา กล่าวพร้อมกับจับที่ลำคอว่า วันนี้เสียงไม่ค่อยดี นายสุเทพ จึงเอ่ยแซวอีกครั้งว่า เสียงไม่สำคัญ เท่ากับคะแนนเสียง วันนี้ยกคณะมาหมั้นหมายเหมือนยกขันหมากมาขอ จากนั้นทั้งหมดได้หารือกันโดยมีแกนนำทุกกลุ่มของพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าร่วมหารือด้วย อาทิ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ แกนนำกลุ่มวังพญานาค นายมั่น พัธโนทัย ตัวแทนกลุ่มปากน้ำ นายพิเชษฐ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ นายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี กลุ่มสัจจานุภาพ รวมถึง ม.ร.ว.กิตติวัฒนา ไชยยันต์ ส.ส.สัดส่วน เป็นต้น
หลังจากทั้งหมดได้หารือกัน พล.ต.อ.ประชา ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ซึ่งสั่งตรงมาจากโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค เป็นเมนูมีเส้น ก๋วยเตี๋ยวไก่ ผัดไทยกุ้งสด ไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ เป็นต้น ภายหลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.ประชา กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อแผ่นดินจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ว่า ได้เรียนไปแล้วว่าทั้ง 4-5 พรรคที่เคยร่วมงานทางการเมืองกันมาในอดีต จะปรึกษากัน วันนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เกียรติมาเยี่ยมบ้านตนเท่านั้น ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าจะยังไปพรรคเพื่อไทยอยู่อีกหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไปไกลเกินไป เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า ท่าทียังไม่ชัดเจน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะยังไม่ทราบว่าจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเมื่อไร ขณะนี้กำลังคุยกันว่าเรื่องการเปิดประชุมจะเป็นอย่างไร เมื่อถามย้ำว่า เป็นเพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ จึงทำให้ตัดสินใจลำบาก พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงไม่มีวาสนาอยู่แล้ว ตนไม่มีวาสนาถึงขั้นนั้นหรอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่า ทางออกของปัญหาของชาติควรจะเป็นไปในทิศทางใด พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า อยากเห็นความสามัคคีของคนในชาติกลับคืนมา ซึ่งเป็นความหวังของตน และพรรคเพื่อแผ่นดิน ใครก็ได้ที่จะเป็นรัฐบาล ต้องทำให้ประเทศชาติเกิดความร่มเย็นเป็นสุข เมื่อถามว่าพรรคเพื่อแผ่นดินสามารถทำให้ปัญหาทุกอย่างจบลงได้ คิดที่จะทำให้จบเร็วขึ้นเพื่อเกิดความชัดเจนกับสังคมหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงไปพูดขนาดนั้นไม่ได้ ให้เกียรติพรรคเพื่อแผ่นดินมากเกินไป ยังมีพรรคการเมืองอื่นอีกตั้ง 5 พรรค เมื่อถามว่าพรรคอื่นแสดงท่าทีชัดเจนหมดแล้วเหลือแต่เพียงพรรคเพื่อแผ่นดิน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ของเราก็ส่งคนไปร่วมหารือ แต่ตนเพิ่งจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเมื่อเย็นวันที่ 9 ต.ค.นี้ จึงยังไม่ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค เราต้องพูดคุยกันก่อน ซึ่งจะต้องมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารก่อน โดยจะรอจังหวะที่เหมาะสม ส่วนกระแสข่าวที่จะเรียกประชุมสภา ในวันที่ 15 ธ.ค.นั้น ยังไม่ทราบ แต่หากมีการประชุมวันนั้นจริง เราก็คงมีการเรียกประชุมกันในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เชิญแกนนำพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารค่ำเย็นนี้ จะไปร่วมหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ต้องถามว่าจะไปเพื่ออะไร ถ้าไปทานข้าวทานปลาก็ไปได้ เพราะตนกับนายเสนาะก็สนิทกัน เมื่อถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ที่อาจมองว่าหากไปแล้วจะเป็นการจับขั้วกัน พล.ต.อ. ประชา กล่าวว่า ก็เหมือนกับการที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์มาเยี่ยมตน ขณะที่ทุกพรรคล้วนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทย รวมใจไทยชาติพัฒนา มัชฌิมาธิปไตย หรือประชาราช ซึ่งตนคงไม่มีความสำคัญอะไรมากมายนัก เราเป็นพรรคเล็ก
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สบายใจ พวกเรามาคารวะท่านในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคที่ได้รับเลือก และการพูดคุยกันในวันนี้เราไม่ได้มองอะไรต่างกัน อยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ซึ่งทุกพรรคก็แสดงความตั้งใจแล้ว แต่เขาต้องมีขั้นตอนภายใน ซึ่งจะต้องไปดำเนินการตามข้อบังคับของแต่ละพรรค ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็ต้องการความเป็นปึกแผ่น เขาจึงต้องหารือกัน ซึ่งในสังคมไทยการให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เป็นเรื่องปกติ อย่างนายเสนาะก็ถือเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไม่มีปัญหาอะไร พูดคุยกันแล้วก็สบายใจ
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกันอยู่ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เลย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าในที่สุดต้องยอมรับว่า กระบวนการจัดตั้งรัฐบาล และเลือกนายกฯ เป็นเรื่องของสภาที่มีกรอบเวลาชัดเจนอยู่ อีกไม่กี่วันทุกอย่างก็จะชัดเจนแล้ว และทุกคนต้องเคารพในกระบวนการของสภา ส่วนสถานการณ์ที่แกว่งเพราะมีการเสนอผลประโยชน์กันมาก เราก็ทราบว่าเป็นการช่วงชิงกัน แต่ได้คุยกับ พล.ต.อ.ประชาแล้วก็สบายใจ ทั้งนี้ในช่วงท้ายได้มีการถามย้ำ พล.ต.อ.ประชาหากไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับนายเสนาะ พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังสบายใจใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ยังสบายใจ คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะพบกันก็ไม่มีปัญหาอะไร
จากนั้น พล.ต.อ.ประชา และ นายไชยยศ ได้เดินลงไปส่ง นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ โดยที่พล.ต.อ.ประชา ได้เดินประสานมือกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไปจนถึงรถ ทั้งนี้ เมื่อคณะของพรรคประชาธิปัตย์ออกไปจากบริเวณบ้านแล้ว พล.ต.อ.ประชาได้เข้ามาชี้แจงกับกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า ไม่อยากให้มองว่าเราปฏิเสธที่จะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือมองว่าตนไม่ยอมตัดสินใจอะไร เพราะตนตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ พรรคการเมืองมีคณะกรรมการบริหารพรรคอยู่ มีข้อเสนออะไรมาก็ต้องคุยกัน ยืนยันว่าจะมองที่ผลประโยชน์ของบ้านเมือง อย่างไรก็ตามเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองว่า พรรคใดได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งก็มีสิทธิ์ได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไล่มาเป็นพรรคอันดับ 2 คือพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือข้อเท็จจริง การจะพูดจาอะไรกันต้องมีเหตุมีผล เมื่อถามว่ามองว่าตัวนายกฯ ควรจะมาจาก 2 พรรคใหญ่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ยังไกลเกินไปที่จะพูดตอนนี้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ตนก็แล้วกัน