หอการค้าฯ เตือนแก๊งพลังไข่แม้ว หยุดดิ้นจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล เพราะหมดความชอบธรรมไปแล้ว ควรเปิดโอกาสให้ ปชป.พิสูจน์ฝีมือบ้าง เชื่อมือ “อภิสิทธิ์” นั่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ เพราะคร่ำหวอดมานาน-ประสบการณ์สูง มั่นใจมีความสามารถเพียงพอ แก้ไขปัญหาทั้งในและนอกประเทศให้คลี่คลายลงได้
วันนี้ (07 ธันวาคม 2551) นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวแสดงความเห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะจับเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ เพราะหากยังเป็นการจับขั้วเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ก็เชื่อว่า ปัญหาความขัดแย้งจะกลับมาอีก และมองไม่เห็นว่า อนาคตจะยุติลงอย่างไร ดังนั้น การที่รัฐบาลเดิมหมดความชอบธรรมแล้ว ก็ควรเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์พิสูจน์ฝีมือบ้าง
"ในเมื่อรัฐบาลเก่าหมดความชอบธรรมก็ควรที่จะเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์ฝีมือเข้ามาบริหารประเทศ และเป็นไปตามข้อเรียกร้องของเอกชนที่อยากให้บ้านเมืองสงบสุข และไม่อยากเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นจนทำให้ประเทศชาติเสียหายมานานนับแรมปี เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์น่าจะแก้ไขวิกฤตของบ้านเมืองได้"
ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มผู้สนับสนุนจะสนับสนุนให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า จากที่ได้หารือกับภาคเอกชนต่างยอมรับได้ แม้จะประเมินกันว่า นายอภิสิทธิ์ อาจมีกระดูกทางการเมืองยังไม่แข็งพอ แต่เชื่อว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ อยู่ในวงการเมืองมานาน และมีประสบการณ์มาก จึงเชื่อว่า จะสามารถเข้ามาบริหารประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคนเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์สูง น่าจะดึงเข้ามาช่วยบริหารบ้านเมืองได้ โดยเฉพาะต้องเร่งแก้ไขปัญหาความเชื่อมั่นอันดับแรก ที่จะต้องดึงการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กลับมาโดยเร็ว และยังมองว่าทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์น่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ได้
นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังมีการตั้งข้อสังเกต ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามที่แถลงไว้ เชื่อว่าอาจจะมีหลายฝ่ายตั้งคำถาม เพราะทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ชำนาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้อาจแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทันกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในปัจจุบัน แต่ข้อดีของพรรคประชาธิปัตย์ คือ มักจะฟังเสียงท้วงติงจากผู้ที่ไม่เห็นด้วย และนำมาปรับแก้ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบเหนือพรรคเพื่อไทย