เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (15ธ.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. และนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลงใน 22 จังหวัด 26 เขต 29 คน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงศึกษา และบริษัทไปรษณีย์ไทย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีจำนวน 15,955 หน่วย ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 8,166,385 คน
ทั้งนี้ในการประชุม ยังได้เน้นให้มีการรณรงค์ให้กับประชนชนได้รับทราบ โดยการเคาะประตูบ้านบอกให้ทราบ และเข้าใจถึงวันเลือกตั้งว่าจะต้องมีการเลือกตั้งอะไรบ้าง เพราะมีบางเขตอาจจะต้องมีการเลือกตั้งทั้งส.ส. และการเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น กทม. จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และเลือกตั้งส.ส.เขต 10 และที่ จ.ลำปาง จะมีการเลือกตั้งเทศบาล
นอกจากนี้ทาง กกต.ยังแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการประสานไปยังศาลฎีกา ในกรณีที่อาจมีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ไปฟ้องศาลเพื่อคัดค้านในเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร ที่กฎหมายกำหนดให้สังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งไม่น้อยกว่า 90 วัน
ทั้งนี้ที่ประชุมคาดว่าจะมีพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ซึ่งหากไม่เป็นไปตามนั้น จะกระทบต่อการรับสมัครเลือกตั้งที่กำหนดไว้ ระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ในการประชุมนายอภิชาต ได้กำชับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจประจำหน่วยเคร่งครัดในเรื่องการนับคะแนน เพราะที่ผ่านมามีการทุจริตในการขานคะแนนจำนวนมาก
ด้านพล.ต.อ.วิเชียร ได้ขอเพิ่มงบประมาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาช่วยตรวจสอบดูแลการเลือกตั้งจาก 8 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาท เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะแม้การเลือกตั้งครั้งนี้เพียง 26 เขต แต่คาดว่าจะมีความรุนแรงมากว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะจะมีกลุ่มบุคคลที่จะเข้าไปก่อกวนการเลือกตั้ง และ กดดัน ปิดล้อมผู้สมัครบางคน
ล่าสุดทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีบัญชีผู้มีอิทธิพล หัวคะแนน มือปืน ในพื้นที่ต่างๆ แล้ว หากได้งบประมาณเพิ่มมาก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เฝ้าระวังในเรื่องนี้ ซึ่งการดูแลการเลือกตั้งครั้งนี้จะใช้กำลังดูแลก่อน และหลังเลือกตั้งช่วงเวลา 20 วัน ซึ่ง ประธาน กกต.ก็เห็นด้วยกับขอเสนอของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอมา เพื่อให้คนทำงานได้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
"ที่ทางตำรวจจะเข้ามาช่วยดูแล ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ก่อนหน้านี้ก็มีแต่คนกล่าวหาว่า กกต.ทำอะไรไม่ได้ เหมือนเสือกระดาษ แจ้งอะไรมาก็ไม่ทำ จะให้ทำได้อย่างไรก็ทั้งจังหวัด คนดำเนินการมีอยู่คนเดียว จึงถือว่าเป็นจุดอ่อนอย่างมาก หากทางตำรวจเข้ามาช่วยดำเนินการ ก็จะทำให้การเลือกตั้งของเราเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม สมดังเจตนารมณ์" นายอภิชาตกล่าว
**คาดเลือกตั้งเขต2 นนทบุรี 25 ม.ค.
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้งกล่าวถึงกรณี นายสมบัติ สิทธิกรวงศ์ ส.ส.เขต 2 นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิต ว่า กกต.จะต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งใหม่แทนนายสมบัติ ภายใน 45 วัน ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 25 ม.ค.52 และในวันนี้ (16 ธ.ค.) จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม เพื่อทำร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ครม.รักษาการดำเนินการต่อไป
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่ากรณีของนายสมบัติ ไม่สามารถจัดเลือกตั้งพร้อมกันกับกลุ่มที่ถูกยุบพรรคได้ เนื่องกำหนดเวลาการเลือกตั้งซ่อม กับการเลือกตั้งแทนนายสมบัตินั้น ระยะเวลาห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ หากจัดพร้อมกันอาจทำให้เกิดความฉุกละหุกได้ อีกทั้ง ขณะนี้เพิ่งได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ การทำงานอาจขลุกขลัก จนทำให้การออก พ.ร.ฏ.กำหนดวันเลือกตั้งล่าช้าออกไป
**กกต.เอาใจช่วยให้นายกฯคนใหม่
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า การมีรัฐบาลใหม่ก็จะทำให้บ้านเมืองกลับสู่สภาพปกติ รัฐบาลควรใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งตนก็เอาใจช่วยได้ทำงาน และสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองและเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ขณะนี้ให้ดีขึ้น
ส่วนกรณีที่อาจจะมีการมาร้องกับ กกต.ให้ดำเนินการ เพราะการได้เป็นนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ นั้นอาจจะไม่ถูกต้อง เนื่องจากว่าก่อนที่จะได้รับโหวดเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการไปหารือและขอความช่วยเหลือกับคนที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง รวมไปถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทย ร้องต่อ กกต.ว่า นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมอ้างหลักฐานเป็นรูปถ่าย ระหว่างนายเนวิน กับนายอภิสิทธิ์ สวมกอดกัน นั้น หากมีการร้องเข้ามา กกต.ก็จะต้องตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้เรื่องยังอยู่ที่สำนักกฎหมายและคดี เพื่อตรวจสอบด้านข้อกฎหมายอยู่
สำหรับเรื่องกรรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้น กกต.ได้มีการตอบข้อหารือไป กรณีที่จะไปช่วยผู้สมัครปราศรัยหาเสียงไม่ได้ ดังนั้นกรณีดังกล่าวนี้ก็ให้สำนักกฎหมายและคดีต้องมาดูว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่
ทั้งนี้ในการประชุม ยังได้เน้นให้มีการรณรงค์ให้กับประชนชนได้รับทราบ โดยการเคาะประตูบ้านบอกให้ทราบ และเข้าใจถึงวันเลือกตั้งว่าจะต้องมีการเลือกตั้งอะไรบ้าง เพราะมีบางเขตอาจจะต้องมีการเลือกตั้งทั้งส.ส. และการเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น กทม. จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และเลือกตั้งส.ส.เขต 10 และที่ จ.ลำปาง จะมีการเลือกตั้งเทศบาล
นอกจากนี้ทาง กกต.ยังแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการประสานไปยังศาลฎีกา ในกรณีที่อาจมีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ไปฟ้องศาลเพื่อคัดค้านในเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร ที่กฎหมายกำหนดให้สังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งไม่น้อยกว่า 90 วัน
ทั้งนี้ที่ประชุมคาดว่าจะมีพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ซึ่งหากไม่เป็นไปตามนั้น จะกระทบต่อการรับสมัครเลือกตั้งที่กำหนดไว้ ระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ในการประชุมนายอภิชาต ได้กำชับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจประจำหน่วยเคร่งครัดในเรื่องการนับคะแนน เพราะที่ผ่านมามีการทุจริตในการขานคะแนนจำนวนมาก
ด้านพล.ต.อ.วิเชียร ได้ขอเพิ่มงบประมาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาช่วยตรวจสอบดูแลการเลือกตั้งจาก 8 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาท เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะแม้การเลือกตั้งครั้งนี้เพียง 26 เขต แต่คาดว่าจะมีความรุนแรงมากว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะจะมีกลุ่มบุคคลที่จะเข้าไปก่อกวนการเลือกตั้ง และ กดดัน ปิดล้อมผู้สมัครบางคน
ล่าสุดทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีบัญชีผู้มีอิทธิพล หัวคะแนน มือปืน ในพื้นที่ต่างๆ แล้ว หากได้งบประมาณเพิ่มมาก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เฝ้าระวังในเรื่องนี้ ซึ่งการดูแลการเลือกตั้งครั้งนี้จะใช้กำลังดูแลก่อน และหลังเลือกตั้งช่วงเวลา 20 วัน ซึ่ง ประธาน กกต.ก็เห็นด้วยกับขอเสนอของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอมา เพื่อให้คนทำงานได้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
"ที่ทางตำรวจจะเข้ามาช่วยดูแล ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ก่อนหน้านี้ก็มีแต่คนกล่าวหาว่า กกต.ทำอะไรไม่ได้ เหมือนเสือกระดาษ แจ้งอะไรมาก็ไม่ทำ จะให้ทำได้อย่างไรก็ทั้งจังหวัด คนดำเนินการมีอยู่คนเดียว จึงถือว่าเป็นจุดอ่อนอย่างมาก หากทางตำรวจเข้ามาช่วยดำเนินการ ก็จะทำให้การเลือกตั้งของเราเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม สมดังเจตนารมณ์" นายอภิชาตกล่าว
**คาดเลือกตั้งเขต2 นนทบุรี 25 ม.ค.
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้งกล่าวถึงกรณี นายสมบัติ สิทธิกรวงศ์ ส.ส.เขต 2 นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิต ว่า กกต.จะต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งใหม่แทนนายสมบัติ ภายใน 45 วัน ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 25 ม.ค.52 และในวันนี้ (16 ธ.ค.) จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม เพื่อทำร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ครม.รักษาการดำเนินการต่อไป
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่ากรณีของนายสมบัติ ไม่สามารถจัดเลือกตั้งพร้อมกันกับกลุ่มที่ถูกยุบพรรคได้ เนื่องกำหนดเวลาการเลือกตั้งซ่อม กับการเลือกตั้งแทนนายสมบัตินั้น ระยะเวลาห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ หากจัดพร้อมกันอาจทำให้เกิดความฉุกละหุกได้ อีกทั้ง ขณะนี้เพิ่งได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ การทำงานอาจขลุกขลัก จนทำให้การออก พ.ร.ฏ.กำหนดวันเลือกตั้งล่าช้าออกไป
**กกต.เอาใจช่วยให้นายกฯคนใหม่
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า การมีรัฐบาลใหม่ก็จะทำให้บ้านเมืองกลับสู่สภาพปกติ รัฐบาลควรใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งตนก็เอาใจช่วยได้ทำงาน และสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองและเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ขณะนี้ให้ดีขึ้น
ส่วนกรณีที่อาจจะมีการมาร้องกับ กกต.ให้ดำเนินการ เพราะการได้เป็นนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ นั้นอาจจะไม่ถูกต้อง เนื่องจากว่าก่อนที่จะได้รับโหวดเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการไปหารือและขอความช่วยเหลือกับคนที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง รวมไปถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทย ร้องต่อ กกต.ว่า นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมอ้างหลักฐานเป็นรูปถ่าย ระหว่างนายเนวิน กับนายอภิสิทธิ์ สวมกอดกัน นั้น หากมีการร้องเข้ามา กกต.ก็จะต้องตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้เรื่องยังอยู่ที่สำนักกฎหมายและคดี เพื่อตรวจสอบด้านข้อกฎหมายอยู่
สำหรับเรื่องกรรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้น กกต.ได้มีการตอบข้อหารือไป กรณีที่จะไปช่วยผู้สมัครปราศรัยหาเสียงไม่ได้ ดังนั้นกรณีดังกล่าวนี้ก็ให้สำนักกฎหมายและคดีต้องมาดูว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่