"อภิสิทธิ์"เผย ปชป.จะได้ชื่อผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ก่อน 25 พ.ย. "สุเทพ"ยอมรับมีแนวคิดแตกต่าง แต่ไม่แตกแยก "เทพไท"จวก"ชูวิทย์" ไม่รู้จักที่ต่ำสูง ยัน"อภิรักษ์"ลาออกเพราะมีสำนึก ต่างจากพวกครม. ที่ไร้จริยธรรมทางการเมือง ด้าน กกต.คาดเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. 11 ม.ค.52 พร้อมเสียค่าใช้จ่ายในการจัดเลือกตั้งส.ส.แทน"กรณ์" หากลาออกไปลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เผยเตรียมแก้กฎหมายให้ผู้ที่ลาออกต้องจ่ายค่าเลือกตั้งซ่อม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. แทนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ลาออกไปว่า จะเร่งดำเนินการ ซึ่งจากเดิมจะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาตัวผู้สมัครในวันที่ 24 พ.ย. จากนั้นเสนอชื่อให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาในวันที่ 25 พ.ย โดยกำลังดูว่าจะเลื่อนเข้ามาเร็วได้เมื่อไร เนื่องจากทางกกต. ส่งสัญญาณว่าจะรับสมัครเร็วขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะส่งใคร
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าพรรคไม่มีปัญหาความขัดแย้งในการลาออกของนายอภิรักษ์ แต่ยอมรับว่าตนมีแนวคิดที่แตกต่างจากนายอภิสิทธิ์ เพราะเห็นว่า นายอภิรักษ์ ไม่จำเป็นต้องลาออก เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต เพียงแต่นายอภิรักษ์ โชคไม่ดี ที่ต้องมารับมรดกบาปจากรัฐบาลที่แล้ว จะตัดสินใจทางไหนก็ถูกตำหนิทั้งสิ้น แต่เมื่อพรรคตัดสินใจแล้ว ก็เคารพ และไม่ได้มีปัญหาหรือรอยร้าวใดๆ ทั้งสิ้น
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ระบุว่าการที่นายอภิรักษ์ ลาออกจากตำแหน่ง เป็นการสร้างภาพทางการเมืองว่า การลาออกของนายอภิรักษ์ เป็นจิตสำนึกที่พรรคประชาธิปัตย์ได้สร้างบรรทัดฐานไว้ จึงอยากให้นายชูวิทย์ กลับไปดูว่านักการเมืองคนอื่นๆ ที่มีความผิดด้านจริยธรรม คุณธรรม กลับนิ่งเฉยไม่ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบทางการเมือง และอยากให้กลับไปดูตัวเองที่เคยโดนอุ้ม และการเอาค้อนไปทุบอ่าง หรือนั่งกินแกงปลาไหล ที่หน้าร้านช้อนเงิน ช้อนทอง เย้าะเย้ยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ในอดีตนั้นเป็นการสร้างภาพหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์มีเจตนาบริสุทธิ์ที่ต้องการทำการเมืองที่มีมาตรฐาน นายอภิรักษ์ จึงขอลาออก และการที่นายอภิรักษ์ จะลาออกหลังวันที่ 19 พ.ย. เป็นความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นความจงรักภักดีต่อสถาบันของนายอภิรักษ์ ไม่ใช่รอเก็บเงินค่าโต๊ะงานระดมทุนอย่างที่นายชูวิทย์กล่าวอ้าง ตนไม่แน่ใจว่านายชูวิทย์ รู้จักที่ต่ำที่สูงหรือไม่
ส่วนที่นายชูวิทย์อ้างว่าเคยเตือนพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรส่งนายอภิรักษ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะมีเรื่องอยู่ในป.ป.ช.นั้น ขณะนั้นพรรคได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่านายอภิรักษ์ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เพราะอนุกรรมการของคตส. ก็ไม่เคยแจ้งข้อกล่าวหา และจนถึงขณะนี้ก็ยังถือว่านายอภิรักษ์บริสุทธิ์อยู่ แต่ความผิดจะเกิดขึ้นก็เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองได้ตัดสินแล้ว แต่การที่นายชูวิทย์ พยายามโจมตีนายอภิรักษ์ ในขณะนั้นเพราะนายอภิรักษ์เป็นเต็ง 1 ในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด นายชูวิทย์ เลยพยายามที่จะสร้างกระแสโจมตีให้พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนตัวผู้สมัครเหมือนกับในขณะนี้ ที่กระแสของ นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.กทม. ก็กำลังมาแรง นายชูวิทย์ ก็พยายามที่จะดิสเครดิตว่านายกรณ์ เป็นส.ส.เขตอยู่ อาจจะต้องเสียงบประมาณเพื่อเลือกตั้งซ่อม
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แทนนายอภิรักษ์ว่า ทางกกต.กทม.จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ 11 ม.ค.52 เพราะเป็นอาทิตย์สุดท้ายที่ครบกำหนดวันรับสมัครการเลือกตั้ง โดยใช้งบประมาณ 154 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่มีคนวิจารณ์ว่าเหตุใด ทางกกต. จึงไม่ชะลอการประกาศผลรับรองของนายอภิรักษ์ ออกไปก่อน ทั้งที่มีเรื่องร้องเรียนที่ป.ป.ช. นั้น กกต.คงชะลอการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นกำหนดให้ส่งมอบตำแหน่งภายใน 7 วัน อีกทั้งประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 32 ที่กำหนดให้ประกาศรับรองผลภายใน 30 วัน ส่วนเรื่องการลงสมัครผู้ว่า ฯ กทม.ของนาย อภิรักษ์ กกต.คงห้ามไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ขาดคุณสมบัติ และยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษา
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ จะส่งนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นส.ส.เขต ลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีที่ส.ส.เขตลาออก กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทต่อเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ก็เป็นดุลยพินิจและการพิจารณาของพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม กกต.ก็พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง และออกค่าใช้จ่าย
เมื่อถามว่า กกต.จะมีการแก้กฎหมายหรือไม่ เพื่อให้คนที่ลาออกไปต้องจ่ายค่าจัดการเลือกตั้งใหม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า เชื่อว่าอนาคตก็คงจะมีการแก้กฎหมาย โดยกกต.จะยกร่างเพื่อปรับปรุง กฎหมายท้องถิ่นและกฎหมายเลือกตั้งส.ส. ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น เพราะที่ผ่านมานั้นก็มีการเสนอว่า หากมีการลาออกในช่วงที่ยังไม่ครบวาระนั้น ผู้ที่ลาออกต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งซ่อม เนื่องจากที่ผ่านมานั้นในท้องถิ่นทั้ง อบต. เทศบาลเมือง ก็มีสมาชิกลาออกไปก่อนครบวาระเป็นจำนวนมาก
ส่วนเรื่องการรับสมัคร บุคคลที่มีคดีความติดอยู่ในชั้นศาลนั้น ก็คงจะมีการนำมีพิจารณาเพื่อปรับปรุงต่อไป เพราะที่ผ่านมาการเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา ก็มีส.ส.แบบสัดส่วน และส.ส.แบบแบ่งเขต หลายคนก็มีคดีความอยู่ในชั้นศาล แต่เราก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้สมัครได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. แทนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ลาออกไปว่า จะเร่งดำเนินการ ซึ่งจากเดิมจะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาตัวผู้สมัครในวันที่ 24 พ.ย. จากนั้นเสนอชื่อให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาในวันที่ 25 พ.ย โดยกำลังดูว่าจะเลื่อนเข้ามาเร็วได้เมื่อไร เนื่องจากทางกกต. ส่งสัญญาณว่าจะรับสมัครเร็วขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะส่งใคร
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าพรรคไม่มีปัญหาความขัดแย้งในการลาออกของนายอภิรักษ์ แต่ยอมรับว่าตนมีแนวคิดที่แตกต่างจากนายอภิสิทธิ์ เพราะเห็นว่า นายอภิรักษ์ ไม่จำเป็นต้องลาออก เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต เพียงแต่นายอภิรักษ์ โชคไม่ดี ที่ต้องมารับมรดกบาปจากรัฐบาลที่แล้ว จะตัดสินใจทางไหนก็ถูกตำหนิทั้งสิ้น แต่เมื่อพรรคตัดสินใจแล้ว ก็เคารพ และไม่ได้มีปัญหาหรือรอยร้าวใดๆ ทั้งสิ้น
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ระบุว่าการที่นายอภิรักษ์ ลาออกจากตำแหน่ง เป็นการสร้างภาพทางการเมืองว่า การลาออกของนายอภิรักษ์ เป็นจิตสำนึกที่พรรคประชาธิปัตย์ได้สร้างบรรทัดฐานไว้ จึงอยากให้นายชูวิทย์ กลับไปดูว่านักการเมืองคนอื่นๆ ที่มีความผิดด้านจริยธรรม คุณธรรม กลับนิ่งเฉยไม่ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบทางการเมือง และอยากให้กลับไปดูตัวเองที่เคยโดนอุ้ม และการเอาค้อนไปทุบอ่าง หรือนั่งกินแกงปลาไหล ที่หน้าร้านช้อนเงิน ช้อนทอง เย้าะเย้ยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ในอดีตนั้นเป็นการสร้างภาพหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์มีเจตนาบริสุทธิ์ที่ต้องการทำการเมืองที่มีมาตรฐาน นายอภิรักษ์ จึงขอลาออก และการที่นายอภิรักษ์ จะลาออกหลังวันที่ 19 พ.ย. เป็นความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นความจงรักภักดีต่อสถาบันของนายอภิรักษ์ ไม่ใช่รอเก็บเงินค่าโต๊ะงานระดมทุนอย่างที่นายชูวิทย์กล่าวอ้าง ตนไม่แน่ใจว่านายชูวิทย์ รู้จักที่ต่ำที่สูงหรือไม่
ส่วนที่นายชูวิทย์อ้างว่าเคยเตือนพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรส่งนายอภิรักษ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะมีเรื่องอยู่ในป.ป.ช.นั้น ขณะนั้นพรรคได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่านายอภิรักษ์ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เพราะอนุกรรมการของคตส. ก็ไม่เคยแจ้งข้อกล่าวหา และจนถึงขณะนี้ก็ยังถือว่านายอภิรักษ์บริสุทธิ์อยู่ แต่ความผิดจะเกิดขึ้นก็เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองได้ตัดสินแล้ว แต่การที่นายชูวิทย์ พยายามโจมตีนายอภิรักษ์ ในขณะนั้นเพราะนายอภิรักษ์เป็นเต็ง 1 ในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด นายชูวิทย์ เลยพยายามที่จะสร้างกระแสโจมตีให้พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนตัวผู้สมัครเหมือนกับในขณะนี้ ที่กระแสของ นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.กทม. ก็กำลังมาแรง นายชูวิทย์ ก็พยายามที่จะดิสเครดิตว่านายกรณ์ เป็นส.ส.เขตอยู่ อาจจะต้องเสียงบประมาณเพื่อเลือกตั้งซ่อม
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แทนนายอภิรักษ์ว่า ทางกกต.กทม.จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ 11 ม.ค.52 เพราะเป็นอาทิตย์สุดท้ายที่ครบกำหนดวันรับสมัครการเลือกตั้ง โดยใช้งบประมาณ 154 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่มีคนวิจารณ์ว่าเหตุใด ทางกกต. จึงไม่ชะลอการประกาศผลรับรองของนายอภิรักษ์ ออกไปก่อน ทั้งที่มีเรื่องร้องเรียนที่ป.ป.ช. นั้น กกต.คงชะลอการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นกำหนดให้ส่งมอบตำแหน่งภายใน 7 วัน อีกทั้งประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 32 ที่กำหนดให้ประกาศรับรองผลภายใน 30 วัน ส่วนเรื่องการลงสมัครผู้ว่า ฯ กทม.ของนาย อภิรักษ์ กกต.คงห้ามไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ขาดคุณสมบัติ และยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษา
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ จะส่งนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นส.ส.เขต ลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีที่ส.ส.เขตลาออก กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทต่อเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ก็เป็นดุลยพินิจและการพิจารณาของพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม กกต.ก็พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง และออกค่าใช้จ่าย
เมื่อถามว่า กกต.จะมีการแก้กฎหมายหรือไม่ เพื่อให้คนที่ลาออกไปต้องจ่ายค่าจัดการเลือกตั้งใหม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า เชื่อว่าอนาคตก็คงจะมีการแก้กฎหมาย โดยกกต.จะยกร่างเพื่อปรับปรุง กฎหมายท้องถิ่นและกฎหมายเลือกตั้งส.ส. ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น เพราะที่ผ่านมานั้นก็มีการเสนอว่า หากมีการลาออกในช่วงที่ยังไม่ครบวาระนั้น ผู้ที่ลาออกต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งซ่อม เนื่องจากที่ผ่านมานั้นในท้องถิ่นทั้ง อบต. เทศบาลเมือง ก็มีสมาชิกลาออกไปก่อนครบวาระเป็นจำนวนมาก
ส่วนเรื่องการรับสมัคร บุคคลที่มีคดีความติดอยู่ในชั้นศาลนั้น ก็คงจะมีการนำมีพิจารณาเพื่อปรับปรุงต่อไป เพราะที่ผ่านมาการเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา ก็มีส.ส.แบบสัดส่วน และส.ส.แบบแบ่งเขต หลายคนก็มีคดีความอยู่ในชั้นศาล แต่เราก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้สมัครได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม