xs
xsm
sm
md
lg

กกต.เตรียมแก้ กม.ส.ส.ลาออก ต้องควักกระเป๋าจ่ายเลือกตั้งใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประพันธ์ นัยโกวิท กกต.
กกต.พร้อมเสียค่าใช้จ่าย 10 ล้าน ในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.หากลาออกไปลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.พร้อมระบุในอนาคต เตรียมแก้กฎหมาย ใครลาออกต้องควักกระเป๋าจ่ายเลือกตั้งใหม่ ขณะเดียวกัน เชื่อต้นเดือน ธ.ค.คณะกรรมการสรรหา ส.ว.น่าจะคัดเลือกได้คนเข้ามาเป็น ส.ว.

วันนี้ (14 พ.ย.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แทน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ที่ลาออกไป ว่า ทาง กกต.กทม.จะเป็นกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ 11 ม.ค.2552 เพราะเป็นอาทิตย์สุดท้ายที่ครบกำหนดวันรับสมัครการเลือกตั้ง โดยใช้งบประมาณ 154 ล้านบาท ส่วนกรณีที่มีคนวิจารณ์ว่าเหตุใด ทาง กกต.จึงไม่ชะลอการประกาศผลรับรองของ นายอภิรักษ์ ออกไปก่อนทั้งที่มีเรื่องร้องเรียนที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น กกต.คงชะลอการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นกำหนดให้ส่งมอบตำแหน่งภายใน 7 วัน อีกทั้งประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 32 ที่กำหนดให้ประกาศรับรองผลภายใน 30 วัน ส่วนเรื่องการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ของ นายอภิรักษ์ กกต.คงห้ามไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ขาดคุณสมบัติ และยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษา

เมื่อถามว่า กรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ จะส่ง นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น ส.ส.เขต ลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีที่ ส.ส.เขตลาออก กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทต่อเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ ก็เป็นดุลพินิจและการพิจารณาของพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม กกต.ก็พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง และออกค่าใช้จ่าย

เมื่อถามว่า กกต.จะมีการแก้กฎหมายหรือไม่ เพื่อให้คนที่ลาออกไปต้องจ่ายค่าจัดการเลือกตั้งใหม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า เชื่อว่า อนาคตก็คงจะมีการแก้กฎหมาย โดย กกต.จะยกร่างเพื่อปรับปรุง กฎหมายท้องถิ่น และกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น เพราะที่ผ่านมานั้น ก็มีการเสนอว่า หากมีการลาออกในช่วงที่ยังไม่ครบวาระนั้น ผู้ที่ลาออกต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งซ่อม เนื่องจากที่ผ่านมานั้นในท้องถิ่นทั้ง อบต.เทศบาลเมือง ก็มีสมาชิกลาออกไปก่อนครบวาระเป็นจำนวนมาก ส่วนเรื่องการรับสมัคร บุคคลที่มีคดีติดความอยู่ในชั้นศาลนั้นก็คงจะมีการนำมีพิจารณาเพื่อปรับปรุงต่อไป เพราะที่ผ่านมาการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา ก็มี ส.ส.แบบสัดส่วน และ ส.ส.แบบแบ่งเขต หลายคนก็มีคดีความอยู่ในชั้นศาล แต่เราก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้สมัครได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม

นอกจากนี้ นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า กกต.ได้มีการพิจาณารายชื่อบุคคลที่ถูกเสนอชื่อจากองค์กรภาคอื่นให้เข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว.โดยมีทั้งสิ้น 23 คน จาก 25 องค์กร โดยมีองค์กร 2 องค์กรเสนอรายชื่อบุคคลซ้ำกัน 2 คน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ กกต.จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งไปให้คณะกรรมการสรรหา ส.ว.ได้พิจารณาสรรหา ในวันที่ 17 พ.ย.เพื่อดำเนินการพิจารณาสรรหาต่อไป หลังจากนั้น คณะกรรมการสรรหาจะพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ดังนั้น ตนจึงขอเชิญชวนประชาทุกภาคส่วน ร่วมกันตรวจสอบรายชื่อขององค์กรและรายชื่อของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเข้ามาสมัครเป็น ส.ว.สรรหา เพื่อจะได้เป็นบุคคลที่ดีมาเป็น ส.ว.ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า การสรรหาบุคคลที่มาเป็น ส.ว.คงใช้ระยะเวลาไม่นาน และไม่น่าจะถึง 30 วัน เพราะมีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาไม่มากเหมือนการสรรหาครั้งแรก ที่มีบุคคลเข้ารับการสรรหาพันกว่าคน จึงเชื่อว่า การสรรหาครั้งนี้สามารถที่จะตรวจสอบได้ง่าย และคงไม่เกินต้นเดือน ธ.ค.น่าจะได้รายชื่อ ส.ว.สรรหา

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเกรงว่า การสรรหา ส.ว.ครั้งนี้จะมีบุคคลที่มีความใกล้ชิดหรือเป็นเครือญาติของนักการเมืองเข้ามานั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนเชื่อว่า คณะกรรมการสรรหาก็คงพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนร่วมกันตรวจสอบเพื่อที่จะได้บุคคลที่มาทำหน้าที่ ส.ว.ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เมื่อถามอีกว่า แสดงว่า การสรรหา ส.ว.ที่ผ่านมา คณะกรรมการสรรหาและการตรวจสอบภาคประชาชนไม่เข้มแข็ง ทำให้บุคคลที่เป็นเครือญาติของนักการเมืองมาทำหน้าที่ ส.ว. นายประพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการสรรหา ทั้งนี้ หากใครมีข้อมูลเชิงลึกก็ส่งเข้ามาได้เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาได้ทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อจำนวน 23 ราย จาก 25 องค์กร ประกอบด้วย 1.นางเพ็ญพักตร์ ศรีทอง อายุ 61 ปี ได้รับการเสนอชื่อจาก สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ 2.ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ อายุ 57 ปี ได้รับการเสนอชื่อจาก หอการค้าจังหวัดเพชรบุรี

3.นายสุวันชัย แสงสุขเอี่ยม อายุ 48 ปี ได้รับการเสนอชื่อจาก มูลนิธิชัยนาวีพัฒนา 4.ร.ต.วิจิตร อยู่สุภาพ อายุ 67 ปี ได้รับการเสนอชื่อจาก มูลนิธินิติศาสตร์ 2503 5.นายพูลศักดิ์ สุนทรพานิชกิจ อายุ 63 ปี ได้รับการเสนอชื่อจาก หอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน 6.นายปริญญา ศิริสารการ อายุ 57 ปี ได้รับการเสนอชื่อจาก สหกรณ์เกลือนครราชสีมา 7.รศ.ดร.ประดินันท์ อุปรมัย อายุ 61 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหารการศึกษาเอกชนนนทบุรี 8.นายอนุชิต งามขจรวิวัฒน์ อายุ 53 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก มูลนิธิโรงเรียนจ้องฮั้วปัตตานี 9.นายปราโมทย์ สมัครการ อายุ 47 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก มูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 10.นายสาโรช วัฒนสโรช อายุ 67 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก มูลนิธิคุณพ่อเลื่อน-คุณแม่โสภา เลติกุล

11.นางกีระณา สุมาวงศ์ อายุ 62 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ 12.นายเทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ อายุ 53 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 13.นายชัยจิตร รัฐขจร อายุ 67 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก มูลนิธิสหพุทธธรรมสงเคราะห์ (พ้งเลี้ยง) แห่งประเทศไทย 14.นายเกรียง วิศิษฏ์สรอรรถ อายุ 65 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมหมอความยุติธรรม 15.พล.ร.ท.ณรงค์ ชโลธร อายุ 68 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย 16.นางวิสา เบ็ญจะมโน อายุ 61 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก มูลนิธิพิบูลประชาสรรค์ 17.นายรัฐ ชูกลิ่น อายุ 47 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก มูลนิธิคุณพ่อจำรัส-คุณแม่สุดา ชูกลิ่น 18.นายสุชิน อินทเสม อายุ 56 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมศิษย์เก่าครูและผู้ปกครองโรงเรียนหัวหิน 19.นายวิศณุนารถ วัลลิสุต อายุ 74 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมชาวเซนต์หลุยส์ 20.นายพงษ์เดช มโนรส อายุ 52 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด

21.นายประเสริฐ ลิ่มประเสริฐ อายุ 53 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมสำนักงานบัญชีและกฎหมาย 22.นายสาโรช วัฒนสโรช อายุ 67 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอีสาน 23.นายประเสริฐ ลิ่มประเสริฐ อายุ 53 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก สมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย 24.นางวงจันทร์ วงศ์แก้ว อายุ 63 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก มูลนิธิชาวสวนกาแฟ 25.นายธงชัย เจริญศิริ อายุ 52 ปี ได้รับเสนอชื่อจาก วัดอุทุมพร
กำลังโหลดความคิดเห็น