xs
xsm
sm
md
lg

สุชาติแฉปชป.เตรียมลดภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุชาติมั่นใจประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลใหม่แน่เชื่อมั่นทีมเศรษฐกิจล้วนมีฝีมือทั้งสิ้น แฉ "กรณ์" เข้ามาลดภาษีแน่นอน วอนช่วยดูแลคนจน ระบุปีหน้าแบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ยลงต่ำสุดเหลือ 1.0% หนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล พร้อมฝากช่วยดูแล TSFC เพิ่มทุน

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รักษาการ รมว.คลัง เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะได้รับโหวตคะแนนเสียงให้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งทีมเศรษฐกิจของ ปชป. มีความสามารถ ทั้ง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นคนที่ได้รับการยอมรับ ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ก็เป็นคนเก่ง และเป็นเพื่อนกันมาก่อนสมัย 14 ต.ค. ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ปชป. ก็เป็นคนที่น่านับถือมาก เพราะว่าที่ผ่านมาเวลากระทรวงการคลังจะออกนโยบายมาตรการต่างๆ ก็ได้โทรไปถามความเห็นจากนายกรณ์เสมอ ทั้งเรื่องการทำงบประมาณกลางปีเพิ่ม 1 แสนล้านบาท หรือล่าสุดการปรับภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 25% ซึ่งนายกรณ์ให้ความเห็นว่าการลดภาษีเป็นนโยบายของพรรคอยู่แล้ว
“ผมจะอยู่เล่นการเมืองต่อไป โดยขณะนี้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ต้องรักษาคำมั่นสัญญาไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะแสดงให้เห็นว่าการเมืองไทยพัฒนาแล้ว” นายสุชาติกล่าว
"ต้องการให้รัฐบาลใหม่ทำการปรับโครงสร้างภาษีระยะยาว โดยเฉพาะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 25% เพราะจะทำให้มีการขยายการลงทุน เกิดการจ้างงานเพิ่ม ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้น โดยในระยะยาวภาษีนิติบุคคลควรลดเหลือ 20% แต่โครงสร้างของไทยไม่สามารถรองรับรายได้ที่เสียไปได้ ส่วนจะมีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลใหม่"
นอกจากนี้ นโยบายด้านการคลัง อยากให้รัฐบาลใหม่สานต่อการทำงบประมาณกลางปีเพิ่ม 1 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลนี้ได้เสนอโครงการเบื้องต้นไปแล้ว โดยต้องการให้คงโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน หรือ เอสเอ็มแอล เพราะจะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับรากหญ้า รวมถึงการกู้เงินจากธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) จำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำมาลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

***เชื่อปีหน้าดอกเบี้ยเหลือ 1.0-1.5%
นายสุชาติกล่าวว่า ในปี 2552 คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.75% เหลือ 1-1.5% เพื่อให้แน่ใจว่าสภาพคล่องจะอยู่ในระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง ไม่ได้กองอยู่ที่ ธปท. ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้าให้ฟื้นตัวได้เร็ว
สำหรับการที่ธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% จาก 3.75% เหลือ 2.75% ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องดี ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถรับฝากเงินจากประชาชน 2-3% ไปฝากกินอัตราดอกเบี้ยส่วนต่างกับ ธปท. ไม่ได้อีก และต้องพยายามปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจมากขึ้น

***คาดปีหน้าจีดีพีโต 2.0%
นายสุชาติกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2551 จะขยายตัวได้ 1% ทำให้ทั้งปีขยายตัวได้ 4% ส่วนปี 2552 ในครึ่งปีแรกจะขยายตัวติดลบ 0.5-1% และครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ประมาณ 3-4% คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ 2% หากการฟื้นตัวของโลกเป็นไปได้ดี ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลนี้ ได้ดูแลเศรษฐกิจ โดยการขยายเวลาคุ้มครองเงินฝาก ดูแลสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ดูแลฐานะเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ หรือ บีไอเอส ของสถาบันการเงินให้แข็งแรง และดูแลการกู้เงินระหว่างธนาคารไม่ให้มีปัญหา

***ฝากเผือกร้อนเพิ่มทุน TSFC
ส่วนกรณีปัญหาบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) นายสุชาติกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเพิ่มทุนให้ได้ ตนเห็นว่าการที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 10% ถือว่าน้อยมาก ขณะที่ส่วนผู้ถือหุ้นอื่นยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มทุนให้ทีเอสเอฟซี ดังนั้น หากเพิ่มไปแล้ว เงินจำนวนนี้อาจสูญเปล่า เพราะเพิ่มเพียงสัดส่วนที่น้อยกว่าจำนวนจริงที่ต้องการ ประกอบกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ส่วนใหญ่มีธนาคารเป็นบริษัทแม่ สามารถกู้เงินจากบริษัทแม่ได้โดยตรงอยู่แล้ว
"ต้องคิดด้วยว่าหากเพิ่มทุนไปแล้วมีปัญหาทางกฎหมาย และมีการตรวจสอบกันภายหลังอีกหรือไม่ เพราะในอดีตมีผู้ถือหุ้นของบีบีซี ถูกฟ้องในกรณีที่เพิ่มทุนให้ธนาคารไทยธนาคาร จนต้องถูกสอบสวนมาถึงขณะนี้ จึงต้องระวัง หากเพิ่มทุนแล้วต้องไม่เกิดอะไรภายหลัง และผู้ถือหุ้นทุกคนต้องเพิ่มทุนเข้าไปด้วย และการตัดสินใจในขณะนี้ก็อาจจะไม่เหมาะสม ควรรอให้รัฐมนตรีคลังคนใหม่เข้ามาดำเนินการมากกว่า" นายสุชาติกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น