สภาพที่ล้มเหลวเสื่อมทรุดลงในทุกด้าน เหตุวิกฤตชาติที่แท้จริง ยังไม่ได้รับการแก้ไข บ่มเพาะมายาวนานกว่า 76 ปี ทั้งนี้เพราะความเข้าใจผิดว่าเป็นประชาธิปไตยนั่นเอง
ความประเสริฐของสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีลักษณะแบ่งชนชั้นในสังคม ที่ไหน แห่งหนตำบลใดได้รับความทุกข์ยากลำบากเดือดร้อน ทรงมุ่งมั่นแก้ไขความเดือดร้อนของพสกนิกรที่นั่น ด้วยพระเมตาส่วนพระองค์อันเหลือล้นโครงการพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ
แต่ประเทศไทยเราต้องล้มเหลวลงทุกอย่าง การแก้เหตุวิกฤตทั้งปวงของประเทศชาติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจสูงสุด มีความสามารถในการอ่านสภาพการณ์ที่แท้จริงของประเทศไทยออกหรือไม่อะไรคือเหตุแห่งวิกฤตชาติที่แท้จริง ถ้ายังขาดปัญญาก็จะกลายเป็นเห็นผิด คิดผิด พูดผิด และทำผิดเรื่อยไป ก็ไม่อาจจะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้สำเร็จลงได้ ยิ่งทำยิ่งล่มจมแท้จริงคือ ระบอบเผด็จการที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ นั่นเอง
สงสารประชาชนไทย ยังถือเงินเป็นใหญ่ในการเลือกตั้ง มันเป็นกลลวงของผู้ปกครองเลวทราม เพื่อแสดงให้เห็นพวกข้าขึ้นสู่อำนาจโดยชอบธรรม แล้วก็โกงบ้านกินเมืองอย่างแยบคาย ดุจปลวกกินบ้าน แต่ก็แปลกที่ยังงมงายกันเหลือเกินว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย
สภาพการณ์ที่แท้จริง คือประเทศไทยปกครองด้วยรัฐธรรมนูญ (กฎหมาย) อันเป็นระบอบเผด็จการรูปแบบหนึ่งที่ซ่อนเงื่อนไว้โดยแยบคาย ได้นำวิธีการประชาธิปไตยมาหลอกประชาชนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เช่น มีรัฐสภา มีสมาชิกรัฐสภา การเลือกตั้ง รัฐบาลมีวาระ ฝ่ายข้างมากเป็นรัฐบาล เป็นต้นจึงขอยืนยันเดิมพันด้วยชีวิต ว่าประเทศไทยยังปกครองด้วยระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ หรือเผด็จการระบบรัฐสภา หมายความว่าการปกครองชนิดนี้ (ทำลายชาติ) ไม่มีหลักการปกครอง (Principle of Government) ส่วนรูปการปกครอง (Form of Government)คือระบบรัฐสภา (Parliamentary System)
ประเทศไทยเสื่อมลงๆ ในทุกด้าน ทุกสถาบัน เพราะคณะผู้ปกครองนับแต่สูงสุดมีความเห็นผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิดเรื่อยมาอย่างน้อย 3 ประเด็นหลัก คือ
1. ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย
รัฐธรรมนูญคือหมวดและมาตราต่างๆ ดุจดังกระจกส่องหน้า มีหน้าที่สะท้อนระบอบฯ จะเป็นระบอบฯ อะไรนั้นจะต้องดูที่หลักการปกครอง รัฐธรรมนูญก็จะสะท้อนระบอบนั้นๆ แปลกแต่จริง ไม่น่าเป็นไปได้แต่เป็นไปแล้วถึง 76 ปี รัฐธรรมนูญไทย 18 ฉบับ ประเทศไทยเราไม่เคยมีหลักการปกครองเลยซักฉบับ (พวกเขาปิดหลักการ (ไม่มี) แต่กลับเปิดการปฏิบัติ เพื่ออำพราง อันนี้เป็นแนวคิดของพวกเผด็จการรูปแบบต่างๆ) ทั้งยังเป็นระบอบการปกครองที่ไร้จุดมุ่งหมาย จึงกลายเป็นว่าการปกครองนั้นมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ผู้ปกครอง ผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่าล้วนเข้ามาโกงกินชาติบ้านเมือง การปกครองจึงกลายเป็นของคณะผู้ปกครอง โดยคณะผู้ปกครอง และเพื่อคณะผู้ปกครอง พวกเขาจึงทุ่มทุนมหาศาลเป็นหมื่นล้านแข่งขันกันซื้อเสียง เพื่อจะได้มีอำนาจเข้ามาโกงชาติ นี่แหละเขาเรียกว่าระบอบเผด็จการ (Dictatorship)
2. ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่ารูปการปกครอง (Form of Government) คือระบอบประชาธิปไตย
ประเทศไทยใช้ระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ระบบการปกครองมีไว้เพื่อจัดความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ว่าจะถ่วงดุลอำนาจกันอย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นระบอบฯ อะไรก็ได้ ขอให้เข้าใจถูกต้องเสียที
มีข้อสังเกตว่าระบอบเผด็จการ จะเต็มไปด้วยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ก็ระบอบฯ มันไม่มีหลักการปกครอง ไม่มีหลักนิติธรรม และกฎหมายต่างๆ จะเป็นธรรมได้อย่างไรกันเล่า ยิ่งมีกฎหมายมาก ยิ่งเป็นเผด็จการ บ้านเมืองยิ่งล่มจม
3. ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่าการเลือกตั้ง คือระบอบประชาธิปไตย
การเลือกตั้ง เป็นวิธีการประชาธิปไตยเป็นของกลาง หมายความว่าระบอบฯ อะไรๆ ก็นำไปใช้ได้ ตัวอย่างเช่น ลาว, เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาก็มีการเลือกตั้ง และเขายอมรับ โดยเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญมาตราที่ 1 ว่า “ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศสังคมนิยมเผด็จการ โดยประชาชนประชาธิปไตย โดยมีชนชั้นกรรมาชีพเป็นผู้นำ มีพันธมิตรกรรมกรและเกษตรกรเป็นพื้นฐาน” โดยตัดสิทธิการเมืองของนายทุน และก็ใช้วิธีการประชาธิปไตย ผู้แทนประชาชนมาจากการเลือกตั้ง
ส่วนประเทศไทยอำนาจอธิปไตยเป็นของชนส่วนน้อยคือนายทุนเพียงหยิบมือเดียว ตัดสิทธิทางการเมืองของประชาชน แต่ก็ยังบิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องตรงไม่บิดเบือนไปจากความจริงจึงควรเขียนไว้ในมาตรา 2 ว่า “ราชอาณาจักรไทยเป็นประเทศเผด็จการ โดยนายทุนเผด็จการ โดยมีชนชั้นนายทุนเป็นผู้นำ มีพันธมิตรคือตำรวจ และชาวบ้านผู้งมงายเป็นพื้นฐาน”
เพราะความไม่รู้ ไม่ศึกษาให้ลึกซึ้ง หรือเพราะเชื่อตามๆ กันมาตามคำโฆษณาชวนเชื่อ พระพุทธเจ้า สอนว่า “อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมาหรือการถือสืบๆ กันมา” ทุกวันนี้คนที่เห็นถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก กลับถูกกระทืบ หรือห้ามไม่ให้แสดง แต่คนที่เห็นผิด คิดผิด ทำผิด กลับจ้อหน้าจอทีวีทุกวัน เช่นพวกทาสรับใช้ทางการเมืองของบุคคลผู้มีเงินมหาศาล ทั้งที่พวกคุณรักษาระบอบเผด็จการไว้อย่างเหนียวแน่น ก็ความเป็นจริงมา 76 ปี แท้จริงระบอบประชาธิปไตยยังไม่เกิด ไม่เคยมี ออกมาพูดมอมเมาครอบงำประชาชนให้เข้าใจผิดตามพูดแล้วเป็นอัปมงคลต่อชาติและประชาชน
การสร้างประชาธิปไตยสำหรับเมืองไทยแล้วถือว่าเป็นรถเมล์เที่ยวสุดท้าย ประเทศเกิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาทำการปฏิวัติประชาธิปไตยไปกว่า 50 ปีแล้ว ประเทศไทยยังไม่ได้นับหนึ่งเลย และไม่มีอะไรใหม่ ทั้งจะยังเดินตามปรัชญา รูปแบบแนวคิดตะวันตก เหตุวิกฤตของชาติ มันเป็นมิจฉาทิฐิที่หยั่งรากลึก ครอบงำผู้ปกครองไทยมายาวนานถึง 76 ปี มันยากที่จะแก้ไขความเห็นผิดนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ ทั้งกระแสความเลวร้ายที่ครอบงำโลกจนยากที่จะแก้ไขเว้นแต่จะแก้ไขด้วยปรมัตถธรรมเท่านั้น จึงกล่าวได้ว่า “ปุถุชนทำปฏิวัติประชาธิปไตย ส่วนอริยชนนำการปฏิวัติสู่ธรรมาธิปไตย”
เห็นว่า ควรยกระดับความคิดขึ้นสู่การสถาปนาการปกครองแบบธรรมาธิปไตยจะเป็นปัจจัยให้แก้ไขเหตุวิกฤตชาติอย่างรอบด้านได้สำเร็จ ลึกซึ้งถึงจิตใจและวิญญาณ พร้อมทั้งเป็นพลังแก้ไขเหตุวิกฤตโลกได้ด้วย
ใครมาบริหารประเทศภายใต้ระบอบนี้ ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศชาติได้เลย ในท้ายที่สุดก็จะต้องพังไปในที่สุด เป็นไปตาม กฎอิทัปปัจจยตา ฝ่ายลบ หรือฝ่ายเสื่อม คือ เพราะไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้รัฐธรรมนูญไม่ชอบธรรม, เพราะรัฐธรรมนูญไม่ชอบธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้รัฐบาลไม่ชอบธรรม, เพราะรัฐบาลไม่ชอบธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้การปกครอง, เศรษฐกิจ, สัมพันธภาพที่เกี่ยวข้องทั้งหมดย่อมเสื่อมลง หายนะ พินาศอย่างย่อยยับตามไปด้วย
ทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้ผ่านพ้นไปได้ พระประมุขทรงสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม ด้วยพระราชกฤษฎีกา (Royal Decree) จะเป็นเหตุปัจจัยสู่จุดมุ่งหมาย และเส้นทางสายใหม่ที่ใหญ่ยิ่งของโลกตาม กฎอิทัปปจจยตาฝ่ายกุศล, ฝ่ายพัฒนา, ฝ่ายเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน โดยฝ่ายเดียว คือ
1) หลักธรรมาธิปไตย คือเป็นเหตุปัจจัยให้พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นยิ่งใหญ่ของโลก
2) หลักพระมหากษัตริย์ คือเหตุปัจจัยให้มีหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
3) หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน คือเหตุปัจจัยให้มีหลักเสรีภาพบริบูรณ์
4) หลักเสรีภาพบริบูรณ์ คือเหตุปัจจัยให้มีหลักความเสมอภาคทางโอกาส
5) หลักความเสมอภาคทางโอกาส คือเหตุปัจจัยให้มีหลักภราดรภาพ
6) หลักภราดรภาพ คือเหตุปัจจัยให้มีหลักเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม
7) หลักเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม คือเหตุปัจจัยให้มีหลักดุลยภาพ
8) หลักดุลยภาพ คือเหตุปัจจัยให้มีหลักนิติธรรม
9) หลักนิติธรรม คือเหตุปัจจัยให้ กฎหมายรัฐธรรมนูญถูกต้องเป็นธรรม ด้วยปัจจัยแห่ง หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ย่อมเป็นปัจจัยต่อ รูปการปกครองระบบรัฐสภา ให้มีนักการเมืองย่อมเยี่ยมมีประสิทธิภาพ และคือเหตุปัจจัยอิงอาศัยให้ระบบเศรษฐกิจพอเพียง ได้เบ่งบานทั่วเมืองไทยและสากลโลก และในที่สุดคือปัจจัยให้ปวงชนได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอทั่วหน้ากัน การแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติก็จะสำเร็จลงได้ และสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาอื่นๆ ให้ลุล่วงไปเป็นลำดับ ย่อมเป็นปัจจัยให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืนสืบไป ดังนี้แล้วจึงขอเชิญชวนประชาชนได้ชูธงการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 พร้อมกันทั่วทั้งแผ่นดิน คาดว่าจะได้ระบอบการเมืองโดยธรรมที่สมบูรณ์และก้าวหน้าที่สุดในโลก ทั้งจะเป็นปัจจัยให้ได้ระบอบประชาธิปไตยอย่างเป็นไปเองและสมบูรณ์ที่สุดในโลกด้วย ขอพระองค์ทรงพิจารณาด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า
ความประเสริฐของสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีลักษณะแบ่งชนชั้นในสังคม ที่ไหน แห่งหนตำบลใดได้รับความทุกข์ยากลำบากเดือดร้อน ทรงมุ่งมั่นแก้ไขความเดือดร้อนของพสกนิกรที่นั่น ด้วยพระเมตาส่วนพระองค์อันเหลือล้นโครงการพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ
แต่ประเทศไทยเราต้องล้มเหลวลงทุกอย่าง การแก้เหตุวิกฤตทั้งปวงของประเทศชาติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจสูงสุด มีความสามารถในการอ่านสภาพการณ์ที่แท้จริงของประเทศไทยออกหรือไม่อะไรคือเหตุแห่งวิกฤตชาติที่แท้จริง ถ้ายังขาดปัญญาก็จะกลายเป็นเห็นผิด คิดผิด พูดผิด และทำผิดเรื่อยไป ก็ไม่อาจจะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้สำเร็จลงได้ ยิ่งทำยิ่งล่มจมแท้จริงคือ ระบอบเผด็จการที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ นั่นเอง
สงสารประชาชนไทย ยังถือเงินเป็นใหญ่ในการเลือกตั้ง มันเป็นกลลวงของผู้ปกครองเลวทราม เพื่อแสดงให้เห็นพวกข้าขึ้นสู่อำนาจโดยชอบธรรม แล้วก็โกงบ้านกินเมืองอย่างแยบคาย ดุจปลวกกินบ้าน แต่ก็แปลกที่ยังงมงายกันเหลือเกินว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย
สภาพการณ์ที่แท้จริง คือประเทศไทยปกครองด้วยรัฐธรรมนูญ (กฎหมาย) อันเป็นระบอบเผด็จการรูปแบบหนึ่งที่ซ่อนเงื่อนไว้โดยแยบคาย ได้นำวิธีการประชาธิปไตยมาหลอกประชาชนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เช่น มีรัฐสภา มีสมาชิกรัฐสภา การเลือกตั้ง รัฐบาลมีวาระ ฝ่ายข้างมากเป็นรัฐบาล เป็นต้นจึงขอยืนยันเดิมพันด้วยชีวิต ว่าประเทศไทยยังปกครองด้วยระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ หรือเผด็จการระบบรัฐสภา หมายความว่าการปกครองชนิดนี้ (ทำลายชาติ) ไม่มีหลักการปกครอง (Principle of Government) ส่วนรูปการปกครอง (Form of Government)คือระบบรัฐสภา (Parliamentary System)
ประเทศไทยเสื่อมลงๆ ในทุกด้าน ทุกสถาบัน เพราะคณะผู้ปกครองนับแต่สูงสุดมีความเห็นผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิดเรื่อยมาอย่างน้อย 3 ประเด็นหลัก คือ
1. ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย
รัฐธรรมนูญคือหมวดและมาตราต่างๆ ดุจดังกระจกส่องหน้า มีหน้าที่สะท้อนระบอบฯ จะเป็นระบอบฯ อะไรนั้นจะต้องดูที่หลักการปกครอง รัฐธรรมนูญก็จะสะท้อนระบอบนั้นๆ แปลกแต่จริง ไม่น่าเป็นไปได้แต่เป็นไปแล้วถึง 76 ปี รัฐธรรมนูญไทย 18 ฉบับ ประเทศไทยเราไม่เคยมีหลักการปกครองเลยซักฉบับ (พวกเขาปิดหลักการ (ไม่มี) แต่กลับเปิดการปฏิบัติ เพื่ออำพราง อันนี้เป็นแนวคิดของพวกเผด็จการรูปแบบต่างๆ) ทั้งยังเป็นระบอบการปกครองที่ไร้จุดมุ่งหมาย จึงกลายเป็นว่าการปกครองนั้นมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ผู้ปกครอง ผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่าล้วนเข้ามาโกงกินชาติบ้านเมือง การปกครองจึงกลายเป็นของคณะผู้ปกครอง โดยคณะผู้ปกครอง และเพื่อคณะผู้ปกครอง พวกเขาจึงทุ่มทุนมหาศาลเป็นหมื่นล้านแข่งขันกันซื้อเสียง เพื่อจะได้มีอำนาจเข้ามาโกงชาติ นี่แหละเขาเรียกว่าระบอบเผด็จการ (Dictatorship)
2. ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่ารูปการปกครอง (Form of Government) คือระบอบประชาธิปไตย
ประเทศไทยใช้ระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ระบบการปกครองมีไว้เพื่อจัดความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ว่าจะถ่วงดุลอำนาจกันอย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นระบอบฯ อะไรก็ได้ ขอให้เข้าใจถูกต้องเสียที
มีข้อสังเกตว่าระบอบเผด็จการ จะเต็มไปด้วยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ก็ระบอบฯ มันไม่มีหลักการปกครอง ไม่มีหลักนิติธรรม และกฎหมายต่างๆ จะเป็นธรรมได้อย่างไรกันเล่า ยิ่งมีกฎหมายมาก ยิ่งเป็นเผด็จการ บ้านเมืองยิ่งล่มจม
3. ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่าการเลือกตั้ง คือระบอบประชาธิปไตย
การเลือกตั้ง เป็นวิธีการประชาธิปไตยเป็นของกลาง หมายความว่าระบอบฯ อะไรๆ ก็นำไปใช้ได้ ตัวอย่างเช่น ลาว, เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาก็มีการเลือกตั้ง และเขายอมรับ โดยเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญมาตราที่ 1 ว่า “ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็น
ส่วนประเทศไทยอำนาจอธิปไตยเป็นของชนส่วนน้อยคือนายทุนเพียงหยิบมือเดียว ตัดสิทธิทางการเมืองของประชาชน แต่ก็ยังบิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องตรงไม่บิดเบือนไปจากความจริงจึงควรเขียนไว้ในมาตรา 2 ว่า “ราชอาณาจักรไทยเป็นประเทศเผด็จการ โดยนายทุนเผด็จการ โดยมีชนชั้นนายทุนเป็นผู้นำ มีพันธมิตรคือตำรวจ และชาวบ้านผู้งมงายเป็นพื้นฐาน”
เพราะความไม่รู้ ไม่ศึกษาให้ลึกซึ้ง หรือเพราะเชื่อตามๆ กันมาตามคำโฆษณาชวนเชื่อ พระพุทธเจ้า สอนว่า “อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมาหรือการถือสืบๆ กันมา” ทุกวันนี้คนที่เห็นถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก กลับถูกกระทืบ หรือห้ามไม่ให้แสดง แต่คนที่เห็นผิด คิดผิด ทำผิด กลับจ้อหน้าจอทีวีทุกวัน เช่นพวกทาสรับใช้ทางการเมืองของบุคคลผู้มีเงินมหาศาล ทั้งที่พวกคุณรักษาระบอบเผด็จการไว้อย่างเหนียวแน่น ก็ความเป็นจริงมา 76 ปี แท้จริงระบอบประชาธิปไตยยังไม่เกิด ไม่เคยมี ออกมาพูดมอมเมาครอบงำประชาชนให้เข้าใจผิดตามพูดแล้วเป็นอัปมงคลต่อชาติและประชาชน
การสร้างประชาธิปไตยสำหรับเมืองไทยแล้วถือว่าเป็นรถเมล์เที่ยวสุดท้าย ประเทศเกิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาทำการปฏิวัติประชาธิปไตยไปกว่า 50 ปีแล้ว ประเทศไทยยังไม่ได้นับหนึ่งเลย และไม่มีอะไรใหม่ ทั้งจะยังเดินตามปรัชญา รูปแบบแนวคิดตะวันตก เหตุวิกฤตของชาติ มันเป็นมิจฉาทิฐิที่หยั่งรากลึก ครอบงำผู้ปกครองไทยมายาวนานถึง 76 ปี มันยากที่จะแก้ไขความเห็นผิดนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ ทั้งกระแสความเลวร้ายที่ครอบงำโลกจนยากที่จะแก้ไขเว้นแต่จะแก้ไขด้วยปรมัตถธรรมเท่านั้น จึงกล่าวได้ว่า “ปุถุชนทำปฏิวัติประชาธิปไตย ส่วนอริยชนนำการปฏิวัติสู่ธรรมาธิปไตย”
เห็นว่า ควรยกระดับความคิดขึ้นสู่การสถาปนาการปกครองแบบธรรมาธิปไตยจะเป็นปัจจัยให้แก้ไขเหตุวิกฤตชาติอย่างรอบด้านได้สำเร็จ ลึกซึ้งถึงจิตใจและวิญญาณ พร้อมทั้งเป็นพลังแก้ไขเหตุวิกฤตโลกได้ด้วย
ใครมาบริหารประเทศภายใต้ระบอบนี้ ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศชาติได้เลย ในท้ายที่สุดก็จะต้องพังไปในที่สุด เป็นไปตาม กฎอิทัปปัจจยตา ฝ่ายลบ หรือฝ่ายเสื่อม คือ เพราะไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้รัฐธรรมนูญไม่ชอบธรรม, เพราะรัฐธรรมนูญไม่ชอบธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้รัฐบาลไม่ชอบธรรม, เพราะรัฐบาลไม่ชอบธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้การปกครอง, เศรษฐกิจ, สัมพันธภาพที่เกี่ยวข้องทั้งหมดย่อมเสื่อมลง หายนะ พินาศอย่างย่อยยับตามไปด้วย
ทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้ผ่านพ้นไปได้ พระประมุขทรงสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม ด้วยพระราชกฤษฎีกา (Royal Decree) จะเป็นเหตุปัจจัยสู่จุดมุ่งหมาย และเส้นทางสายใหม่ที่ใหญ่ยิ่งของโลกตาม กฎอิทัปปจจยตาฝ่ายกุศล, ฝ่ายพัฒนา, ฝ่ายเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน โดยฝ่ายเดียว คือ
1) หลักธรรมาธิปไตย คือเป็นเหตุปัจจัยให้พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นยิ่งใหญ่ของโลก
2) หลักพระมหากษัตริย์ คือเหตุปัจจัยให้มีหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
3) หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน คือเหตุปัจจัยให้มีหลักเสรีภาพบริบูรณ์
4) หลักเสรีภาพบริบูรณ์ คือเหตุปัจจัยให้มีหลักความเสมอภาคทางโอกาส
5) หลักความเสมอภาคทางโอกาส คือเหตุปัจจัยให้มีหลักภราดรภาพ
6) หลักภราดรภาพ คือเหตุปัจจัยให้มีหลักเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม
7) หลักเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม คือเหตุปัจจัยให้มีหลักดุลยภาพ
8) หลักดุลยภาพ คือเหตุปัจจัยให้มีหลักนิติธรรม
9) หลักนิติธรรม คือเหตุปัจจัยให้ กฎหมายรัฐธรรมนูญถูกต้องเป็นธรรม ด้วยปัจจัยแห่ง หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ย่อมเป็นปัจจัยต่อ รูปการปกครองระบบรัฐสภา ให้มีนักการเมืองย่อมเยี่ยมมีประสิทธิภาพ และคือเหตุปัจจัยอิงอาศัยให้ระบบเศรษฐกิจพอเพียง ได้เบ่งบานทั่วเมืองไทยและสากลโลก และในที่สุดคือปัจจัยให้ปวงชนได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอทั่วหน้ากัน การแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติก็จะสำเร็จลงได้ และสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาอื่นๆ ให้ลุล่วงไปเป็นลำดับ ย่อมเป็นปัจจัยให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืนสืบไป ดังนี้แล้วจึงขอเชิญชวนประชาชนได้ชูธงการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 พร้อมกันทั่วทั้งแผ่นดิน คาดว่าจะได้ระบอบการเมืองโดยธรรมที่สมบูรณ์และก้าวหน้าที่สุดในโลก ทั้งจะเป็นปัจจัยให้ได้ระบอบประชาธิปไตยอย่างเป็นไปเองและสมบูรณ์ที่สุดในโลกด้วย ขอพระองค์ทรงพิจารณาด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า