xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณเพ้อเจ้อ ย้ำความเห็นผิดครอบงำกลุ่มเสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

ความเลวร้ายของนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ประโยชน์ตนและพวกพ้อง ย่อมมีผลกระทบต่อคนทั้งแผ่นดิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลได้ตัดสินแล้วว่าเป็นผู้กระทำความผิดต่อแผ่นดิน ทั้งเป็นผู้ต้องขังหลบหนีออกนอกประเทศ ได้กล่าวในรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ที่ผ่านมา ระบุว่าศาลไม่มีความยุติธรรมในการตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ เราย้ำว่าแท้จริงแล้วศาลได้ตัดสินอย่างละเอียดรอบคอบและเที่ยงตรงยุติธรรมเป็นที่สุด ก็เป็นไปตามกรรมที่คุณทักษิณได้ก่อกรรมชั่วไว้ในฐานะนักการเมืองคนหนึ่ง ดูเหมือนคุณทักษิณ ชินวัตร ยังหลงตัวเอง สำคัญตนผิด คิดว่าตนเองเป็นประธานาธิบดีหรือไร ถึงกล่าวจาบจ้วงดูหมิ่นศาล ทั้งยังไม่สำนึกดึงฟ้าต่ำต่อหน้าประชาชนและเป็น จอมบิดเบือนอย่างร้ายกาจที่สุดเท่าที่เคยเห็นพบได้ยินได้ฟังมาจะพูดอะไรๆ ออกมา ก็อ้างประชาธิปไตยๆ ตะพึดตะพือ ซ้ำๆ เป็นแผ่นเสียงตกร่อง ตั้งใจจะบิดเบือนเพื่อประโยชน์แห่งตนและพวกพ้อง แต่เขากลับทำร้ายประชาชนให้เข้าใจผิด หลงผิด โง่เขลาเบาปัญญาจมปลักอยู่ดังเดิม

การที่คุณทักษิณอ้างว่า มาจาก (ระบอบ) ประชาธิปไตย แท้จริงคุณทักษิณ และพวกผู้รับใช้มาจากระบอบเผด็จการระบบรัฐสภาพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าการปกครองแบบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไรหลายคนอาจจะมองไม่เห็น และคนที่ฉลาดและได้ประโยชน์อย่างมหาศาลคือ นายวีระ มุสิกะพงศ์ได้ทำแนวร่วม (United front) ต่อคุณทักษิณ ตามแนวลัทธิเหมา เพื่อยกดับตนเอง ปากก็พร่ำเพ้อเพื่อประชาธิปไตยๆๆ แต่เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายจะเห็นได้ว่า คุณทักษิณ และพวก ไม่เคยเสนอหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยเลย ดังจะได้พิสูจน์ให้ได้เห็นกัน

สภาพความจริง 76 ปีไทย คือการครอบงำของระบอบเผด็จการ 2 รูปแบบ

นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎร์ ได้ทำรัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาลสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชการที่ 7 การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก็สิ้นสุดลง คณะราษฎร์ก็ได้สร้างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และฉบับถาวรเป็นลำดับ ซึ่งก็เป็นเพียงรูปแบบการปกครอง (Form of Government) และวิธีการปกครอง (Method of Government) เท่านั้น เช่น รูปการปกครองระบบรัฐสภา (Parliament System) อันเป็นองค์ประกอบขององค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตย คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ การกำหนดที่มาแห่งสมาชิกรัฐสภา และการขึ้นสู่อำนาจด้วยการแต่งตั้งบ้างและเลือกตั้งบ้าง เป็นต้น แต่ปราศจากหลักการปกครอง (Principle of Government) โดยสิ้นเชิง เมื่อไม่มีหลักการปกครองให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน นักการเมืองก็ไม่รู้ ว่านี้คือแนวทางอันเป็นมิจฉาทิฐิแนวทางแห่งความหายนะ ส่วนผู้ปกครองรุ่นแล้ว รุ่นเล่าต่างก็ ได้สืบทอดแนวทางหายนะเป็นทายาทอสูรนี้มาตลอด 76 ปี นี่คือเหตุแห่งปัญหาและเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริง

คำว่าเผด็จการ
การปกครองที่ไม่มีหลักการปกครองอย่างเป็นรูปธรรม มีเพียงรูปการปกครอง (Form of Government) คือระบบรัฐสภา (Parliamentary System) จึงเรียกว่า เผด็จการระบบรัฐสภา

ระบอบเผด็จการ
นั้นพิจารณาได้จาก รัฐธรรมนูญไทย 18 ฉบับ (มิจฉาทิฐิซ้ำซาก) ปรากฏว่าไม่เคยมีหลักการปกครองเลย “จึงเป็นการเขียนตบตาหลอกกันเล่นเท่านั้น” ตามที่ สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7ทรงวินิจฉัยและทรงคัดค้านมาแล้ว อันเป็นความโง่เขลาเบาปัญญาของผู้ปกครองไทย ต่างสืบทอดมาอย่างยาวนานถึง 76 ปีแล้ว นั่นเอง

ปรากฏเป็นจริงที่รัฐบาลไทยทุกชุดที่ขึ้นมาปกครองบ้านเมือง ล้วนแล้วต้องล้มเหลว นำประเทศชาติและประชาชนเข้าสู่ความเสื่อมโทรมล้มเหลวซ้ำรอยเช่นเดียวกับรัฐบาลในอดีตและจะต้องล้มเหลวไปเรื่อยๆ จนกว่าบ้านเมืองจะพินาศเกิดมิคสัญญีบน ความขัดแย้งระหว่างเผด็จการรัฐธรรมนูญ 2 ขั้ว คือ

1) เผด็จการรัฐธรรมนูญโดยการเลือกตั้งแบบซื้อเสียง
ซื้ออำนาจเพื่อเข้ามาโกงชาติบ้านเมือง เผด็จการชนิดนี้ หลบซ่อนแยบยล เฉกเช่นปลวกกินบ้าน หรือมายากลที่หลอกล่อผู้ชม ยากที่ผู้คนทั่วไปจะเข้าใจ กว่าจะรู้ตัวก็พังพินาศกันสิ้นแล้ว

2) เผด็จรัฐประหาร โดยกองทัพทนเห็นการโกงกิน ปู้ยี้ปู้ยำ ปล้นชาติไม่ไหวลุกขึ้นมาทำรัฐประหารขับไล่รัฐบาลพลเรือนจากเลือกตั้งแต่น่าเสียใจที่ทุกครั้งที่ผู้นำกองทัพทำรัฐประหารแล้ว ก็กลับไปเริ่มต้นร่างรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิกันใหม่ซ้ำรอย จนบ้านเมืองหายนะ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นเดิม ซึ่งลักษณะของการปกครองแบบเผด็จการโดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือ และเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทางการเมืองไทย ซ้ำรอยเดิม 18 ฉบับ ยาวนานถึง 76 ปี คือ

รัฐธรรมไทย ทั้งชั่วคราวและถาวร ไม่เคยมีหลักการปกครองแม้แต่ฉบับเดียวรัฐธรรมนูญ (หมวดและมาตราต่างๆ) ระบบรัฐสภา คือองค์กรใช้อำนาจอธิปไตยออกเป็น 3 ฝ่าย นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการการเลือกตั้ง การสรรหา ฯลฯ

การปกครองมิจฉาทิฐิเป็นเผด็จการเช่นนี้จะทำให้ทั้งนักการเมืองและประชาชนเกิดความแตกแยก ประชาชนก็ไม่สามารถเข้าใจการเมือง และไม่สามารถตรวจสอบนักการเมืองและรัฐบาลได้ และศูนย์กลางของการปกครองชนิดนี้ คือ นายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้ใช้อำนาจ แต่บุคคลจะมาเป็นหลักการปกครองได้อย่างไรกันและอันตรายร้ายที่สุดของการปกครองเผด็จชนิดนี้คือ นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเหนือกว่าประมุขแห่งรัฐอย่างเป็นไปเอง

เราย้ำ ฟันธงว่านับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง นับแต่ 2475 เป็นต้นมา 76 ปี แล้ว ประไทยไม่เคยมีการปกครองแบบประชาธิปไตยเราพูดความจริง เราจะไม่พูดไม่เขียนบิดเบือนต่อประชาชน เราเอาความจริงมาพูด เราให้ปัญญาที่แท้จริงกับประชาชน

การปกครองที่ถูกต้องเป็นอย่างไรเล่า?

นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า ดวงอาทิตย์
มาก่อนดาวเคราะห์, พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรม ก่อนพระวินัย, พระพุทธเจ้า มาก่อนพระอรหันตสาวก, จุดมุ่งหมายต้องมาก่อนมรรควิธี, ยุทธศาสตร์ ต้องมาก่อนยุทธวิธี, ประมุขแห่งรัฐ มาก่อนนายกรัฐมนตรี, นายกรัฐมนตรีมาก่อนรัฐมนตรี

ธรรมปรัชญา ต้องมาก่อนการเมือง, การเมือง ต้องมาก่อนรัฐศาสตร์, รัฐศาสตร์ ต้องมาก่อนนิติศาสตร์, หลักการปกครอง ต้องมาก่อนวิธีการปกครอง นี่คือสัมพันธภาพที่ถูกต้องโดยธรรม ฉันใด

หลักการปกครอง (ระบอบ) ต้องมาก่อนรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น ดังได้จัดสัมพันธภาพ 3 ประสานเป็นหนึ่งเดียวกันคือ
(1) สัมพันธภาพของกฎธรรมชาติ (2) สัมพันธภาพของชีวิตมนุษย์หรือขันธ์ 5 (3) สัมพันธภาพการปกครองแบบธรรมาธิปไตย นี่คือความถูกต้องยิ่งใหญ่เป็นสิ่งใหม่ของโลก ดังนี้

ขอเพียงแต่ผู้รักชาติทั้งหลาย ผู้นำกองทัพวันนี้ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง เมื่อทำรัฐประหารรัฐแล้ว ก่อนสิ่งใดทั้งหมด คือการให้ความรู้ต่อประชาชนถึงการเมืองการปกครองโดยธรรมที่ถูกต้องในลักษณะนี้ และร่วมมือกันทั้งประเทศผลักดันสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม คือ หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9เพียงเท่านี้ กองทัพก็จะนำพาประเทศชาติให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์เหตุแห่งความหายนะของชาติในทันที ทำซิ ทำเลย เราได้มอบความถูกต้องให้แก่ผู้รักชาติอย่างแท้จริงแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น