xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นเมินธปท.หั่นดอกเบี้ย นักลงทุนตื่นเศรษฐกิจปี52ทรุดตัวหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นเอเชีย เมินกระแสข่าวแบงก์ชาติประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายถึง 1% ปิดบวกแค่ 5.60 จุด หรือ 1.45% โบรกเกอร์ เผยนักลงทุนตื่นภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวหนัก หลังแบงก์ชาติช็อกลดอาร์พีแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ พร้อมให้ความมั่นใจตลาดหุ้นไม่น่าปรับตัวลดต่ำกว่าหนี้ หลังผ่านจุดต่ำสุดที่ประมาณ 330-350 จุดแล้ว พร้อมเสนอแนะรัฐบาลใหม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและกระตุ้นเศรษฐกิจ

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (3 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองได้คลี่คลายไปในระดับหนึ่ง ทำให้ดัชนีสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 400 จุดได้ แต่ไม่สามารถยืนปิดเหนือระดับดังกล่าว แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 1.00% ทำให้นักลงทุนมองว่า เศรษฐกิจของไทยอาจจะประสบปัญหาร้ายแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่402.67 จุด ต่ำสุดที่ 392.70 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 392.92 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 5.60 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.45% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 12,955.31 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,354.04 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 905.63 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 448.41 ล้านบาท

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3 ธ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากหลังจากที่คณะกรรมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลในเรื่องปัญหาทางการเมืองที่จะต้องติดตามในวันที่ 8-9 ธันวาคมนี้ ในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและผู้ที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่วนตัวมองว่าทีมรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเป็นทีมที่แก่งมาก แต่ขอให้เป็นทีมที่สามารถทำงานได้รัฐบาลมีเสถียรภาพสามารถผลักดันโครงการลงทุนออกมาให้ได้

ทั้งนี้ เชื่อว่ากนง.จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลดลงอีก ประมาณ 1% ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ที่ประมาณ 1.75% แต่ถือว่าในช่วงที่ปัญหาทางการเมืองนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่แรง นั้นถือว่าน่าแปลกใจแต่ก็สมเหตุผลและชื่นชมที่จะเข้ามาช่วยภาคธุรกิจที่มีการกู้ยืมให้มีภาระหนี้ที่ลดลง และช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย หลังจากที่สนามบินมีการถูกบิด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว และส่งออกที่เป็นแกนหลักในการทำให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโต

“ธปท.ลดดอกเบี้ย 1% เป็นเรื่องที่น่าแปลก แต่สมเหตุผลที่จะมาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย จากการท่องเที่ยว และส่งออกได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบิน จากเดิมที่คาดว่าส่งออกโต 2% ปัจจุบันคาดว่าจะติดลบ 5% และการท่องเที่ยวจะติดลบ 10% ในปีหน้า ทำให้บริษัทคาดว่าจีดีพีปีหน้าจะติดลบ 8% จากเดิมที่มองว่าจะโตได้ 3% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีการใช้นโยบายทางการเงินออกมาช่วยประคองเศรษฐกิจระหว่างรอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลที่จะออกนโยบายการคลังมาช่วยเหลือ”นายไพบูลย์กล่าว

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยนั้นประเมินยาก เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งหากปัญหาวิกฤตการเงินสหรัฐยังไม่ถึงจุดต่ำสุดที่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ ตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ซึ่งหากปรับตัวลดลงก็จะไม่มาก หากปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ไม่มากเช่นกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่จะเข้ามาสนับสนุน แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงแรงๆ นั้นน้อยมาก โดยคาดว่าจุดต่ำสุดที่จะส่งได้นั้นอยู่ที่ระดับ 330-350 จุด เพราะ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติมีการชะลอตัว

คาดกนง.หั่นดอกเบี้ยลงอีก1%

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลงแรงถึง 1% ภายในครั้งเดียวนั้น น่าจะเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงการปิดสนามบินจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น จึงต้องการที่จะประคองเศรษฐกิจไทยปีหน้า และจากการที่มีการปรับลดดอกเบี้ยแรงแบบนี้เชื่อว่ากนง.จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1% ในการประชุมอีก 2-3 ครั้งจากนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยไทยอยู่ที่ 1.75%

ทั้งนี้ จีดีพีไทยปีหน้าน่าเป็นห่วงว่าจะสามารถเติบโตได้ถึง 2% หรือไม่ ซึ่งจะต้องจับตาในไตรมาสที่2/52 ในจากภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแกนนำในการผลักดันให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตนั้นจะมีการชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลให้มีการเลิกจ้างงาน การบริโภคลดลง ภาคการผลิตมีการลดกำลังการผลิตซึ่งจะส่งให้จีดีพีของไทยมีการติดลบได้ในบางไตรมาส

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค และตอบรับที่กลุ่มพันธมิตรฯ สลายการชุมนุม แต่หลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลยังมีเสียงข้างมาก และคาดว่ารัฐบาลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และอาจจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น และการที่ราคาน้ำมันดิบร่วงหน้ามีการปรับตัวลลงนั้น ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นพลังงาน และธนาคารออกมา ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก

ส่วนกรณีที่ธปท. ปรับลดดอกเบี้ยถึง 1% ซึ่งปรับตัวลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่จะลดเพียง 0.25-0.50%นั้น จะต้องรติดตามว่าธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงมาหรือไม่ แต่การที่ตลาดหุ้นไทยไม่ตอบรับกับการปรับลดครั้งนี้ เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยจากนี้จะมีการปรับตัวลดลงมาก และกังวลในเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้ดัชนีไม่สามารถสูงกว่า 400 จุด ได้

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แต่ไม่มากนัก จากจะต้องติดตามปัจจัยทางการเมืองในสัปดาห์หน้า และต้องติดตามในเรื่องราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ตลาดุ้นต่างประเทศ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 380-383 จุด แนวต้านที่ระดับ 400-406 จุด ซึ่งบริษัทแนะนำหากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 400 จุดนักลงทุนควรที่จะขายทำกำไรออกมาก่อนรอความชัดเจนการมอง

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้านในภูมิภาค ประกอบกับปัจจัยทางการเมืองที่เริ่มจะคลี่คลาย หลังจากการประกาศยุบพรรคการเมืองและการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยทำให้ดัชนีตลาดหุ้นยังแกว่งตัวผันผวน และเป็นช่วงต้นของการฟื้นตัวของดัชนี เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลอยู่บ้าง
 
ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับลดลอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1% ซึ่งมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไม่ได้เกินกว่าที่คาดไว้ และน่าจะเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้และส่งผลทางอ้อมต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าที่จะเป็นผลร้ายว่ามีความกังวลว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี ซึ่งการลดดอกเบี้ยของไทยยังมีช่องว่าห่างจากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ทำให้ธปท.สามารถลดดอกเบี้ยได้อีก โดยประเมินว่าการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งหน้าธปท.อาจจะลดดอกเบี้ยอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น