xs
xsm
sm
md
lg

จุดเริ่มต้น(ใหม่)ของการเมืองไทย หลังยุบพรรค-พธม.ยุติชุมนุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลายคนมองว่า...การประกาศยุบ 3 พรรคการเมืองขั้วรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัฌชิมาธิปไตย บวกกับการยกเลิกการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยแล้ว...น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะนำการเมืองของประเทศไปสู่แสงสว่างเสียที หลังจากหาทางออกไม่เจอในช่วงหลายๆ เดือนที่ผ่านมา

แต่จุดเริ่มต้นนี้ จะนำการเมืองไทยไปสู่แสงสว่างได้จริงหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ เพราะแสงสว่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ เป็นเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น เนื่องจากความชัดเจนสุดท้ายยังไม่มี เพราะขั้วการเมืองเดิมยังไม่มีท่าทีว่าจะถอยออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศชาติได้หายใจหายคอบ้าง...อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เป็นอยู่อย่างนี้ ณ เวลานี้ คนในแวดวงการลงทุนเขามองอย่างไรบ้างนั้น วันนี้ "ASTVผู้จัดการกองทุนรวม" มีคำตอบมาให้

ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ กล่าวว่า เรื่องของการเมืองในขณะนี้ ยังไม่ใครเดาได้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องบอกว่าสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่เคลียร์ และมีโอกาสยืดเยื้อต่อไป ซึ่งในส่วนของภาพการลงทุนในตลาดหุ้นเอง ก็ตอบรับข่าวนี้ไปแล้ว เห็นได้จากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (2 ธ.ค.) ปรับตัวลดลงทันทีในช่วงบ่าย ทั้งๆ ที่ช่วงเช้ายังยืนอยู่ในแดนบวกได้

"การเมืองตอนนี้ยังมองไม่ออกว่าจะไปทางไหน แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ ทุกอย่างมันจะขับเคลื่อนของมันไปเอง ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เห็นแสงสว่าง แต่ขณะนี้เริ่มเห็นแสงสว่างขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เพราะล่าสุด ภาพของการเมืองเอง มีการพูดถึงในหลายรูปแบบ และไม่มีความชัดเจน จะเป็น 2 ขั่วต่อไป แล้วถ้าเป็นแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ ไม่มีใครสามารถเดาได้"

เขากล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิเอง ทุกสัปดาห์ที่ผ่านไป ยิ่งจะทำให้ภาพของประเทศแย่ลงไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาพของการท่องเที่ยว ภาพของการส่งออก ซึ่งหากผลกระทบยังมีต่อไปเรื่อยๆ ก็จะลามมาสู่การลงทุนในตลาดหุ้นในที่สุด ซึ่งการที่ตลาดหุ้นปรับลดลงวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนเห็นว่าพื้นฐานของประเทศถูกทำลาย แม้การเมืองในประเทศจะดีขึ้นบ้างก็ตาม ดังนั้น จึงเชื่อว่าหลังจากนี้ ตลาดหุ้นไทย คงต้องมองหาจุดต่ำสุดต่อไป

ในแง่ของนักลงทุน...ในช่วงนี้คงต้องดูพื้นฐานของหุ้นที่จะลงทุนให้ดี เพราะทิศทางของตลาดยังผันผวนต่อไปได้อีก ขณะเดียวกัน ก็พยายามเลี่ยงหุ้นที่มีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เช่นกลุ่ม แบงก์ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจของประเทศพอสมควร โดยหลังจากนี้ ในส่วนของการขยายสินเชื่อก็อาจจะไม่โต และอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลมากขึ้น ซึ่งเอ็นพีแอลถือเป็นข่าวร้ายของหุ้นกลุ่มแบงก์พอสมควร

"จริงๆ แล้วนักลงทุนน่าจะชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้างแล้ว และคงไม่ทำอะไรมากไปกว่าเข้าไปช้อนซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาปรับลง และขายทำกำไรออกมาในช่วงที่ดัชนีปรับตัวขึ้น เป้นการเก็งกำไรระยะสั้นๆ "

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของเราเอง ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เราเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนผสมแบบยืดหยุ่น ที่เพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดเป็น 50% ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนนั้น ก็จะวิเคราะห์เป็นรายบริษัท ว่าได้รับผลกระทบอะไรบ้าง โดยจะดูว่าบริษัทนั้นมีกระแสเงินสดเพียงพอ และมีหนี้น้อย

กำพล อัศวกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย จำกัด ให้ความเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศว่า เรื่องนี้อยากให้ทุกฝ่ายหันมาปรองดองกัน เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในประเทศ เพราะวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในปีหน้าจะเป็นปัญหาใหญ่และมีความสำคัญมาก อีกทั้งเรื่องนี้จะมีผลกระทบมาถึงทุกฝ่าย

ดังนั้น ภาครัฐบาล ซึ่งเปรียบเสมือนกลไกสำคัญในการฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ จำเป็นที่จะต้องรีบดำเนินการหรือออกมาตรการต่างๆ มารองรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว ซึ่งในที่นี้หมายถึงรัฐบาลไหนก็ได้ ขอเพียงให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพราะหากเกิดวิกฤตซ้ำซ้อน เข้ามาซ้ำเติมประเทศอย่างต่อเนื่อง ไทยอาจต้องเผชิญภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วงมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ในปีหน้า

“ต้องบอกว่าตอนนี้ไทยเราเตรียมตัวรับมือวิกฤตนี้ช้าไป ดังนั้นทุกฝ่ายควรจะหันมาสามัคคีกัน เพื่อเตรียมการรองรับผลกระทบดังกล่าว เพราะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจย่อมส่งผลกระทบทุกคนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของเรา เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้ฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้”

ในภาคของนายแบงก์เอง ก็มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน โดย ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรคการเมือง 3 พรรค ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในทางกฎหมาย ซึ่งในทางปฏิบัติยังมีอีกหลายขั้นตอนและรัฐบาลยังต้องทำความเข้าใจกับกลุ่มต่างๆ โดยขอให้ทุกฝ่ายเสียสละเพื่อประเทศชาติ ขณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ควรถอนตัวออกจากสนามบินโดยทันที เพราะหากปล่อยให้ยืดเยื้อจะยิ่งส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ

ทั้งนี้ ยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลย่อมส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหลังจากนี้พรรคการเมืองควรเร่งดำเนินการตามกรอบของกฎหมายในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น*

โดยส่วนตัวไม่คิดว่าคำตัดสินของศาลจะส่งผลให้บุคคลภายนอกถอดใจที่จะลงเล่นการเมือง โดยมองว่าหากมีกติกาที่ดี ก็ย่อมเป็นแรงจูงใจ ขณะเดียวกันประเทศไทยก็มีนักการเมืองที่มีประสิทธิภาพอีกมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับความเห็นต่อการยกเลิกการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย **"วนา พูลผล" **ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าจะเป็นผลดีในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจ ที่จะชะลอตัวในปีหน้า

ซึ่งหลังจากยกเลิกการชุมนุมไปแล้ว ภาครัฐเองจะต้องหันมาให้ความสำคัญในการฟื้นความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจท่องเที่ยวและการส่งออก ขณะเดียวกัน รัฐบาลที่จะเข้ามาใหม่ จะต้องสร้างเสถียรภาพและความเชื่อมั่นให้ทุกฝ่ายยอมรับ เพื่อผลักดันจีดีพีของประเทศให้เติบโตได้เป็น 2-3% จากเดิมที่เกิดวิกฤตจนหลายฝ่ายกังวลว่าจะไม่เติบโตเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น