ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย คาดตลอดปี 51 การท่องเที่ยวของประเทศและภูเก็ตเติบโตต่อเนื่อง แม้อยู่ในภาวะวิกฤตด้านราคาอาหารและพลังงานนักท่องเที่ยวทะลุ 15.6 ล้านคน รายได้ 600,000 ล้านบาท เฉพาะภูเก็ตจังหวัดเดียวนักท่องเที่ยว 5.6 ล้านคน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 110,000 ล้านบาท จากตลาดนักท่องเที่ยวในกลุ่มเอเซียตะวันออกฟื้นตัวและตลาดหลักอย่างยุโรปยังนิยมเหมือนเดิม
ดร.พิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหาภาค ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต” ในการสัมมนาลูกค้าผู้ประกอบการ “บริหารธุรกิจท่องเที่ยวสู่ระดับสากล” ซึ่งธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จัดขึ้นเพื่อเพิ่มความรู้ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ต พังงา และกระบี่ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จ.ภูเก็ต วันนี้ (22 พ.ค.) ว่า
ภาพรวมสถานการณ์การท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2550 โดยคาดว่าในปี 2551 ตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของไทยมีแนวโน้มขยายตัวประมาณร้อยละ 8 เทียบกับปี 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.6 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 15.6 ล้านคน ส่งผลให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9
ทั้งนี้ ได้แรงหนุนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวหลักของไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่ค่อนข้างทรงตัวในปี 2550 ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่นๆ ยกเว้นภูมิภาคอเมริกา มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีหลายปัจจัย คือ สถานการณ์การเมืองที่ผ่อนคลายลกว่าในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามประเด็นการเมืองยังคงติดตามกรณีการยุบพรรคการเมือง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตลาดท่องเที่ยวหลักของไทยคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออก น่าจะฟื้นตัวสู่ภาวะปกติและทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น มีการขยายการให้บริการของสายการบิน ทั้งเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ทำให้นักท่องเที่ยวสมารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้มากขึ้น
รวมทั้งการขยายเส้นทางบินของสายการบินต้นทุนต่ำ การขยายเครือข่ายเข้ามาในประเทศของกลุ่มเชนบริหารโรงแรมชั้นนำจากต่างประเทศ และการส่งเสริมตลาดประชุมสัมมนาของหน่วยงานราชการมีแนวโน้มคึกคักยิ่งขึ้น
ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เช่น ภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น อาจทำให้การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของคนไทยลดลง ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติบางกล่มอาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศของตนเอง และราคาค่าโดยสารเครื่องบินที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และผู้ประกอบการเผชิญภาวะต้นทุนประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นผลมาจากราคาสินค้าอาหาร ราคาพลังงานและการปรับอัตราค่าจ้าง และการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งในระยะที่ผ่านมา คู่แข่ง เช่น เวียดนาม มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ดร.พิมลวรรณ ยังกล่าวถึงภาพรวมการท่องเที่ยวของภูเก็ต ว่า ในปี 2551 การท่องเที่ยวของภูเก็ตยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2551 จะจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มเป็น 5.6 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 11.9 ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ขยายตัวร้อยละ 11 โดย 73% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อีก 27% เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคนไทย ซึ่งการท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้นถือว่ามีการขยายตัวที่สูงกว่าพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของประเทศ
ส่วนรายได้ที่จะเกิดจากการท่องเที่ยวของภูเก็ต คาดการณ์ว่าในปี 2551 อยู่ที่ 110,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ 84% เป็นรายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เหลืออีก 16% เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทย โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาภูเก็ตจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 4,600 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายหลักจะเป็นค่าที่พัก 25% ส่วนการจับจ่ายซื้อสินค้าและของที่ระลึกยังน้อยอยู่แค่ 18% ซึ่งจุดนี้ยังสามารถที่จะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจับจ่ายแลกซื้อสินค้าและบันเทิงต่างๆ ให้มากขึ้น
ดร.พิมลวรรณ กล่าวต่อว่า ภูเก็ตยังสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้อีกด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ดึงนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศใหม่ๆเข้ามา รวมไปถึงการเพิ่มค่าใช้จ่ายและวันพักให้มากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้าภูเก็ตวันพักเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5.6 วัน ด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการที่เน้นการเพิ่มมูลค่าเพิ่ม ทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ เครื่องประดับ และของที่ระลึก ด้วยการจัดให้มีศูนย์จำหน่ายสินค้าพื้นเมืองที่เป็น Shopping Complex ร้านค้าภายในสนามบิน เป็นต้น
