ASTVผู้จัดการรายวัน - กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สังเวยดัชนีหุ้นร่วง พบตัวเลขเดือนกันยายนและตุลาคม เงินลงทุนหายไปกว่า 18,211.85 ล้านบาท โดยตุลาคมเดือนเดียว วูบไปกว่า 14,243.95 ล้านบาท ผู้จัดการกองทุนชี้ เป็นไปตามตลาด ไม่ใช่การไถ่ถอน เผยมีนายจ้างห่วงขาดทุน หารือขอยกเลิกกองทุนบ้าง แต่ตามกฏหมายยังไม่สามารถทำได้ ส่วนปัญหาการเลิกจ้าง ยังไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เหตุส่วนใหญ่เป็นแรงงานระดับล่าง แต่ปีหน้าต้องจับตา หวั่นปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ฉุดเงินใหม่ส่งเข้ากองทุน
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) เปิดเผยว่า การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในช่วงเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ลดลงอย่างมาก เนื่องจากในช่วง 2 เดือนดังกล่าว ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้เงินลงทุนในส่วนของกองทุนที่ลงทุนในหุ้นปรับลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกันยายน เงินลงทุนทั้งระบบลดลงไปกว่า 3,967.90 ล้านบาท และในเดือนตุลาคม เงินลงทุนทั้งระบบปรับลดลงไปกว่า 14,243.95 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนเงินที่ลดลงรวมกันประมาณ 18,211.85 ล้านบาท ส่งผลให้เงินลงทุนรวมล่าสุด ขยับลงมาอยู่ที่ 446,373.60 ล้านบาท จาก464,585.45 ล้านบาทในเดือนสิงหาคม
นายเกษตร ชัยวันเพ็ญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงสูงที่สุด ซึ่งสูงกว่า 20% ดังนั้น จึงส่งผลให้เงินลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปรับลดลงตามไปด้วย ซึ่งปัจจัยนี้เองเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เงินลงทุนระบบลดลงดังกล่าว โดยไม่ใช่สาเหตุจากการไถ่ถอนเงินลงทุนออกไปแต่อย่างใด เห็นได้จากจำนวนกองทุนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงจาก 511 กองทุน
ส่วนการเลิกจ้างพนักงานที่มีเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมานั้น มองว่ายังไม่ใช่ปัจจัยที่มีส่วนสำคัญทำให้เงินลงทุนลดลง เนื่องจากยังไม่มีกองทุนใดถอนเงินลงทุนออกไป เพียงแต่ลดลงจากภาวะตลาดหุ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีนายจ้างปรึกษาเข้ามาเช่นกันว่าจะสามารถยกเลิกกองทุนได้หรือไม่ แต่เป็นจำนวนที่ไม่มากนัก ซึ่งเรื่องนี้ ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้
"เรื่องของการเลิกจ้างน่าจะเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาดูในปีหน้า เพราะปีหน้าจะเห็นผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจชัดเจนมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการส่งเงินเข้ากองทุนด้วย ดังนั้น เรื่องนี้เราเองต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดด้วย"นายเกษตรกล่าว
ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวว่าในทำนองเดียวกันว่า เงินลงทุนที่ลดลงดังกล่าว สาเหตุหลักมาจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างมากในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ส่วนการเลิกจ้างพนักงานนั่น คิดว่าไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะส่วนใหญ่เป็นการเลิกจ้างแรงงานระดับล่าง ที่ไม่น่าจะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารของบริษัทซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นนั้น ก็ปรับลดลงเช่นกัน แต่เนื่องจากเรายังมีเงินลงทุนใหม่เข้ามา จึงทำให้เห็นการเพิ่มขึ้นอยู่ โดยไม่ได้ปรับลดลงตามอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการรายงานส่วนแบ่งการตลาด 10 อันดับแรกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2551) ของบริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน พบว่า บริษัทจัดการที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับที่ 1 คือ ยังคงเป็นบลจ. ทิสโก้ โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 65,802.60 ล้านบาท ลดลงประมาณ 959.75 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 66,762.35 ล้านบาท
อันดับที่ 2 บลจ. กรุงไทย โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 58,649.87 ล้านบาท ลดลงสูงที่สุดประมาณ 4,379.05 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 63,028.92 ล้านบาท อันดับที่ 3 บลจ. เอ็มเอฟซี ซึ่งมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 53,467.07 ล้านบาท ลดลง 1,198.24 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 54,665.31 ล้านบาท อันดับที่ 4 บลจ. ไทยพาณิชย์ มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 51,703.28 ล้านบาท ลดลง 741.34 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 52,444.63 ล้านบาท
อันดับที่ 5 บลจ. กสิกรไทย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 49,995.05 ล้านบาท ลดลง 1,692.37 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 51,687.42 ล้านบาท อันดับที่6 บลจ. ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) ซึ่งมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 41,467.99 ล้านบาท ลดลง 1,367.37 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 42,835.53 ล้านบาท อันดับที่ 7 ธนาคารกรุงเทพ มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 39,604.53 ล้านบาท ลดลง 1,223.31 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 40,824.84 ล้านบาท
อันดับที่ 8 บลจ. บีที โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 17,468.80 ล้านบาท ลดลง 245.75 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 17,714.56 ล้านบาท อันดับที่ 9 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ) โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 15,862.83 ล้านบาท ลดลง 577.25 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 16,440.08 ล้านบาท และอันดับที่10 บลจ. ฟินันซ่า โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 12,913.01 ล้านบาท ลดลง 390.33 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 13,303.34 ล้านบาท
ทั้งนี้ บลจ. อยุธยา ถือเป็นบลจ.รายเดียวที่มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,266.94 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 85.90 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 10,181.04 ล้านบาท
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) เปิดเผยว่า การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในช่วงเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ลดลงอย่างมาก เนื่องจากในช่วง 2 เดือนดังกล่าว ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้เงินลงทุนในส่วนของกองทุนที่ลงทุนในหุ้นปรับลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกันยายน เงินลงทุนทั้งระบบลดลงไปกว่า 3,967.90 ล้านบาท และในเดือนตุลาคม เงินลงทุนทั้งระบบปรับลดลงไปกว่า 14,243.95 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนเงินที่ลดลงรวมกันประมาณ 18,211.85 ล้านบาท ส่งผลให้เงินลงทุนรวมล่าสุด ขยับลงมาอยู่ที่ 446,373.60 ล้านบาท จาก464,585.45 ล้านบาทในเดือนสิงหาคม
นายเกษตร ชัยวันเพ็ญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงสูงที่สุด ซึ่งสูงกว่า 20% ดังนั้น จึงส่งผลให้เงินลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปรับลดลงตามไปด้วย ซึ่งปัจจัยนี้เองเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เงินลงทุนระบบลดลงดังกล่าว โดยไม่ใช่สาเหตุจากการไถ่ถอนเงินลงทุนออกไปแต่อย่างใด เห็นได้จากจำนวนกองทุนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงจาก 511 กองทุน
ส่วนการเลิกจ้างพนักงานที่มีเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมานั้น มองว่ายังไม่ใช่ปัจจัยที่มีส่วนสำคัญทำให้เงินลงทุนลดลง เนื่องจากยังไม่มีกองทุนใดถอนเงินลงทุนออกไป เพียงแต่ลดลงจากภาวะตลาดหุ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีนายจ้างปรึกษาเข้ามาเช่นกันว่าจะสามารถยกเลิกกองทุนได้หรือไม่ แต่เป็นจำนวนที่ไม่มากนัก ซึ่งเรื่องนี้ ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้
"เรื่องของการเลิกจ้างน่าจะเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาดูในปีหน้า เพราะปีหน้าจะเห็นผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจชัดเจนมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการส่งเงินเข้ากองทุนด้วย ดังนั้น เรื่องนี้เราเองต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดด้วย"นายเกษตรกล่าว
ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวว่าในทำนองเดียวกันว่า เงินลงทุนที่ลดลงดังกล่าว สาเหตุหลักมาจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างมากในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ส่วนการเลิกจ้างพนักงานนั่น คิดว่าไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะส่วนใหญ่เป็นการเลิกจ้างแรงงานระดับล่าง ที่ไม่น่าจะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารของบริษัทซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นนั้น ก็ปรับลดลงเช่นกัน แต่เนื่องจากเรายังมีเงินลงทุนใหม่เข้ามา จึงทำให้เห็นการเพิ่มขึ้นอยู่ โดยไม่ได้ปรับลดลงตามอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการรายงานส่วนแบ่งการตลาด 10 อันดับแรกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2551) ของบริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน พบว่า บริษัทจัดการที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับที่ 1 คือ ยังคงเป็นบลจ. ทิสโก้ โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 65,802.60 ล้านบาท ลดลงประมาณ 959.75 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 66,762.35 ล้านบาท
อันดับที่ 2 บลจ. กรุงไทย โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 58,649.87 ล้านบาท ลดลงสูงที่สุดประมาณ 4,379.05 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 63,028.92 ล้านบาท อันดับที่ 3 บลจ. เอ็มเอฟซี ซึ่งมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 53,467.07 ล้านบาท ลดลง 1,198.24 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 54,665.31 ล้านบาท อันดับที่ 4 บลจ. ไทยพาณิชย์ มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 51,703.28 ล้านบาท ลดลง 741.34 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 52,444.63 ล้านบาท
อันดับที่ 5 บลจ. กสิกรไทย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 49,995.05 ล้านบาท ลดลง 1,692.37 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 51,687.42 ล้านบาท อันดับที่6 บลจ. ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) ซึ่งมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 41,467.99 ล้านบาท ลดลง 1,367.37 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 42,835.53 ล้านบาท อันดับที่ 7 ธนาคารกรุงเทพ มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 39,604.53 ล้านบาท ลดลง 1,223.31 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 40,824.84 ล้านบาท
อันดับที่ 8 บลจ. บีที โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 17,468.80 ล้านบาท ลดลง 245.75 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 17,714.56 ล้านบาท อันดับที่ 9 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ) โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 15,862.83 ล้านบาท ลดลง 577.25 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 16,440.08 ล้านบาท และอันดับที่10 บลจ. ฟินันซ่า โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 12,913.01 ล้านบาท ลดลง 390.33 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 13,303.34 ล้านบาท
ทั้งนี้ บลจ. อยุธยา ถือเป็นบลจ.รายเดียวที่มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,266.94 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 85.90 ล้านบาท จากเงินลงทุนในเดือนกันยายนอยู่ที่ 10,181.04 ล้านบาท