xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ทอ.ไล่สมชายพ้นเก้าอี้นายกฯพธม.จี้“เสรีรัตน์”เปิดสุวรรณภูมิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน –ผู้บัญชาการทหารอากาศประกาศชัดรัฐบาลอยู่ต่อไปก็บริหารประเทศลำบาก ลั่น “ยุบสภา” คืนอำนาจประชาชนคือทางออกประเทศ “กกต.” เห็นด้วยให้ยุบสภา ด้าน"อภิสิทธิ์" จี้ “สมชาย” เจรจาพันธมิตรฯ เพื่อหาทางออกวิกฤตชาติ วอน"แก๊งเสื้อแดง" อย่าป่วนให้เกิดการปะทะ “จำลอง” ยื่น จม.เปิดผนึกจี้ "เสรีรัตน์" เปิดสนามบิน “อมร” นำทีมบุกบ้านโกวิท ด้านอันธพาลสัตว์นรก เหิมเกริม บุกกระหน่ำทั้งยิงทั้งระเบิดใส่ กลุ่มพันธมิตร ทั้ง ที่เอเอสทีวี ทำเนียบฯ ดอนเมือง เผยที่ทำเนียบฯ หนักสุด ศูนย์นเรนทร เผยมีผู้บาดเจ็บ 50 ราย โคม่า 1 ราย “จำลอง” ถก บชน.หารือตำรวจตั้งจุดสกัด พันธมิตรฯไฟเขียวการท่าฯนำเครื่อง 80 ลำออกจากสนามบิน หวั่นมือที่สามก่อวินาศกรรม มั่นใจศาลรัฐธรรมนูญ เชือด 3 พรรค.
วานนี้ (30พ.ย.) ที่ลานพระรูปทรงม้า พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพติดตามสถานการณ์ตลอด ขณะนี้สถานการณ์หาทางออกลำบาก ซึ่งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วมได้เชิญผู้ใหญ่ทุกระดับเข้าร่วมประชุม ทั้งหัวหน้าส่วนราชการ ปลัดกระทรวงต่างๆ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ภาคเอกชน ทุกคนพูดให้ความเห็นค่อนข้างมาก เพื่อพยายามหาทางออก ซึ่งทุกคนเห็นพ้องที่จะเสนอให้รัฐบาลยุบสภา แต่อย่างที่เห็น วันนี้ยังหาทางออกไม่ได้
**ทหารบอกต้องยุบสภา
เมื่อถามว่า นักวิชาการเสนอให้รัฐบาลยุบสภาน่าจะเป็นทางออก พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า วันนี้ทุกคนพยายามหาทางออกของประเทศ หลายท่านเห็นว่า การยุบสภาเป็นทางออก ซึ่งประเทศมีปัญหามากแล้ว รัฐบาลอยู่ต่อไปก็บริหารประเทศลำบาก และได้รับการต่อต้านจากหลายฝ่าย ทางที่ดีคือ คืนอำนาจให้กับประชาชน
"สถานะปัจจุบันของรัฐบาล ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร ไม่ว่าฝ่ายบริหารก็ยังเป็นคณะรัฐมนตรี อำนาจนิติบัญญัติ ก็เป็นคนในรัฐบาลส่วนใหญ่ ดังนั้นไม่น่ากังวล ทำไมกลัวการเลือกตั้ง ทั้งที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่" พล.อ.อ.อิทธพรกล่าว
เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณายุบพรรคในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ น่าจะยุติการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจจุบันคล้ายกับความรู้สึก สำนึกความรับผิดชอบน้อยลงไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าทุกครั้งต้องรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินจึงยอมรับ ดังนั้น การที่ศาลจะพิพากษา ในวันที่ 2 ธันวาคม นี้ ทุกคนน่าจะยอมรับอำนาจตุลาการ
**ลั่นอยู่กับสิ่งถูกต้อง ไม่กลัวถูกปลด
เมื่อถามว่า อารยะขัดขืน เกิดขึ้นกับกองทัพอากาศหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า เราคงจะอยู่กับสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนเมื่อถามว่า ท่านกลัวถูกปลดกลางอากาศ เหมือนกับที่ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า เราพูดกันตลอดว่าจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งใดถูกต้อง เราไม่กลัวว่าจะทำให้คนที่ปฏิบัติตามความถูกต้องชอบธรรม แล้วสุดท้ายถูกปลดก็ยินดี
**ประพันธ์เห็นด้วยยุบสภา 
         นายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)  กล่าวถึงเหตุการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า ตอนนี้กำลังเดินไปสู่ทางตัน มีความจำเป็นต้องหาทางออกและแก้ไข ซึ่งก็เห็นด้วยกับคำพูดของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ที่มีการเสนอให้รัฐบาลยุบสภาและกลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมประท้วง
** "ป๋าเปรม"วอนนึกถึงในหลวง
รายงานข่าวแจ้งว่า นายทหารใกล้ชิด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เปิดเผยว่า พล.อ.เปรม เปรยกับทหารคนใกล้ชิดว่า รู้สึกเป็นห่วง และหนักใจสถานการณ์บ้านเมือง อยากให้คนไทยกลับมารักกัน และบ้านเมืองกลับมาสงบเรียบร้อยเป็นปกติสุขตามเดิม
อย่างไรก็ตาม พล.อ.เปรม ได้ให้คณะนายทหารคนสนิทเฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมือง และหากมีอะไรให้รายงานให้ท่านทราบทันที ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ท่านเฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา และท่านคิดเหมือนคนไทยทุกคนที่อยากให้บ้านเมืองสงบสุข และอยากให้คนไทยนึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองกลับมาสงบเรียบร้อยได้
“มาร์ค”อัด“แม้ว”ป้องประโยชน์ตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยไร้เงื่อนไข เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ขณะเดียวกัน การยุบสภา ก็ถือเป็นวิธีการทางประชาธิปไตย แต่หากจะมีการทำการปฏิวัติรัฐประหาร ก็ขอคัดค้าน เพราะจะทำให้สถานการณ์วุ่นวาย ยืดเยื้อ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ว่า เป็นเพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ดังนั้นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ก็อย่าเคลื่อนพลปะทะ และขอให้เคารพกฎหมายกระบวนการยุติธรรม
ส่วนกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัดสินใจยุบสภา ก่อนจะมีการตัดสินคดียุบพรรค จะส่งผลอย่างไรว่า หากยุบสภาก็ไม่ขัดข้อง แต่ที่ผ่านมานายกฯ ออกมายืนยันว่าจะไม่มีการยุบสภา  แต่หากไม่ตัดสินใจอะไรความเสียหายก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ส่วนการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่จะมีการรวมมวลชนเพื่อเคลื่อนไหว เชื่อว่าเป็นสิ่งที่สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องไม่เกิดการปะทะกัน ส่วนการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องผลประโยชน์เท่านั้น 
**จี้“เสรีรัตน์”เปิดสุวรรณภูมิ
วานนี้ (30 พ.ย.) พลตรี จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)ความว่า ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มาชุมนุมอยู่ที่บริเวณด้านหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ และด้านหน้าของสนามบินดอนเมืองนั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอชี้แจงว่า เรามิได้ชุมนุมในพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของเครื่องบิน ทั้งในส่วนของลานบิน หลุมจอด หอบังคับการบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขึ้นหรือลงเครื่องบินของสนามบินทั้ง 2 แห่ง
ในฐานะท่านเป็นเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบสนามบินทั้ง 2 แห่ง และจากการประสานงานด้วยวาจากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ของท่านในการดูแลการขึ้นลงเครื่องบิน และดูแลรักษาความปลอดภัยของเครื่องบิน ซึ่งเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของท่านโดยตรง
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันผู้ประสงค์ร้ายต่อเครื่องบินและสนามบิน ขอให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการป้องกันรักษาความปลอดภัยต่อเครื่องบินและสนามบินที่สนามบินดอนเมืองติดต่อประสานงานกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และขอให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการป้องกันรักษาความปลอดภัยต่อเครื่องบินและสนามบินสุวรรณภูมิ ติดต่อประสานงานกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เพื่อประสานความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
**บุกบ้านโกวิทจี้ให้ลาออก
วานนี้ (30 พ.ย.) นายอมร อมรรัตนานนท์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้พาผู้ชุมนุมพันธมิตรฯหลายร้อยคนมาชุมนุมที่หน้าบ้านของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีจุดประสงค์เพื่อยื่นหนังสือให้ พล.ต.อ.โกวิท ยุติการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และให้ลาออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมยังเป็นไปโดยสงบแกนนำได้พยายามบอกกับกลุ่มผู้ชุมนุมห้ามปีนรั้ว หรือทำลายสิ่งของอย่างเด็ดขาดและผู้ชุมนุมได้สลายการชุมนุมแล้ว หลังใช้เวลาชุมนุมประมาณ 1 ชั่วโมง โดยแกนนำได้กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า จะเดินทางไปที่บ้านของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ต่อจากนั้น อาจมีไม้เด็ดบุกไปบ้านของแกนนำ นปช.ด้วย
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้ไม่มีเหตุปะทะกันแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.โกวิท ไม่ได้อยู่ภายในบ้านพัก แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบดูแลสถานการณ์อยู่นับ 10 นาย
**บึ้มทำเนียบฯ เจ็บระนาว
เมื่อเวลาประมาณ 23.50 น.ของวันที่ 29 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใกล้เวทีทำเนียบรัฐบาล จนทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนหลายราย ซึ่งจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุบริเวณหลังคาเต็นท์มีรอยถูกยิงเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ห่างจากเวทีประมาณ 20 เมตร ส่วนบริเวณพื้นในที่เกิดเหตุพบสะเก็ดระเบิดเป็นเศษอลูมิเนียม พลาสติกและรอยเลือด
ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมบาดเจ็บเล็กน้อย 47 คน อาการสาหัสอยู่ห้องไอซียูจำนวน 4 คน คือ 1.น.ส.กาญจนา หมื่นหนู อายุ 27 ปี มีอาการปอดฉีก แพทย์ต้องปั้มหัวใจ 2.นางจิตรา จินตนธรรม อายุ 57 ปี 3.น.ส.สุพรรณา ไม่ทราบนามสกุล และนางเพียงใจ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งหลังเกิดเหตุแพทย์อาสาและการ์ดพันธมิตรฯได้ทยอยนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งรพ.รามาธิบดี รพ.พระมงกฎเกล้าฯและรพ.วชิระ
น.ส.หทัยรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 36 ปี ผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนนั่งอยู่จุดที่ระเบิดลงประมาณ 5 เมตร โดยนั่งอยู่กับเพื่อน 3-4 คน ตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม จนถึงช่วงที่เกิดเหตุตนเห็นแสงไฟแลบและระเบิดดังสนั่น ผู้ชุมนุมต่างก้มหมอบลงกับพื้นโดยตนถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนขวา บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหลังมีเลือดไหล หลังจากนั้นแพทย์ก็ได้มาช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล
จากการสอบถามการ์ดพันธมิตรฯ คาดว่าคนร้ายยิงเอ็ม 79 เข้ามาเหมือนระเบิดครั้งก่อนและเป็นจุดใกล้เคียงที่ทำให้นายเจนกิจ กลัดสาคร พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ชลบุรี เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้ามืดวันที่ 20 พ.ย.เบื้องต้นสันนิษฐานคนร้ายว่าน่าจะยิงมาจากทางด้านข้างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เพื่อการเกษตร(ธกส.)ใกล้อาคารก่อสร้างของเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนครหรือบริเวณตรอกใกล้วัดเบญจมบพิตร         
**เหิมบึ้มเอเอสทีวีอีก
          หลังจากนั้นเมื่อเวลา 00.15 น.ที่ผ่านมา คนร้ายได้ยิงระเบิดเข้าใส่สำนักงานเอเอสทีวีที่บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.จำนวน 2 ลูก พร้อมกับยิงอาวุธสงครามคาดว่าเป็นปืนอาก้า เข้าใส่จากทางแม่น้ำเจ้าพระยาหลายนัด
จากการสอบถามนายสมเจตน์ ศาลาวงศ์ อปพร.ประจำจุดท่าพระอาทิตย์ ซึ่งทำหน้าที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ กล่าวว่า คนร้ายที่ลอบก่อเหตุนั่งเรือมากัน 2 ลำ โดยอาศัยอำพรางกับความมืด ล่องเรือทางริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณด้านหลังสำนักงานเอเอสทีวี ก่อนที่จะยิงระเบิดใส่สำนักงานเอเสทีวี 2 ลูก และยิงอาวุธปืนใส่อีกหลายนัดจนเสียงดังสนั่น ก่อนที่จะนั่งเรือหลบหนีไป
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของสำนักงานเอเอสทีวี ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยการนำแผงเหล็กมากั้นปิดถนนพระอาทิตย์ บริเวณด้านหน้าสำนักงานเอเอสทีวีอีกด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 00.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงครามนำโดย พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ กล่าวเพียงสั้นๆว่า มีแต่เสียงดัง ไม่มีผู้บาดเจ็บ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันเอาไว้
**สัตว์นรกลอบกัดที่ดอนเมือง
วันเดียวกันเวลา 04.00 น. เกิดเหตุระเบิดไม่ทราบชนิดและไม่ทราบวิถีที่มาของระเบิดบริเวณริมถนนวิภาวดีรังสิต ประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ สนามบินดอนเมือง ประตูที่ 6 ซึ่งเป็นจุดที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมอยู่ด้านใน ซึ่งจุดเกิดเหตุนั้นฝ่ายรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรได้ทำการปิดไม่ให้คนผ่านเข้า-ออกโดยมีการนำยางรถยนต์ ลวดหนาม และรถบรรทุก 6 ล้อจอดขวางเป็นบังเกอร์ สิ่งกีดขวางได้โดนแรงระเบิดทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณชุมนุม อย่างไรก็ตาม จุดเกิดระเบิดอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์ประมาณ 20 เมตร
จากการตรวจสอบพบหลุมระเบิดบนพื้นถนนราดยางมะตอยมีขนาดกว้างประมาณ 10 ซม. ลึก 3 ซม. และมีรอยสะเก็ดระเบิดที่กรวยจราจรและสะเก็ดระเบิดทำให้กระจกรถบรรทุกที่นำมาจอดขวางประตูฝั่งคนขับแตกละเอียด ทั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คนคือ นายกำพล ทองคำ อายุ 27 ปี และนายเทียม เอื้อทัดทาน (ไม่ทราบอายุ) โดยนายกำพลเป็นผู้ชุมนุมที่นั่งอยู่ที่ท้ายรถกระบะกำลังเดินทางออกจากที่ชุมนุม ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดที่หน้าอกซ้ายและแขนซ้าย ส่วนนายเทียมเป็นประชาชนที่เดินผ่านมาพอดี โดยทั้งสองคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุผู้ชุมนุมต่างพากันตะโกนสาปแช่งและบอกว่าเป็นการลอบกัด ส่วนทางการ์ดพันธมิตรฯ ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัยอายุประมาณ 50 ปี สวมเสื้อโปโลสีเหลือง สวมกางเกงขาสั้น สะพายเป้ โดยการ์ดพันธมิตรฯ ได้ดำเนินการสอบสวนแต่ชายคนดังกล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ทำให้เกิดเหตุระเบิด
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ระบุว่า จากนี้ไปในช่วงเวลากลางคืนขอให้ผู้ชุมนุมเข้าไปพักผ่อนอยู่แต่ภายในอาคารเท่านั้น เพราะเหตุระเบิดแต่ละครั้งมักจะเป็นการใช้อาวุธสงครามระยะไกล ดังนั้นการอยู่ในอาคารจะทำให้ปลอดภัยที่สุด
**การ์ดพธม.1,200คนคุมเข้ม
ส่วนการ์ดพันธมิตรฯ ที่เฝ้าระวังเหตุในขณะนี้ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยจะใช้จำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 1,200 คน สลับสับเปลี่ยนกันตลอดทั้งวันทั้งคืน
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ยังเตือนผู้ชุมนุมให้เฝ้าระวังกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะรวมตัวกันในเย็นวันนี้ โดยเกรงว่าอาจจะมีบางส่วนเคลื่อนไหวมาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่การชุมนุมของพันธมิตรฯ
แกนนำพันธมิตรฯ ระบุด้วยว่า จากนี้ไปจะไม่สนใจประกาศของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ไม่ว่าจะออกมากี่ฉบับก็ตาม เพราะเชื่อว่าทั้งหมดนั้นเป็นประกาศที่ออกมาโดยไม่ชอบธรรม
จากนั้นเมื่อเวลา14.00น.ได้มีเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน สืบกู้วัตถุระเบิด เดินทางมาพิสูจน์หลักฐานจากเหตุระเบิด โดย พ.ต.ต. สุทัศน์ ไชพรหม สารวัตรสืบกู้วัตถุระเบิด เปิดเผยภายหลังจากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวว่า จากาการตรวจสอบพบสว่าเป็นระเบิดประเภท m26 มีรัศมีในการทำลาย 10 เมตร จุดชนวน 4-5 วินาที และจากการตรวจสอบพบหลุมที่โดนระเบิด กว่าง 25 เซนติเมตร ลึก 30 เซนติเมตร ทั้งนี้จะนำหลักฐานทั้งหมด ให้กองพิสูจน์เพื่อหาลายนิ้วมือ เบื้องต้นจากการสันนิษฐานคาดว่าคนร้ายน่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ และใช้การเขวี้ยงระเบิดระดับหน้าอกเข้ามาตรงจุดเกิดเหตุ โดยพบกระเดื่องตกอยู่ไม่ไกลจากหลุมระเบิด และพบตุ๊กตาโปเกมอนตกอยู่ที่เกิดเหตุด้วย
ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่าบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรที่สนามบินดอนเมืองนั้น การตรวจค้นอาวุธของการ์ดพันธมิตรฯ เป็นไปอย่างเข้มงวด เพราะนอกจากมีการตรวจค้นตัวและสัมภาระแล้วยังขอดูโทรศัพท์ของผู้ที่จะเข้าไปในจุดชุมนุมทุกคน โดยการ์ดพันธมิตรระบุว่ามีข่าวว่ามีการกว้านซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย3310 ซึ่งราคาถูกและสามารถนำมาใช้เป็นระเบิดได้ หากพบว่าผู้ชุมนุมที่เข้ามาร่วมมีโทรศัพท์ก็จะขอเปิดตัวเครื่องตรวจเช็คอย่างระเอียด ทั้งนี้การตรวจค้นยังไม่มีการพบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
**เผยโคม่า1รายเจ็บอื้อ
เมื่อเวลา 17.30 น. นพ.ชูวิทย์ ลิขิตยิ่งวรา หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการณ์ผู้อำนวยการศูนย์นเรนทร เดินทางเข้าเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บ จากเหตุระเบิดที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อคืนนี้ ที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อให้กำลังใจผู้บาดเจ็บและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วย
นพ.ชูวิทย์ กล่าวว่า จากเหตุระเบิด 3 จุดหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา คือที่ทำเนียบรัฐบาล มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 48 ราย ไม่มีเสียชีวิต หน่วยแพทย์กู้ชีพได้นำส่งรักษาที่โรงพยาบาล 4 แห่ง คือที่โรงพยาบาลรามาธิบดี 44 ราย ส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎ 2 ราย ส่งที่วชิรพยาบาล 2 ราย ส่วนเหตุระเบิดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง บาดเจ็บ 2 ราย ส่งที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช 1 ราย และที่โรงพยาบาลเพชรเวช 1 ราย และเหตุระเบิดที่บริเวณหลังบ้านพระอาทิตย์ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ผลการรักษา ส่วนใหญ่ถูกสะเก็ดระเบิด ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย กลับบ้านได้แล้ว 42 ราย แพทย์รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล 8 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี 6 ราย เป็นหญิง 5 คน ชาย 1 คน ในจำนวนนี้อยู่ในไอซียู 2 ราย เป็นหญิงทั้งคู่ คือนางจิตรา จินตนธรรมอายุ 52 ปี มีเลือดออกในสมอง สมองบวมช้ำ รู้สึกตัวดี และนางสาวกมลวรรณ หมื่นหนู อายุ 26 ปี มีเลือดออกในสมอง สมองบวมช้ำ หลังผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดออกและตัดเนื้อสมองส่วนที่เสียออกไป อาการยังโคม่าอยู่ในขั้นเป็นตายเท่ากัน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แพทย์ให้ยาลดบวมสมอง และดูแลใกล้ชิด
ส่วนอีก 2 ราย นอนอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ 1 รายได้แก่ นางสาวพรรณี เสงี่ยมเมือง อายุ 50 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ฝ่าเท้าข้างซ้าย อาการปลอดภัย และอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรเวช 1 ราย คือนายเทียม เอื้อทับทาน อายุ 47 ปี ซึ่งบาดเจ็บจากจุดระเบิดที่สนามบินดอนเมือง ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ช่องท้อง ทะลุลำไส้ แพทย์ผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดออกแล้ว อาการปลอดภัย
 **จำลองวางแผนป้อง 4 ที่มั่น                 
เมื่อเวลา 06.25 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงเหตุการณ์ที่คนร้ายลอบยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมที่ทำเนียบฯ จนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากว่า ถูกก่อยิงกวนทั้ง 4 แห่ง เป็นระยะๆ โดยมีคนร้ายนำอาวุธสงครามมาก่อเหตุ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ โดยผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากมีเพียงที่ทำเนียบฯ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
พล.ต.จำลองกล่าวว่า เหตุระเบิดทำเนียบฯที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เป็นฝีมือของรัฐบาล ซึ่งสาเหตุเพื่อต้องการสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมือง ซึ่งมีการคาดกันว่าจะมีการยุบพรรคพลังประชาชน โดยถ้าถูกตัดสินให้ยุบพรรค นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ก็จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคจะต้องถูกตัดสิทธิ์ด้วย
          “ถ้ารัฐบาลหุ่นเชิดลาออก เราก็จะกลับบ้านกันทันที ซึ่งต้องจับตามองกระบวนการยุติธรรมที่จะพิจารณาคดีในวัน 2 ธ.ค.นี้ ฉะนั้นเราจึงต้องเร่งป้องกัน 4 ฐานที่มั่นก็คือ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ซึ่งขณะนี้เราได้เสริมความแข็งแรง และรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มแข็งแล้ว นอกจากนี้ยังประสานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เราได้ตกลงกับตำรวจซึ่งทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอดของ สน.ชนะสงคราม รวมทั้งทหารกองพลที่ 1 ยังมาช่วยเรารักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่เราต้องประสานให้ตำรวจ และทหาร เข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยให้เรานั้น เพราะทหาร และตำรวจ สามารถที่จะพกพาอาวุธเพื่อรักษาความปลอดภัยได้” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ว่า เครื่องยิงระเบิดดังกล่าว มันมีระยะของการยิง แต่การที่เราถูกโจมตีจากคนร้ายนั้น ไม่รู้ว่าทหาร หรือตำรวจ ไม่ยอมทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งต่อไปนี้ เราจะให้การ์ดไปกับทหาร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะจะได้รู้ว่าจุดใดเจ้าหน้าที่ไม่เอาใจใส่ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลดีอย่างแน่นอน ฉะนั้นขอให้เราอดทนอีกนิดหนึ่ง เพราะใกล้จะถึงวันศาลจะตัดสินคดียุบพรรคการเมืองแล้วและถ้าเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ รัฐบาลหุ่นเชิดก็จะออกไป แล้วเราก็จะก้าวเข้าไปสู่การเมืองใหม่ ไม่ใช่ว่าเราไม่คิด หรือไม่วางแผนรับมือกับเหตุร้ายเอาไว้ก่อน
          “การยึดสนามบินสุวรรณภูมิส่งผลกระทบต่อรัฐบาลมากที่สุด โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น ขยายวงไปทั่วประเทศ ฉะนั้นขอให้พี่น้องพันมิตรฯ ช่วยกันรักษาที่มั่น 4 แห่งดังที่กล่าวเอาไว้” พล.ต.จำลอง ระบุ
**เจรจาร่วมตำรวจ-พธม.
เมื่อเวลา 15.45 น.ที่ห้องฉัตรทอง หอประชุมกองทัพบก สี่เสาเทเวศร์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ หัวหน้าการ์ดกองทัพธรรม เข้าหารือร่วมกับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม., พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น., พล.ต.ต.อนันท์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1, พล.ต.ต.สาโรช พรหมเจริญ ผบก.น.2 เพื่อหารือถึงการวางมาตรการดูความปลอดภัยโดยรอบสถานที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หลังมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายราย
ภายหลังการหารือกันประมาณ 20 นาที พล.ต.ท.สุชาติ เปิดเผยว่า ในการหารือกันของทั้งสองฝ่ายมีการนำแผนที่โดยรอบท่าอากาศยานดอนเมือง ทำเนียบรัฐบาล และสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี มากางเพื่อตรวจสอบและวางมาตรการร่วมกันในการดูแลความเรียบร้อยโดยจะมีกำลังทหารเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งการเจรจาครั้งนี้เป็นครั้งแรกแต่ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่มีการเจรจาร่วมกัน ทั้งยังได้รับการยืนยันจาก พล.ต.จำลอง ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยินดีที่จะเปิดการจราจรบนถนนราชดำเนินทั้งเส้นจนถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธ.ค.อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการหารือกันเรื่องขอเปิดพื้นที่สนามบินดอนเมืองหรือไม่ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน เพราะการเจรจาทุกอย่างมีขั้นตอน แต่การคุยกันครั้งแรกถือว่าลุล่วงไปด้วยดี ทำให้เชื่อว่าหากมีการหารือกันอีกผลสรุปน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นอีก
ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในการหารือกันครั้งนี้ตนได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดสกัด โดยยึดเวทีชุมนุมเป็นจุดศูนย์กลางมีรัศมี 400 เมตร และเพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนทั้งในที่สูง ในชุมชุนและวัดซึ่งอยู่โดยรอบสถานที่ชุมนุม นอกจากนี้ยังเตรียมจัดกำลังการ์ดพันธมิตรฯเข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจในการดูแลความเรียบร้อยด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุประสานงานกันค่อนข้างล่าช้า และมีเพียงตำรวจรายงานสถานการณ์เพียงฝ่ายเดียว
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า ต่อจากนี้หากเกิดเหตุร้ายขึ้นพันธมิตรฯ จะเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดทันที แต่ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาก่อความวุ่นวายในสถานที่ชุมนุม
**พธม.-ตร.ร่วมตรวจพื้นที่
เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ (30พ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงภายหลังการประชุมร่วมของแกนนำพันธมิตรฯ กับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่า แกนนำพันธมิตรฯได้แจ้งให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้รับทราบถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกโจมตีในระหว่างการชุมนุม และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาดูแลพื้นที่โดยทันทีหลังจากเกิดเหตุ โดยได้ขอความร่วมมือให้มีการลาดตระเวนโดยการ์ดพันธมิตรฯ จะร่วมลาดตระเวนด้วยในบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล ในระยะ40-50 เมตร นอกจากนี้จะได้มีการทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยราชการ และเอกชนเพื่อขอเข้าไปตรวจสอบบนอาคารสูง โดยจะต้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ เข้าไปตรวจสอบคู่กันด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมจะให้ความร่วมมือ
**ให้นำเครื่องบินออกจากสุวรรณภูมิ
นายสุริยะใส กล่าวว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมยังหารือกรณีการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ขอนำเครื่องบินจำนวน 80 ลำ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดย 5 แกนนำพันธมิตรฯ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ขอให้การท่าอากาศยานได้ประสานงานอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าภายในคืนนี้หรืออย่างช้าพวันนี้ จะสามารถนำเครื่องบินจำนวน 80 ลำออกได้ ซึ่งพันธมิตรฯ เองได้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเครื่องบิน เพราะเกรงว่าจะมีมือที่สามเข้ามาก่อวินาศกรรมจนทำให้เกิดความเสียหายแก่การท่าฯได้ เราขอยืนยันว่าพันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่เฉพาะตัวอาคารเท่านั้น ไม่ได้ลงไปในรันเวย์ โดยมอบหมายให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทำหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังผู้อำนวยการการท่าอากาศยานฯ อีกครั้ง
**มั่นใจ 3 พรรคถูกยุบแน่
นายสุริยะใส กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งขณะนี้เห็นว่าเป็นการคุมเชิงกันระหว่าง พันธมิตรฯ รัฐบาล และผู้นำเหล่าทัพ โดยแกนนำต่างเห็นตรงกันว่า ภายใน 2-3 วัน จะได้รับชัยชนะ ขณะเดียวกันการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรค พลังประชาชน มัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย จะเป็นการปลดชนวนวิกฤตการเมืองได้ เพราะหากพิจารณาตามเหตุผลและข้อมูลมีเหตุผลเพียงพอที่จะสามารถยุบสามพรรคการเมืองได้ในที่สุด
**รัฐบาลแห่งชาติคือทางออก
นายสุริยะใส กล่าวถึงการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่า การชุมนุมของนปช.ไมได้เป็นการต่อต้านรัฐประหารแต่อย่างใด เพราะทหารออกมายืนยันชัดเจนว่าจะไม่มีการปฎิวัติ แต่ข้อเท็จจริงคือต้องการกดดัน หรือข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรค จึงขอให้ตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน หนักแน่นไม่หวั่นเกรงและอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง มิเช่นนั้นบ้านเมืองจะไม่มีทางออก เพราะขณะนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้กลายเป็นโมฆะบุรุษไปแล้ว เพราะไม่มีที่ทำงาน ไม่สามารถเข้าเมืองหลวงได้เพราะกลัวถูกจับ
"หนทางที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ คือการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบ้างมาตรา ซึ่งเชื่อว่าสังคมจะยอมรับได้ " นายสุริยะใส กล่าว
ขณะนี้บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในระบบปกติไม่สามารถบริหารวิกฤตประเทศให้รอดได้ และรัฐบาลกำลังจะเข้าสู่อนาธิปไตย ไร้กฎ ไร้ระเบียบ หากนายสมชาย เห็นแก่ความถูกต้องและกติกาของบ้านเมืองก็สมควรที่จะลาออก และพันธมิตรฯ ขอขอบคุณสภาหอการค้าที่เข้าใจในสถานการณ์และเห็นว่ารัฐบาลควรจะลาออกเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น พันธมิตรฯ ก็พร้อมที่จะทบทวนการเคลื่อนไหวทั้งสามจุด
นายสุริยะใส กล่าวถึงการที่พรรคพลังประชาชน เฟ้นหาตัวนายกฯ คนใหม่แทนนายสมชาย ว่า เท่าที่ทราบชื่อ มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม มีต้นทุนต่ำกว่านายสมชาย ส่วนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ บารมียังไม่ถึง
กำลังโหลดความคิดเห็น