xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ “อุบาทว์แม้ว”ก่อปัญหาชาติ“รัฐบาลชายกระโปรง”คิดชั่วก่อสงครามปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงสถานการณ์ทางการเมือง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทรโดยไม่ได้สวมเสื้อกั๊กเหมือนทุกครั้ง และใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว เพื่อแสดงให้เห็นว่าหดหู่ต่อสถานการณ์วิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ชี้ให้เห็นถึงรากเหง้าของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่ามาจาก 3 ปีที่ประเทศไทยมี อุบาทว์พญายมหน้าเหลี่ยมเข้าแทรก จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
นายธีรยุทธ กล่าวว่า เคยเตือนล่วงหน้าแล้วว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ วัตร และพรรคพลังประชาชนดิ้นรนแก้ไขรัฐธรรมนูญล้มล้างความผิดตัวเองเพื่อกลับมาสู่อำนาจใหม่ จะเกิดวิกฤตรอบสอง ซึ่งจะเสียหายร้ายแรงกว่าเดิม
นายธีรยุทธกล่าวว่า รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี หรือเรียกว่า รัฐบาล ชายกระโปรง คิดแต่จะอยู่ในอำนาจเพื่อจ้องหาผลประโยชน์ ยึกยักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนวิกฤติบานปลาย เลือกใช้วิธีการระดมมวลชนมาปะทะกันเป็นสงครามกลางเมือง ส่วนฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ทำให้ความขัดแย้งการเมืองไทยกลายเป็นความขัดแย้งทางอุดมการณ์ พันธมิตรฯ คัดค้านการคอร์รัปชั่น การซื้อเสียง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเป็นปัญหาที่ปล่อยให้ คาราคาซังมานานของการเมืองไทย
ฝ่ายรัฐบาลส่วนใหญ่อยู่กับการซื้อเสียงและแสวงประโยชน์ตนเอง แต่อ้างประชาธิปไตย ซึ่งก็เป็นความถูกต้อง เนื่องจากต่างฝ่ายต่างอ้างอุดมการณ์ที่ถูกต้องคนละส่วน ปัญหาจึงแก้ได้ยาก พันธมิตรฯใช้วิธีแข็งขืนกฎหมาย ฝ่ายรัฐใช้อำนาจป่าเถื่อน เข้าตอบโต้ พันธมิตรฯก็ใช้วิธีผิดกฎหมายสุดขั้วยิ่งขึ้นด้วยการปิดสนามบิน ความขัดแย้งขยายตัวไป เกิดเป็นทัศนคติที่โน้มเอียง เป็นอคติและขาดสติยับยั้งมากขึ้นทุกทีในทุกๆ ส่วนของสังคม ซึ่งวิกฤติมีโอกาสบานปลายไปสู่การจลาจล และระดับใกล้เคียงสงครามกลางเมืองสูง
นายธีรยุทธ กล่าวว่าขณะที่ระบบการเมืองล้มเหลว รัฐอยู่ในภาวะอัมพาต สถาบันต่างๆ ทำงานไม่ได้ผล เกิดการเมืองนอกระบบขยายตัวเป็นความรุนแรงขึ้น จนมีฉากความเป็นไปได้ 3 แนวทางคือ(1) รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา(2) รัฐบาลสลายการชุมนุม (3) เกิดการปะทุของความรุนแรงย่อยๆ การปะทะย่อยๆ จนนำไปสู่การปะทะขนาดใหญ่ของมวลชน ฉากความเป็นไปได้ทั้ง 3 แบบมีโอกาสเกิดภายในไม่กี่วันจนถึงประมาณ 2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะปัญหาใหญ่โตเกินกว่าจะแก้ไขได้ในครั้งเดียว แต่จะมีโรคแทรกซ้อนขึ้น 2-3 โรคตามมา
รัฐบาลชาย กระโปรง ปฏิเสธการลาออกและยุบสภา แต่ถึงแม้จะทำก็เป็นการ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ส่งผลต่อการปฏิรูปการเมืองที่จะแก้ไขการซื้อเสียงและคอร์รัปชั่นแต่อย่างใด ในที่สุดจะมีการชุมนุมคัดค้านอีก เพราะการตื่นตัวของประชาชนสูงมาก ถ้ารัฐเลือกสั่งการให้ตำรวจสลายการชุมนุม จะส่งผลให้มีคนบาดเจ็บล้มตายมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ประเทศ ญาติมิตร พวกพ้องจะไม่ยินยอม มีการต่อสู้จลาจลไม่จบสิ้น นำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด
นายธีรยุทธ กล่าวว่า ในฉากที่ 3 ก็จะเกิดผลเช่นเดียวกัน คือการสูญเสียครั้งใหญ่ และการเข้ามาควบคุมสถานการณ์ของฝ่ายทหาร แต่ก็จะเป็นการรัฐประหาร ที่ยุ่งยากกว่าทุกหน ไม่ชัดเจนว่าจะมีวิธีการใดมาแก้ปัญหาระยะยาวได้อย่างไร การต่อต้านก็จะมีสูงและซับซ้อนกว่าทุกหนที่ผ่านมา สังคมไทยไม่มีทางออก ทุกเส้นทาง นำไปสู่การสูญเสีย จึงขอให้คนที่ทำความดีตั้งใจดีตั้งสติภาวนาให้มีปาฏิหาริย์ที่จะให้ปัญหาซึ่งใหญ่หลวงและหยั่งรากลึก ได้คลี่คลายโดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อ
นายธีรยุทธ กล่าวถึงข้อแนะนำต่อรัฐบาลว่า 1.รัฐบาลควรยอมรับว่า มีความไม่ชอบธรรมจากการซื้อเสียง คอร์รัปชั่นดำรงอยู่ในภาคการเมือง และยอมให้มีการปฏิรูปการเมือง ซึ่งดำเนินการโดยฝ่ายอิสระ รัฐบาลควรดำเนินการ ตามข้อเสนอของที่ประชุมอธิการบดี 26 สถาบัน เมื่อ 26 กันยายน 2551 ที่ให้ตั้งประธานเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการอิสระ เพื่อปฏิรูปการเมืองการปกครอง จากผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นกลาง มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์และเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เพื่อสร้างข้อเสนอปฏิรูปการเมืองประเทศ จากนั้นควรลาออกเพื่อมีส่วนคลี่คลาย เหตุการณ์หรือไม่ เป็นดุลพินิจของรัฐบาล
2.ปัญหาที่เกิดเป็นปัญหาการเมือง รัฐบาลไม่ควรสร้างภาพพันธมิตรญ เป็นกลุ่มผิดกฎหมายหรือกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งเป็นเจตนาจะกระพือความรุนแรง ให้สูงขึ้นอย่างไร้คุณธรรม 3. รัฐบาลควรเปิดการเจรจากับพันธมิตรฯ เพื่อเปิดโอกาส ให้มีทางออกโดยไม่เสียเลือดเนื้อ รัฐควรตั้งคณะกรรมการเจรจากับแกนนำพันธมิตรอย่างเปิดเผยโปร่งใสต่อสาธารณชน ก่อนจะตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ที่จะนำพาไปสู่การเสียเลือดเสียเนื้อ
นายธีรยุทธ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอต่อพันธมิตรฯนั้น ควรเลือกการดำเนินการระยะยาว เพื่อปฏิรูปโครงสร้างการเมืองอย่างถาวร 1.พันธมิตรฯได้ปรับตัวจากกลุ่มประท้วงเป็นขบวนการทางการเมืองที่มีความเชื่อ มีอุดมคติที่แรงกล้าของตน จนถึงขั้นยอมเสียสละชีวิตได้ การประท้วงมีข้อบกพร่องมากพอสมควรซึ่งควรแก้ไข แต่ก็สร้างประโยชน์ในการปลุกเร้าคนส่วนต่างๆ ของสังคมให้ตื่นตัวขึ้นมาตระหนักในปัญหาและความรับผิดชอบทางการเมืองของตนมากขึ้น ซึ่งมีคุณค่า ควรถนอมรักษาไว้ ใช้อย่างมีสติปัญญา ระมัดระวังเพื่อประโยชน์สูงสุดในระยะยาวแก่ประเทศชาติ
2.แม้รัฐบาลจะประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และข่มขู่สลายการชุมนุม แต่จะถือว่าพันธมิตรฯได้ตัดสินใจอย่างฉลาดและกล้าหาญที่สุด ถ้าจะปรับยุทธวิธีการต่อสู้ เป็นฝ่ายเลือกประกาศยุติการเคลื่อนไหวทั้งหมดทันที โดยยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงภายในเงื่อนเวลาที่กำหนด อาทิ ต้องแก้กฎหมาย เลือกตั้งให้มีการลงโทษการซื้อเสียง ขายเสียงอย่างรุนแรงที่สุด เพิ่มอำนาจในการ ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเพิ่ม แก้กฎหมายเพื่อให้การ ตรวจสอบคอร์รัปชั่นโดยสังคม ประชาชน และองค์กรอิสระทำได้ง่ายขึ้น ประสานงานกันได้มากขึ้น
ถ้าพันธมิตรทำเช่นนี้ แรงกดดันจะหวนกลับและพุ่งตรงไปที่รัฐบาล ส่วนต่างๆ ของสังคมคงจะเห็นด้วย เพราะเชื่อในความมุ่งมั่นของพันธมิตรฯ และมองว่า เป้าหมายการต่อสู้ถูกต้องสมเหตุสมผล เป็นพัฒนาการทางการเมืองที่ถาวร เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ
3.ถ้าพันธมิตรฯตัดสินใจดังกล่าว ภาคการเมืองจะกริ่งเกรงพลังความมุ่งมั่นของพันธมิตรฯ จะทำให้อำนาจการต่อรองของภาคประชาชนดีขึ้น รวมทั้งเครือข่ายของพันธมิตรฯซึ่งสามารถมีบทบาทตรวจสอบการเมืองและการเมืองท้องถิ่นอย่างเป็นการถาวร มีโอกาสเป็นจริงได้
3.ถ้าพันธมิตรตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งจะเป็นเรื่องยากและเจ็บปวด รวมทั้งแกนนำ และบางส่วนจะถูกดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย แต่เชื่อว่าสังคมจะเห็นความตั้งใจดี ความมุ่งมั่นเพื่อส่วนรวมอย่างมีประมาณการของพันธมิตรฯ การคลี่คลาย ในทางที่ดีขึ้นน่ามีโอกาสเป็นไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีโอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า มีโอกาสสูงมาก เพราะเท่าที่ดูเหตุการณ์แล้ว ความขัดแย้งมันแก้ไม่ตก เมื่อถามว่า ส่วนตัวใครคิดว่าจะเป็นผู้ทำการปฏิวัติ นายธีรยุทธ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนคงบอกไม่ได้ แต่เชื่อว่า สิ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ ประกาศว่า ไม่อยากปฏิวัตินั้น คงเป็นเช่นนั้นจริง เพียงแต่เหตุการณ์สถานการณ์ต่างๆ จะนำพาไปสู่จุดนั้นค่อนข้างสูงจนหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนที่มีการพยายามปลุกม็อบเสื้อแดงขึ้นมาต่อสู้นั้น นายธีรยุทธ ตอบว่า เวลานี้ทุกอย่างทำให้กลายเป็นความเชื่อ ความรู้สึกที่รุนแรงไม่ดีต่อกัน อีกทั้ง พันธมิตรฯ ต่อสู้ในลักษณะเชิงอุดมการณ์ที่ไม่บรรลุไม่เลิก ไม่หยุด ซึ่งตนคิดว่า ทุกอย่างกำลังมุ่งหน้าไปสู่การปฏิวัติ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่สนับสนุนให้มีการปฏิวัติ เพราะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาให้กับโครงสร้างของสังคมอย่างเป็นระบบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายรัฐบาลมีความชอบธรรมที่จะใช้กำลังเข้าสลายม็อบหรือไม่ นายธีรยุทธ ตอบว่า ตนยังอยากให้อดทนฟังเสียงสังคมก่อน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การบุกยึดสนามบินไม่อยู่ในจินตนาการที่ตนคิด หากรัฐบาลมีการปราบปรามประชาชน ก็อาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศ ทั้งนี้ นายสมชายพูดใส่ไข่เล่นตัวเลขเศรษฐกิจที่เสียหายไป เพราะดูเหมือนนายสมชายอยากให้มีการสลายการชุมนุม มากเกินไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางการเจรจายังมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายธีรยุทธ ตอบว่า ตนอยากให้เปิดโอกาสสักครั้งหนึ่ง เพื่อการเจรจาขั้นต้น โดยรัฐบาลจะส่งคณะกรรมการที่มีน้ำหนักและเหตุผลที่ดีไปคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การใช้กำลังเข้าปะทะกันของมวลชน ทั้งนี้ ตนไม่พร้อมที่จะเสนอตัวเป็นคนกลาง คลี่คลายวิกฤติเพราะอาวุโสน้อยเกินไป แต่ถ้าได้รับคำขอร้องให้ไปช่วยในลักษณะการเป็นที่ปรึกษาก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
ส่วนข้อเรียกร้องถึง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวละครที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ต้นตอของปัญหาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มองว่า บทบาทความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วงหลังน้อยลงไป เพราะการให้สัมภาษณ์ ช่วงหลังๆ มักสะเปะสะปะ ดูฝีมือตก ฟอร์มตกอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น เวลานี้ เราต้องมองเป็นปัญหาโครงสร้างใหญ่ ไม่ใช่มองปัญหาที่ตัวบุคคลอีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น