ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯฮึกเหิม บุกล้อมรัฐสภา ยึดหน้าบช.น. สภาเหงา ปล่อย เลขาฯสภาเฝ้า ตั้งแต่เมื่อคืน ส.ส.-ส.ว.หายเกลี้ยง 3ส.ส.ปีนหนีพึ่งบารมีปีนข้ามไปพระที่นั่งพิมานเมฆ ขณะที่ "สมเกียรติ-ศิริชัย" นำ3พันคนปิดคลังไล่ รมว.คลังพ้นหน้าที่ ตัดกระแสไฟกดดัน พธม.ดาวกระจายบุกทำเนียบดอนเมือง ‘ชวรัตน์’ รักษาการนายกฯ รมต. เสธ.ทบ. ต่างเผ่นแทบไม่ทันได้ประชุม พนง.อากาศยานเปิดทางพันธมิตรฯ ปักหลักชุมนุม ระบุอาจปิดสุวรรณภูมิ วัน "สมชาย" มาจากเปรู ชู 25 พ.ย.หยุดงานใหญ่ ด้าน “สนธิ”อัดทหารต้องเลิกแทงกั๊ก พธม.นัดอีกครั้ง เช้านี้ตี 4 เคลื่อนพลอีกครั้งไปดอนเมือง การท่าเรือฯยึดมติสรส. เตรียมหยุดงานเข้าร่วมชุมนุมพันธมิตรฯหาก รัฐบาลรุนแรงกับประชาชนและแก้รัฐธรรมนูญ
(24พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักในทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเคลื่อนพลไปปิดล้อมอาคารรัฐสภา ในช่วงเช้าวานนี้ (24 พ.ย.) ตามยุทธศาสตร์ที่แกนนำเรียกว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายแบบม้วนเดียวจบ โดยเวลา 03.00 น. การชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นไปอย่างสงบ แกนนำผลัดขึ้นเวทีปราศรัยปลุกเร้าผู้ชุมนุมให้เตรียมพร้อมรบวันนี้ ให้เตรียมป้องกันการยิงแก๊สน้ำตา
**พันธมิตรฯเคลื่อนพลสู่ชัย
ต่อมาเวลา 06.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วย นายจำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมกับระบุว่า อีก 10 นาทีจะเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมมุ่งหน้าไปรวมพลกับกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่บริเวณแยกมิสกวัน ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังรัฐสภา พร้อมกับระบุว่าแกนนำทั้งหมดจะอยู่ด้านหน้า
จากนั้นเวลา 06.45 น. กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯเริ่มเดินขบวนออกจากบริเวณ แยกมิสกวัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังอาคารรัฐสภา นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล นอกจากนี้นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน ฯ ได้ทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมว่า หากมีตำรวจสกัดกั้น แกนนำ ฯจะใช้วิธีเจรจา หากเจรจากันไม่รู้เรื่อง ก็จะฝ่าเข้าไป เพราะได้ยืนยันแล้วว่า ยังไงวันนี้ ต้องไปปิดล้อมสภาให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 07.00น. กลุ่มพันธมิตรฯ เดินเท้ามุ่งหน้าไปยังอาคารรัฐสภา โดยมาถึงแนวกั้นแรกของตำรวจกั้นบริเวณทางโค้งปั้มน้ำมันของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯได้ส่งนายสุริยะใส และนายพิภพ ธงไชย เข้าเจรจาขอให้ตำรวจเปิดทาง โดยแนวตำรวจที่กั้นมีประมาณ 1 กองร้อย ขณะที่ด้านหลังแนวตำรวจมีรถตู้ และรถขังผู้ต้องหาจอดอยู่กว่า 10 คัน
สำหรับการเจรจาระหว่างแกนนำพันธมิตรโดยนายพิภพ และนายสุริยะใส กับพล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 นั้นทางตำรวจระบุว่า หากเข้าไปปิดล้อมก็จะปล่อยให้เข้าไปแต่ต้องไม่บุกรุก หรือทำลายสถานที่ราชการ โดยขณะนี้แนวกั้นตำรวจที่กั้นไว้ได้ถอยร่นออกไป ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีผู้ชุมนุมมาถึงหน้ารัฐสภาแล้ว โดยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาตั้งแถว เพื่อสกัดกั้นประตูทางเข้ารัฐสภา ได้ถอนกำลังกลับเข้าไปอยู่ในรัฐสภา และสวนสัตว์ดุสิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาสถานการณ์มีทั้ง นครบาล และปราบจลาจล ตชด. และมีการเตรียมรถดับเพลิง 4 คัน จอดไว้ที่หน้ารัฐสภา พร้อมด้วยรถเครื่องปั่นไฟ
**สส.หายหัวกลัวพธม.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำหรับบรรยากาศภายในรัฐสภา เป็นไปด้วย ความเงียบเหงา มีเพียงข้าราชการจำนวนหนึ่ง และสื่อมวลชนทุกแขนง รวมถึงตำรวจ 2 กองร้อย คือ ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร 1 กองร้อย จำนวน 150 คน และตชด.ที่ 11 จันทบุรี 1 กองร้อย จำนวน 150 คน ขณะที่สมาชิกรัฐสภา เดินทางเข้ามาเพียง 5 คน ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ได้แก่ นาย เกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา นาย ปวีณ แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ นาย ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคพลังประชาชน นาย บุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา
ส่วนนาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา มีภารกิจที่โรงแรมปริ๊น พาเลส โบ๊เบ๊ เวลา 09.30 น. ส่วนกลุ่ม 40 ส.ว. ได้นัดหารือที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ สำหรับส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้นัดหารือกันในช่วงเช้าที่พรรค ขณะที่นาย พิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มาติดตามสังเกตการณ์ที่รัฐสภาตั้งแต่คืนวันที่ 23 พฤศจิกายน
เวลา 08.45 น. นาย พิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การประชุมรัฐสภาที่จะเริ่มเวลา 09.30 น. ว่า คงจะประชุมไม่ได้ อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานรัฐสภา ว่าจะทำอย่างไร อาจให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน หรือแจ้งไปยังสมาชิก ทั้งนี้หากการชุมนุมปักหลักยืดเยื้อจนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน คงไม่มีการประชุมรัฐสภาอีกในสมัยประชุมนี้ เพราะสภาจะปิดสมัยประชุมนิติบัญญัติตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน และจะเปิดการประชุมสมัยสามัญทั่วไปต้นปีหน้า
**40 สว.สวดส่งรัฐบาล
ด้านนาย ประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว.ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตึกสุขประพฤติ และมองว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมแล้ว เหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม รัฐบาลก็ยังไม่แสดงความรับผิดชอบ ฉะนั้นตอนนี้ รัฐบาลควรลาออกหรือยุบสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯปิดล้อมรัฐสภาตั้งแต่เวลา 07.30 น. ปรากฏว่า มีการตัดไฟแล้วเมื่อเวลา 08.45 น. โดยมีการทำลายหม้อแปลง ไฟฟ้า ที่อยู่ริมถนนราชวิถี ทำให้ภายในรัฐสภามีการใช้ไฟสำรอง
**พปช.คิดปีนรั้วหนีอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายชัย ประธานรัฐสภา ได้สั่งงดประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ปรากฎว่า ส.สและส.ว.ที่มาประชุม ได้ทะยอยออกจาก อาคารรัฐสภา โดยใช้วิธีที่แตกต่างกัน โดยในเวลา 11.00 น.นาย บุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินออกไปยังประตูหน้ารัฐสภา อย่างสง่าผ่าเผย พร้อมข้าราชการรัฐสภา ท่ามกลางการปรบมือและตีมือตบ แสดงความชื่นชม เช่นเดียวกับนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา
ขณะที่ ส.ส.รัฐบาล ที่ค้างอยู่ต่างก็ถอดสูท เก็บบัตรประจำตัว ส.ส. เพื่ออำพรางตัวเองให้รอดพ้นจากสายตาผู้ชุมนุม และก็มีสีหน้าเคร่งเครียดและโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา โดยส.ส.ทั้ง 3 คนได้แก่ ได้แก่ นายปวิณ แซ่จึง ส.ส.ศรีษะเกษ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคพลังประชาชน นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย ปีนข้ามรั้วรัฐสภา ไปยังพระที่นั่งพิมาณเมฆ แต่ก็ไม่สามารถออกได้ทันที ต้องไปนั่งรออยู่ภายในพระที่นั่งฯและรอการประสานติดต่อกับทางพระราชวัง เพื่อขอออกจากเขตพระราชฐาน
ส่วน พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ก็ถอดสูทเดินออกทางประตูหน้า โดยไม่มีใครสังเกต ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมที่พรรคพลังประชาชน
**พธม.ขอผ่านหน้า บช.น.
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) เมื่อเวลา 09.40 น. ผู้สื่อข่าว รายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯที่ชุมนุมอยู่ บริเวณแยกลานพระรูปทรงม้าฯ พยายามเคลื่อนพลเข้ามาบริเวณถนนศรีอยุธยา ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อขยายพื้นที่ชุมนุมได้ส่งเสียงนับถอยหลังเพื่อให้สัญญาณ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแนวรับกว่า 3 กองร้อย 450 นายสกัดกั้นไว้ระยะห่างประมาณ 100 เมตร และเจรจาต่อรองไม่ให้พันธมิตรฯ เข้าบุกยึด บช.น.
ทั้งนี้ แกนนำผู้ชุมนุมยืนยันจะไม่บุกเข้าไปใน บช.น.อย่างแน่นอน เพียงขอใช้ เป็นเส้นทางผ่านไปยังรัฐสภา โดยใช้ถนนหน้า บช.น.ต่อเนื่อง แยกพล.1 เลี้ยวขวา มุ่งหน้าแยกการเรือน สมทบกับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่อยู่บริเวณสามแยกพิชัย
ในที่สุดก็สามารถยึดถนนด้านหน้า บช.น.ทั้ง 4 ช่องทางไว้ได้เป็นผลสำเร็จ จากนั้นได้เคลื่อนขบวนรถกระจายเสียงและรถเสบียงตามมาโดยมีผู้ชุมนุมนับพันคน ส่วนบริเวณด้านใน บช.น.นั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดประตูอย่างแน่นหนา ตั้งกำลังเสริมดูแลความปลอดภัยกว่า 500 นาย และนำรถน้ำดับเพลิงมาปิดกั้นประตูทางเข้าไว้
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้เป็นไปโดยสงบ แกนนำได้ปราศรัยบอก ผู้ชุมนุมให้อยู่ห่างจากรั้ว บช.น. 3 เมตรพร้อมเน้นย้ำว่า พวกตนนั้นชุมนุมโดยสงบอย่างอหิงสาและสันติวิธี
* “สุชาติหลบในห้องทำงาน”
ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้นยังคงบัญชาการสั่งการอยู่ภายในห้องประชุมอาคาร บช.น. และเน้นย้ำให้ตำรวจ ใช้ความอดทนละมุนละม่อมมากที่สุด
พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 กล่าวว่า ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาถึงหน้ารัฐสภา ทางแกนนำผู้ชุมนุม ได้เข้ามาเจรจา โดยขอใช้พื้นที่รอบรัฐสภาในการชุมนุม ซึ่งตำรวจได้อนุญาตให้ผู้ชุมนุม อยู่บริเวณดังกล่าวได้ แต่ต้องไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ร้องขอไม่ให้ตำรวจใช้กำลัง และความรุนแรงกับประชาชน แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรง หรือทางกลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฏหมาย ทางตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้วางไว้
โดยเวลา 10.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ตัดระบบน้ำ และไฟฟ้าของ บช.น.แล้ว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ โฆษกพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบ ประกาศว่า สรส.จะตัดน้ำ ตัดไฟ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จากนั้นนายวีระ สมความคิด ปราศรัยว่า บัดนี้ บช.น. เป็นซ่องโจร และเป็นที่ยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุม และประกาศเตือนผู้ชุมนุม ในทำเนียบฯให้ระวัง และคอยสังเกตุอัคคีภัย และเฝ้าระวังกระเป๋าและกล่อง ที่ไม่มีเจ้าของ พร้อมประกาศให้ประชาชนหยุดงาน และออกมาร่วมขับไล่รัฐบาล
** ขสมก.ขนคนปิดแยกขัตติยาณี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. พันธมิตรฯ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก. ได้ขับรถเมล์ยูโรปรับอากาศ สาย 515 บรรทุกผู้ชุมนุมจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มาส่งผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกขัตติยาณี ถนนสุโขทัยตัดกับถนนพิชัย จากนั้นนำรถคันดังกล่าวจอดขวางสี่แยกขัตติยาณีไว้
นอกจากนี้ ยังนำผ้าไปปิดกล้องวงจรปิดบริเวณแยกดังกล่าวที่มี 8 ตัว พร้อมทั้งปิดถนนสุโขทัย ตั้งแต่ด้านหลังโรงเรียนวชิราวุธไปจนถึงสี่แยกสวนรื่นฤดี ขณะเดียวกัน บริเวณหน้าพรรคชาติไทย มีกลุ่มพันธมิตรฯ เอาสเปรย์สีขาวไปฉีดป้าย ที่ทำการพรรคชาติไทย เป็นรูปกากบาททับสัญลักษณ์พรรค ระบุเป็นพรรคการเมือง ชายชาติ ไร้วิญญาณทางการเมือง
**"สมเกียรติ-ศิริชัย" นำบุกก.คลัง
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรฯ นำผู้ชุมนุมประมาณ 3,000 คนเคลื่อนจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ มาถึงหน้ากระทรวงการคลัง เวลา 11.00 น. จากนั้นมีการนำรถปราศรัยเคลื่อนที่ ตั้งเป็นเวทีปราศรัยเรียกร้องรัฐมนตรีการคลัง ให้เก็บของออกจากกระทรวงโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไปปิดล้อมกระทรวงการคลัง พนักงานของการไฟฟ้าได้นำอุปกรณ์เข้าไปตัดกระแสไฟฟ้าของกระทรวงการคลัง
ต่อมานายสมเกียรติ ประกาศให้ผู้ชุมนุมบริเวณหน้ากระทรวงการคลังว่า แกนนำพันธมิตรฯ มีมติให้ย้าย ไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อคัดค้านการประชุม ครม. โดยพันธมิตรจะเดินทางไปโดยรถบัส
ต่อมา ประมาณ 12.45 น. ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เดินทางมาขึ้นรถบัส 2 ชั้น จำนวน 2 คันเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลดอนเมือง โดยมีนายสมเกียรติ ขึ้นรถ 6 ล้อเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ปิดท้ายขบวน และก่อนหน้านี้นายศิริชัย ไม้งาม นัดแนะกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้า ให้เป็นขบวนนำไปก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าจะเป็นทีมตัดไฟ
ขณะที่นายกิตติชัย ใสสะอาด รองประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ เผยว่า มีข่าวจากหลายสาย โดยเฉพาะสายความมั่นคงว่าจะมีผู้แปลกปลอมเข้ามาเผาทำเนียบ แล้วโยนความผิดให้พันธมิตรฯ
**แท็กซี่ขว้างก้อนหินใส่พธม.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากถนนวิภาวดีฯ ซอย 3 ได้มีกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ประมาณ 100 คน โพกผ้าสีแดงมารวมตัวกันบริเวณปากซอย โดยส่วนใหญ่มีไม้และก้อนหิน และเมื่อมีรถของกลุ่มพันธมิตรฯ วิ่งผ่านเพื่อไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวดอนเมือง กลุ่มแท็กซี่ดังกล่าวจะเอาก้อนหินขว้างใส่ ทำให้รถบางคันได้รับความเสียหาย และมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน โดยมีกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งมาคอยดูแล ความเรียบร้อย
**ปิดสุวรรณภูมิวันที่สมชายกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นประกาศบน รถปราศรัยเคลื่อนที่ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักพักค้างที่สำนักงานท่าอากาศยานดอนเมืองในคืนนี้ เพื่อประท้วงขับไล่รัฐบาล และเวลาที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กลับจากประเทศเปรู อาจจะมีการเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ
โดยแกนนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรียกร้องให้พนักงาน รสก.ทั่วประเทศผละงานมาร่วมชุมนุมกันที่ทำเนียบชั่วคราว ในวันที่ 25 พ.ย. และหาก รัฐบาลยังไม่ลาออกก็ขอเรียกร้องให้ พนักงานรัฐวิสหกิจ ร่วมกันหยุดงานเพื่อประท้วงอย่างจริงจัง
**พปช.เผ่นหนีดอนเมือง
เมื่อเวลา 13.10 น. กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เคลื่อนขบวนจากกระทรวงการคลัง มาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว แกนนำพันธมิตรฯ นำโดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุก แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมด้วยนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (สร.กฟผ.) ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 และนางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว. สกลนคร โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เดินทางมาด้วยรถบัสจำนวน 2 คัน รถสิบล้อ และ รถหกล้อหลายสิบคัน ซึ่งเป็นยานพาหนะของมูลนิธิกองทัพธรรม และผู้ชุมนุมอีกจำนวนมากนำรถยนต์ส่วนตัวมาร่วมสมทบ
ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯได้รวมตัวกันไปปิดล้อมบนบริเวณชั้น 2 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นอาคารที่รัฐบาลใช้เป็นห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะเดียวกันทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยขนเสบียงอาหาร เครื่องดื่ม และ ยารักษาโรค พร้อมกับเต็นท์ผ้าใบค้างแรม พร้อมกับรีบตั้งเวทีปราศรัยบนรถสิบล้อที่มีเครื่องขยายเสียง โดยป้ายผ้าข้างรถขยายเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯ เขียนข้อความว่า “หยุดล้มล้างสถาบันองค์มนตรี”
ผู้สื่อข่าวรายงานตั้งแต่เวลา 10.30 น. ที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมีพล.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย , นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ. , ตัวแทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ทันทีที่ทราบข่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯกำลังจะเดินทางมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลดอนเมือง ก็ได้รีบเดินทางออกจากห้องประชุมไปทันที โดยไม่มีการแถลงข่าวใดๆทั้งสิ้น
ในขณะที่ข้าราชการประจำทำเนียบดอนเมือง ต่างพากันรีบนำรถส่วนตัวออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็วเพราะเกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อยาวนาน จนไม่สามารถจะนำรถยนต์ส่วนตัวและทรัพย์สินออกไปได้
ด้านการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ จากกองร้อยควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 2 กองร้อยคอยดูแลควบคุมสถานการณ์ โดยเบื้องต้นไม่มีการพกอาวุธปืน มีเพียงหมวกสายตรวจ และ วิทยุสื่อสาร พร้อมกับเตรียมรถควบคุมผู้ต้องขังอีกจำนวนนับสิบคันไว้เท่านั้น
นายสมศักดิ์ กล่าวว่าจะชุมนุมที่นี้ เพื่อไม่ให้รัฐบาลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ และ นายศิริชัย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า ได้นำกองทัพพันธมิตรฯนับพันคนเดินทางมาปิดล้อมทางเข้าออกของอาคารท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ทำการทำเนียบชั่วคราว ตามแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจาย โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะพักค้างแรมที่นี้และในการชุมนุมครั้งนี้ได้ขออนุญาตจาก สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ โดย น.ส. แจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ในฐานะประธานสหภาพฯ ได้อนุญาตให้ใช้สถานที่ได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้นายสมชาย วงศ์สวสัดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเดินทางกลับมาจากการร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ครั้งที่ 16 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ในวันพุธที่ 26 พ.ย.นี้ พร้อมกับจะประชุม ครม. ในเวลา 14.00 น. ในวันเดียวกัน
**ม๊อบป่วนงัดตึกดอนเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ที่อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ทำการปล่อยลมยางรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้าโรงอาหารหลายคัน ซึ่งรถเหล่านั้นไม่ใช่รถของตำรวจหรือรถของรัฐมนตรีที่กลุ่มพันธมิตรมาขับไล่แต่อย่างใด นอกจากนั้นก็มีผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามงัดลิฟท์ซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังอาคารห้องรับรองพิเศษซึ่งเป็นสถานที่ทำงานและประชุมของครม.และเจ้าหน้าที่ และก็ยังมีความพยายามที่จะงัดประตูทางเข้าของอาคาร 1 ทุกประตูเพื่อที่จะเข้าไปด้านใน ทั้งนี้มีผู้ชุมนุมบางส่วนสามารถขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารสำนักงาน เพราะมีข่าวปล่อยว่ายังมีรัฐมนตรีและคนของรัฐบาลยังอยู่ในอาคาร
นอกจากนี้ผู้ชุมนุมบางคนได้สาดน้ำจากชั้น 2 ลงมาใส่หลังคารถส่วนตัวของผู้สื่อข่าวผู้หญิงจากสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ที่ติดสติ๊กเกอร์หน้ารถ ซึ่งผู้สื่อข่าวเจ้าของรถได้ทำการตรวจสอบน้ำดังกล่าวพบว่ามีลักษณะใส เหนียวๆ
ส่วนการดูแลสุขลักษณะการขับถ่ายของผู้ชุมนุมขณะนี้กทม.ได้จัดส่งรถสุขาจำนวน 4 คันมาคอยบริการผู้ชุมนุม
**หวิดปะทะ บก.น.4 ล้มหัวฟาด !
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เริ่มเดินทางมาสมทบกันเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับแกนนำบางส่วนเดินทางมาถึง อาทิ นายพิภพ ธงชัย นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ พร้อมกันนี้รถสุขากทม.3 คัน จอดให้บริการบริเวณชั้นล่างอาคารวีไอพีระหว่างประเทศแล้ว
หลังจากนั้นในเวลา 17.15 น.เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อ พ.ต.อ.พัชระ บุญญประสิทธิ์ รองผู้บังคับการนครบาล 4 เดินมาจากบริเวณโรงอาหารโดยมีกลุ่มพันธมิตรฯ ไล่โห่ร้องอยู่ตลอดทาง พร้อมกับถ่มน้ำลาย ขว้างปาขวดน้ำ เข้าใส่จนกระทั่งมีการเบียดเสียดกันบริเวณประตูทางเข้าอาคารประชุม ครม. จนทำให้ พล.ต.อ.พัชระ ลื่นล้มหงายท้องหัวฟาดกับเหล็กที่กั้น ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณท้ายทอยด้านซ้าย
อย่างไรก็ตามในเวลา 17.30 น. พ.ต.ท.สุรศักดิ์ บุญศรีภิรักษ์ ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายข่าวของ พล.ต.ท ชัชจ์ กุลดิลก รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองได้ลงมาประสานกับ นายศิริชัย ไม้งาม โดยขอให้กลุ่มพันธมิตรฯ อย่ารุกล้ำเข้ามาในแผงเหล็กกั้น เพื่อความสงบเรียบร้อย ขณะเดียวกัน ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่อย่ารุกล้ำเขตรั้วออกมาเช่นกัน
**สั่งโกวิทจัดการพันธมิตรฯ
นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่ดอนเมืองว่า ได้คุยโทรศัพท์กับ รองผบ.ตร. และตำหนิว่า เหตุใดตำรวจถึงปล่อยให้ผู้ชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และขอให้ตำรวจยึดพื้นที่รัฐบาลชั่วคราวกลับคืนมา เพราะการยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวถือว่าไม่ถูกต้อง
ด้านนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ โฆษกรัฐบาล แถลงว่า นายชวรัตน์ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทยเป็นผู้ดูแลสถานการณ์และสั่งการทั้งหมดนับแต่เย็นวันนี้ไปจนว่าเหตุการณ์จะเรียบร้อยหรือเหตุการณ์จะเป็นอย่างอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตำรวจจะดำเนินการตามกรอบของกฏหมายเพื่อเอาพื้นที่ทำเนียบชั่วคราวคืนมา ขณะเดียวกันรัฐบาลจะไม่ละความพยายามที่จะพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯเพื่อหาทางออกร่วมกัน
เมื่อถามว่า ตกลงใครมีสิทธิขาดในการสั่งการและควบคุมกลุ่มพันธมิตรฯ ในครั้งนี้ โฆษกรัฐบาล ตอบว่า พล.ต.อ.โกวิทย์ ได้รับมอบหมายล่าสุดให้ดูการชุมนุม ของกลุ่มพันธมิตรฯและมีอำนาจในการสั่งการทั้งหมดในขณะที่ ผบ.ทบ.ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการติดตามร่วมฯถือว่า เป็นผู้ช่วยพนักงานเท่านั้น แต่สิทธิขาดอยู่ที่ พล.ต.อ.โกวิท เท่านั้น ทั้งนี้นายกฯจะมีเดินทางกลับประเทศไทยในเวลาเดิม น่าจะเป็นเวลาเช้าหรือช่วงบ่ายของวันพุธที่ 26 พ.ย. ส่วนการเอาทำเนียบคืนคงต้องมีความพยายามและดูว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย(ทอท.)ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินเป็นจะแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร ฯที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ ส่วนการประชุมครม. เป็นเหมือนเดิมคือวันพุธนี้ หากสถานการณ์ไม่เรียบร้อย อาจกำหนดสถานที่อื่นอีกครั้งหนึ่งว่าเป็นที่ไหน
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่เคลื่อนย้ายไปชุมนุมที่บริเวณอาคารรัฐสภาว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถดูแลได้ กองทัพติดตามสถานการณ์ อย่างเดียว และคิดว่าสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงอะไร
ทั้งนี้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ติดตาม สถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกำลังทหารจำนวน 21 กองร้อย ที่ตำรวจร้องขอมานั้น ขณะนี้กำลังทหารยังอยู่ในที่ตั้ง แต่หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงทหารก็พร้อมออกปฏิบัติหน้าที่ในการสนับสนุนตำรวจทันที
**อนุพงษ์ติดตามม็อบไม่กระพริบ
ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า ที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตาม สถานการณ์ร่วม (คตร.) ได้ร่วมติดตามสถานการณ์ประจำวันและรับทราบข้อมูล ด้านการข่าว รวมทั้งรับฟังการประเมินสถานการณ์จากหน่วยข่าวของกองทัพบก
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุม เพราะเกรงว่าจะมีกลุ่มบุคคลที่เป็นมือที่ 3 อาศัยช่วงสถานการณ์วุ่นวายเข้ามาก่อเหตุ โดยกองทัพบกจะเป็นศูนย์กลางในการติดตามสถานการณ์ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ประสานขอกำลังสนับสนุนเพิ่ม หลังจากที่กองทัพได้ส่งกำลังพลสนับสนุนก่อนหน้านี้แล้ว รวม 21 กองร้อยรักษาความสงบ
**ทหาร21กองร้อยพร้อม
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุของ กองทัพบกถึงการปฏิบัติหน้าที่ของทหารต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขอกำลังทหารจาก 3 เหล่าทัพ ให้ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการดูแลความสงบเรียบร้อย จำนวน 21 กองร้อยรักษาความสงบ ซึ่งขณะนี้กองทัพได้ส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติหน้าที่บางส่วนแล้ว โดยเฉพาะการส่งเจ้าหน้าที่ สารวัตรทหารบก 150 นาย สารวัตรทหารเรือ และ สารวัตรทหารอากาศ อย่างละ 60 นาย ตามบริเวณแยกประชาเกษม แยกวังแดง แยกกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ แยกอู่ทางนอก แยกการเรือน แยกพระบรมรูปทรงม้า แยกนางเลิ้ง และแยกการเรือน เป็นต้น โดยมีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารประจำอยู่ประมาณ 6-7 นาย
ตอนนี้กำลังที่เตรียมไว้ 21 กองร้อย มีกำลังบางส่วนออกไปปฏิบัติหน้าที่บางแล้ว โดยออกไปปฏิบัติในจุดตรวจอีกจุดละ 1 หมู่ ประมาณ 10 คน โดยกระจายกำลังโดยรอบเขตพระราชฐาน รวมถึงเขตรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล รวม 200 นาย ไม่ให้กลุ่มใดสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ยืนยันว่ากองทัพไม่ได้เคยเลือกที่จะดูแลกลุ่ม หนึ่งกลุ่มใด เพราะทุกกลุ่มถือเป็นพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันจะชุมนุมตามกรอบกติกา และตำรวจยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและจะไม่ใช้ความรุนแรง ก็ต้องมองเลยไปว่า จะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์หรือไม่ ดังนั้นจุดตรวจกำลังที่ไปสนับสนุนก็ทำหน้าที่ในการป้องกันสถานที่ราชการ ป้องกันประชาชน โดยรวมไม่ให้กลุ่มใด สร้างสถานการณ์ได้” พ.อ.สรรเสริญ ระบุ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า การปฏิบัติการที่บริเวณรัฐสภาทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจจะรับผิดชอบเนื่องจากเป็นพื้นที่จำกัด หากส่งกำลังทหารเข้าไปร่วมด้วยจะขาดเอกภาพในการบังคับบัญชาอาจะเกิดโกลาหลพอสมควร ทั้งนี้ ผบ.ตร. ระบุว่ากำลังตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สามารถดูแลได้ กำลังทหารทั้ง 21 กองร้อย ได้ผ่านการ ฝึกมาเป็นอย่างดี เพราะถ้าไม่ได้ฝึกและออกไปปฏิบัติหน้าที่อาจถูกกดดันทำให้ สถานการณ์ลุกลามได้ แต่สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีใครนึกถึงความเหน็ดเหนื่อย แต่การปฏิบัติงานยึดหลักความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ทุกฝ่ายยืนยันว่าจะอยู่ในกฎกติกา และไม่ได้อยู่เกินขอบเขตของกฎหมายก็ไม่น่าจะรุนแรง
**อนุพงษ์พอใจไร้รุนแรง
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงอีกครั้งในช่วงเย็น ถึงความคืบหน้ามาตรการรักษาความปลอดภัย หลังกลุ่มพันธมิตรเคลื่อนกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการว่า จากการรับทราบรายงานสถานการณ์ของหน่วยงานด้านการข่าว พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกพอใจที่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ขณะนี้สถานการณ์ยังอยู่ในความสงบ ซึ่งกองทัพจะเข้มงวดในมาตรการดูแลต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) มีอำนาจหน้าที่เพียงติดตามสถานการณ์และให้ข้อเสนอแนะกับหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่มีอำนาจสั่งการ ซึ่งอำนาจดังกล่าวเป็นของรัฐบาล
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะร่วมแถลงข่าวกับนาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และ พล.อ.อนุพงษ์ อยู่ในฐานะที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐสภา ดังนั้น จึงไม่มีกำหนดการดังกล่าว และตลอดทั้งวัน พล.อ.อนุพงษ์ คอยติดตามและประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ได้มีการตรวจสอบกำลังพลที่จะปฏิบัติการหากเกิดเหตุรุนแรง ประกอบด้วย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล 1 รอ.) มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) กองบัญชาการหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ ว่ามีความพร้อมจริงหรือไม่ ซึ่งพบว่าทุกหน่วยมีความพร้อมปฏิบัติภารกิจได้ทันที
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การที่ทหารจะออกมาต้องปฏิบัติตาม พรบ.ความมั่นคง ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากครม.และประกาศเป็นทางการ ซึ่งประชาชนไม่เห็นชอบที่จะให้ทหารออกมาใช้กำลังแก้ปัญหาการเมือง ขณะนี้ปัญหาของบ้านเมือง คือ ความแตกต่างทางความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้น การเมืองต้องแก้ไขด้วยการเมืองเมื่อถามถึงกระแสข่าวรัฐบาลจะขอใช้สโมสรทหารบกในการประชุมรัฐสภา พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทักบกยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากรัฐสภา แต่หากมีการร้องขอแล้วสถานที่ราชการมีความพร้อมก็ไม่มีปัญหาในการใช้สถานที่
**เล็งประชุมที่สโมสรทบ.
รายงานข่าวแจ้งว่า กองทัพบกติดตามและประเมินสถานการณ์การชุมนุม ของกลุ่มพันธมิตรฯต่อเนื่อง ซึ่งหากเกิดเหตุรุนแรงจนไม่สามารถควบคุม สถานการณ์ได้ กองทัพบกเตรียมแผนรักษาความสงบเรียบร้อยที่พร้อมปฏิบัติตลอด 24 ชั่วโมง โดยกำลังส่วนใหญ่ที่ใช้ควบคุมเหตุรุนแรงคือกำลังพล 21 กองร้อยที่ สนธิกำลังของทหาร 3 เหล่าทัพ และเตรียมกำลังพิเศษจำนวน 3 กองร้อย สามารถ ออกปฏิบัติได้ทันทีหากมีคำสั่ง คือ กำลังพลจาก พล.1 รอ. จำนวน 2 กองร้อย ซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ภายในหน่วยของตนเอง และกำลังพลจาก มทบ.11 จำนวน 1 กองร้อย เตรียมพร้อมอยู่ในกองทัพภาคที่ 1
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจขอใช้สถานที่ สโมสรทหารบกถนนวิภาวดีในการจัดประชุมรัฐสภา กองทัพบกพิจารณาแล้วว่า หากมีหนังสือร้องขอมากองทัพพร้อมสนับสนุนสถานที่ แต่เกรงว่าสถานที่ดังกล่าวจะไม่มีความพร้อมเพียงพอในการรองรับจำนวนสมาชิกรัฐสภา ดังนั้น หากมีหนังสือร้องขอมา กองทัพบกอาจจะเสนอให้รัฐสภาใช้สถานที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจัน) เป็นสถานที่จัดประชุมแทน
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ในส่วนของ กอ.รมน.จะมีการติดตาม สถานการณ์ ความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพื่อรายงานข้อมูลต่อคณะกรรมการติดตาม สถานการณ์ร่วม ประกอบการพิจารณา ซึ่งจากการติดตามประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังมั่นใจว่า เจ้าหน้าตำรวจสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์ได้
***ผบ.ทร.ชี้กองทัพมีทางออก
พล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนกำลังปิดล้อมสถานที่สำคัญทางราชการว่า สถานการณ์เรียบร้อยดีไม่มีความรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ทั้งนี้ ผู้บัญชาการเหล่าทัพยังไม่มีการประเมินสถานการณ์ แต่ติดตามสถานการณ์และดูแลไม่ให้วุ่นวาย ไม่ให้มีการใช้กำลัง กองทัพมอบนโยบายให้กำลังทหารไปดูแลไม่ให้มีการใช้กำลังกัน
เมื่อถามว่า ประชาชนบางส่วนร้องขอให้ทหารออกมาขับไล่รัฐบาล พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า เรื่องนี้ตอบไปหลายครั้งแล้ว เมื่อถามว่า กองทัพรู้สึกอย่างไรเพราะถูกกดดันเหมือนอยู่ตรงกลาง พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า หวังว่าทุกอย่างคงไม่มีความรุนแรง และมีทางออกที่ดี เมื่อถามว่า หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ผู้บัญชาการเหล่าทัพมีแนวทางออกอย่างไร พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า เราคิดไว้แล้ว แต่พูดอะไรไม่ได้
** รองผบ.ทบ.ชี้ปชช.ไม่ใช่ข้าศึก
พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ รองผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ร้อนระอุว่า ทุกอย่างมีทางออก การหาทางออกที่ดีที่สุดคือ ทุกคนต้องมีสติ ในแนวทางปฏิบัติของทหารก็มีวิธีอยู่แล้ว การที่ทหารออกมาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยที่ทหารจะไม่ใช้ความรุนแรง เพราะประชาชนไม่ใช่ข้าศึก ที่ต้องใช้ความรุนแรงเข้าสลายขอให้ทุกฝ่าย ใช้เหตุผลเพื่อมุ่งหวังให้เกิดความสงบสุข
“ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง กลุ่มผู้ออกมาชุมนุมเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่ข้าศึก เหตุการณ์ระเบิดหลายครั้งที่ผ่านมา ไม่ขอวิจารณ์ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ตำรวจดูแล ประชาชนมีอยู่ 2 ฝ่ายก็อยากแนะว่า ให้ทุกคนตั้งสติ ลดทิฐิ ถึงอย่างไร ทหารก็ต้องทำหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อนาคตยังไม่มีใครตอบได้ว่า จะจบลงอย่างไร” รองผบ.ทบ.กล่าว
**ย้ำจุดยืนกองทัพไม่ใช้กำลัง
พล.ต.วิศณุ ศรียะพันธ์ โฆษกกองทัพไทย แถลงข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปที่บริเวณรัฐสภาว่า แม้คนไทยจะมีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง แต่มีความรักในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหมือนกัน จึงเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลาบ้าง
ทั้งนี้ กองทัพไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทำงานในกรอบของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.อยู่แล้ว โดยในส่วนของทหาร ที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน พร้อมยืนยันจุดยืนกองทัพ ไม่ใช้กำลังและไม่ทำร้ายประชาชน
**พธม.ชนะถอนทัพหน้าบช.น.**
เวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯสลายการชุมนุมบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่ กทม. ได้เข้าทำความสะอาดพื้นผิวจราจร และเก็บขยะที่ส่วนใหญ่เป็นขวดน้ำ ถุงพลาสติก กล่องโฟมใส่อาหาร จากนั้นได้เปิดการจราจรตลอดเส้นทางถนนศรีอยุธยา ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านไปมาได้ตามปกติ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เข้าดำเนินการต่อน้ำ-ต่อไฟ ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสะสางงานที่คั่งค้างอย่างชุลมุน พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ได้สั่งถอนกำลังตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยใน บช.น.บางส่วน เหลือเพียงกำลังดูแลทั่วไปจำวน 150 นาย ส่วนกำลังที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน แต่ยังคงวางกำลังเตรียมพร้อมไว้รับมือหากมีเหตุฉุกเฉิน 2 จุดคือ ประตูด้านหลัง บช.น. และบริเวณแยกวังแดง เนื่องจากหลังกลุ่มพันธมิตรฯ ได้สลายตัว ได้ช่วยกันเข็นรถบัสจำนวน 2 คันมาจอดขวางทางจราจรด้านหลังไว้
**ตร.สรุป 9 ชม.สงบ**
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การชุมนุมตลอดทั้งวันตั้งแต่เวลา 06.30 น. ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง ในพื้นที่โดยรอบรัฐสภาว่า การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด ตำรวจสามารถดูแลสถานการณ์ได้ แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากจะฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปักหลักยังที่ต่างๆ แต่ก็ไม่มีเหตุปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเมื่อฝ่าเข้าไปได้แล้วก็ปักหลักตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและตำรวจอย่างต่อเนื่อง จากนั้นได้ดำเนินการตัดน้ำตัดไฟ ทำให้รัฐสภาและตำรวจในกองบัญชาการไม่สามารถทำงานได้ และเวลา 14.00 น.เศษ กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นคำขาดให้ ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ที่ตำรวจดำเนินการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ต้องลาออกภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่เป็นไปตามนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมจะกลับมาชุมนุมกันอีกครั้งและสลายตัวไป
*“สนธิ”จี้ทหารเลิกแทงกั๊ก
เมื่อเวลา 19.10 น. นายเติมศักดิ์ จารุปราน ผู้ดำเนินรายการข่าวของเอเอสทีวี กล่าวในการจัดรายการข่าวตอนหนึ่งที่อาคารสำนักงานดอนเมืองว่า ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้พรุ่งนี้คิดว่าคงจะมีอะไรดีดีแน่นอน
จากนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การเคลื่อนพลวันนี้มากกว่าการยึดสถานที่ แต่ความหมายหมายถึงพลังของจริยธรรม ศีลธรรม ซึ่งสาเหตุที่ประเทศไม่ยอมสงบเพราะยังมีพลังชั่วร้าย ดังนั้นต่อให้เหนื่อยแค่ไหน จะบาดเจ็บล้มตายเราก็ไม่กลัว ดังที่เห็นในช่วงเช้าที่ในการเดินไปรัฐสภาแกนนำตัดสินใจเดินข้างหน้าทั้งที่มีคนห้าม เพราะถ้าพี่น้องกล้าเสียชีวิตแบบน้องโบ สารวัตรจ๊าบและการ์ดพันธมิตรทำไมแกนนำจะไม่กล้า เพราะเราพร้อมร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้อง
ส่วนกรณีที่มีการยิงปืนM79ใส่เอเอสทีวีเมื่อคืนวานนี้ นายสนธิ เล่าให้ผู้ชุมนุมฟังว่า เมื่อคืนมีการยิงมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่โชคดีที่ลูกปืนตกลงไปในแม่น้ำ ซึ่งตนคิดว่าจริงๆ อยากให้ออกมาจะได้ได้เสียกันไปเลยอย่าเก่งแต่ลอบกัด เช่นเดียวกับ เสธ.แดงที่เห่าทุกวัน ดังนั้นวันหลังเราจะนัดหมายกันบุกไปบ้านเสธ.แดงกันดีไหม
นายสนธิ กล่าวอีกว่า อยากจะพูดถึงสังคมที่ทุกวันนี้ทุกสังคมมีความเห็นขัดแย้งกันเพราะตกลงกันไม่ได้ เพราะถ้าตกลงกันได้ก็เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งขณะนี้มีสองพลังคือ พลังชั่วร้ายของระบอบทักษิณและพลังธรรมะ ซึ่งระบอบทักษิณต้องการสืบทอด เจตนารมณ์ให้คนตระกูลชินวัตรเป็นนายกฯ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกว่า ถ้าหมดจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็จะเป็น พล.ต.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร จากนั้นก็จะเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทำไมไม่เขียนรัฐธรรมนูญไปเลยว่าให้คนชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
นายสนธิ กล่าวถึงพลังที่สามที่จะแก้ปัญหาคือ พลังทหาร ก็อยู่ที่ว่าทหารจะเลือกพลังไหน จะเลือกข้างไหนก็เลือกไปเพราะถ้าเลือกพลังชั่วร้ายก็ขอให้บอกมา ขอให้พิจารณาว่าบ้านเมืองจะถอยหลังขนาดไหน แต่ถ้าเลือกพลังความดีก็จะรักษาปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ได้ ดังนั้นทหารอย่าแทงกั๊ก
“ดังนั้นพวกเราจึงอยากรู้ว่าพลังที่สามเลือกข้างไหน แต่ถ้าคุณรับเงินเขามาแล้ว ก็ขอให้บอกมา สถาบันทหารต้องตัดสินใจเลือกว่าพลังไหนคือความมั่นคงของชาติหรือความสั่นคลอนของชาติ ซึ่งสถาบันทหารในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาอย่าแกล้งโง่ เพราะไม่เช่นนั้นพลังของศีลธรรมจะเติบโตเอาเติบโตเอา”นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวว่า ที่นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม พรรคพลังประชาชนบอกว่าจะรวบรวมคน 4-5 ร้อยคนมาปั่นป่วนพันธมิตรฯนั้นตนท้าให้มา เพราะพี่น้องของเรา หงุดหงิดมาก็จะได้สั่งสอน
นายสนธิ กล่าวตอนท้ายว่า ขอให้รอวันอังคารนี้เพราะนี่คือสงครามครั้งสุดท้ายจริงๆ ดังนั้นขอให้วันนี้อย่าเพิ่งกลับ เพราะขณะนี้ชัยชนะของเราจาก 100 เมตรตอนนี้อยู่แค่ 10 เมตรสุดท้ายเท่านั้น
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า เวลา 04.00 น.วันนี้จะเคลื่อนพลปฎิบัติการ ไม่ให้รัฐบาลชุดนื้ทำงานได้ เพราะการรับใช้ทักษิณนำไปสู่ความไม่มั่นคงของชาติ ศาส์น กษัตริย์ และรธน.
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานฯ กล่าวว่า ถ้าตี 4 มาที่สนามม้านางเลิ้งไม่ได้ ให้ไปที่ดอนเมือง เป็นไปได้ขับรถส่วนตัวไปได้เลย ถ้าเป็นไปได้แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไว้ที่ทำเนียบที่นี่ ทำเนียบรัฐาลเป็นฐานที่มั่นของเรา พวกเราต้องใส่ใจกับความปลอดภัย เราต้องไปถึงดอนเมืองก่อน 6 โมงเช้า สมทบกับพวกเราที่นั่น ทราบมาว่าตอนนี้ทางนายโกวิท สั่งหน่วยอรินทราช เตรียมกำลัง 700 นาย เป็นหน่วยที่เขาจับผู้ร้าย ฆาตรกร กระบวนการก่อการร้ายสากล แต่กลับมาเล่นงานผู้บริสุทธิ์ เราจะใช้ดอนเมืองเป็นฐานที่มั่นคู่ขนานกับฐานแห่งนี้ เพื่อยกระดับการกดดันที่สูงขึ้น
**การท่าเรือฯ เตรียมหยุดงาน
นายเรียงศักดิ์ แขงขัน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ช่วงเช้าวานนี้ ( 24 พ.ย.) สหภาพฯ ร.ฟ.ท. ได้เรียกประชุมคณะกรรมการทั้ง 9 สาขา และมีมติว่าจะรอดูท่าทีสถานการณ์ก่อน จะรอรับคำสั่งจากทางสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)อีกครั้ง โดยสมาชิกสหภาพฯ จะยึดตามตามมติของสรส.ที่ระบุว่า หากทางรัฐบาลมีการใช้ความรุนแรงกับประชาชนในการสลายการชุมนุม กลุ่มสมาชิกก็จะเข้าร่วมชุมนุมเพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรงดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยืนยันว่า ทางกลุ่ม สหภาพฯ ร.ฟ.ท. ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว และยังไม่มีการหยุดเดินรถ โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก่อน ที่จะตัดสินใจอีกครั้ง
ด้านนายสมเกียรติ รอดเจริญ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) กล่าวว่า สหภาพฯ กทท. ยังไม่มีการหยุดงานเพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่หากทางรัฐบาลมีการใช้ความรุนแรงและยังมีการยืนยันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง กลุ่มสหภาพฯ ก็จะมีการเรียกประชุม และหาวิธีการตอบโต้ ตามมติของทางสรส.
นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูรณ์ ประธานคณะกรรมการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ได้มีการสั่งการให้นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการฯ ร.ฟ.ท. ให้เจรจากับกลุ่มสหภาพ ร.ฟ.ท. เพื่อขอให้ไม่มีการหยุดเดินรถเพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยชี้แจงว่าการที่กลุ่มพนักงานหยุดเดินรถนั้น จะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการเดินทาง
ด้านนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า
ได้สั่งการให้เขตพื้นที่เดินรถปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถในบางเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีการชุมนุม โดยขสมก.จะมีการติดตามสถานการณ์การชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเพื่อบริการประชาชนให้ไม่ได้รับความเดือดร้อน
*** ทอท.แจ้งดอนเมืองยังเปิดให้บริการปกติ
ในส่วนของท่าอากาศยานดอนเมือง แจ้งว่ายังคงเปิดให้บริการเที่ยวบินและผู้โดยสารได้ตามปกติ แม้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะเข้าปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวของรัฐบาล ตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. โดยร.ท.วิศิษฐ์ อิ้วประภา รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ปฏิบัติงานแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง กล่าวว่า เที่ยวบินที่ขึ้นลงที่ท่าอากาศยานดอนเมืองไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวของกลุ่มพันธมิตร โดยส่วนที่ถูกปิดล้อมเป็นคนละด้านกับที่มีการเปิดให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบิน โดยทอท.ได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ และขอให้ผู้โดยสารเดินทางล่วงหน้า เนื่องจากการจราจรบนถนนวิภาวดี มุ่งหน้ารังสิตมีปริมาณรถหนาแน่น และขอให้กลับรถหน้าบริเวณคลังสินค้า (เดิม) เพื่อเข้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทั้งนี้ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวนั้น ท่าอากาศยานดอนเมืองมีเที่ยวบินขาออก ตั้งแต่เวลา 16.10 น.- 22.15 ย. จำนวน 12 ไฟลท์ และมีเที่ยวบินขาเข้า ตั้งแต่เวลา 15.55 น.-22.50 น. จำนวน 18 ไฟลท์
/////////////////////////
(24พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักในทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเคลื่อนพลไปปิดล้อมอาคารรัฐสภา ในช่วงเช้าวานนี้ (24 พ.ย.) ตามยุทธศาสตร์ที่แกนนำเรียกว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายแบบม้วนเดียวจบ โดยเวลา 03.00 น. การชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นไปอย่างสงบ แกนนำผลัดขึ้นเวทีปราศรัยปลุกเร้าผู้ชุมนุมให้เตรียมพร้อมรบวันนี้ ให้เตรียมป้องกันการยิงแก๊สน้ำตา
**พันธมิตรฯเคลื่อนพลสู่ชัย
ต่อมาเวลา 06.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วย นายจำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมกับระบุว่า อีก 10 นาทีจะเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมมุ่งหน้าไปรวมพลกับกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่บริเวณแยกมิสกวัน ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังรัฐสภา พร้อมกับระบุว่าแกนนำทั้งหมดจะอยู่ด้านหน้า
จากนั้นเวลา 06.45 น. กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯเริ่มเดินขบวนออกจากบริเวณ แยกมิสกวัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังอาคารรัฐสภา นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล นอกจากนี้นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน ฯ ได้ทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมว่า หากมีตำรวจสกัดกั้น แกนนำ ฯจะใช้วิธีเจรจา หากเจรจากันไม่รู้เรื่อง ก็จะฝ่าเข้าไป เพราะได้ยืนยันแล้วว่า ยังไงวันนี้ ต้องไปปิดล้อมสภาให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 07.00น. กลุ่มพันธมิตรฯ เดินเท้ามุ่งหน้าไปยังอาคารรัฐสภา โดยมาถึงแนวกั้นแรกของตำรวจกั้นบริเวณทางโค้งปั้มน้ำมันของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯได้ส่งนายสุริยะใส และนายพิภพ ธงไชย เข้าเจรจาขอให้ตำรวจเปิดทาง โดยแนวตำรวจที่กั้นมีประมาณ 1 กองร้อย ขณะที่ด้านหลังแนวตำรวจมีรถตู้ และรถขังผู้ต้องหาจอดอยู่กว่า 10 คัน
สำหรับการเจรจาระหว่างแกนนำพันธมิตรโดยนายพิภพ และนายสุริยะใส กับพล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 นั้นทางตำรวจระบุว่า หากเข้าไปปิดล้อมก็จะปล่อยให้เข้าไปแต่ต้องไม่บุกรุก หรือทำลายสถานที่ราชการ โดยขณะนี้แนวกั้นตำรวจที่กั้นไว้ได้ถอยร่นออกไป ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีผู้ชุมนุมมาถึงหน้ารัฐสภาแล้ว โดยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาตั้งแถว เพื่อสกัดกั้นประตูทางเข้ารัฐสภา ได้ถอนกำลังกลับเข้าไปอยู่ในรัฐสภา และสวนสัตว์ดุสิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาสถานการณ์มีทั้ง นครบาล และปราบจลาจล ตชด. และมีการเตรียมรถดับเพลิง 4 คัน จอดไว้ที่หน้ารัฐสภา พร้อมด้วยรถเครื่องปั่นไฟ
**สส.หายหัวกลัวพธม.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำหรับบรรยากาศภายในรัฐสภา เป็นไปด้วย ความเงียบเหงา มีเพียงข้าราชการจำนวนหนึ่ง และสื่อมวลชนทุกแขนง รวมถึงตำรวจ 2 กองร้อย คือ ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร 1 กองร้อย จำนวน 150 คน และตชด.ที่ 11 จันทบุรี 1 กองร้อย จำนวน 150 คน ขณะที่สมาชิกรัฐสภา เดินทางเข้ามาเพียง 5 คน ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ได้แก่ นาย เกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา นาย ปวีณ แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ นาย ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคพลังประชาชน นาย บุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา
ส่วนนาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา มีภารกิจที่โรงแรมปริ๊น พาเลส โบ๊เบ๊ เวลา 09.30 น. ส่วนกลุ่ม 40 ส.ว. ได้นัดหารือที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ สำหรับส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้นัดหารือกันในช่วงเช้าที่พรรค ขณะที่นาย พิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มาติดตามสังเกตการณ์ที่รัฐสภาตั้งแต่คืนวันที่ 23 พฤศจิกายน
เวลา 08.45 น. นาย พิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การประชุมรัฐสภาที่จะเริ่มเวลา 09.30 น. ว่า คงจะประชุมไม่ได้ อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานรัฐสภา ว่าจะทำอย่างไร อาจให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน หรือแจ้งไปยังสมาชิก ทั้งนี้หากการชุมนุมปักหลักยืดเยื้อจนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน คงไม่มีการประชุมรัฐสภาอีกในสมัยประชุมนี้ เพราะสภาจะปิดสมัยประชุมนิติบัญญัติตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน และจะเปิดการประชุมสมัยสามัญทั่วไปต้นปีหน้า
**40 สว.สวดส่งรัฐบาล
ด้านนาย ประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว.ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตึกสุขประพฤติ และมองว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมแล้ว เหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม รัฐบาลก็ยังไม่แสดงความรับผิดชอบ ฉะนั้นตอนนี้ รัฐบาลควรลาออกหรือยุบสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯปิดล้อมรัฐสภาตั้งแต่เวลา 07.30 น. ปรากฏว่า มีการตัดไฟแล้วเมื่อเวลา 08.45 น. โดยมีการทำลายหม้อแปลง ไฟฟ้า ที่อยู่ริมถนนราชวิถี ทำให้ภายในรัฐสภามีการใช้ไฟสำรอง
**พปช.คิดปีนรั้วหนีอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายชัย ประธานรัฐสภา ได้สั่งงดประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ปรากฎว่า ส.สและส.ว.ที่มาประชุม ได้ทะยอยออกจาก อาคารรัฐสภา โดยใช้วิธีที่แตกต่างกัน โดยในเวลา 11.00 น.นาย บุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินออกไปยังประตูหน้ารัฐสภา อย่างสง่าผ่าเผย พร้อมข้าราชการรัฐสภา ท่ามกลางการปรบมือและตีมือตบ แสดงความชื่นชม เช่นเดียวกับนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา
ขณะที่ ส.ส.รัฐบาล ที่ค้างอยู่ต่างก็ถอดสูท เก็บบัตรประจำตัว ส.ส. เพื่ออำพรางตัวเองให้รอดพ้นจากสายตาผู้ชุมนุม และก็มีสีหน้าเคร่งเครียดและโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา โดยส.ส.ทั้ง 3 คนได้แก่ ได้แก่ นายปวิณ แซ่จึง ส.ส.ศรีษะเกษ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคพลังประชาชน นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย ปีนข้ามรั้วรัฐสภา ไปยังพระที่นั่งพิมาณเมฆ แต่ก็ไม่สามารถออกได้ทันที ต้องไปนั่งรออยู่ภายในพระที่นั่งฯและรอการประสานติดต่อกับทางพระราชวัง เพื่อขอออกจากเขตพระราชฐาน
ส่วน พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ก็ถอดสูทเดินออกทางประตูหน้า โดยไม่มีใครสังเกต ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมที่พรรคพลังประชาชน
**พธม.ขอผ่านหน้า บช.น.
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) เมื่อเวลา 09.40 น. ผู้สื่อข่าว รายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯที่ชุมนุมอยู่ บริเวณแยกลานพระรูปทรงม้าฯ พยายามเคลื่อนพลเข้ามาบริเวณถนนศรีอยุธยา ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อขยายพื้นที่ชุมนุมได้ส่งเสียงนับถอยหลังเพื่อให้สัญญาณ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแนวรับกว่า 3 กองร้อย 450 นายสกัดกั้นไว้ระยะห่างประมาณ 100 เมตร และเจรจาต่อรองไม่ให้พันธมิตรฯ เข้าบุกยึด บช.น.
ทั้งนี้ แกนนำผู้ชุมนุมยืนยันจะไม่บุกเข้าไปใน บช.น.อย่างแน่นอน เพียงขอใช้ เป็นเส้นทางผ่านไปยังรัฐสภา โดยใช้ถนนหน้า บช.น.ต่อเนื่อง แยกพล.1 เลี้ยวขวา มุ่งหน้าแยกการเรือน สมทบกับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่อยู่บริเวณสามแยกพิชัย
ในที่สุดก็สามารถยึดถนนด้านหน้า บช.น.ทั้ง 4 ช่องทางไว้ได้เป็นผลสำเร็จ จากนั้นได้เคลื่อนขบวนรถกระจายเสียงและรถเสบียงตามมาโดยมีผู้ชุมนุมนับพันคน ส่วนบริเวณด้านใน บช.น.นั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดประตูอย่างแน่นหนา ตั้งกำลังเสริมดูแลความปลอดภัยกว่า 500 นาย และนำรถน้ำดับเพลิงมาปิดกั้นประตูทางเข้าไว้
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้เป็นไปโดยสงบ แกนนำได้ปราศรัยบอก ผู้ชุมนุมให้อยู่ห่างจากรั้ว บช.น. 3 เมตรพร้อมเน้นย้ำว่า พวกตนนั้นชุมนุมโดยสงบอย่างอหิงสาและสันติวิธี
* “สุชาติหลบในห้องทำงาน”
ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้นยังคงบัญชาการสั่งการอยู่ภายในห้องประชุมอาคาร บช.น. และเน้นย้ำให้ตำรวจ ใช้ความอดทนละมุนละม่อมมากที่สุด
พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 กล่าวว่า ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาถึงหน้ารัฐสภา ทางแกนนำผู้ชุมนุม ได้เข้ามาเจรจา โดยขอใช้พื้นที่รอบรัฐสภาในการชุมนุม ซึ่งตำรวจได้อนุญาตให้ผู้ชุมนุม อยู่บริเวณดังกล่าวได้ แต่ต้องไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ร้องขอไม่ให้ตำรวจใช้กำลัง และความรุนแรงกับประชาชน แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรง หรือทางกลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฏหมาย ทางตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้วางไว้
โดยเวลา 10.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ตัดระบบน้ำ และไฟฟ้าของ บช.น.แล้ว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ โฆษกพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบ ประกาศว่า สรส.จะตัดน้ำ ตัดไฟ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จากนั้นนายวีระ สมความคิด ปราศรัยว่า บัดนี้ บช.น. เป็นซ่องโจร และเป็นที่ยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุม และประกาศเตือนผู้ชุมนุม ในทำเนียบฯให้ระวัง และคอยสังเกตุอัคคีภัย และเฝ้าระวังกระเป๋าและกล่อง ที่ไม่มีเจ้าของ พร้อมประกาศให้ประชาชนหยุดงาน และออกมาร่วมขับไล่รัฐบาล
** ขสมก.ขนคนปิดแยกขัตติยาณี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. พันธมิตรฯ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก. ได้ขับรถเมล์ยูโรปรับอากาศ สาย 515 บรรทุกผู้ชุมนุมจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มาส่งผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกขัตติยาณี ถนนสุโขทัยตัดกับถนนพิชัย จากนั้นนำรถคันดังกล่าวจอดขวางสี่แยกขัตติยาณีไว้
นอกจากนี้ ยังนำผ้าไปปิดกล้องวงจรปิดบริเวณแยกดังกล่าวที่มี 8 ตัว พร้อมทั้งปิดถนนสุโขทัย ตั้งแต่ด้านหลังโรงเรียนวชิราวุธไปจนถึงสี่แยกสวนรื่นฤดี ขณะเดียวกัน บริเวณหน้าพรรคชาติไทย มีกลุ่มพันธมิตรฯ เอาสเปรย์สีขาวไปฉีดป้าย ที่ทำการพรรคชาติไทย เป็นรูปกากบาททับสัญลักษณ์พรรค ระบุเป็นพรรคการเมือง ชายชาติ ไร้วิญญาณทางการเมือง
**"สมเกียรติ-ศิริชัย" นำบุกก.คลัง
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรฯ นำผู้ชุมนุมประมาณ 3,000 คนเคลื่อนจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ มาถึงหน้ากระทรวงการคลัง เวลา 11.00 น. จากนั้นมีการนำรถปราศรัยเคลื่อนที่ ตั้งเป็นเวทีปราศรัยเรียกร้องรัฐมนตรีการคลัง ให้เก็บของออกจากกระทรวงโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไปปิดล้อมกระทรวงการคลัง พนักงานของการไฟฟ้าได้นำอุปกรณ์เข้าไปตัดกระแสไฟฟ้าของกระทรวงการคลัง
ต่อมานายสมเกียรติ ประกาศให้ผู้ชุมนุมบริเวณหน้ากระทรวงการคลังว่า แกนนำพันธมิตรฯ มีมติให้ย้าย ไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อคัดค้านการประชุม ครม. โดยพันธมิตรจะเดินทางไปโดยรถบัส
ต่อมา ประมาณ 12.45 น. ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เดินทางมาขึ้นรถบัส 2 ชั้น จำนวน 2 คันเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลดอนเมือง โดยมีนายสมเกียรติ ขึ้นรถ 6 ล้อเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ปิดท้ายขบวน และก่อนหน้านี้นายศิริชัย ไม้งาม นัดแนะกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้า ให้เป็นขบวนนำไปก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าจะเป็นทีมตัดไฟ
ขณะที่นายกิตติชัย ใสสะอาด รองประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ เผยว่า มีข่าวจากหลายสาย โดยเฉพาะสายความมั่นคงว่าจะมีผู้แปลกปลอมเข้ามาเผาทำเนียบ แล้วโยนความผิดให้พันธมิตรฯ
**แท็กซี่ขว้างก้อนหินใส่พธม.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากถนนวิภาวดีฯ ซอย 3 ได้มีกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ประมาณ 100 คน โพกผ้าสีแดงมารวมตัวกันบริเวณปากซอย โดยส่วนใหญ่มีไม้และก้อนหิน และเมื่อมีรถของกลุ่มพันธมิตรฯ วิ่งผ่านเพื่อไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวดอนเมือง กลุ่มแท็กซี่ดังกล่าวจะเอาก้อนหินขว้างใส่ ทำให้รถบางคันได้รับความเสียหาย และมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน โดยมีกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งมาคอยดูแล ความเรียบร้อย
**ปิดสุวรรณภูมิวันที่สมชายกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นประกาศบน รถปราศรัยเคลื่อนที่ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักพักค้างที่สำนักงานท่าอากาศยานดอนเมืองในคืนนี้ เพื่อประท้วงขับไล่รัฐบาล และเวลาที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กลับจากประเทศเปรู อาจจะมีการเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ
โดยแกนนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรียกร้องให้พนักงาน รสก.ทั่วประเทศผละงานมาร่วมชุมนุมกันที่ทำเนียบชั่วคราว ในวันที่ 25 พ.ย. และหาก รัฐบาลยังไม่ลาออกก็ขอเรียกร้องให้ พนักงานรัฐวิสหกิจ ร่วมกันหยุดงานเพื่อประท้วงอย่างจริงจัง
**พปช.เผ่นหนีดอนเมือง
เมื่อเวลา 13.10 น. กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เคลื่อนขบวนจากกระทรวงการคลัง มาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว แกนนำพันธมิตรฯ นำโดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุก แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมด้วยนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (สร.กฟผ.) ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 และนางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว. สกลนคร โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เดินทางมาด้วยรถบัสจำนวน 2 คัน รถสิบล้อ และ รถหกล้อหลายสิบคัน ซึ่งเป็นยานพาหนะของมูลนิธิกองทัพธรรม และผู้ชุมนุมอีกจำนวนมากนำรถยนต์ส่วนตัวมาร่วมสมทบ
ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯได้รวมตัวกันไปปิดล้อมบนบริเวณชั้น 2 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นอาคารที่รัฐบาลใช้เป็นห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะเดียวกันทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยขนเสบียงอาหาร เครื่องดื่ม และ ยารักษาโรค พร้อมกับเต็นท์ผ้าใบค้างแรม พร้อมกับรีบตั้งเวทีปราศรัยบนรถสิบล้อที่มีเครื่องขยายเสียง โดยป้ายผ้าข้างรถขยายเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯ เขียนข้อความว่า “หยุดล้มล้างสถาบันองค์มนตรี”
ผู้สื่อข่าวรายงานตั้งแต่เวลา 10.30 น. ที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมีพล.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย , นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ. , ตัวแทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ทันทีที่ทราบข่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯกำลังจะเดินทางมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลดอนเมือง ก็ได้รีบเดินทางออกจากห้องประชุมไปทันที โดยไม่มีการแถลงข่าวใดๆทั้งสิ้น
ในขณะที่ข้าราชการประจำทำเนียบดอนเมือง ต่างพากันรีบนำรถส่วนตัวออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็วเพราะเกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อยาวนาน จนไม่สามารถจะนำรถยนต์ส่วนตัวและทรัพย์สินออกไปได้
ด้านการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ จากกองร้อยควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 2 กองร้อยคอยดูแลควบคุมสถานการณ์ โดยเบื้องต้นไม่มีการพกอาวุธปืน มีเพียงหมวกสายตรวจ และ วิทยุสื่อสาร พร้อมกับเตรียมรถควบคุมผู้ต้องขังอีกจำนวนนับสิบคันไว้เท่านั้น
นายสมศักดิ์ กล่าวว่าจะชุมนุมที่นี้ เพื่อไม่ให้รัฐบาลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ และ นายศิริชัย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า ได้นำกองทัพพันธมิตรฯนับพันคนเดินทางมาปิดล้อมทางเข้าออกของอาคารท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ทำการทำเนียบชั่วคราว ตามแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจาย โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะพักค้างแรมที่นี้และในการชุมนุมครั้งนี้ได้ขออนุญาตจาก สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ โดย น.ส. แจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ในฐานะประธานสหภาพฯ ได้อนุญาตให้ใช้สถานที่ได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้นายสมชาย วงศ์สวสัดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเดินทางกลับมาจากการร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ครั้งที่ 16 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ในวันพุธที่ 26 พ.ย.นี้ พร้อมกับจะประชุม ครม. ในเวลา 14.00 น. ในวันเดียวกัน
**ม๊อบป่วนงัดตึกดอนเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ที่อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ทำการปล่อยลมยางรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้าโรงอาหารหลายคัน ซึ่งรถเหล่านั้นไม่ใช่รถของตำรวจหรือรถของรัฐมนตรีที่กลุ่มพันธมิตรมาขับไล่แต่อย่างใด นอกจากนั้นก็มีผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามงัดลิฟท์ซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังอาคารห้องรับรองพิเศษซึ่งเป็นสถานที่ทำงานและประชุมของครม.และเจ้าหน้าที่ และก็ยังมีความพยายามที่จะงัดประตูทางเข้าของอาคาร 1 ทุกประตูเพื่อที่จะเข้าไปด้านใน ทั้งนี้มีผู้ชุมนุมบางส่วนสามารถขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารสำนักงาน เพราะมีข่าวปล่อยว่ายังมีรัฐมนตรีและคนของรัฐบาลยังอยู่ในอาคาร
นอกจากนี้ผู้ชุมนุมบางคนได้สาดน้ำจากชั้น 2 ลงมาใส่หลังคารถส่วนตัวของผู้สื่อข่าวผู้หญิงจากสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ที่ติดสติ๊กเกอร์หน้ารถ ซึ่งผู้สื่อข่าวเจ้าของรถได้ทำการตรวจสอบน้ำดังกล่าวพบว่ามีลักษณะใส เหนียวๆ
ส่วนการดูแลสุขลักษณะการขับถ่ายของผู้ชุมนุมขณะนี้กทม.ได้จัดส่งรถสุขาจำนวน 4 คันมาคอยบริการผู้ชุมนุม
**หวิดปะทะ บก.น.4 ล้มหัวฟาด !
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เริ่มเดินทางมาสมทบกันเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับแกนนำบางส่วนเดินทางมาถึง อาทิ นายพิภพ ธงชัย นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ พร้อมกันนี้รถสุขากทม.3 คัน จอดให้บริการบริเวณชั้นล่างอาคารวีไอพีระหว่างประเทศแล้ว
หลังจากนั้นในเวลา 17.15 น.เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อ พ.ต.อ.พัชระ บุญญประสิทธิ์ รองผู้บังคับการนครบาล 4 เดินมาจากบริเวณโรงอาหารโดยมีกลุ่มพันธมิตรฯ ไล่โห่ร้องอยู่ตลอดทาง พร้อมกับถ่มน้ำลาย ขว้างปาขวดน้ำ เข้าใส่จนกระทั่งมีการเบียดเสียดกันบริเวณประตูทางเข้าอาคารประชุม ครม. จนทำให้ พล.ต.อ.พัชระ ลื่นล้มหงายท้องหัวฟาดกับเหล็กที่กั้น ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณท้ายทอยด้านซ้าย
อย่างไรก็ตามในเวลา 17.30 น. พ.ต.ท.สุรศักดิ์ บุญศรีภิรักษ์ ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายข่าวของ พล.ต.ท ชัชจ์ กุลดิลก รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองได้ลงมาประสานกับ นายศิริชัย ไม้งาม โดยขอให้กลุ่มพันธมิตรฯ อย่ารุกล้ำเข้ามาในแผงเหล็กกั้น เพื่อความสงบเรียบร้อย ขณะเดียวกัน ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่อย่ารุกล้ำเขตรั้วออกมาเช่นกัน
**สั่งโกวิทจัดการพันธมิตรฯ
นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่ดอนเมืองว่า ได้คุยโทรศัพท์กับ รองผบ.ตร. และตำหนิว่า เหตุใดตำรวจถึงปล่อยให้ผู้ชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และขอให้ตำรวจยึดพื้นที่รัฐบาลชั่วคราวกลับคืนมา เพราะการยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวถือว่าไม่ถูกต้อง
ด้านนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ โฆษกรัฐบาล แถลงว่า นายชวรัตน์ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทยเป็นผู้ดูแลสถานการณ์และสั่งการทั้งหมดนับแต่เย็นวันนี้ไปจนว่าเหตุการณ์จะเรียบร้อยหรือเหตุการณ์จะเป็นอย่างอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตำรวจจะดำเนินการตามกรอบของกฏหมายเพื่อเอาพื้นที่ทำเนียบชั่วคราวคืนมา ขณะเดียวกันรัฐบาลจะไม่ละความพยายามที่จะพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯเพื่อหาทางออกร่วมกัน
เมื่อถามว่า ตกลงใครมีสิทธิขาดในการสั่งการและควบคุมกลุ่มพันธมิตรฯ ในครั้งนี้ โฆษกรัฐบาล ตอบว่า พล.ต.อ.โกวิทย์ ได้รับมอบหมายล่าสุดให้ดูการชุมนุม ของกลุ่มพันธมิตรฯและมีอำนาจในการสั่งการทั้งหมดในขณะที่ ผบ.ทบ.ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการติดตามร่วมฯถือว่า เป็นผู้ช่วยพนักงานเท่านั้น แต่สิทธิขาดอยู่ที่ พล.ต.อ.โกวิท เท่านั้น ทั้งนี้นายกฯจะมีเดินทางกลับประเทศไทยในเวลาเดิม น่าจะเป็นเวลาเช้าหรือช่วงบ่ายของวันพุธที่ 26 พ.ย. ส่วนการเอาทำเนียบคืนคงต้องมีความพยายามและดูว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย(ทอท.)ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินเป็นจะแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร ฯที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ ส่วนการประชุมครม. เป็นเหมือนเดิมคือวันพุธนี้ หากสถานการณ์ไม่เรียบร้อย อาจกำหนดสถานที่อื่นอีกครั้งหนึ่งว่าเป็นที่ไหน
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่เคลื่อนย้ายไปชุมนุมที่บริเวณอาคารรัฐสภาว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถดูแลได้ กองทัพติดตามสถานการณ์ อย่างเดียว และคิดว่าสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงอะไร
ทั้งนี้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ติดตาม สถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกำลังทหารจำนวน 21 กองร้อย ที่ตำรวจร้องขอมานั้น ขณะนี้กำลังทหารยังอยู่ในที่ตั้ง แต่หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงทหารก็พร้อมออกปฏิบัติหน้าที่ในการสนับสนุนตำรวจทันที
**อนุพงษ์ติดตามม็อบไม่กระพริบ
ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า ที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตาม สถานการณ์ร่วม (คตร.) ได้ร่วมติดตามสถานการณ์ประจำวันและรับทราบข้อมูล ด้านการข่าว รวมทั้งรับฟังการประเมินสถานการณ์จากหน่วยข่าวของกองทัพบก
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุม เพราะเกรงว่าจะมีกลุ่มบุคคลที่เป็นมือที่ 3 อาศัยช่วงสถานการณ์วุ่นวายเข้ามาก่อเหตุ โดยกองทัพบกจะเป็นศูนย์กลางในการติดตามสถานการณ์ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ประสานขอกำลังสนับสนุนเพิ่ม หลังจากที่กองทัพได้ส่งกำลังพลสนับสนุนก่อนหน้านี้แล้ว รวม 21 กองร้อยรักษาความสงบ
**ทหาร21กองร้อยพร้อม
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุของ กองทัพบกถึงการปฏิบัติหน้าที่ของทหารต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขอกำลังทหารจาก 3 เหล่าทัพ ให้ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการดูแลความสงบเรียบร้อย จำนวน 21 กองร้อยรักษาความสงบ ซึ่งขณะนี้กองทัพได้ส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติหน้าที่บางส่วนแล้ว โดยเฉพาะการส่งเจ้าหน้าที่ สารวัตรทหารบก 150 นาย สารวัตรทหารเรือ และ สารวัตรทหารอากาศ อย่างละ 60 นาย ตามบริเวณแยกประชาเกษม แยกวังแดง แยกกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ แยกอู่ทางนอก แยกการเรือน แยกพระบรมรูปทรงม้า แยกนางเลิ้ง และแยกการเรือน เป็นต้น โดยมีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารประจำอยู่ประมาณ 6-7 นาย
ตอนนี้กำลังที่เตรียมไว้ 21 กองร้อย มีกำลังบางส่วนออกไปปฏิบัติหน้าที่บางแล้ว โดยออกไปปฏิบัติในจุดตรวจอีกจุดละ 1 หมู่ ประมาณ 10 คน โดยกระจายกำลังโดยรอบเขตพระราชฐาน รวมถึงเขตรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล รวม 200 นาย ไม่ให้กลุ่มใดสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ยืนยันว่ากองทัพไม่ได้เคยเลือกที่จะดูแลกลุ่ม หนึ่งกลุ่มใด เพราะทุกกลุ่มถือเป็นพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันจะชุมนุมตามกรอบกติกา และตำรวจยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและจะไม่ใช้ความรุนแรง ก็ต้องมองเลยไปว่า จะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์หรือไม่ ดังนั้นจุดตรวจกำลังที่ไปสนับสนุนก็ทำหน้าที่ในการป้องกันสถานที่ราชการ ป้องกันประชาชน โดยรวมไม่ให้กลุ่มใด สร้างสถานการณ์ได้” พ.อ.สรรเสริญ ระบุ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า การปฏิบัติการที่บริเวณรัฐสภาทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจจะรับผิดชอบเนื่องจากเป็นพื้นที่จำกัด หากส่งกำลังทหารเข้าไปร่วมด้วยจะขาดเอกภาพในการบังคับบัญชาอาจะเกิดโกลาหลพอสมควร ทั้งนี้ ผบ.ตร. ระบุว่ากำลังตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สามารถดูแลได้ กำลังทหารทั้ง 21 กองร้อย ได้ผ่านการ ฝึกมาเป็นอย่างดี เพราะถ้าไม่ได้ฝึกและออกไปปฏิบัติหน้าที่อาจถูกกดดันทำให้ สถานการณ์ลุกลามได้ แต่สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีใครนึกถึงความเหน็ดเหนื่อย แต่การปฏิบัติงานยึดหลักความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ทุกฝ่ายยืนยันว่าจะอยู่ในกฎกติกา และไม่ได้อยู่เกินขอบเขตของกฎหมายก็ไม่น่าจะรุนแรง
**อนุพงษ์พอใจไร้รุนแรง
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงอีกครั้งในช่วงเย็น ถึงความคืบหน้ามาตรการรักษาความปลอดภัย หลังกลุ่มพันธมิตรเคลื่อนกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการว่า จากการรับทราบรายงานสถานการณ์ของหน่วยงานด้านการข่าว พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกพอใจที่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ขณะนี้สถานการณ์ยังอยู่ในความสงบ ซึ่งกองทัพจะเข้มงวดในมาตรการดูแลต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) มีอำนาจหน้าที่เพียงติดตามสถานการณ์และให้ข้อเสนอแนะกับหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่มีอำนาจสั่งการ ซึ่งอำนาจดังกล่าวเป็นของรัฐบาล
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะร่วมแถลงข่าวกับนาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และ พล.อ.อนุพงษ์ อยู่ในฐานะที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐสภา ดังนั้น จึงไม่มีกำหนดการดังกล่าว และตลอดทั้งวัน พล.อ.อนุพงษ์ คอยติดตามและประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ได้มีการตรวจสอบกำลังพลที่จะปฏิบัติการหากเกิดเหตุรุนแรง ประกอบด้วย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล 1 รอ.) มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) กองบัญชาการหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ ว่ามีความพร้อมจริงหรือไม่ ซึ่งพบว่าทุกหน่วยมีความพร้อมปฏิบัติภารกิจได้ทันที
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การที่ทหารจะออกมาต้องปฏิบัติตาม พรบ.ความมั่นคง ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากครม.และประกาศเป็นทางการ ซึ่งประชาชนไม่เห็นชอบที่จะให้ทหารออกมาใช้กำลังแก้ปัญหาการเมือง ขณะนี้ปัญหาของบ้านเมือง คือ ความแตกต่างทางความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้น การเมืองต้องแก้ไขด้วยการเมืองเมื่อถามถึงกระแสข่าวรัฐบาลจะขอใช้สโมสรทหารบกในการประชุมรัฐสภา พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทักบกยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากรัฐสภา แต่หากมีการร้องขอแล้วสถานที่ราชการมีความพร้อมก็ไม่มีปัญหาในการใช้สถานที่
**เล็งประชุมที่สโมสรทบ.
รายงานข่าวแจ้งว่า กองทัพบกติดตามและประเมินสถานการณ์การชุมนุม ของกลุ่มพันธมิตรฯต่อเนื่อง ซึ่งหากเกิดเหตุรุนแรงจนไม่สามารถควบคุม สถานการณ์ได้ กองทัพบกเตรียมแผนรักษาความสงบเรียบร้อยที่พร้อมปฏิบัติตลอด 24 ชั่วโมง โดยกำลังส่วนใหญ่ที่ใช้ควบคุมเหตุรุนแรงคือกำลังพล 21 กองร้อยที่ สนธิกำลังของทหาร 3 เหล่าทัพ และเตรียมกำลังพิเศษจำนวน 3 กองร้อย สามารถ ออกปฏิบัติได้ทันทีหากมีคำสั่ง คือ กำลังพลจาก พล.1 รอ. จำนวน 2 กองร้อย ซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ภายในหน่วยของตนเอง และกำลังพลจาก มทบ.11 จำนวน 1 กองร้อย เตรียมพร้อมอยู่ในกองทัพภาคที่ 1
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจขอใช้สถานที่ สโมสรทหารบกถนนวิภาวดีในการจัดประชุมรัฐสภา กองทัพบกพิจารณาแล้วว่า หากมีหนังสือร้องขอมากองทัพพร้อมสนับสนุนสถานที่ แต่เกรงว่าสถานที่ดังกล่าวจะไม่มีความพร้อมเพียงพอในการรองรับจำนวนสมาชิกรัฐสภา ดังนั้น หากมีหนังสือร้องขอมา กองทัพบกอาจจะเสนอให้รัฐสภาใช้สถานที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจัน) เป็นสถานที่จัดประชุมแทน
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ในส่วนของ กอ.รมน.จะมีการติดตาม สถานการณ์ ความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพื่อรายงานข้อมูลต่อคณะกรรมการติดตาม สถานการณ์ร่วม ประกอบการพิจารณา ซึ่งจากการติดตามประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังมั่นใจว่า เจ้าหน้าตำรวจสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์ได้
***ผบ.ทร.ชี้กองทัพมีทางออก
พล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนกำลังปิดล้อมสถานที่สำคัญทางราชการว่า สถานการณ์เรียบร้อยดีไม่มีความรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ทั้งนี้ ผู้บัญชาการเหล่าทัพยังไม่มีการประเมินสถานการณ์ แต่ติดตามสถานการณ์และดูแลไม่ให้วุ่นวาย ไม่ให้มีการใช้กำลัง กองทัพมอบนโยบายให้กำลังทหารไปดูแลไม่ให้มีการใช้กำลังกัน
เมื่อถามว่า ประชาชนบางส่วนร้องขอให้ทหารออกมาขับไล่รัฐบาล พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า เรื่องนี้ตอบไปหลายครั้งแล้ว เมื่อถามว่า กองทัพรู้สึกอย่างไรเพราะถูกกดดันเหมือนอยู่ตรงกลาง พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า หวังว่าทุกอย่างคงไม่มีความรุนแรง และมีทางออกที่ดี เมื่อถามว่า หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ผู้บัญชาการเหล่าทัพมีแนวทางออกอย่างไร พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า เราคิดไว้แล้ว แต่พูดอะไรไม่ได้
** รองผบ.ทบ.ชี้ปชช.ไม่ใช่ข้าศึก
พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ รองผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ร้อนระอุว่า ทุกอย่างมีทางออก การหาทางออกที่ดีที่สุดคือ ทุกคนต้องมีสติ ในแนวทางปฏิบัติของทหารก็มีวิธีอยู่แล้ว การที่ทหารออกมาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยที่ทหารจะไม่ใช้ความรุนแรง เพราะประชาชนไม่ใช่ข้าศึก ที่ต้องใช้ความรุนแรงเข้าสลายขอให้ทุกฝ่าย ใช้เหตุผลเพื่อมุ่งหวังให้เกิดความสงบสุข
“ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง กลุ่มผู้ออกมาชุมนุมเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่ข้าศึก เหตุการณ์ระเบิดหลายครั้งที่ผ่านมา ไม่ขอวิจารณ์ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ตำรวจดูแล ประชาชนมีอยู่ 2 ฝ่ายก็อยากแนะว่า ให้ทุกคนตั้งสติ ลดทิฐิ ถึงอย่างไร ทหารก็ต้องทำหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อนาคตยังไม่มีใครตอบได้ว่า จะจบลงอย่างไร” รองผบ.ทบ.กล่าว
**ย้ำจุดยืนกองทัพไม่ใช้กำลัง
พล.ต.วิศณุ ศรียะพันธ์ โฆษกกองทัพไทย แถลงข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปที่บริเวณรัฐสภาว่า แม้คนไทยจะมีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง แต่มีความรักในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหมือนกัน จึงเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลาบ้าง
ทั้งนี้ กองทัพไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทำงานในกรอบของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.อยู่แล้ว โดยในส่วนของทหาร ที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน พร้อมยืนยันจุดยืนกองทัพ ไม่ใช้กำลังและไม่ทำร้ายประชาชน
**พธม.ชนะถอนทัพหน้าบช.น.**
เวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯสลายการชุมนุมบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่ กทม. ได้เข้าทำความสะอาดพื้นผิวจราจร และเก็บขยะที่ส่วนใหญ่เป็นขวดน้ำ ถุงพลาสติก กล่องโฟมใส่อาหาร จากนั้นได้เปิดการจราจรตลอดเส้นทางถนนศรีอยุธยา ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านไปมาได้ตามปกติ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เข้าดำเนินการต่อน้ำ-ต่อไฟ ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสะสางงานที่คั่งค้างอย่างชุลมุน พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ได้สั่งถอนกำลังตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยใน บช.น.บางส่วน เหลือเพียงกำลังดูแลทั่วไปจำวน 150 นาย ส่วนกำลังที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน แต่ยังคงวางกำลังเตรียมพร้อมไว้รับมือหากมีเหตุฉุกเฉิน 2 จุดคือ ประตูด้านหลัง บช.น. และบริเวณแยกวังแดง เนื่องจากหลังกลุ่มพันธมิตรฯ ได้สลายตัว ได้ช่วยกันเข็นรถบัสจำนวน 2 คันมาจอดขวางทางจราจรด้านหลังไว้
**ตร.สรุป 9 ชม.สงบ**
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การชุมนุมตลอดทั้งวันตั้งแต่เวลา 06.30 น. ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง ในพื้นที่โดยรอบรัฐสภาว่า การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด ตำรวจสามารถดูแลสถานการณ์ได้ แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากจะฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปักหลักยังที่ต่างๆ แต่ก็ไม่มีเหตุปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเมื่อฝ่าเข้าไปได้แล้วก็ปักหลักตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและตำรวจอย่างต่อเนื่อง จากนั้นได้ดำเนินการตัดน้ำตัดไฟ ทำให้รัฐสภาและตำรวจในกองบัญชาการไม่สามารถทำงานได้ และเวลา 14.00 น.เศษ กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นคำขาดให้ ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ที่ตำรวจดำเนินการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ต้องลาออกภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่เป็นไปตามนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมจะกลับมาชุมนุมกันอีกครั้งและสลายตัวไป
*“สนธิ”จี้ทหารเลิกแทงกั๊ก
เมื่อเวลา 19.10 น. นายเติมศักดิ์ จารุปราน ผู้ดำเนินรายการข่าวของเอเอสทีวี กล่าวในการจัดรายการข่าวตอนหนึ่งที่อาคารสำนักงานดอนเมืองว่า ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้พรุ่งนี้คิดว่าคงจะมีอะไรดีดีแน่นอน
จากนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การเคลื่อนพลวันนี้มากกว่าการยึดสถานที่ แต่ความหมายหมายถึงพลังของจริยธรรม ศีลธรรม ซึ่งสาเหตุที่ประเทศไม่ยอมสงบเพราะยังมีพลังชั่วร้าย ดังนั้นต่อให้เหนื่อยแค่ไหน จะบาดเจ็บล้มตายเราก็ไม่กลัว ดังที่เห็นในช่วงเช้าที่ในการเดินไปรัฐสภาแกนนำตัดสินใจเดินข้างหน้าทั้งที่มีคนห้าม เพราะถ้าพี่น้องกล้าเสียชีวิตแบบน้องโบ สารวัตรจ๊าบและการ์ดพันธมิตรทำไมแกนนำจะไม่กล้า เพราะเราพร้อมร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้อง
ส่วนกรณีที่มีการยิงปืนM79ใส่เอเอสทีวีเมื่อคืนวานนี้ นายสนธิ เล่าให้ผู้ชุมนุมฟังว่า เมื่อคืนมีการยิงมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่โชคดีที่ลูกปืนตกลงไปในแม่น้ำ ซึ่งตนคิดว่าจริงๆ อยากให้ออกมาจะได้ได้เสียกันไปเลยอย่าเก่งแต่ลอบกัด เช่นเดียวกับ เสธ.แดงที่เห่าทุกวัน ดังนั้นวันหลังเราจะนัดหมายกันบุกไปบ้านเสธ.แดงกันดีไหม
นายสนธิ กล่าวอีกว่า อยากจะพูดถึงสังคมที่ทุกวันนี้ทุกสังคมมีความเห็นขัดแย้งกันเพราะตกลงกันไม่ได้ เพราะถ้าตกลงกันได้ก็เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งขณะนี้มีสองพลังคือ พลังชั่วร้ายของระบอบทักษิณและพลังธรรมะ ซึ่งระบอบทักษิณต้องการสืบทอด เจตนารมณ์ให้คนตระกูลชินวัตรเป็นนายกฯ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกว่า ถ้าหมดจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็จะเป็น พล.ต.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร จากนั้นก็จะเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทำไมไม่เขียนรัฐธรรมนูญไปเลยว่าให้คนชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
นายสนธิ กล่าวถึงพลังที่สามที่จะแก้ปัญหาคือ พลังทหาร ก็อยู่ที่ว่าทหารจะเลือกพลังไหน จะเลือกข้างไหนก็เลือกไปเพราะถ้าเลือกพลังชั่วร้ายก็ขอให้บอกมา ขอให้พิจารณาว่าบ้านเมืองจะถอยหลังขนาดไหน แต่ถ้าเลือกพลังความดีก็จะรักษาปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ได้ ดังนั้นทหารอย่าแทงกั๊ก
“ดังนั้นพวกเราจึงอยากรู้ว่าพลังที่สามเลือกข้างไหน แต่ถ้าคุณรับเงินเขามาแล้ว ก็ขอให้บอกมา สถาบันทหารต้องตัดสินใจเลือกว่าพลังไหนคือความมั่นคงของชาติหรือความสั่นคลอนของชาติ ซึ่งสถาบันทหารในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาอย่าแกล้งโง่ เพราะไม่เช่นนั้นพลังของศีลธรรมจะเติบโตเอาเติบโตเอา”นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวว่า ที่นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม พรรคพลังประชาชนบอกว่าจะรวบรวมคน 4-5 ร้อยคนมาปั่นป่วนพันธมิตรฯนั้นตนท้าให้มา เพราะพี่น้องของเรา หงุดหงิดมาก็จะได้สั่งสอน
นายสนธิ กล่าวตอนท้ายว่า ขอให้รอวันอังคารนี้เพราะนี่คือสงครามครั้งสุดท้ายจริงๆ ดังนั้นขอให้วันนี้อย่าเพิ่งกลับ เพราะขณะนี้ชัยชนะของเราจาก 100 เมตรตอนนี้อยู่แค่ 10 เมตรสุดท้ายเท่านั้น
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า เวลา 04.00 น.วันนี้จะเคลื่อนพลปฎิบัติการ ไม่ให้รัฐบาลชุดนื้ทำงานได้ เพราะการรับใช้ทักษิณนำไปสู่ความไม่มั่นคงของชาติ ศาส์น กษัตริย์ และรธน.
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานฯ กล่าวว่า ถ้าตี 4 มาที่สนามม้านางเลิ้งไม่ได้ ให้ไปที่ดอนเมือง เป็นไปได้ขับรถส่วนตัวไปได้เลย ถ้าเป็นไปได้แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไว้ที่ทำเนียบที่นี่ ทำเนียบรัฐาลเป็นฐานที่มั่นของเรา พวกเราต้องใส่ใจกับความปลอดภัย เราต้องไปถึงดอนเมืองก่อน 6 โมงเช้า สมทบกับพวกเราที่นั่น ทราบมาว่าตอนนี้ทางนายโกวิท สั่งหน่วยอรินทราช เตรียมกำลัง 700 นาย เป็นหน่วยที่เขาจับผู้ร้าย ฆาตรกร กระบวนการก่อการร้ายสากล แต่กลับมาเล่นงานผู้บริสุทธิ์ เราจะใช้ดอนเมืองเป็นฐานที่มั่นคู่ขนานกับฐานแห่งนี้ เพื่อยกระดับการกดดันที่สูงขึ้น
**การท่าเรือฯ เตรียมหยุดงาน
นายเรียงศักดิ์ แขงขัน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ช่วงเช้าวานนี้ ( 24 พ.ย.) สหภาพฯ ร.ฟ.ท. ได้เรียกประชุมคณะกรรมการทั้ง 9 สาขา และมีมติว่าจะรอดูท่าทีสถานการณ์ก่อน จะรอรับคำสั่งจากทางสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)อีกครั้ง โดยสมาชิกสหภาพฯ จะยึดตามตามมติของสรส.ที่ระบุว่า หากทางรัฐบาลมีการใช้ความรุนแรงกับประชาชนในการสลายการชุมนุม กลุ่มสมาชิกก็จะเข้าร่วมชุมนุมเพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรงดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยืนยันว่า ทางกลุ่ม สหภาพฯ ร.ฟ.ท. ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว และยังไม่มีการหยุดเดินรถ โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก่อน ที่จะตัดสินใจอีกครั้ง
ด้านนายสมเกียรติ รอดเจริญ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) กล่าวว่า สหภาพฯ กทท. ยังไม่มีการหยุดงานเพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่หากทางรัฐบาลมีการใช้ความรุนแรงและยังมีการยืนยันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง กลุ่มสหภาพฯ ก็จะมีการเรียกประชุม และหาวิธีการตอบโต้ ตามมติของทางสรส.
นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูรณ์ ประธานคณะกรรมการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ได้มีการสั่งการให้นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการฯ ร.ฟ.ท. ให้เจรจากับกลุ่มสหภาพ ร.ฟ.ท. เพื่อขอให้ไม่มีการหยุดเดินรถเพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยชี้แจงว่าการที่กลุ่มพนักงานหยุดเดินรถนั้น จะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการเดินทาง
ด้านนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า
ได้สั่งการให้เขตพื้นที่เดินรถปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถในบางเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีการชุมนุม โดยขสมก.จะมีการติดตามสถานการณ์การชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเพื่อบริการประชาชนให้ไม่ได้รับความเดือดร้อน
*** ทอท.แจ้งดอนเมืองยังเปิดให้บริการปกติ
ในส่วนของท่าอากาศยานดอนเมือง แจ้งว่ายังคงเปิดให้บริการเที่ยวบินและผู้โดยสารได้ตามปกติ แม้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะเข้าปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวของรัฐบาล ตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. โดยร.ท.วิศิษฐ์ อิ้วประภา รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ปฏิบัติงานแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง กล่าวว่า เที่ยวบินที่ขึ้นลงที่ท่าอากาศยานดอนเมืองไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวของกลุ่มพันธมิตร โดยส่วนที่ถูกปิดล้อมเป็นคนละด้านกับที่มีการเปิดให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบิน โดยทอท.ได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ และขอให้ผู้โดยสารเดินทางล่วงหน้า เนื่องจากการจราจรบนถนนวิภาวดี มุ่งหน้ารังสิตมีปริมาณรถหนาแน่น และขอให้กลับรถหน้าบริเวณคลังสินค้า (เดิม) เพื่อเข้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทั้งนี้ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวนั้น ท่าอากาศยานดอนเมืองมีเที่ยวบินขาออก ตั้งแต่เวลา 16.10 น.- 22.15 ย. จำนวน 12 ไฟลท์ และมีเที่ยวบินขาเข้า ตั้งแต่เวลา 15.55 น.-22.50 น. จำนวน 18 ไฟลท์
/////////////////////////