xs
xsm
sm
md
lg

“ซิตี้กรุ๊ป”ผวาราคาหุ้นทรุดยั้งไม่อยู่ คิดขายกิจการ‘ทั้งหมด’หรือ‘บางส่วน’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – บรรดาผู้บริหารระดับท็อปของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเคยเป็นกิจการธนาคารใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเพื่อขายกิจการเป็นบางส่วนหรือกระทั่งทั้งหมด ในขณะที่ราคาหุ้นตัวนี้กำลังดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานข่าวการพิจารณาขายบริษัทนี้ในเว็บไซตของตนเองเมื่อวันพฤหัสบดี(20) โดยกล่าวว่า การอภิปรายหารือกันภายในบริษัทเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังคงอยู่ใน “ขั้นเบื้องต้น” และเจ้าหน้าที่หลายๆ คนเห็นว่า ซิตี้กรุ๊ปนั้นมี “เงินทุน, เม็ดเงิน และทิศทางยุทธศาสตร์ ที่มากมายพอเพียง” ต่อการดำเนินงานของตนเอง

แต่ปัญหาก็คือตอนนี้ราคาหุ้นของซิตี้กรุ๊ปกำลังดิ่งลงรุนแรงน่าวิตก โดยเมื่อวันพฤหัสบดี(20) ราคาหุ้นลดลงมา 26% หลังจากที่วันพุธ(19)ลดลงมาแล้วราว 23% จึงทำให้หนทางการขายกิจการก็กลายเป็นหนึ่งในหนทางเลือก ที่พวกผู้บริหารบริษัทกำลังต้องพิจารณา

แหล่งข่าวภายในบริษัทได้ออกมาบอกว่าคณะกรรมการบริหารของบริษัท จะประชุมกันในวันศุกร์(22)นี้ เพื่อหารือทางเลือกต่าง ๆ ที่จะมาหยุดยั้งราคาหุ้นที่ร่วงลงเรื่อย ๆ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ) วิกรัม บัณฑิต และผู้บริหารบริษัทคนอื่น ๆต่างก็บ่นกันว่าพวกเขารู้สึกย่ำแย่และสับสนมากที่ราคาหุ้นร่วงลง 50% ในสัปดาห์นี้ หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปีมา ราคาหุ้นของซิตี้กรุ๊ปก็ร่วงลงมาทั้งหมดถึง 70% อันเนื่องมาจากการตัดยอดขาดทุนที่เกี่ยวเนื่องกับวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ

เมื่อวันพฤหัสบดีราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดที่ 4.71 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งหุ้น อันเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 15ปี แม้ว่าเมื่อวันพุธบริษัทจะประกาศว่า เจ้าชายอัลวาลีด บิน ตาลาล อับดุลลาซิส อัล ซาอุด ซึ่งเป็นนักลงทุนกระเป๋าหนักระดับโลกจะเพิ่มหุ้นที่ทรงถือครองเป็น 5% เพื่อเป็นการแสดงความสนับสนุนต่อฝ่ายบริหารของธนาคารก็ตาม
.
หากคิดตามราคาหุ้นในตลาดปัจจุบันแล้ว มูลค่าโดยรวมของซิตี้กรุ๊ปจะอยู่ที่ 25,600 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่าเงินช่วยเหลือ 25,000 ล้านดอลลาร์ที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯให้กับบริษัทมาเมื่อเดือนที่แล้วไม่เท่าไร ซึ่งทำให้ฝ่ายบริหารเห็นว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ซิตี้กรุ๊ปอยู่รอดและสามารถคืนเงินกู้ได้ในอนาคต

นอกจากการพิจารณาขายธนาคารให้กับธนาคารอื่นแล้ว ผู้บริหารของซิตี้กรุ๊ปก็ยังกำลังพิจารณาการตัดขายส่วนต่าง ๆของบริษัทออกไปด้วย อาทิ สมิธ บาร์นี่ย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานโบรกเกอร์ซื้อขายหุ้นรายย่อย, กิจการบัตรเครดิตระหว่างประเทศ, และหน่วยงานบริการทางธุรกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้ธนาคารได้มากและมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด

ส่วนหนทางอื่น ๆก็เช่น ควบรวมกับคู่แข่ง ซึ่งเมื่อดูจากศักยภาพของธนาคารอื่น ๆแล้ว นักวิเคราะห์บางคนก็เชื่อว่าน่าจะเป็นมอร์แกนสแตนลีย์หรือ โกลด์แมนแซคส์ กรุ๊ป นอกจากนี้ซิตี้กรุ๊ปก็ยังได้เจรจากับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(เอสอีซี) ให้กลับมาห้ามการซื้อขายหุ้นที่เรียกว่า ชอร์ต เซลลิ่ง หรือการขายหุ้นในราคาต่ำกว่าเดิม เพื่อกะว่าจะซื้อคืนในราคาที่ถูกกว่า และทำกำไรจากส่วนต่างของราคาขายครั้งแรกและครั้งที่สอง ที่เป็นสาเหตุให้ราคาหุ้นของซิตี้กรุ๊ปดิ่งลงเรื่อย ๆอยู่ในขณะนี้

เมื่อวันจันทร์(17)นี้ ทางกลุ่มก็ประกาศลดพนักงานทั่วโลกกว่า 50,000 ตำแหน่ง เนื่องจากต้องการรัดเข็มขัดให้มากที่สุดท่ามกลางความปั่นป่วนทางการเงินที่ทำให้ธนาคารขาดทุนอย่างรุนแรง ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนพนักงานที่ทยอยลดมาอย่างต่อเนื่องทั้งปีนี้ ก็เท่ากับว่าพนักงานของซิตี้กรุ๊ปราว 75,000 คนจะถูกลอยแพจากเดิมที่มีอยู่ราว 375,000 คน การประกาศเมื่อวันจันทร์นับเป็นการประกาศลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของอเมริกา อันดับหนึ่งนั้นก็คือ การลดตำแหน่งงาน 60,000 ตำแหน่งโดยไอบีเอ็มเมื่อปี 1993
กำลังโหลดความคิดเห็น