xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ ออฟ อเมริกาสวนวิกฤต เสนอซื้อหุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ หนึ่งในสี่ยักษ์ธนาคารจีน
เอเชี่ยน วอลสตรีท เจอร์นัล - แบงก์ ออฟ อเมริกา สวนกระแสวิกฤต เสนอซื้อหุ้น ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ เพิ่มจาก10.75% เป็น 19.1% สะท้อนความมั่นใจในเศรษฐกิจจีน นักวิเคราะห์ตั้งแง่ มีเงินถุงเงินถังจากไหน เพราะเพิ่งซื้อแคลิฟอร์เนีย มอร์ทเกต และ เมอร์ริล ลินซ์

การลงทุนของแบงก์ ออฟ อเมริกา ที่มีมูลค่าตลาดมากสุดครั้งนี้ถือว่าสวนภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เพิ่งอัดฉีดเงินกว่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐเข้าไปในธนาคารหลายแห่ง โดยแบงก์ ออฟ อเมริกาได้รับการอัดฉีดเงิน15,000 ล้านเหรียญ เพื่อช่วยในการฝ่าฝันวิกฤตการเงินโลก

“ฉันแปลกใจมากที่สภาคองเกรสไม่ท้วงว่า นี่คุณกำลังเอาเงินของรัฐบาลไปลงทุนในจีน โดยเฉพาะในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้” แนนซี่ บุช จากสถาบันวิจัยเอ็นเอบี กล่าว

ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ยอมรับในแถลงการณ์ว่า แบงก์ ออฟ อเมริกา จะซื้อหุ้นของธนาคาร 19,580 ล้านหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทั้งนี้ราคาหุ้นของไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ในตลาดหุ้นฮ่องกง วานนี้(17 พ.ย.)อยู่ที่ 4.11 เหรียญฮ่องกง ซึ่งหมายความว่ามูลค่าหุ้นที่แบงก์ ออฟ อเมริกาจะซื้อ หากคิดเป็นราคาปัจจุบันจะอยู่ที่ 10,380 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม แบงก์ ออฟ อเมริกาจะจ่ายเงินเพียง 7 พันล้านเหรียญ เพราะได้มีข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้าแล้ว โดยข้อตกลงกำหนดให้แบงก์ ออฟ อเมริกา สามารถใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นได้ในราคา 1.2 เท่าของราคาบุ๊คแวร์ลู่ ณ วันที่ 30 กันยายน ซึ่งหมายความว่า แบงก์ ออฟ อเมริกา จะใช้เงินเพียง 7 พันล้านเหรียญซื้อหุ้นครั้งนี้ ถูกกว่าราคาตลาดปัจจุบันถึง 32%

“มันเป็นข้อตกลงที่ดี และการซื้อหุ้นในราคาลดขนาดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและรัฐบาลอย่างแน่นอน” เจฟฟรี่ เฮิร์ท จากบริษัทหลักทรัพย์แซนเลอร์ โอนีล กล่าว

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา ในไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงเหลือ 9.9% ในไตรมาสที่สาม ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบห้าปี โดยนักวิเคราะห์จำนวนมากต่างคาดว่า เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงนี้จะทำให้ผลกำไรของธนาคารจีนลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การเข้าซื้อหุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา ครั้งนี้ยังสวนกระแสบริษัทตะวันตกส่วนใหญ่ ที่ตอนนี้ต่างคาดหวังจะให้จีนมาลงทุนมากกว่า โดยเมื่อเดือนที่แล้ว แบล็กสโตน กรุ๊ป บริษัทเพื่อการลงทุนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ระบุในรายงานว่า ไชน่า อิสเวสเมนท์ คอร์ป หน่วยลงทุนของรัฐบาลจีนมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญ ตกลงจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแบล็กสโตนจาก 9.9% เป็น 12.5% ซึ่งถือเป็นการลงทุนในสถาบันการเงินตะวันตกครั้งใหญ่ครั้งแรกของรัฐบาลจีน หลังจากจดๆจ้องๆมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

สถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาวันนี้ต่างย่ำแย่กันถ้วนหน้า แต่แบงก์ ออฟ อเมริกา ถือว่ามีสถานะดีกว่าเพื่อน ที่ต่างยังจมอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งนี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แบงก์ ออฟ อเมริกา ก็เข้าซื้อบริษัท เมอร์ริล ลินซ์ และในเดือนตุลาคมก็เสนอขายหุ้นเพิ่มมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญ และ ถึงแม้ว่าจะหาคนมาซื้อหุ้นในราคาที่เสนอขายได้ไม่ง่ายนัก แต่แบงก์ ออฟ อเมริกา ก็ถือเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด และได้รับการอัดฉีดจากรัฐบาลสหรัฐฯมากถึง 15,000 ล้านเหรียญ ในขณะที่เมอร์ริลลินซ์ได้รับ 10,000 ล้านเหรียญ ส่วนเวลล์ ฟาร์โก ได้รับ 25,000 ล้านเหรียญ เท่ากับซิติกรุ๊ป และ เจ พี มอร์แกน เชส

สก็อต ซิลเวอร์ทรี โฆษกของแบงก์ ออฟ อเมริกา บอกว่า เงินที่จะใช้ซื้อหุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์นั้น เป็นคนละก้อนกับเงินที่ได้รับอุดหนุนจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

โฆษกของแบงก์ ออฟ อเมริกา ยังปฏิเสธด้วยว่า การลงทุนในจีนครั้งนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงปลายปี เช่นเดียวกับการเข้าซื้อกิจการของ เมอร์ริล ลินซ์

“เรามั่นใจว่ามีเงินทุนเพียงพอที่จะลงทุนเพิ่มในไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวกับแบงก์ ออฟ อเมริกา และผู้ถือหุ้น
” โฆษกของแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าว

เคนเน็ท เลวิส ซีอีโอของแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า การซื้อหุ้นเพิ่มของไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ เป็นข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้าแล้ว โดยคาดว่ากระบวนการซื้อหุ้นจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนนี้

การซื้อหุ้นครั้งนี้ยังมีข้อผูกพันด้วยว่า แบงก์ ออฟ อมริกาจะไม่สามารถขายหุ้นทิ้งก่อนวันที่ 29 สิงหาคม 2011 เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ซึ่งทำให้การลงทุนครั้งนี้เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวของทางฝ่ายสหรัฐ

ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ เป็นธนาคารใหญ่อันดับสองของจีน ถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน และเป็นธนาคารจีนแห่งแรกที่ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2005 โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้เข้าซื้อหุ้นครั้งแรกในสัดส่วน 9% และได้ทุ่มเงินอีก 3,000 ล้านเหรียญเมื่อต้นปี เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 10.75% ก่อนที่จะเสนอซื้อเพิ่มเป็น 19.1% ในดีลล่าสุดนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น