"ทักษิณ"ถึงคราวไร้แผ่นดินอยู่ อัยการจี้ตำรวจเร่งหาที่อยู่ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี หลังไม่อุทธรณ์คดีที่ดินรัชดาฯ ระบุ จีน ฮ่องกง ดูไบ ไม่มีปัญหาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ด้านตำรวจพร้อมประสานอัยการลากคอกลับประเทศ พร้อมเตรียมเสนอถอดยศ "พันตำรวจโท""จตุพร" โหมเรียกแขกร่วมงาน "ความจริงวันนี้" ยัน "แม้ว" โฟนอินแผนต่อสู้ทางการเมืองแน่ แต่ต้องเลื่อนจัดงานมาเป็นวันที่ 13 ธ.ค. "ณัฐวุฒิ" ไม่เชื่อ "สมัคร" จะโฟนอินร่วมงานที่วัดสวนแก้ว เหตุต้องอยู่ระหว่างพักก่อนผ่าตัด "สมชาย" ปัดพูดถึงโฟนอินพี่เมีย อ้างรัฐบาลสมานฉันฑ์ "อภิสิทธิ์" เย้ย "ทักษิณ" จนตรอกหมดข้อต่อสู้ทาง กม.จึงเดินแผนป่วน เตือนรัฐบาลทำมึนเจอตรวจสอบแน่ อัยการเดินหน้าขอตัว"แม้ว"
นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานรับผิดชอบคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก กล่าวว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดี ไม่ยื่นอุทธรณ์แล้ว คณะทำงานอัยการจะทำบันทึกยืนยันการไม่ยื่นอุทธรณ์ ส่งให้ นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ซึ่งรับผิดชอบการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนใช้ประกอบการยื่นคำร้องเพื่อแสดงว่า จำเลย ไม่ยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 100 (1)วรรคสาม คดีจึงถือเป็นที่สุด โดยก่อนหน้านี้คณะทำงานอัยการ ได้ส่งมอบคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลฎีกาฯที่พิพากษาเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ให้อธิบดี
อัยการฝ่ายต่างประเทศไปแล้วเพื่อใช้ประกอบคำร้องเช่นกัน
ด้านนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจาก เป็นที่แน่ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี คำพิพากษาของศาลฎีกา ฯ ถือเป็นที่สุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.) ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตามหมายจับของ ศาลฎีกาฯ ในการติดตามตัวจำเลยที่ต้องคำพิพากษาที่ถึงที่สุดมารับโทษ จะต้องสืบหา ที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศ พร้อมนำหลักฐานยืนยันถิ่นที่อยู่ส่งให้อัยการพร้อมคำร้องขออย่างเป็นทางการที่จะให้อัยการยื่นคำร้องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเมื่ออัยการได้รับเอกสารหลักฐานดังกล่าวจาก สตช. แล้ว สามารถดำเนินการ ยื่นคำร้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้
ทันที
"เมื่อไม่มีการยื่นอุทธรณ์แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษ คงหยุดนิ่งไม่ได้ ตำรวจต้องสืบหาที่อยู่ซึ่งอาจมีการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ และตำรวจในต่างประเทศเพื่อให้ช่วยระบุที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนอัยการมีหน้าที่จัดเตรียมเอกสารและดำเนินการยื่นคำร้อง ก็จะตรวจสอบ กฎหมายหลายในประเทศที่ปรากฏเป็นข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปพักเพื่อเตรียมการไว้ ซึ่งหลังจากนี้อัยการจะสอบถามความคืบหน้ากับตำรวจเป็นระยะๆ"
ขอจากดูไบต้องใช้หลักต่างตอบแทน
นายศิริศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ภาพรวมของคำร้องขอส่งตัวเป็น ผู้ร้ายข้ามแดน คณะทำงานอัยการได้เขียนบรรยายพฤติการณ์ไว้แล้ว คงเหลือเพียง การปรับข้อกฎหมายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนในประเทศนั้น ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกา ฯ ฉบับเต็มได้แปลเป็นภาษาอังกฤษเสร็จเรียบร้อยแล้ว แค่รอว่า สตช. จะส่งหลักฐานยืนยันที่อยู่และคำร้องขอให้ดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาให้อัยการเมื่อใด
ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปหลายประเทศนั้น แต่หากยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พักอยู่ที่ใดแน่ อัยการก็ไม่สามารถยื่นคำร้องถึงประเทศเหล่านั้นได้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นอัยการได้ตรวจสอบข้อกฎหมายของจีน ฮ่องกง และ ดูไบ ไว้ว่ามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ ปรากฏว่า จีน ได้มีการลงนาม สนธิสัญญาไว้กับไทย ส่วนฮ่องกง และดูไบ ไม่มีต้องใช้หลักการต่างตอบแทน แลกเปลี่ยนกัน แต่ขอยืนยันว่าเรื่องมีสนธิสัญญาระหว่างกันหรือไม่ ไม่ใช่อุปสรรคปัญหาสำคัญในการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน
สตช.เตรียมถอดยศ"ทักษิณ"
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงการเสนอถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีตามที่เป็นข่าว และศาลฎีกายืนยันว่าคดีดังกล่าวสิ้นสุดแล้ว ต่อจากนี้ไป กองวินัย และกองกำลังพล จะต้องเข้าไปดูในรายละเอียด รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆ ว่า เข้าข่ายที่จะต้องมีการเสนอ เพื่อถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ หากพบเข้าข่ายตาม หลักการ ก็จะมีการทำเรื่องเสนอ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานถอดยศต่อไป
ส่วนการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหมายจับของศาลฎีกานั้น โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจนัดหารือกับอัยการ เพื่อประสานความร่วมมือกันในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ เพื่อให้ทราบแหล่งที่อยู่ให้แน่ชัด
"จตุพร"โหมเรียกแขกร่วมความจริงวันนี้
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะผู้ดำเนิน รายการ "ความจริงวันนี้" แถลงว่า จากเดิมที่กำหนดการจัดงานความจริงวันนี้สุญจร ที่จะจัดใน วันที่ 14 ธ.ค. ที่สนามศุภชลาศัยนั้นเนื่องจากวันดังกล่าวที่อาคารมินิบุตร ซึ่งอยู่ติดกับสนามศุภชาลาศัย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมา ทำให้ผู้จัดงาน ได้หารือรวมทั้งได้ติดต่อไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่างเห็นพ้องร่วมกันว่า เพื่อให้การจัดงานเป็นไปอย่างเรียบร้อย จึงขอเลื่อนมาเป็นวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค. แทน โดยประตูจะเปิดในเวลา 13.00 น. และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินในเวลา 20.00 น.
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมาแน่นอน และโฟนอินในครั้งต่อๆ ไป เพื่อบอกเล่าประเด็นที่ต่อเนื่องกัน ซึ่งประเด็นที่จะโฟนอินในวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะประกาศต่อสู้ทางการเมืองอย่างเป็นทางการ และกำหนดการก้าวย่าง ทางการเมืองต่อไปในอนาคต ส่วนกระแสข่าวที่คุณหญิงพจมาน จะเดินทางกลับเข้ามาก่อนนั้น ตนไม่ทราบ แต่ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ที่จะมาต่อสู้ทางคดี
อ้าง"แม้ว"ไม่สู้คดีเพราะไม่เป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาต่อสู้ทางการเมืองเหมาะสมหรือไม่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นนักโทษหนีคดี ทำไมไม่มาต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม นายจตุพร กล่าวว่า มันไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมแต่เป็นขบวนการทางการเมือง เพราะการทำคดีมาจาก คตส. ถ้าเป็นแบบนี้ถามว่ากล้าที่จะให้คตส. ตรวจสอบย้อนหลังทุกรัฐบาลหรือไม่
นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 20 พ.ย. นี้จะมีพรรคพวกของตน ไปเยี่ยมนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์วิจัยมะเร็ง เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา และจะติดต่อประสานว่านายสมัคร จะมาโฟนอินในรายการ ความจริงสัญจร ที่จะจัดในวันที่ 23 ธ.ค. ที่วัดสวนแก้วได้หรือไม่ เพราะมีประชาชน เป็นห่วงและสอบถามอาการถึงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของ นายสมัคร เป็นจำนวนมาก หากนายสมัคร พร้อมก็จะให้โฟนอินมาที่วัดสวนแก้วทันที โดยการจัดงานในวันนั้นจะเปิดเวลา 13.00 น. เหมือนเดิม แต่จะเลิกเร็วกว่ากำหนดก่อนพลบค่ำ
"ณัฐวุฒิ"เชื่อ"สมัคร"จะไม่โฟนอิน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะอดีต ผู้ดำเนิน รายการความจริงวันนี้ กล่าวว่าไม่ทราบนายสมัคร จะโฟนอินมาร่วมรายงานความจริงวันนี้ ตามที่นายจตุพร พรหมพันธ์ อ้างหรือไม่ เพราะจากการที่ตนได้คุยกับนายสมัคร เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ทราบว่า นายสมัครต้องพักฟื้นเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา 2 เดือน เนื่องจากจะต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่ตับในช่วงเดือนม.ค.52 ดังนั้นช่วงนี้นายสมัครจึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์
"ที่มาของข่าวการโฟนอินของนายสมัครนั้นเป็นเพราะมีคนไทยจำนวนมากยังรำลึกนึกถึง อยากทราบความเป็นอยู่ และทราบถึงการรักษาอาการป่วยของนายสมัครอยู่จำนวนมาก และทราบว่านายสมัครไม่ได้ติดตามข่าวการเมืองของเมืองไทย มากนัก"
ครม.ยังไม่ตั้ง"พัลลภ"นั่งกอ.รมน.
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อปรับโครงสร้าง กอ.รมน.ให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ว่า กอ.รมน. เสนอปรับโครงสร้างนิดหน่อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องของกฎหมาย ส่วนการพิจารณาเพิ่มอัตรากำลังก็ยังพิจารณาไม่ถึงเพราะตนออกมาก่อน เนื่องจากจะต้องเดินทางไปพรรคชาติไทย
ส่วนการแต่งตั้งพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี มาดำรงตำแหน่งในกอ.รมน.นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไร ของกอ.รมน.มีพียงเท่านี้ ยังไม่มีการเสนออะไร
"สมชาย"กันเชียงหนีโฟนอิน"แม้ว"
ผู้สื่อข่าวถามถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่สนามศุภชลาสัย ในวันที่ 14 ธ.ค.ซึ่งตรงกับการประชุมอาเซียนซัมมิทที่ จ.เชียงใหม่ นายสมชาย หัวเราะก่อนจะตอบว่าไม่ทราบ ใครจะโฟนหรือไม่โฟนตนไม่รู้เรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีหลายฝ่ายวิตกว่าการโฟนอินครั้งนี้อาจส่งสัญญาณให้เกิด ความรุนแรง แม้แต่ ส.ส.ในพรรคพลังประชาชนเองก็บอกว่าอาจเป็นการแบ่งแยกประเทศ นายสมชาย ย้อนว่า เหรอ เหรอ เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีท่าทีอะไรเลยหรือ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มี ท่าทีก็คือไม่มีการแบ่งแยกแผ่นดินของเราหรอก
ต่อข้อถามว่าเห็นส.ส.ในพรรคเองก็ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการโฟนอินจะมีการปรามบ้างไหม นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มี ในพรรคตนไม่มีปัญหาหรอก เมื่อผู้สื่อข่าวรุมซักถามถึงจุดยืนเพื่อให้เกิดความสงบของรัฐบาล นายสมชาย ซึ่งดูเหมือนจะสับสนกับเสียงผู้สื่อข่าวจึงย้อนถามกลับว่าคุณถามว่าไงนะ ก่อนจะตอบว่า "คุณน่ะไม่ทราบหรือว่าจุดยืนของผมก็คือเรื่องความสมานฉันท์มีความปรองดองกัน เป็นนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว ก็ทราบกันอยู่แล้ว"
"พงศ์เทพ"ยันโฟนอินไม่มีอะไรน่าห่วง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ฐานะโฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ยื่นอุทธรณ์ในคดีที่ดินรัชดา ส่วนเหตุผลจะเป็นอย่างไร หากมีจังหวะเวลาที่เหมาะสมพ.ต.ท.ทักษิณ จะแถลงให้ทราบ แต่ยังไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะเป็นการแถลงรูปแบบใด
นายพงศ์เทพ กล่าวว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเป็นการประสานของคณะผู้จัดรีายการความจริงวันนี้ ตนคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะการโฟนอินเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ก็มีคนออกมาบอกว่าจะเกิดความวุ่นวายแต่ท้ายที่สุดก็จะเห็นว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คิดว่าคนๆ หนึ่งควรมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเพราะคนอื่นก็แสดงความเห็นมามากแล้ว ในระบอบประชาธิปไตยมีคนบอกว่าแม้เราจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดแต่เราก็ต้องต่อสู้ให้เขาได้พูด เพราะเขาพูดก็เท่ากับเราได้พูดเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวแย้งว่าแต่การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หลายฝ่ายห่วงกันว่าอาจจะเกิดความ รุนแรงเพราะมีการสื่อสารผ่าน ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่ระบุว่า เมื่ออยู่อย่างสงบ ไม่ได้ก็อย่าอยู่ให้สงบเลยว่า นายพงศ์เทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้กล่าวเช่นนั้น การที่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะกลับมาต่อสู้ทางการเมืองนั้น หลายคนก็เข้าใจว่า การต่อสู้อะไร ซึ่งตามที่ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 19 พ.ย. ก็ได้เล่าให้พ.ต.ท.ทักษิณ ฟังว่าในประเทศไทยมีการเสนอข่าวอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าการต่อสู้ทางการเมืองไม่ได้หมายถึงว่าไปรบ การต่อสู้ทางการเมืองนั้น มีหลายวิธี อยู่เฉยๆ ก็ต่อสู้ทางการเมืองได้ อย่างบางคนก็อ้างอารยะขัดขืน ไม่ใช่หมายถึงการไปต่อยตี เพราะคนที่ต่อสู้โดยสงบก็มีจำนวนมาก เช่นการต่อสู้ โดยการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชน ดังนั้นขอให้สบายใจได้ว่าจะเป็นการต่อสู้โดยสงบ อย่าไปตีความเป็นอย่างอื่น
"มาร์ค"เย้ย"แม้ว"หมดข้อต่อสู้เลยป่วน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าขณะนี้ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง และสิ่งที่ทำทั้งหมดคงเป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศต้องมาแบกรับบนความแตกแยกและวุ่นวายต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ตัดสินใจให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ
ส่วนการต่อสู้ในทางคดีความนั้นถือพ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิสู้อย่างเต็มที่ในฐานะคนไทย ซึ่งทั้งศาลและสังคมให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้ว แต่การเคลื่อนไหวทางการเมืองเช่นนี้ ตนไม่ทราบว่าที่ตัดสินใจอย่างนี้เพราะอะไร แต่จะยิ่งกลับไปเหมือนกับตอกย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณหมดข้อต่อสู้ทางกฎหมายหรืออย่างไร อย่างไรก็ตามตนยังหวังว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะเปลี่ยนใจในช่วงใดช่วงหนึ่ง เพราะตนไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวายไปมากกว่านี้ และรัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ทั้งหมดที่เป็นความวุ่นวายและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเตือนรัฐบาลต้องทำหน้าที่เพื่อประชาชน
"ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียโอกาสของประเทศชาติในขณะนี้ ในแง่ของการ ที่ไม่แก้ไขปัญหาอะไร ซึ่งเราจะตรวจสอบ และขอเตือนทั้งนายกรัฐมนตรีและครม.เอาไว้ หากท่านละเว้นอะไร หากท่านไม่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่รักษาความถูกต้อง ไม่ปฏิบัติกับคนไทยให้เสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย ท่านก็ต้องรับผิดชอบ และฝ่ายค้านจะเดินหน้าตรวจสอบและทำทุกวิถีทางให้ท่านเป็นรัฐบาลของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลของท่านทักษิณ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่จะหมดสมัยประชุมรัฐสภาแล้วยังไม่มีการผ่านกฎหมาย ออกมาใช้แม้แต่ฉบับเดียวนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สภาพทั้งหลายในขณะนี้ถือเป็นการสูญเสียโอกาสของประเทศ งานของนิติบัญญัติเดินหน้าไปอย่างทุลักทุเล ซึ่งหากมีการเตรียมการหรือมีการประสานกัน น่าจะได้แนวทางที่เหมาะสมกว่านี้ ซึ่งในการประชุมร่วมรัฐสภาสัปดาห์หน้าก็จะฉุกละหุกพอสมควร เนื่องจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่อยู่ ทั้งนี้สังคมได้เรียกร้องมาหลายเรื่องให้มีการดำเนินการ แต่นายกรัฐมนตรีไม่รู้ร้อนอะไร ไม่ได้เหมือนกับเป็นรัฐบาลของประชาชน แต่เป็น
รัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ขณะที่ปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า ประชาชนอยากจะเห็นการแก้ปัญหา โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่เป็นระบบมากกว่านี้
เตือนอย่าใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความ เคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งที่สังคมเป็นห่วง และคิดว่าคง เล่นไม่เลิก แต่ประเด็นสำคัญคือต้องไม่คิดถึงตัวเองมากกว่าบ้านเมือง และต้องไม่เอา ประชาชนมาเป็นเครื่องมือ ถ้าไม่คิดถึงตรงนี้ จะยิ่งทำให้สถานการณ์บ้านเมือง บานปลาย และกรณีที่เกิดขึ้นคงจะหวังให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ช่วยคลี่คลายคงยาก เพราะดูเหมือนจะปฏิเสธความรับผิดชอบ และอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งที่กระทบกับบ้านเมือง
"ท่านทำเหมือนเป็นเรื่องส่วนของท่านทักษิณ ความจริงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะมีผลกระทบต่อส่วนรวมและมีผลกระทบกับประเทศ รวมทั้งมีผลกระทบกับการบริหาราชการแผ่นดินของนายกรฯด้วย แต่เพราะท่านเป็นญาติ ความจริง ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเหมือนตัวแทนท่านทักษิณ ก็เลยดูเหมือนว่าเล่น 2 บท บทที่ 1 เป็นประโยชน์กับท่านทักษิณ อีกบทคือบทนายกรัฐมนตรี ตรงนี้ผมคิดว่านายกฯต้องชัดเจนว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของท่านทักษิณ หรือเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย"
ปชป.ชี้3สาเหตุสู่ความรุนแรง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่า สถานการณ์การเมืองหลังงานพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีแนวโน้มอาจนำไปสู่ความรุนแรงและความแตกหักมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจาก 1.มีความพยามจะใช้ กอ.รมน. เป็นฐานปฏิบัติการทางการเมือง โดยพยายามจะเคลื่อนไหวให้นำบุคคลไปทำหน้าที่ในองค์กรนี้ เช่น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งมีภาพของนักบู๊ โดยเหตุการณ์ในอดีตสามารถชี้ให้เห็นถึง การกระทำต่างๆ ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้
2.กรณีที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ประกาศจะบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมอยู่ 3.การพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อตั้งส.ส.ร.3 ซึ่งพันธมิตรฯประกาศชัดว่าจะคัดค้านเรื่องนี้อย่างเต็มรูปแบบ อาจไปสู่การก่อความรุนแรง ขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ถ้าแต่ละฝ่ายยังพยายามเคลื่อนไหวลักษณะนี้ ก็มีแนวโน้ม ที่ก่อให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นแตกหักอย่างสูงและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจในการมีส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้ความรุนแรงต่างๆเกิดขึ้นซึ่งจะต้องมีการใช้อาวุธร้ายแรง เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ถ้ารัฐบาลปล่อยให้มีการ เคลื่อนไหวจนนำไปสู่ความรุนแรง เราก็อาจจะต้องเสียใจในภายหลังที่มีการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ และถ้ามีการสูญเสียชิวิตและทรัพย์สิน รัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธภาระหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยได้
ส่วนการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลไม่คิดทำอะไรให้เกิดความวุ่นวายหรือความรุนแรง นายองอาจ กล่าวว่า คำพูดดังกล่าวของนายกฯยังไม่เพียงพอ แต่ต้องปฏิบัติให้เห็นจริงด้วยการดูแลไม่ให้คนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลหรือคนของรัฐบาลก่อความวุ่นวายหรือความรุนแรงด้วย ทั้งนี้ ถ้ารัฐบาลนิ่งเฉยแล้วปล่อยให้มีการเคลื่อนไหว เท่ากับว่ารัฐบาลเห็นด้วยหรือเห็นชอบ และอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้
"พัลลภ"ยังไม่รู้จะนั่งในกอ.รมน.หรือไม่
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผอ.รมน กล่าวว่าไม่ขอแสดงความคิดเห็นกรณีที่ รัฐบาลจะแต่งตั้งตนเป็นผู้ช่วย ผอ.รมน. และ ไม่ทราบถึงมติครม. ในการอนุมัติโครงสร้าง กอ.รมน . แต่การจะดำรงตำแหน่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้พิจารณา ตนไม่ทราบรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากที่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการรับปากในเรื่องนี้ อย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่การพิจารณาขึ้นอยู่กับทางรัฐบาล ไม่ได้ติดตามในรายละเอียดว่าที่ครม.ยังไม่มีการอนุมติแต่งตั้งตนเอง เกิดจากสาเหตุใด
"อนุพงษ์"เตรียมตั้ง4ที่ปรึกษากอ.รมน.
มีรายงานว่า กอ.รมน. โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.รมน. จะมีการเสนอชื่อคณะที่ปรึกษา กอ.รมน. 4 ตำแหน่ง ให้คณะกรรมการอำนวยการ ฯ ที่มี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. เป็นประธาน ได้พิจารณา โดยผู้ได้รับการเสนอชื่อ ประกอบด้วย พล.อ.นิพนธ์ ภารัญนิตย์ อดีตรอง ผบ.ทบ. ซึ่งเคยดีงตำแหน่ง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ( ร.21 รอ.) และ ผบ.พล.ร.2รอ. พล.อ. สนั่น มะเริงสิทธิ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 พล.อ.นพดล วัฒโนทัย นายทหารที่เคยทำงานด้านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พล.อ.เดชศักดิ์ ศิริกุล อดีต ผบ.ร.21 รอ. ทั้งนี้ นายทหารเหล่านี้เคยทำงานในโครงการอันเนื่องพระราชดำริมาก่อน
นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานรับผิดชอบคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก กล่าวว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดี ไม่ยื่นอุทธรณ์แล้ว คณะทำงานอัยการจะทำบันทึกยืนยันการไม่ยื่นอุทธรณ์ ส่งให้ นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ซึ่งรับผิดชอบการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนใช้ประกอบการยื่นคำร้องเพื่อแสดงว่า จำเลย ไม่ยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 100 (1)วรรคสาม คดีจึงถือเป็นที่สุด โดยก่อนหน้านี้คณะทำงานอัยการ ได้ส่งมอบคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลฎีกาฯที่พิพากษาเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ให้อธิบดี
อัยการฝ่ายต่างประเทศไปแล้วเพื่อใช้ประกอบคำร้องเช่นกัน
ด้านนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจาก เป็นที่แน่ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี คำพิพากษาของศาลฎีกา ฯ ถือเป็นที่สุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.) ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตามหมายจับของ ศาลฎีกาฯ ในการติดตามตัวจำเลยที่ต้องคำพิพากษาที่ถึงที่สุดมารับโทษ จะต้องสืบหา ที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศ พร้อมนำหลักฐานยืนยันถิ่นที่อยู่ส่งให้อัยการพร้อมคำร้องขออย่างเป็นทางการที่จะให้อัยการยื่นคำร้องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเมื่ออัยการได้รับเอกสารหลักฐานดังกล่าวจาก สตช. แล้ว สามารถดำเนินการ ยื่นคำร้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้
ทันที
"เมื่อไม่มีการยื่นอุทธรณ์แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษ คงหยุดนิ่งไม่ได้ ตำรวจต้องสืบหาที่อยู่ซึ่งอาจมีการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ และตำรวจในต่างประเทศเพื่อให้ช่วยระบุที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนอัยการมีหน้าที่จัดเตรียมเอกสารและดำเนินการยื่นคำร้อง ก็จะตรวจสอบ กฎหมายหลายในประเทศที่ปรากฏเป็นข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปพักเพื่อเตรียมการไว้ ซึ่งหลังจากนี้อัยการจะสอบถามความคืบหน้ากับตำรวจเป็นระยะๆ"
ขอจากดูไบต้องใช้หลักต่างตอบแทน
นายศิริศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ภาพรวมของคำร้องขอส่งตัวเป็น ผู้ร้ายข้ามแดน คณะทำงานอัยการได้เขียนบรรยายพฤติการณ์ไว้แล้ว คงเหลือเพียง การปรับข้อกฎหมายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนในประเทศนั้น ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกา ฯ ฉบับเต็มได้แปลเป็นภาษาอังกฤษเสร็จเรียบร้อยแล้ว แค่รอว่า สตช. จะส่งหลักฐานยืนยันที่อยู่และคำร้องขอให้ดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาให้อัยการเมื่อใด
ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปหลายประเทศนั้น แต่หากยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พักอยู่ที่ใดแน่ อัยการก็ไม่สามารถยื่นคำร้องถึงประเทศเหล่านั้นได้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นอัยการได้ตรวจสอบข้อกฎหมายของจีน ฮ่องกง และ ดูไบ ไว้ว่ามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ ปรากฏว่า จีน ได้มีการลงนาม สนธิสัญญาไว้กับไทย ส่วนฮ่องกง และดูไบ ไม่มีต้องใช้หลักการต่างตอบแทน แลกเปลี่ยนกัน แต่ขอยืนยันว่าเรื่องมีสนธิสัญญาระหว่างกันหรือไม่ ไม่ใช่อุปสรรคปัญหาสำคัญในการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน
สตช.เตรียมถอดยศ"ทักษิณ"
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงการเสนอถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีตามที่เป็นข่าว และศาลฎีกายืนยันว่าคดีดังกล่าวสิ้นสุดแล้ว ต่อจากนี้ไป กองวินัย และกองกำลังพล จะต้องเข้าไปดูในรายละเอียด รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆ ว่า เข้าข่ายที่จะต้องมีการเสนอ เพื่อถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ หากพบเข้าข่ายตาม หลักการ ก็จะมีการทำเรื่องเสนอ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานถอดยศต่อไป
ส่วนการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหมายจับของศาลฎีกานั้น โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจนัดหารือกับอัยการ เพื่อประสานความร่วมมือกันในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ เพื่อให้ทราบแหล่งที่อยู่ให้แน่ชัด
"จตุพร"โหมเรียกแขกร่วมความจริงวันนี้
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะผู้ดำเนิน รายการ "ความจริงวันนี้" แถลงว่า จากเดิมที่กำหนดการจัดงานความจริงวันนี้สุญจร ที่จะจัดใน วันที่ 14 ธ.ค. ที่สนามศุภชลาศัยนั้นเนื่องจากวันดังกล่าวที่อาคารมินิบุตร ซึ่งอยู่ติดกับสนามศุภชาลาศัย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมา ทำให้ผู้จัดงาน ได้หารือรวมทั้งได้ติดต่อไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่างเห็นพ้องร่วมกันว่า เพื่อให้การจัดงานเป็นไปอย่างเรียบร้อย จึงขอเลื่อนมาเป็นวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค. แทน โดยประตูจะเปิดในเวลา 13.00 น. และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินในเวลา 20.00 น.
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมาแน่นอน และโฟนอินในครั้งต่อๆ ไป เพื่อบอกเล่าประเด็นที่ต่อเนื่องกัน ซึ่งประเด็นที่จะโฟนอินในวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะประกาศต่อสู้ทางการเมืองอย่างเป็นทางการ และกำหนดการก้าวย่าง ทางการเมืองต่อไปในอนาคต ส่วนกระแสข่าวที่คุณหญิงพจมาน จะเดินทางกลับเข้ามาก่อนนั้น ตนไม่ทราบ แต่ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ที่จะมาต่อสู้ทางคดี
อ้าง"แม้ว"ไม่สู้คดีเพราะไม่เป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาต่อสู้ทางการเมืองเหมาะสมหรือไม่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นนักโทษหนีคดี ทำไมไม่มาต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม นายจตุพร กล่าวว่า มันไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมแต่เป็นขบวนการทางการเมือง เพราะการทำคดีมาจาก คตส. ถ้าเป็นแบบนี้ถามว่ากล้าที่จะให้คตส. ตรวจสอบย้อนหลังทุกรัฐบาลหรือไม่
นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 20 พ.ย. นี้จะมีพรรคพวกของตน ไปเยี่ยมนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์วิจัยมะเร็ง เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา และจะติดต่อประสานว่านายสมัคร จะมาโฟนอินในรายการ ความจริงสัญจร ที่จะจัดในวันที่ 23 ธ.ค. ที่วัดสวนแก้วได้หรือไม่ เพราะมีประชาชน เป็นห่วงและสอบถามอาการถึงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของ นายสมัคร เป็นจำนวนมาก หากนายสมัคร พร้อมก็จะให้โฟนอินมาที่วัดสวนแก้วทันที โดยการจัดงานในวันนั้นจะเปิดเวลา 13.00 น. เหมือนเดิม แต่จะเลิกเร็วกว่ากำหนดก่อนพลบค่ำ
"ณัฐวุฒิ"เชื่อ"สมัคร"จะไม่โฟนอิน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะอดีต ผู้ดำเนิน รายการความจริงวันนี้ กล่าวว่าไม่ทราบนายสมัคร จะโฟนอินมาร่วมรายงานความจริงวันนี้ ตามที่นายจตุพร พรหมพันธ์ อ้างหรือไม่ เพราะจากการที่ตนได้คุยกับนายสมัคร เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ทราบว่า นายสมัครต้องพักฟื้นเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา 2 เดือน เนื่องจากจะต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่ตับในช่วงเดือนม.ค.52 ดังนั้นช่วงนี้นายสมัครจึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์
"ที่มาของข่าวการโฟนอินของนายสมัครนั้นเป็นเพราะมีคนไทยจำนวนมากยังรำลึกนึกถึง อยากทราบความเป็นอยู่ และทราบถึงการรักษาอาการป่วยของนายสมัครอยู่จำนวนมาก และทราบว่านายสมัครไม่ได้ติดตามข่าวการเมืองของเมืองไทย มากนัก"
ครม.ยังไม่ตั้ง"พัลลภ"นั่งกอ.รมน.
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อปรับโครงสร้าง กอ.รมน.ให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ว่า กอ.รมน. เสนอปรับโครงสร้างนิดหน่อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องของกฎหมาย ส่วนการพิจารณาเพิ่มอัตรากำลังก็ยังพิจารณาไม่ถึงเพราะตนออกมาก่อน เนื่องจากจะต้องเดินทางไปพรรคชาติไทย
ส่วนการแต่งตั้งพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี มาดำรงตำแหน่งในกอ.รมน.นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไร ของกอ.รมน.มีพียงเท่านี้ ยังไม่มีการเสนออะไร
"สมชาย"กันเชียงหนีโฟนอิน"แม้ว"
ผู้สื่อข่าวถามถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่สนามศุภชลาสัย ในวันที่ 14 ธ.ค.ซึ่งตรงกับการประชุมอาเซียนซัมมิทที่ จ.เชียงใหม่ นายสมชาย หัวเราะก่อนจะตอบว่าไม่ทราบ ใครจะโฟนหรือไม่โฟนตนไม่รู้เรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีหลายฝ่ายวิตกว่าการโฟนอินครั้งนี้อาจส่งสัญญาณให้เกิด ความรุนแรง แม้แต่ ส.ส.ในพรรคพลังประชาชนเองก็บอกว่าอาจเป็นการแบ่งแยกประเทศ นายสมชาย ย้อนว่า เหรอ เหรอ เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีท่าทีอะไรเลยหรือ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มี ท่าทีก็คือไม่มีการแบ่งแยกแผ่นดินของเราหรอก
ต่อข้อถามว่าเห็นส.ส.ในพรรคเองก็ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการโฟนอินจะมีการปรามบ้างไหม นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มี ในพรรคตนไม่มีปัญหาหรอก เมื่อผู้สื่อข่าวรุมซักถามถึงจุดยืนเพื่อให้เกิดความสงบของรัฐบาล นายสมชาย ซึ่งดูเหมือนจะสับสนกับเสียงผู้สื่อข่าวจึงย้อนถามกลับว่าคุณถามว่าไงนะ ก่อนจะตอบว่า "คุณน่ะไม่ทราบหรือว่าจุดยืนของผมก็คือเรื่องความสมานฉันท์มีความปรองดองกัน เป็นนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว ก็ทราบกันอยู่แล้ว"
"พงศ์เทพ"ยันโฟนอินไม่มีอะไรน่าห่วง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ฐานะโฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ยื่นอุทธรณ์ในคดีที่ดินรัชดา ส่วนเหตุผลจะเป็นอย่างไร หากมีจังหวะเวลาที่เหมาะสมพ.ต.ท.ทักษิณ จะแถลงให้ทราบ แต่ยังไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะเป็นการแถลงรูปแบบใด
นายพงศ์เทพ กล่าวว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเป็นการประสานของคณะผู้จัดรีายการความจริงวันนี้ ตนคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะการโฟนอินเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ก็มีคนออกมาบอกว่าจะเกิดความวุ่นวายแต่ท้ายที่สุดก็จะเห็นว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คิดว่าคนๆ หนึ่งควรมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเพราะคนอื่นก็แสดงความเห็นมามากแล้ว ในระบอบประชาธิปไตยมีคนบอกว่าแม้เราจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดแต่เราก็ต้องต่อสู้ให้เขาได้พูด เพราะเขาพูดก็เท่ากับเราได้พูดเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวแย้งว่าแต่การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หลายฝ่ายห่วงกันว่าอาจจะเกิดความ รุนแรงเพราะมีการสื่อสารผ่าน ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่ระบุว่า เมื่ออยู่อย่างสงบ ไม่ได้ก็อย่าอยู่ให้สงบเลยว่า นายพงศ์เทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้กล่าวเช่นนั้น การที่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะกลับมาต่อสู้ทางการเมืองนั้น หลายคนก็เข้าใจว่า การต่อสู้อะไร ซึ่งตามที่ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 19 พ.ย. ก็ได้เล่าให้พ.ต.ท.ทักษิณ ฟังว่าในประเทศไทยมีการเสนอข่าวอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าการต่อสู้ทางการเมืองไม่ได้หมายถึงว่าไปรบ การต่อสู้ทางการเมืองนั้น มีหลายวิธี อยู่เฉยๆ ก็ต่อสู้ทางการเมืองได้ อย่างบางคนก็อ้างอารยะขัดขืน ไม่ใช่หมายถึงการไปต่อยตี เพราะคนที่ต่อสู้โดยสงบก็มีจำนวนมาก เช่นการต่อสู้ โดยการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชน ดังนั้นขอให้สบายใจได้ว่าจะเป็นการต่อสู้โดยสงบ อย่าไปตีความเป็นอย่างอื่น
"มาร์ค"เย้ย"แม้ว"หมดข้อต่อสู้เลยป่วน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าขณะนี้ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง และสิ่งที่ทำทั้งหมดคงเป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศต้องมาแบกรับบนความแตกแยกและวุ่นวายต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ตัดสินใจให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ
ส่วนการต่อสู้ในทางคดีความนั้นถือพ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิสู้อย่างเต็มที่ในฐานะคนไทย ซึ่งทั้งศาลและสังคมให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้ว แต่การเคลื่อนไหวทางการเมืองเช่นนี้ ตนไม่ทราบว่าที่ตัดสินใจอย่างนี้เพราะอะไร แต่จะยิ่งกลับไปเหมือนกับตอกย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณหมดข้อต่อสู้ทางกฎหมายหรืออย่างไร อย่างไรก็ตามตนยังหวังว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะเปลี่ยนใจในช่วงใดช่วงหนึ่ง เพราะตนไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวายไปมากกว่านี้ และรัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ทั้งหมดที่เป็นความวุ่นวายและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเตือนรัฐบาลต้องทำหน้าที่เพื่อประชาชน
"ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียโอกาสของประเทศชาติในขณะนี้ ในแง่ของการ ที่ไม่แก้ไขปัญหาอะไร ซึ่งเราจะตรวจสอบ และขอเตือนทั้งนายกรัฐมนตรีและครม.เอาไว้ หากท่านละเว้นอะไร หากท่านไม่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่รักษาความถูกต้อง ไม่ปฏิบัติกับคนไทยให้เสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย ท่านก็ต้องรับผิดชอบ และฝ่ายค้านจะเดินหน้าตรวจสอบและทำทุกวิถีทางให้ท่านเป็นรัฐบาลของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลของท่านทักษิณ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่จะหมดสมัยประชุมรัฐสภาแล้วยังไม่มีการผ่านกฎหมาย ออกมาใช้แม้แต่ฉบับเดียวนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สภาพทั้งหลายในขณะนี้ถือเป็นการสูญเสียโอกาสของประเทศ งานของนิติบัญญัติเดินหน้าไปอย่างทุลักทุเล ซึ่งหากมีการเตรียมการหรือมีการประสานกัน น่าจะได้แนวทางที่เหมาะสมกว่านี้ ซึ่งในการประชุมร่วมรัฐสภาสัปดาห์หน้าก็จะฉุกละหุกพอสมควร เนื่องจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่อยู่ ทั้งนี้สังคมได้เรียกร้องมาหลายเรื่องให้มีการดำเนินการ แต่นายกรัฐมนตรีไม่รู้ร้อนอะไร ไม่ได้เหมือนกับเป็นรัฐบาลของประชาชน แต่เป็น
รัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ขณะที่ปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า ประชาชนอยากจะเห็นการแก้ปัญหา โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่เป็นระบบมากกว่านี้
เตือนอย่าใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความ เคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งที่สังคมเป็นห่วง และคิดว่าคง เล่นไม่เลิก แต่ประเด็นสำคัญคือต้องไม่คิดถึงตัวเองมากกว่าบ้านเมือง และต้องไม่เอา ประชาชนมาเป็นเครื่องมือ ถ้าไม่คิดถึงตรงนี้ จะยิ่งทำให้สถานการณ์บ้านเมือง บานปลาย และกรณีที่เกิดขึ้นคงจะหวังให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ช่วยคลี่คลายคงยาก เพราะดูเหมือนจะปฏิเสธความรับผิดชอบ และอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งที่กระทบกับบ้านเมือง
"ท่านทำเหมือนเป็นเรื่องส่วนของท่านทักษิณ ความจริงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะมีผลกระทบต่อส่วนรวมและมีผลกระทบกับประเทศ รวมทั้งมีผลกระทบกับการบริหาราชการแผ่นดินของนายกรฯด้วย แต่เพราะท่านเป็นญาติ ความจริง ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเหมือนตัวแทนท่านทักษิณ ก็เลยดูเหมือนว่าเล่น 2 บท บทที่ 1 เป็นประโยชน์กับท่านทักษิณ อีกบทคือบทนายกรัฐมนตรี ตรงนี้ผมคิดว่านายกฯต้องชัดเจนว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของท่านทักษิณ หรือเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย"
ปชป.ชี้3สาเหตุสู่ความรุนแรง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่า สถานการณ์การเมืองหลังงานพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีแนวโน้มอาจนำไปสู่ความรุนแรงและความแตกหักมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจาก 1.มีความพยามจะใช้ กอ.รมน. เป็นฐานปฏิบัติการทางการเมือง โดยพยายามจะเคลื่อนไหวให้นำบุคคลไปทำหน้าที่ในองค์กรนี้ เช่น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งมีภาพของนักบู๊ โดยเหตุการณ์ในอดีตสามารถชี้ให้เห็นถึง การกระทำต่างๆ ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้
2.กรณีที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ประกาศจะบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมอยู่ 3.การพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อตั้งส.ส.ร.3 ซึ่งพันธมิตรฯประกาศชัดว่าจะคัดค้านเรื่องนี้อย่างเต็มรูปแบบ อาจไปสู่การก่อความรุนแรง ขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ถ้าแต่ละฝ่ายยังพยายามเคลื่อนไหวลักษณะนี้ ก็มีแนวโน้ม ที่ก่อให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นแตกหักอย่างสูงและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจในการมีส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้ความรุนแรงต่างๆเกิดขึ้นซึ่งจะต้องมีการใช้อาวุธร้ายแรง เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ถ้ารัฐบาลปล่อยให้มีการ เคลื่อนไหวจนนำไปสู่ความรุนแรง เราก็อาจจะต้องเสียใจในภายหลังที่มีการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ และถ้ามีการสูญเสียชิวิตและทรัพย์สิน รัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธภาระหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยได้
ส่วนการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลไม่คิดทำอะไรให้เกิดความวุ่นวายหรือความรุนแรง นายองอาจ กล่าวว่า คำพูดดังกล่าวของนายกฯยังไม่เพียงพอ แต่ต้องปฏิบัติให้เห็นจริงด้วยการดูแลไม่ให้คนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลหรือคนของรัฐบาลก่อความวุ่นวายหรือความรุนแรงด้วย ทั้งนี้ ถ้ารัฐบาลนิ่งเฉยแล้วปล่อยให้มีการเคลื่อนไหว เท่ากับว่ารัฐบาลเห็นด้วยหรือเห็นชอบ และอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้
"พัลลภ"ยังไม่รู้จะนั่งในกอ.รมน.หรือไม่
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผอ.รมน กล่าวว่าไม่ขอแสดงความคิดเห็นกรณีที่ รัฐบาลจะแต่งตั้งตนเป็นผู้ช่วย ผอ.รมน. และ ไม่ทราบถึงมติครม. ในการอนุมัติโครงสร้าง กอ.รมน . แต่การจะดำรงตำแหน่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้พิจารณา ตนไม่ทราบรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากที่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการรับปากในเรื่องนี้ อย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่การพิจารณาขึ้นอยู่กับทางรัฐบาล ไม่ได้ติดตามในรายละเอียดว่าที่ครม.ยังไม่มีการอนุมติแต่งตั้งตนเอง เกิดจากสาเหตุใด
"อนุพงษ์"เตรียมตั้ง4ที่ปรึกษากอ.รมน.
มีรายงานว่า กอ.รมน. โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.รมน. จะมีการเสนอชื่อคณะที่ปรึกษา กอ.รมน. 4 ตำแหน่ง ให้คณะกรรมการอำนวยการ ฯ ที่มี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. เป็นประธาน ได้พิจารณา โดยผู้ได้รับการเสนอชื่อ ประกอบด้วย พล.อ.นิพนธ์ ภารัญนิตย์ อดีตรอง ผบ.ทบ. ซึ่งเคยดีงตำแหน่ง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ( ร.21 รอ.) และ ผบ.พล.ร.2รอ. พล.อ. สนั่น มะเริงสิทธิ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 พล.อ.นพดล วัฒโนทัย นายทหารที่เคยทำงานด้านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พล.อ.เดชศักดิ์ ศิริกุล อดีต ผบ.ร.21 รอ. ทั้งนี้ นายทหารเหล่านี้เคยทำงานในโครงการอันเนื่องพระราชดำริมาก่อน