ผู้จัดการรายวัน-ซานตาครอส “ไชยา”ลดแลกแจกแถม ประเคนข้าวสต๊อกรัฐ 1.5 ล้านตันให้เอกชนราคาต่ำติดดินจากเปิดประมูล 3.1 ล้านตัน โดยขายข้าวขาวเฉลี่ยแค่ตันละ 1.2 หมื่นบาท ข้าวหอมมะลิตันละ 1.55 หมื่นบาท ได้เงินแค่ 2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้รัฐขาดทุนบานเบอะเป็นหมื่นล้านบาท ด้านเกษตรกรเฮ! รับเงินจำนำข้าวที่ธ.ก.ส.แล้ววันนี้
นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อนุมัติการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลให้กับเอกชนแล้ว โดยอนุมัติขายข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด และข้าวหอมปทุมธานี เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก จำนวนทั้งสิ้น 514,392.32 ตัน มูลค่า 7,992.32 ล้านบาท และข้าวขาวเพื่อการส่งออก จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,079,339.175 ล้านตัน มูลค่า 12,128.79 ล้านบาท
“รวมแล้วขายข้าวได้ทั้งหมด 1.5 ล้านตัน จากที่เปิดประมูล 3.1 ล้านตัน โดยนายไชยายังมีนโยบายในการระบายข้าวอยู่ แต่จะต้องรอจังหวะ เพราะขณะนี้เวียดนามยังเหลือข้าวอยู่ประมาณ 3 แสนตัน และยังขายราคาต่ำ 396 เหรียญสหรัฐต่อตัน หากขายตอนนี้อาจไม่ได้ราคาดี ต้องรอไปก่อน รอให้เวียดนามขายหมดก่อน แล้วค่อยมาดูเวลาที่เหมาะสม”นายกฤษฎากล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การอนุมัติขายข้าวในครั้งนี้ เป็นการขายในราคาต้นทุนที่รับจำนำเข้ามา เป็นการขายที่ไม่คำนึงถึงราคาตลาดปัจจุบัน โดยต้นทุนรับจำนำข้าวหอมมะอยู่ที่ตันละ 1.8 หมื่นบาท ข้าวขาวตันละ 1.2 หมื่นบาท ขณะที่ราคาตลาดขณะนี้ ข้าวหอมมะลิตันละ 2.5 หมื่นบาท ข้าวขาวตันละ 1.8 หมื่นบาท ทำให้รัฐขาดทุนทันทีตันละ 6 พันถึง 1 หมื่นบาท แต่หากหักค่าเสื่อมสภาพของข้าวปีละ 10 เหรียญสหรัฐต่อตัน 3 ปีก็หักค่าเสื่อมรวมแล้วก็แค่ตันละ 1 พันบาท ราคาที่จำหน่ายได้ก็ควรจะสูงกว่านี้ โดยข้าวขาวควรมีราคาไม่ต่ำกว่าตันละ 1.6-1.7 หมื่นบาท ข้าวหอมมะลิตันละ 2.3-2.4 หมื่นบาท
หากคำนวณจากราคาต้นทุน เท่ากับว่าขายข้าวข้าวได้เท่ากับต้นทุน และไม่มีกำไร ส่วนข้าวหอมมะลิขาดทุน เพราะราคาขายต่ำกว่าต้นทุน และเมื่อเทียบราคาขายกับราคาตลาดปัจจุบัน ข้าวหอมมะลิจะขาดทุนรวมประมาณ 4 พันล้านบาท และข้าวขาวจะขาดทุนประมาณ 6 พันล้านบาท รวมแล้วรัฐขาดทุนจากการขายข้าวโดยไม่คำนึงถึงราคาตลาดปัจจุบันรวมแล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ชาวนาเฮ! รับเงินจำนำข้าว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า วันที่ 19 พ.ย.นี้ ชาวนาและเกษตรกรที่ได้จำนำผลผลิตไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ตามโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรปี 51/52 สามารถมารับเงินได้แล้ว ซึ่งคาดว่าในปีการผลิตนี้อาจมีชาวนาจำนำข้าวมากกว่า 8 ล้านตัน จากเป้าที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติไว้ เนื่องจากราคาซื้อขายในตลาดต่ำกว่าราคารับจำนำ ซึ่งรัฐจะดูแลไม่ให้มีปัญหา โดยปัจจุบันได้ข้อสรุปอัตราดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.จะกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารทหารไทยและธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งมีกระทรวงการคลังค้ำประกันแล้ว 4.95% จากวงเงินกู้ 1.1 แสนล้านบาท
"ไม่แน่ใจว่าจะมีข้าวมาจำนำเพิ่มเป็น 10 ล้านตันหรือไม่ แต่มั่นใจว่าจะมากกว่า 8 ล้านตัน เพราะก่อนหน้าตั้งเป้ารับจำนำนาปรังแค่ 2 แสนก็เพิ่มเป็น 4.5 แสนตัน ส่วนดอกเบี้ยที่ 4.95% ไม่ถือว่าสูงเกินไปแม้อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างแบงก์จะอยู่ที่ 3.75% เพราะยังมีค่าดำเนินการหลายอย่าง อีกทั้งก็เป็นการทยอยเบิกไม่ได้กู้พร้อมกันทีเดียว"นายประดิษฐ์กล่าว
นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อนุมัติการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลให้กับเอกชนแล้ว โดยอนุมัติขายข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด และข้าวหอมปทุมธานี เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก จำนวนทั้งสิ้น 514,392.32 ตัน มูลค่า 7,992.32 ล้านบาท และข้าวขาวเพื่อการส่งออก จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,079,339.175 ล้านตัน มูลค่า 12,128.79 ล้านบาท
“รวมแล้วขายข้าวได้ทั้งหมด 1.5 ล้านตัน จากที่เปิดประมูล 3.1 ล้านตัน โดยนายไชยายังมีนโยบายในการระบายข้าวอยู่ แต่จะต้องรอจังหวะ เพราะขณะนี้เวียดนามยังเหลือข้าวอยู่ประมาณ 3 แสนตัน และยังขายราคาต่ำ 396 เหรียญสหรัฐต่อตัน หากขายตอนนี้อาจไม่ได้ราคาดี ต้องรอไปก่อน รอให้เวียดนามขายหมดก่อน แล้วค่อยมาดูเวลาที่เหมาะสม”นายกฤษฎากล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การอนุมัติขายข้าวในครั้งนี้ เป็นการขายในราคาต้นทุนที่รับจำนำเข้ามา เป็นการขายที่ไม่คำนึงถึงราคาตลาดปัจจุบัน โดยต้นทุนรับจำนำข้าวหอมมะอยู่ที่ตันละ 1.8 หมื่นบาท ข้าวขาวตันละ 1.2 หมื่นบาท ขณะที่ราคาตลาดขณะนี้ ข้าวหอมมะลิตันละ 2.5 หมื่นบาท ข้าวขาวตันละ 1.8 หมื่นบาท ทำให้รัฐขาดทุนทันทีตันละ 6 พันถึง 1 หมื่นบาท แต่หากหักค่าเสื่อมสภาพของข้าวปีละ 10 เหรียญสหรัฐต่อตัน 3 ปีก็หักค่าเสื่อมรวมแล้วก็แค่ตันละ 1 พันบาท ราคาที่จำหน่ายได้ก็ควรจะสูงกว่านี้ โดยข้าวขาวควรมีราคาไม่ต่ำกว่าตันละ 1.6-1.7 หมื่นบาท ข้าวหอมมะลิตันละ 2.3-2.4 หมื่นบาท
หากคำนวณจากราคาต้นทุน เท่ากับว่าขายข้าวข้าวได้เท่ากับต้นทุน และไม่มีกำไร ส่วนข้าวหอมมะลิขาดทุน เพราะราคาขายต่ำกว่าต้นทุน และเมื่อเทียบราคาขายกับราคาตลาดปัจจุบัน ข้าวหอมมะลิจะขาดทุนรวมประมาณ 4 พันล้านบาท และข้าวขาวจะขาดทุนประมาณ 6 พันล้านบาท รวมแล้วรัฐขาดทุนจากการขายข้าวโดยไม่คำนึงถึงราคาตลาดปัจจุบันรวมแล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ชาวนาเฮ! รับเงินจำนำข้าว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า วันที่ 19 พ.ย.นี้ ชาวนาและเกษตรกรที่ได้จำนำผลผลิตไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ตามโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรปี 51/52 สามารถมารับเงินได้แล้ว ซึ่งคาดว่าในปีการผลิตนี้อาจมีชาวนาจำนำข้าวมากกว่า 8 ล้านตัน จากเป้าที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติไว้ เนื่องจากราคาซื้อขายในตลาดต่ำกว่าราคารับจำนำ ซึ่งรัฐจะดูแลไม่ให้มีปัญหา โดยปัจจุบันได้ข้อสรุปอัตราดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.จะกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารทหารไทยและธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งมีกระทรวงการคลังค้ำประกันแล้ว 4.95% จากวงเงินกู้ 1.1 แสนล้านบาท
"ไม่แน่ใจว่าจะมีข้าวมาจำนำเพิ่มเป็น 10 ล้านตันหรือไม่ แต่มั่นใจว่าจะมากกว่า 8 ล้านตัน เพราะก่อนหน้าตั้งเป้ารับจำนำนาปรังแค่ 2 แสนก็เพิ่มเป็น 4.5 แสนตัน ส่วนดอกเบี้ยที่ 4.95% ไม่ถือว่าสูงเกินไปแม้อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างแบงก์จะอยู่ที่ 3.75% เพราะยังมีค่าดำเนินการหลายอย่าง อีกทั้งก็เป็นการทยอยเบิกไม่ได้กู้พร้อมกันทีเดียว"นายประดิษฐ์กล่าว
