xs
xsm
sm
md
lg

“ไชยา” นั่งหัวโต๊ะเปิดซองขายข้าวสต๊อกรัฐ รัฐเจ๊งนาปรังไม่มีใครซื้อ-ขายได้แต่ข้าวเก่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ไชยา” นั่งหัวโต๊ะเปิดซองราคาซื้อข้าวสต๊อกรัฐเอง เผย ข้าวเก่า 2.1 ล้านตัน อาจขายได้หมด หลังเอกชนเสนอซื้อราคาสูงเฉลี่ยตันละ 1.6-1.7 หมื่นบาท ส่วนข้าวนาปรังส่อแววขายไม่ได้ เหตุต้นทุนสูงถึงตันละ 1.4 หมื่นบาท ส่ง อคส.เรียกต่อรองวันนี้ และให้สิทธิเคาะราคาได้ทันที หากได้ราคาน่าพอใจ แถมให้สิทธิรายใดมีคำสั่งซื้อต่างประเทศมาโชว์จะได้แต้มต่อเหนือรายอื่น ลือหึ่ง วานนี้แค่จัดฉากเปิดซองราคา เหตุไส้ในถูกมือดีเปิดดูก่อนหน้านี้แล้ว

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการเปิดซองราคาเสนอซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาลปริมาณรวม 3.1 ล้านตัน วานนี้ (10 พ.ย.) ว่า เท่าที่ดูราคาที่เอกชนเสนอมาโดยเฉพาะการเสนอซื้อข้าวเก่าเป็นราคาที่น่าพอใจเฉลี่ยที่ตันละ 1.6-1.7 หมื่นบาท ทำให้รัฐได้กำไรจากการประมูลครั้งนี้ แต่ในส่วนข้าวนาปรัง 2551 จะต้องพิจารณาราคาอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากต้นทุนการรับจำนำข้าวจากโครงการนี้สูงถึงตันละ 1.4 หมื่นบาท ทั้งที่ข้าวในโครงการรับจำนำใหม่ราคาอยู่ที่ 1.2 หมื่นบาทเท่านั้น ทำให้ไม่แน่ใจว่าข้าวในส่วนนี้จะสามารถประมูลได้หมดตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่

ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินการ จะให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เรียกผู้เสนอราคาทั้ง 36 รายมาต่อรองในวันนี้ (11 พ.ย.) โดยให้พิจารณาจากราคาที่เสนอซื้อสูงสุดเป็นหลัก และหากผู้ส่งออกรายใดมีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศมาแสดงก็จะได้แต้มต่อในการประมูลครั้งนี้มากกว่ารายอื่น

“เป็นหน้าที่ของ อคส.ที่จะเรียกมาทั้ง 36 รายมาต่อรองราคากัน ถ้าต่อรองราคาเพิ่มได้ ก็กำไรเพิ่ม และที่น่าจะขายได้แน่ๆ คือ ข้าวเก่า 2.1 ล้านตัน เพราะไม่ว่าเสนอราคาเท่าใดก็ได้กำไร แต่ข้าวนาปรังต้องพิจารณาราคาอีกที โดยน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้” นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ชาวนา จ.พิจิตร ร้องเรียนว่า นำข้าวไปจำนำกับโรงสีแล้วไม่ได้เงิน โดยโรงสีอ้างว่าโครงการรับจำนำไม่มีเงินเข้ามาในระบบนั้น เรื่องเงินไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่กำหนดไว้ แต่ปัญหาอาจเกิดจากบางพื้นที่ที่แจ้งว่าข้าวจะออกล่าช้ากว่าพื้นที่อื่นๆ และชาวกลับนำข้าวเข้าโครงการฯ เร็วกว่ากำหนด ทำให้เกิดความไม่พร้อมของโรงสีได้

ปัจจุบันมีข้าวเข้าร่วมโครงการแล้ว 9 หมื่นตัน ทั้งในส่วนขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และ อคส.ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาการอนุญาตให้รับจำนำข้าวเขตได้ โดยเบื้องต้นมีหนังสือร้องเรียนจาก จ.พิจิตร พะเยา ซึ่งได้ให้เกณฑ์พิจารณาว่าต้องเป็นความยินยอมของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ และเกษตรกรในพื้นที่ทำหนังสือมายัง รมว.พาณิชย์ เพื่อพิจารณาเป็นรายกรณีไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่ยืนยันว่าการเปิดให้ข้ามเขตนั้น จะต้องจำกัดเฉพาะพื้นที่ภาคเดียวกันหรือไม่ เนื่องยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าการรับจำนำข้ามภาค เช่น ภาคกลางขึ้นไปรับจำนำข้าวในภาคอีสานนั้น จะเป็นที่มาของการทุจริตปลอมปนหรือไม่

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การเปิดซองราคาของผู้ส่งออกและโรงสี 36 รายที่ยื่นประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล 3.1 ล้านตัน เปิดการเปิดซองหลังจากที่เปิดให้มีการยื่นซองคุณสมบัติและซองราคามาตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.2551 ซึ่งตามปกติของการประมูลข้าวรัฐบาล จะมีการเปิดซองคุณสมบัติและซองราคาในทันที แต่ อคส.ในฐานะผู้เปิดประมูล ได้ระบุว่าจะต้องให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ที่มี นายไชยา เป็นประธานเป็นผู้พิจารณา และเมื่อสอบถามว่าจะเปิดซองเมื่อใด อคส.ได้แจ้งว่า ได้ส่งซองราคาให้กรมการค้าต่างประเทศในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการแล้ว และเมื่อสอบถามไปยังกรมการค้าต่างประเทศ ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่ได้รับซองราคาจาก อคส.

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันที่ 6 พ.ย.นายไชยา ได้ให้ข่าว โดยระบุว่า จะพิจารณาการประมูลข้าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และย้ำว่า มีผู้ยื่นเสนอราคาเข้ามาเป็นจำนวนมาก พร้อมกับยกตัวอย่างด้วยว่า บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด ก็เสนอซื้อเข้ามา 5-6 แสนตัน จึงเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเปิดซองเสนอราคาก่อนที่จะมีการเปิดซองราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 พ.ย.

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่แตกต่างจากการประมูลข้าวที่ผ่านมา กล่าวคือ คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จะประชุมกันต่อเมื่อมีการเปิดซองเสนอราคา และรู้ว่าใครเสนอราคาเท่าไรและซื้อข้าวกองไหนแล้ว ถึงจะเจรจาต่อรองกับผู้เข้าประมูลเพื่อให้ได้ราคาดีที่สุด แต่ในครั้งนี้ กลับมีการประชุมคณะอนุกรรมการก่อน ถึงจะมีการเปิดซองอย่างเป็นทางการ
กำลังโหลดความคิดเห็น