xs
xsm
sm
md
lg

ทนายแค้นแทนแม้วยื่นสอบอุดมเดช

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่รัฐสภา วานนี้ (13 พ.ย.) กลุ่มทนายความที่อ้างว่า เป็นชมรมนักกฎหมายเพื่อประชาชน ประกอบด้วย กลุ่มทนายความ จากภาคต่าง ๆ นำโดย นายคารม พลทะกลาง เลขาธิการชมรมนพร้อมพวกร่วม 10 คน เข้ายื่นหนังสือต่อ นายประชา ประสพดี ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนาย เดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ และคณะ ต้องพิจารณาคือ 1.นายเดชอุดม และคณะกรรมการสภาทนายความทุกคนทำผิดวัตถุประสงค์อย่างร้ายแรง 2.สนับสนุนการทำผิดกฎหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ และ 3.สอบสวนการใช้เงินของ ทนายความไปในทางที่ไม่ชอบ
นอกจากนี้ยังออกแถลงการณ์ประณามสภาทนายความ โจมตีโดยระบุ อาชีพทนายความต้องปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย แต่ผู้บริหารในอดีตและปัจจุบันบางส่วน กลับมีพฤติกรรมส่งเสริมการทำรัฐประหาร เช่น นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความคนปัจจุบัน ที่นำองค์กรสภาทนายความ เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในสังคมอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ อดีตนายกสภาทนายความ นายสัก กอแสงเรือง ก็เข้าไปรับตำแหน่ง ที่เผด็จการทหารยกให้ ทั้งตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และตำแหน่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)
นอกจากนี้ ยังมีอดีตผู้บริหารสภาทนายความคนอื่นร่วมขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มผู้ชุมนุมบางกลุ่ม และยังให้ความช่วยเหลือผู้บุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการดึงเอาสภาทนายความ ซึ่งมีสมาชิกหลายหมื่นคน เข้าไปสู่ความขัดแย้ง เป็นการหลงลืมหน้าที่ตนเองว่า ทนายความควรมีหน้าที่ ตรวจสอบบุคคลอื่น ไม่ใช่การใส่ร้ายบุคคลอื่นว่าชั่วหรือเลว เพราะวิสัยทนายความจะไม่มีการปรักปรำใครก่อน
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ ได้ประณามพฤติกรรมของนายกสภาทนายความ และผู้บริหารว่า เป็นการกระทำของนักกฎหมายที่ไร้จิตวิญญาณประชาธิปไตย และขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนร่วมตรวจสอบพฤติกรรม
นาย สิงห์ทอง บัวชุม ตัวแทนทนายความจากภาคเหนือ กล่าวว่า จากการที่ นายเดชอุดม และคณะมีพฤติกรรมแสดงออกมาอย่างชัดเจนสู่สาธารณะ และออกแถลงการณ์หลายฉบับ เช่น การดำเนินการรัฐบาลต่อการประกาศภาวะฉุกเฉิน ประณามการกระทำเกินหว่าเหตุของรัฐบาลต่อผู้ชุมนุมอย่างสงบ และกรณีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยผ่านโทรศัพท์ เป็นต้น สมาชิกของสภาทนายความ จากภาคต่างๆ ทั่วประเทศเห็นว่า การกระทำของนายเดชอุดม และคณะเป็นการกระทำผิดต่อหน้าที่และวินัยอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 7 และ มาตรา 8 การกระทำดังกล่าวเป็นการขัดขวางการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การออกแถลงการณ์สนับสนุนผู้กระทำผิดกฎหมายคือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยรู้อยู่แล้วว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ร่วมกันทำผิดกฎหมาย ชุมนุมโดยมีอาวุธ ยึดสถานีโทรทัศน์ ยึดทำเนียบรัฐบาล ปิดถนนสาธารณะ และไม่ยอมเปิดเส้นทางให้ขบวนเสด็จ และสร้างความสับสนและปั่นป่วนแก่ประชาชน และทนายความให้เข้าใจทำนองว่ารัฐบาลทำผิดกฎหมาย และกลุ่มพันธมิตรฯ ทำถูกกฎหมาย ซึ่งผิดข้อเท็จจริงจนเกิดการเข้าใจผิดกันทั่วประเทศ
นายสิงห์ทอง กล่าวว่า นอกจากนี้พวกตนจะยื่นหนังสือต่อ นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.ยุติธรรม ในฐานะอุปนายกสภาทนายความ ตามพ.ร.บ.ทนายความ ใช้ดุลพินิจตามมาตรา 20 เพื่อให้ถอดถอนนายเดชอุดม และกรรมการทุกคนออกจากตำแหน่งโดยเร็ว เพราะเป็นการใช้ตำแหน่งไปในทางมิชอบ ทำให้เกิดความแตกแยกและเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ทนายความทั่วประเทศ และเป็นการสร้างชื่อเสียงของตนเองและคณะเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองในอนาคต หากปล่อยไว้จะยิ่งก่อให้เกิดความสับสน และเสื่อมเสียอยู่ต่อไป นอกจากนี้ ทางกลุ่มทนายความจะเข้าชื่อกัน เพื่อขอให้สภาทนายความเปิดประชุมวิสามัญให้มีการตรวจสอบกลุ่มบุคคลดังกล่าวอีกครั้ง
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มตัวแทนทนายความที่เดินทางมายื่นหนังสือให้กับนายประชานั้น หลายคนได้เคยว่าความในคดีที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ และถูกพามาแถลงข่าวโดย นาย สุรชัย เบ้าจรรยา ส.สสัดส่วน .พรรคพลังประชาชน รวมทั้งนายสุรชัยได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่าคณะกรรมการสภาทนายความ ชุดนี้มีความไม่เป็นกลาง และมีพฤติกรรมไปในแนวทางการเมือง โดยเฉพาะนายเดชอุดม ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าเป็นสมบัติและซากปรักหักพัง ที่ต่อมาจากนายสัก กอแสงเรือง คณะกรรมการ คตส.
จากนั้น นายสุรชัย เบ้าจรรยาได้นำตัวแทนชมรมฯ เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.ยุติธรรม เพื่อให้พิจารณาตรวจสอบพฤติกรรม การปฏิบัติหน้าที่ของนาย เดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ โดย รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า จะส่งเรื่องไปให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมเพื่อดูรายละเอียดขั้นตอนกฎหมายว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ตนไม่กลัวว่าจะถูกครหา เพราะผู้ยื่นก็เป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนเหมือนกัน เพราะถ้ามัวแต่กลัวก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว และตนในฐานะ รมว.ยุติธรรม เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาก็ต้องตรวจสอบ ถ้าไม่ผิดใครก็ไปทำอะไรไม่ได้ แต่หากมีความผิดจริงแล้วตนไม่ดำเนินการอะไร ตนก็จะต้องเป็นผู้มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
กำลังโหลดความคิดเห็น