โบรกฯ วิพากษ์แผน Bailout plan ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการจัดสันปันส่วนใหม่ โดยยกเลิกการอุ้มหนี้เน่าธนาคาร และหันไปกระตุ้นสินเชื่อบุคคล-ยานยนต์-การศึกษา พุ่งเป้าเพิ่มกำลังซื้อภาคครัวเรือน น่าจะเป็นการเดินที่ถูกทาง เชื่อตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับแน่ๆ เพราะภาคการบริโภค-การผลิต ถือเป็นรากฐานระบบเศรษฐกิจ
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ เชื่อว่าในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.นี้ ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมไปถึงตลาดหุ้นไทยจะดีดกลับได้ในวันพรุ่งนี้หลังจากได้ใช้เวลาทำความเข้าใจกับรายละเอียด และเหตุผลเบื้อง หลังจากปรับเปลี่ยนแผนการใช้เงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ว่าเป็นเรื่องที่ดีและจะมีผลบวกกับเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
ทั้งนี้ ประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงของ Bailout plan ของสหรัฐฯ หรือที่เป็นการจัดสันปันส่วนใหม่ (Reallocate) เป็นผลดีมากกว่าระบบเศรษฐกิจมากกกว่า เพราะแต่เดิมที่จะเน้นเข้าไปซื้อหนี้เสียเพื่ออุ้มสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล และไม่อาจประเมินมูลค่าหนี้ที่แท้จริงได้
โดยมาตรการที่ธนาคารกลางทั่วโลก พร้อมใจอัดฉีดสภาพคล่อง และปรับลดอัตราดอกเบี้ย ได้ช่วยส่งเสริมให้สภาพคล่องในระบบการเงินดีขึ้นมาก และเมื่อมีความเชื่อมั่นในภาคการเงิน ประชาชนจะไม่แห่มาไถ่ถอนหน่วยลงทุน หรือไถ่ถอนเงิน ธนาคารหรือสถาบันการเงินก็ไม่ขาดสภาพคล่อง ซึ่งมาตรการช่วยเหลืออย่างพร้อมเพรียงได้ทำให้สถาบันการเงินรอดพ้นจากหายนะแล้ว
ขณะเดียวกันในส่วนของภาคการบริโภคที่เป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงจากตัวเลขการจ้างงาน และภาคอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหา และการเน้นลงไปแก้ปัญหาพื้นฐานในส่วนของการกระตุ้นตลาดสินเชื่อบุคคล สินเชื่อยานยนต์ สินเชื่อเพื่อการศึกษา และสินเชื่อบัตรเครดิต จะทำให้พื้นฐานของระบบเศรษฐกิจดีขึ้น และป้องกันการเกิดหนี้เสีย และสถาบันการเงินก็จะมีลูกหนี้ที่มีคุณภาพ
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานที่ราคาปรับลดลงมาก ประเมินแนวรับ 420 จุด แนวต้าน 440 จุด
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวเสริมว่า ปัจจัยทางการเมืองกลับมามีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง หลังอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาตอบโต้ทางการเมืองกับฝ่ายตรงข้าม ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงติดตามว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ทำให้ยังคงชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันศุกร์ที่ 14 ต.ค.นี้ คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวแคบอยู่ในกรอบระหว่าง 424-435 จุด และอาจเห็นดัชนีดีดกลับมาบวกได้ เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงในหลายวันทำการ อาจทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงมาก และแรงจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อเก็งกำไร และดันดัชนีฯให้ปรับอยู่ในแดนบวก
อย่างไรก็ตาม ควรติดตามสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ หลังอดีตนายกฯ ทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยมองว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดหลังจากงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เสร็จสิ้นแล้ว
ทั้งนี้ แนะนำชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยประเมินแนวรับที่ 424 จุด แนวต้านอยู่ที่ 435 จุด
สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทย วันที่ 13 พ.ย. ดัชนีปิดที่ระดับ 433.47 จุด ลดลง 2.23 จุด หรือ 0.51% มูลค่าการซื้อขายรวม 9,316.59 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 754.98 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 250.42 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,005.40 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ ระบุว่า การปรับตัวลงแรงและเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขาย ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับแผนการเข้าช่วยเหลือสถาบันการเงินสหรัฐฯ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
ประเด็นสำคัญ เกิดจากนายนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ที่ออกมาระบุว่า รัฐบาลจะไม่ใช้วงเงินกู้วิกฤตมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อจัดการกับปัญหาด้านการจำนอง แต่จะไปช่วยเหลือด้านการบริโภค ซึ่งทำให้ตลาดฯแป็นห่วงไม่แน่นอนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ล่าช้า และไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ตกอยู่ในสภาวะความผิดหวัง